นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกเลยค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ
หมายเหตุ: ทริปนี้เป็นแบบฉบับรวบรัด พวกเราอยากเที่ยวให้ครบทั้งเวียดนามเหนือ กลาง ใต้ แบบว่า 8 วันนี้เราต้องจัดตารางใส่สถานที่หลักๆ ที่ต้องไป
ยัดมันลงไปให้พอดีกับตารางเวลาเดินรถ ทั้งรถบัส รถไฟ ให้ลงตัวให้ได้
ซึ่งมันไม่ง่ายเลยค่ะ เราปรับแผนกันอยู่หลายครั้งจนมาลงตัวที่แพลนนี้
ที่สำคัญเราเน้นประหยัดค่ะ ทั้งทริปเราใช้เงินไป
(ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่าอาหาร/ขนม+ค่าที่พัก (ห้องสำหรับ3คน)+ค่าของฝาก+ค่ารถบัส/แทกซี/รถไฟ+ Halong bay 1day trip (no kayak) + Muine half day trip + ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ) ทั้งหมดบอกเลยว่า 15,000 บาท
เอาอยู่ค่ะสำหรับ 8 วันในเวียดนามเหนือ กลางและใต้
ระยะเวลาในท่องเที่ยว 11-18 เมษายน 2559
วันที่ 11/04/59
- เดินทางจากดอนเมืองสู่ฮานอย โดยสายการบินนกแอร์
- เที่ยวทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (สะพานไม้สีแดง, วัดหง็อกเซิน, เจดีย์กลางน้ำ)
- ดูละครหุ่นกระบอกน้ำ
- เดินทางจากฮานอยไปซาปา
วันที่ 12/04/59
- เดินทางถึงซาปา
- Tram Ton Pass
- Love waterfall
- Silver waterfall
- ทะเลสาบซาปา
- ไปเดินย่านกลางคืน
วันที่ 13/04/59
- ไปหมู่บ้าน Cat Cat
- เดินทางจากซาปาไปฮานอย
วันที่ 14/04/59
- ไปฮาลองเบย์
- เดินทางจากฮานอยไปดานัง
วันที่ 15/04/59
- เดินทางจากดานังไปฮอยอัน
- เที่ยวสะพานญี่ปุ่น
- เดินชมเมืองเก่า
- ชมโคมไฟ
วันที่16/04/59
- เที่ยวชมเมืองเก่า
- เดินทางจากฮอยอันไปญาจาง
วันที่ 17/04/59
- เดินทางจากญาจางไปมุยเน่
- ทริปครึ่งวันมุยเน่ หมู่บ้านประมง ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
- กินอาหารทะเล
วันที่ 18/04/59
- เดินทางจากมุยเน่ไปโฮจิมิน
- โบสถ์นอร์ทเธอดาม
- ไปรษณีย์กลาง
- ตลาดเบนถัน
- เดินทางจากโฮจิมินกลับกรุงเทพ (ดอนเมือง)
เริ่มกันเลยค่ะ วันที่ 11 เม.ย. 2559 ณ ฮานอย
ทริปนี้เราใช้บริการสายการบินนกแอร์ทั้งไปและกลับ มาถึงสนามบินโหน่ยบ่ายที่ฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ประมาณ 8 โมงเช้า
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย เราก็แวะซื้อซิมการ์ดที่เคาน์เตอร์ของ Viettel เราเลือกแพ็กเกจ 10 GB ราคา 200,000 ดอง ประมาณสามร้อยกว่าบาท
ที่เลือกแพกเก็จนี้เนื่องจากเราต้องอยู่ในเวียดนามถึง 8 วัน และแชร์เน็ตใช้ด้วยกัน 3 คน ทริปนี้เรานำ pocket wifi เตรียมมาด้วย
เรื่องแลกเงินเราแลกเงินดองที่ซุปเปอริชมาก่อนแล้วได้เหรดที่ (10,000 VND เท่ากับ 16.1 THB)
