จากข่าวค่ายรถญี่ปุ่นค่ายหนึ่งมีข่าวเกี่ยวกับการบิดเบือนข้อมูลกับผู้บริโภคเรื่องการประหยัดเชื้อเพลิงของยานยนต์

ขอย้อนหลังไม่เมื่อสามปีก่อน ผมตัดสินใจซื้อรถอีโคคาร์ยี่ห้อหนึ่งซึ่งเป็นรถคันที่สองในชีวิตผม ที่ผมตัดสินใจซื้อรถอีโคคาร์เพราะว่ารถคันแรกของผมเป็นเครื่อง2,000 ตอนนั้นน้ำมันราคาแพงกว่าปัจจุบันเกือบเท่าตัว กินน้ำมันเยอะมาก เติมน้ำมันวันเว้นวัน เติมครั้งนึงไม่ต่ำกว่าครั้งละ500บาท เพราะค่าน้ำมันนี่เองจึงเป็นเหตุผลหลักที่ตัดสินใจซื้อรถอีโคคาร์ เพราะหวังว่าจะช่วยบรรเทาค่าน้ำมันได้

รถอีโคคาร์ที่ผมซื้อเป็นรถยี่ห้อหนึ่ง รุ่นที่ซื้อเป็นรุ่นเกียร์ออโตรุ่นล่างสุดของเกียร์ออโต ที่เลือกยี่ห้อนี้เพราะประโยคโฆษณาที่ว่าน้ำมัน1ลิตรวิ่งได้สูงสุด22กม. ปัจจุบันรถคันนี้วิ่งมาได้เกือบสี่หมื่นโล เข้าศูนย์ฯเช็คบำรุงสม่ำเสมอไม่เคยขาดตกบกพร่องสักครั้งเดียว รถเป็นสภาพเดิมๆไม่ได้ตกแต่งอะไรทั้งสิ้น  ลักษณะนิสัยการขับน่าจะอยู่ในระดับของคนที่ใช้งานปกติ ไม่เร่งแรง ไม่ตีนหนัก

มาจนมีข่าวที่เกิดขึ้น ผมได้ทำการเก็บตัวเลขค่าน้ำมันอย่างเป็นจริงจัง โดยระหว่างการเก็บข้อมูลควบคุมตัวแปรดังนี้
- ไม่บรรทุกสัมภาระไว้ในรถเลย
- เติมลมยางตามคำแนะนำในคู่มือคือแรงดันที่ 35  เติมลมยางทุกๆเจ็ดวัน
- เติมน้ำมัน E20

รายละเอียดเพิ่มเติม :
- ทุกครั้งที่ขับรถส่วนใหญ่ผมจะนั่งไปกับเพื่อน 2 คน น้ำหนัก 2 คนรวมกัน 150 กก.
- เปิดแอร์เบอร์ 2 (จาก 4 ระดับ) , เร่งปุ่มความเย็นระดับ 75%
- เติมน้ำมันยี่ห้อ บางจาก เอซโซ คาลเท็ก ปตท สลับกันไป
- ขับรถในสภาพการจราจรปัจจุบันในเมืองของกรุงเทพฯ
- ช่วงที่เก็บข้อมูลทุกครั้งราคาน้ำมัน E20 ลิตรละ 22.09 บาท
- ที่ผมต้องสรุปโดยการเก็บข้อมูล 7 ครั้ง เพราะวันนี้ (14 พ.ค.59) ราคาน้ำมัน E20 ขึ้นราคา จึงจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลจากการเก็บข้อมูล 7 ครั้ง

ผลการเก็บข้อมูลต่อเนื่องสรุปได้ดังนี้

เก็บข้อมูลครั้งที่ 1 : ระยะทางที่วิ่งไปคือ 178.4 กม., เติมน้ำมัน 370 บาท, ปริมาณน้ำมันที่เติม 16.45 ลิตร //  วิเคราะห์ตัวเลข : น้ำมัน 1 ลิตรเฉลี่ยวิ่งได้ 10.84 กม. , รถวิ่ง 1 กม. เฉลี่ยเสียค่าน้ำมัน 2.07 บาท

เก็บข้อมูลครั้งที่ 2 : ระยะทางที่วิ่งไปคือ 238.7 กม., เติมน้ำมัน 430 บาท, ปริมาณน้ำมันที่เติม 19.47 ลิตร //  วิเคราะห์ตัวเลข : น้ำมัน 1 ลิตรเฉลี่ยวิ่งได้ 12.25 กม. , รถวิ่ง 1 กม. เฉลี่ยเสียค่าน้ำมัน 1.80 บาท

เก็บข้อมูลครั้งที่ 3 : ระยะทางที่วิ่งไปคือ 231.9 กม., เติมน้ำมัน 400 บาท, ปริมาณน้ำมันที่เติม 18.11 ลิตร //  วิเคราะห์ตัวเลข : น้ำมัน 1 ลิตรเฉลี่ยวิ่งได้ 12.8 กม. , รถวิ่ง 1 กม. เฉลี่ยเสียค่าน้ำมัน 1.72 บาท

เก็บข้อมูลครั้งที่ 4 : ระยะทางที่วิ่งไปคือ 205.4 กม., เติมน้ำมัน 350 บาท, ปริมาณน้ำมันที่เติม 15.84 ลิตร //  วิเคราะห์ตัวเลข : น้ำมัน 1 ลิตรเฉลี่ยวิ่งได้ 12.96 กม. , รถวิ่ง 1 กม. เฉลี่ยเสียค่าน้ำมัน 1.70 บาท

เก็บข้อมูลครั้งที่ 5 : ระยะทางที่วิ่งไปคือ 199.3 กม., เติมน้ำมัน 320 บาท, ปริมาณน้ำมันที่เติม 14.48 ลิตร  //  วิเคราะห์ตัวเลข : น้ำมัน 1 ลิตรเฉลี่ยวิ่งได้ 13.75 กม. , รถวิ่ง 1 กม. เฉลี่ยเสียค่าน้ำมัน 1.60 บาท

เก็บข้อมูลครั้งที่ 6 : ระยะทางที่วิ่งไปคือ 180.8 กม., เติมน้ำมัน 340 บาท, ปริมาณน้ำมันที่เติม 15.39 ลิตร //  วิเคราะห์ตัวเลข : น้ำมัน 1 ลิตรเฉลี่ยวิ่งได้ 11.74 กม. , รถวิ่ง 1 กม. เฉลี่ยเสียค่าน้ำมัน 1.88 บาท

เก็บข้อมูลครั้งที่ 7 : ระยะทางที่วิ่งไปคือ 235.4 กม., เติมน้ำมัน 400 บาท, ปริมาณน้ำมันที่เติม 18.10 ลิตร //  วิเคราะห์ตัวเลข : น้ำมัน 1 ลิตรเฉลี่ยวิ่งได้ 10.65 กม. , รถวิ่ง 1 กม. เฉลี่ยเสียค่าน้ำมัน 1.70 บาท

สรุปการเก็บข้อมูลทั้ง7ครั้ง(อย่างต่อเนื่อง) : ระยะทางที่วิ่งไปทั้งหมดคือ 1,469.6 กม. , จ่ายค่าน้ำมันไป 2,610บาท , ปริมาณน้ำมันที่เติมลงถัง 117.84 ลิตร สรุป

1 ลิตร วิ่งได้ 12.47 กม.
1 กม. เสียค่าน้ำมัน 1.74 บาท (น้ำมัน E20 ลิตรละ 22.09 บาท)

ต่างกับที่ประโยคที่โฆษณาเกือบ ครึ่งต่อครึ่ง!