ระหว่างที่ซื้อซิมนั้น พนักงานอีกคนก็ได้เสนอค่ารถไปส่งที่รร. ด้วยราคาเหมาแต่พวกเราปฏิเสธไปเนื่องจากกิตติศัพท์เรื่องคิดราคาเกินจริง
เราเลยอยากไปสอบถามราคาแท็กซี่ดูก่อน โดยแท็กซี่เขาคิดเป็นราคาตามมิตเตอร์ [ที่จริงมีรถเมล์เข้าเมืองแต่ต้องเดินไปขึ้น shuttle bus ต่อไปที่ท่ารถ]
แต่เนื่องจากว่าเราคิดว่าถ้านั่งแท็กซี่หารกันสามคน ก็น่าจะราคาพอๆกันแล้วก็เก็บพลังงานไว้ก่อนเราต้องไปเดินอีกทั้งวัน เราเลยเลือกขึ้นแท็กซี่แทน
เราก็นั่งกันมาแบบตามองที่มิตเตอร์ตลอด แล้วก็เปิด google map ไปด้วย เพราะเรากลัวโดนฟันหัวแบะตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่ ฮ่าๆๆ
เราให้แท็กซี่มาส่งที่รร. Brother Inn ย่าน Old quarter นั่งมาจากสนามบินเป็นเงิน 337,000 ดอง
เราจองรร. ผ่าน Booking มาในราคา 760 บาท เพื่อเก็บของและรอไปขึ้นรถไปซาปาคืนนี้ รร. check in ได้ตอนบ่ายสอง
เราเลยฝากกระเป๋าไว้ก่อนและรีบพุ่งตัวออกไปซื้อตั๋วหุ่นกระบอก กลัวเต็มค่ะ
[ราคาตั๋วดูหุ่นกระบอกคนละ 100,000 ดอง หรือประมาณ 160 บาท] พิกัดอยู่แถวๆทะเลสาบค่ะ
ลองขอแผนที่จากรร. ที่เข้าพักดูนะคะ คิดว่ารร.ส่วนใหญ่น่าจะมีแผนที่ให้
หุ่นกระบอกอยู่ตรงแถวๆตึกสีเขียว เหลือง ทางขวาของภาพนะคะ
หลังจากได้ตั๋วมาแล้วเพื่อนร่วมทริปเราเริ่มหิวค่ะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ด้วยความที่เราไม่รู้จะกินอะไรดี
เพราะมันไม่ค่อยมีร้านอาหารนะคะในเมืองฮานอย ส่วนมากก็จะเป็นยองๆเหลาแบบฉบับพี่เวียดเขาแหละค่ะ
ส่วนใหญ่มันคือ เมนูเฝอหรือก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแหละค่ะ เขาจะเน้นแป้งค่ะ เส้นจะมาแบบเยอะมากกกกก เน้นว่ามาก เมื่อเทียบกับปริมาณเนื้อสัตว์ที่น้อยนิด และน้ำซุปจืดๆมันๆ
อาหารยอดฮิตอีกอย่างคือ ขนมปังยาวๆผ่ากลางแล้วใส่ไส้ผักและหมู ที่เรียกว่า “บั้นหมี่” ราคามาตรฐานอยู่ที่ 20,000 ดองค่ะ
แถวๆทะเลสาบเราจะเห็นป้าย KFC เด่นชัดมากค่ะ เพื่อนร่วมทริปเรียกร้องอยากกินค่ะ
แต่พอมองไปเห็นป้ายร้าน ไก่ Popeyes เลยกินไก่นี้ดีกว่ามีบันไดอยู่ข้างๆให้เดินขึ้นไป ชั้น 2 มีร้าน Dunkin donut ไก่ Popeyes และ Burger king
เราก็อิ่มอร่อยกับการกินไก่ป๊อปอายมากค่ะ หอมดี เหมือนว่าเคยมีขายในไทยด้วยเห็นพี่เขาบอกอย่างงั้นนะคะ เราเกิดไม่ทัน ฮ่าๆ
พอกินเสร็จเราก็ไปลุยกันต่อได้แล้วค่ะ สถานที่ๆต้องไปในฮานอยคงหนีไม่พ้นไปวัดหง็อกเซินที่มีสะพานแดง
ซื้อบัตรผ่านเข้าไปข้ามไปวัดที่มีตะพาบน้ำมีค่าเข้า 30,000 ดอง ก็ประมาณ 50 บาท
ใครรู้บ้างมันคือลูกอะไร เห็นเขาใช้เป็นของไหว้ข้างในด้วย เราก็ถ่ายรูป
เดินเล่นกันไป สถานที่พวกนี้จะอยู่รอบๆทะเลสาบค่ะ หาไม่ยาก เดินเล่นชิวๆ เดินไม่กี่นาทีก็ทั่วแล้ว
จากนั้นพวกเราก็เดิน survey ไปจุดที่เราต้องมาขึ้นรถบัสคืนนี้ไว้ก่อนค่ะ กันพลาดเพราะซอยมันเยอะมากถึงแม้มันจะทะลุกันหมด
แต่ด้วยความที่ในเมืองค่อนข้างชุลมุน รถเยอะคนเยอะ เราไม่อยากหลุดแพลนไม่งั้นทุกอย่างจะเลื่อนหมดตั้งแต่วันแรก
(บวกกับลึกๆแล้วเราไม่มั่นใจบริษัทรถบัสที่เราจองล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ว่ามีอยู่จริงไหม ฮ่าฮ่า) คือบอกตรงๆค่ะ
จากการอ่านรีวิวเพื่อเตรียมแพลนมันทำให้พวกเรากลัวและระวังตัวอย่างมากกลัวอะไรหรอคะ กลัวโดนหลอกและโดนฟันหัวแบะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
เราจองผ่านเว็บไซต์นี้ค่ะ
https://www.hanoisapatrain.com/
จากนั้นเราจะได้รับอีเมล์เพื่อให้ทำการโอนเงิน ในราคาคนละ 15 USD เป็นที่นั่งแบบ soft berth รถนอน นี่เป็นไฮไลท์อีกอย่างที่ต้องลองถ้ามาเวียดนาม
เมื่อเราทำการจ่ายเงินเสร็จเราก็เมล์ขอตั๋วเขาค่ะแต่เขาตอบเรากลับมาว่าไม่มีให้ไปที่จุดขึ้นรถเลย ซึ่งเขาให้แผนที่กับบ้านเลขที่มา - -“
ที่เวียดนามสถานที่ต่างๆเขาจะให้เราดูจากเลขที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
และเนี่ยแหละค่ะสาเหตุที่ทำให้เราต้องไปลุ้นเอาหน้างาน พอเดินมาถึงจุดขึ้นรถตามบ้านเลขที่ ก็งงสิคะ เอิ่มมันไม่มีแม้แต่ท่ารถ
เราเจอแต่ประตูทางเข้าสีเหลืองและมีป้ายเขียนว่า station เราก็สอดส่องดูแล้วก็คิดว่าคงเป็นที่นี่แหละค่ะ
เพราะบ้านเลขที่ที่ติดไว้มันตรงกับที่เราได้มา แต่จริงๆมันก็ไม่ใช่ มันอยู่ข้างๆกัน
[CR] ตะลุย"เวียดนาม" เหนือ-กลาง-ใต้ ฉบับรวบรัดกระชับเงินในกระเป๋า (ตอนที่1)
นี่เป็นการรีวิวครั้งแรกเลยค่ะ
หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนนะคะ
หมายเหตุ: ทริปนี้เป็นแบบฉบับรวบรัด พวกเราอยากเที่ยวให้ครบทั้งเวียดนามเหนือ กลาง ใต้ แบบว่า 8 วันนี้เราต้องจัดตารางใส่สถานที่หลักๆ ที่ต้องไป
ยัดมันลงไปให้พอดีกับตารางเวลาเดินรถ ทั้งรถบัส รถไฟ ให้ลงตัวให้ได้
ซึ่งมันไม่ง่ายเลยค่ะ เราปรับแผนกันอยู่หลายครั้งจนมาลงตัวที่แพลนนี้
ที่สำคัญเราเน้นประหยัดค่ะ ทั้งทริปเราใช้เงินไป
(ค่าตั๋วเครื่องบิน+ค่าอาหาร/ขนม+ค่าที่พัก (ห้องสำหรับ3คน)+ค่าของฝาก+ค่ารถบัส/แทกซี/รถไฟ+ Halong bay 1day trip (no kayak) + Muine half day trip + ค่าเข้าสถานที่ต่างๆ) ทั้งหมดบอกเลยว่า 15,000 บาท
เอาอยู่ค่ะสำหรับ 8 วันในเวียดนามเหนือ กลางและใต้
ระยะเวลาในท่องเที่ยว 11-18 เมษายน 2559
วันที่ 11/04/59
- เดินทางจากดอนเมืองสู่ฮานอย โดยสายการบินนกแอร์
- เที่ยวทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (สะพานไม้สีแดง, วัดหง็อกเซิน, เจดีย์กลางน้ำ)
- ดูละครหุ่นกระบอกน้ำ
- เดินทางจากฮานอยไปซาปา
วันที่ 12/04/59
- เดินทางถึงซาปา
- Tram Ton Pass
- Love waterfall
- Silver waterfall
- ทะเลสาบซาปา
- ไปเดินย่านกลางคืน
วันที่ 13/04/59
- ไปหมู่บ้าน Cat Cat
- เดินทางจากซาปาไปฮานอย
วันที่ 14/04/59
- ไปฮาลองเบย์
- เดินทางจากฮานอยไปดานัง
วันที่ 15/04/59
- เดินทางจากดานังไปฮอยอัน
- เที่ยวสะพานญี่ปุ่น
- เดินชมเมืองเก่า
- ชมโคมไฟ
วันที่16/04/59
- เที่ยวชมเมืองเก่า
- เดินทางจากฮอยอันไปญาจาง
วันที่ 17/04/59
- เดินทางจากญาจางไปมุยเน่
- ทริปครึ่งวันมุยเน่ หมู่บ้านประมง ทะเลทรายขาว ทะเลทรายแดง
- กินอาหารทะเล
วันที่ 18/04/59
- เดินทางจากมุยเน่ไปโฮจิมิน
- โบสถ์นอร์ทเธอดาม
- ไปรษณีย์กลาง
- ตลาดเบนถัน
- เดินทางจากโฮจิมินกลับกรุงเทพ (ดอนเมือง)
เริ่มกันเลยค่ะ วันที่ 11 เม.ย. 2559 ณ ฮานอย
ทริปนี้เราใช้บริการสายการบินนกแอร์ทั้งไปและกลับ มาถึงสนามบินโหน่ยบ่ายที่ฮานอย เมืองหลวงของประเทศเวียดนาม ประมาณ 8 โมงเช้า
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อย เราก็แวะซื้อซิมการ์ดที่เคาน์เตอร์ของ Viettel เราเลือกแพ็กเกจ 10 GB ราคา 200,000 ดอง ประมาณสามร้อยกว่าบาท
ที่เลือกแพกเก็จนี้เนื่องจากเราต้องอยู่ในเวียดนามถึง 8 วัน และแชร์เน็ตใช้ด้วยกัน 3 คน ทริปนี้เรานำ pocket wifi เตรียมมาด้วย
เรื่องแลกเงินเราแลกเงินดองที่ซุปเปอริชมาก่อนแล้วได้เหรดที่ (10,000 VND เท่ากับ 16.1 THB)
ระหว่างที่ซื้อซิมนั้น พนักงานอีกคนก็ได้เสนอค่ารถไปส่งที่รร. ด้วยราคาเหมาแต่พวกเราปฏิเสธไปเนื่องจากกิตติศัพท์เรื่องคิดราคาเกินจริง
เราเลยอยากไปสอบถามราคาแท็กซี่ดูก่อน โดยแท็กซี่เขาคิดเป็นราคาตามมิตเตอร์ [ที่จริงมีรถเมล์เข้าเมืองแต่ต้องเดินไปขึ้น shuttle bus ต่อไปที่ท่ารถ]
แต่เนื่องจากว่าเราคิดว่าถ้านั่งแท็กซี่หารกันสามคน ก็น่าจะราคาพอๆกันแล้วก็เก็บพลังงานไว้ก่อนเราต้องไปเดินอีกทั้งวัน เราเลยเลือกขึ้นแท็กซี่แทน
เราก็นั่งกันมาแบบตามองที่มิตเตอร์ตลอด แล้วก็เปิด google map ไปด้วย เพราะเรากลัวโดนฟันหัวแบะตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบที่นี่ ฮ่าๆๆ
เราให้แท็กซี่มาส่งที่รร. Brother Inn ย่าน Old quarter นั่งมาจากสนามบินเป็นเงิน 337,000 ดอง
เราจองรร. ผ่าน Booking มาในราคา 760 บาท เพื่อเก็บของและรอไปขึ้นรถไปซาปาคืนนี้ รร. check in ได้ตอนบ่ายสอง
เราเลยฝากกระเป๋าไว้ก่อนและรีบพุ่งตัวออกไปซื้อตั๋วหุ่นกระบอก กลัวเต็มค่ะ
[ราคาตั๋วดูหุ่นกระบอกคนละ 100,000 ดอง หรือประมาณ 160 บาท] พิกัดอยู่แถวๆทะเลสาบค่ะ
ลองขอแผนที่จากรร. ที่เข้าพักดูนะคะ คิดว่ารร.ส่วนใหญ่น่าจะมีแผนที่ให้
หุ่นกระบอกอยู่ตรงแถวๆตึกสีเขียว เหลือง ทางขวาของภาพนะคะ
หลังจากได้ตั๋วมาแล้วเพื่อนร่วมทริปเราเริ่มหิวค่ะ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ด้วยความที่เราไม่รู้จะกินอะไรดี
เพราะมันไม่ค่อยมีร้านอาหารนะคะในเมืองฮานอย ส่วนมากก็จะเป็นยองๆเหลาแบบฉบับพี่เวียดเขาแหละค่ะ
ส่วนใหญ่มันคือ เมนูเฝอหรือก๋วยเตี๋ยวบ้านเราแหละค่ะ เขาจะเน้นแป้งค่ะ เส้นจะมาแบบเยอะมากกกกก เน้นว่ามาก เมื่อเทียบกับปริมาณเนื้อสัตว์ที่น้อยนิด และน้ำซุปจืดๆมันๆ
อาหารยอดฮิตอีกอย่างคือ ขนมปังยาวๆผ่ากลางแล้วใส่ไส้ผักและหมู ที่เรียกว่า “บั้นหมี่” ราคามาตรฐานอยู่ที่ 20,000 ดองค่ะ
แถวๆทะเลสาบเราจะเห็นป้าย KFC เด่นชัดมากค่ะ เพื่อนร่วมทริปเรียกร้องอยากกินค่ะ
แต่พอมองไปเห็นป้ายร้าน ไก่ Popeyes เลยกินไก่นี้ดีกว่ามีบันไดอยู่ข้างๆให้เดินขึ้นไป ชั้น 2 มีร้าน Dunkin donut ไก่ Popeyes และ Burger king
เราก็อิ่มอร่อยกับการกินไก่ป๊อปอายมากค่ะ หอมดี เหมือนว่าเคยมีขายในไทยด้วยเห็นพี่เขาบอกอย่างงั้นนะคะ เราเกิดไม่ทัน ฮ่าๆ
พอกินเสร็จเราก็ไปลุยกันต่อได้แล้วค่ะ สถานที่ๆต้องไปในฮานอยคงหนีไม่พ้นไปวัดหง็อกเซินที่มีสะพานแดง
ซื้อบัตรผ่านเข้าไปข้ามไปวัดที่มีตะพาบน้ำมีค่าเข้า 30,000 ดอง ก็ประมาณ 50 บาท
ใครรู้บ้างมันคือลูกอะไร เห็นเขาใช้เป็นของไหว้ข้างในด้วย เราก็ถ่ายรูป
เดินเล่นกันไป สถานที่พวกนี้จะอยู่รอบๆทะเลสาบค่ะ หาไม่ยาก เดินเล่นชิวๆ เดินไม่กี่นาทีก็ทั่วแล้ว
จากนั้นพวกเราก็เดิน survey ไปจุดที่เราต้องมาขึ้นรถบัสคืนนี้ไว้ก่อนค่ะ กันพลาดเพราะซอยมันเยอะมากถึงแม้มันจะทะลุกันหมด
แต่ด้วยความที่ในเมืองค่อนข้างชุลมุน รถเยอะคนเยอะ เราไม่อยากหลุดแพลนไม่งั้นทุกอย่างจะเลื่อนหมดตั้งแต่วันแรก
(บวกกับลึกๆแล้วเราไม่มั่นใจบริษัทรถบัสที่เราจองล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ว่ามีอยู่จริงไหม ฮ่าฮ่า) คือบอกตรงๆค่ะ
จากการอ่านรีวิวเพื่อเตรียมแพลนมันทำให้พวกเรากลัวและระวังตัวอย่างมากกลัวอะไรหรอคะ กลัวโดนหลอกและโดนฟันหัวแบะค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ
เราจองผ่านเว็บไซต์นี้ค่ะ https://www.hanoisapatrain.com/
จากนั้นเราจะได้รับอีเมล์เพื่อให้ทำการโอนเงิน ในราคาคนละ 15 USD เป็นที่นั่งแบบ soft berth รถนอน นี่เป็นไฮไลท์อีกอย่างที่ต้องลองถ้ามาเวียดนาม
เมื่อเราทำการจ่ายเงินเสร็จเราก็เมล์ขอตั๋วเขาค่ะแต่เขาตอบเรากลับมาว่าไม่มีให้ไปที่จุดขึ้นรถเลย ซึ่งเขาให้แผนที่กับบ้านเลขที่มา - -“
ที่เวียดนามสถานที่ต่างๆเขาจะให้เราดูจากเลขที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
และเนี่ยแหละค่ะสาเหตุที่ทำให้เราต้องไปลุ้นเอาหน้างาน พอเดินมาถึงจุดขึ้นรถตามบ้านเลขที่ ก็งงสิคะ เอิ่มมันไม่มีแม้แต่ท่ารถ
เราเจอแต่ประตูทางเข้าสีเหลืองและมีป้ายเขียนว่า station เราก็สอดส่องดูแล้วก็คิดว่าคงเป็นที่นี่แหละค่ะ
เพราะบ้านเลขที่ที่ติดไว้มันตรงกับที่เราได้มา แต่จริงๆมันก็ไม่ใช่ มันอยู่ข้างๆกัน