ตอนนั้นไฮน์เซ่มีปัญหากับแมนยู(แต่คนละปัญหากับอุ้มนะ) เจ้าตัวอยากย้าย
แล้วก็เป็นลิเวอร์พูล อริตลอดกาลของแมนยูภายใต้การคุมทีมของราฟา แสดงเจตจำนงว่าอยากได้
ไฮน์เซ่ก็กระเหี้ยนกระหือรือมากที่จะย้ายไปซบลิเวอร์พูล
แต่ท่านเซอร์สายแข็ง ยอมหักไม่ยอมงอ เลือกที่จะไม่ทำร้ายจิตใจแฟนบอล
เลยเลือกที่จะขายให้มาดริดแทน แม้จะได้เงินน้อยกว่า

กรณีของอุ้มก็เช่นกัน อุ้มอยากย้าย เมืองทองอยากได้
แต่กรณีนี้ทีมต่างประเทศไม่ยื่นข้อเสนอ ผมเชื่อว่าเป็นเพราะ "ค่าตัว"
นักเตะอายุ 26 เหลือสัญญาไม่ถึงปี เสียโควต้าต่างชาติ แต่ค่าตัวเกือบ 1 ล้านเหรียญ
ถ้าผมเป็นเจ้าของทีมญี่ปุ่น เกาหลี ผมก็ไม่ซื้อ แพงไป หาตัวในประเทศที่พอๆ กันมาปั้นดีกว่า
ดังนั้น จึงมีแค่ทีมในไทย ที่กล้ายื่นราคานี้

ถ้าบุรีรัมย์ เลือกที่จะเป็นสายแข็งซักหน่อย ยอมได้เงินน้อย แต่ไม่ให้กระทบจิตใจแฟนบอล
ก็ปล่อยไปต่างประเทศแบบถูกๆ ไปเลย ก็น่าจะมีทีมที่สนใจจะซื้อบ้างแหละ
เพราะดีกรีก็ไม่ใช่น้อยๆ กัปตันทีมชาติ เคยติดทีมยอดเยี่ยมระดับทวีป
แต่บุรีรัมย์เลือกที่จะเอาจำนวนเงินมากกว่า เพื่อตัวเลข เพื่ออนาคตที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์
ทำให้ยิ่งเกิดดราม่าในหมู่แฟนบอลบุรีรัมย์เอง ผมว่างานนี้ได้มากกว่าเสีย
เพราะแฟนบอลขาจร จากที่หายไปเพียบอยู่แล้ว คราวนี้คงหายอีกมากโข


แต่ถ้าให้มองอีกมุมหนึ่ง อาจจะโลกสวยไปนิด
บุรีรัมย์ อาจจะเลือกที่จะกลับมาสานความสัมพันธ์กับเมืองทอง
เปลี่ยนสถานภาพจากศัตรู มาเหลือแค่คู่แข่งแบบในอดีต
เพราะศัตรูตัวจริงของบุรีรัมย์คือวรวีร์ไม่อยู่แล้ว
ก็ไม่จำเป็นต้องใช้เมืองทองมากระทบชิ่งไปถึงวรวีร์อีก
อีกอย่างก็เพื่อประโยชน์ในการดึงนักเตะขิงกันและกันในอนาคต
เพราะความเกลียดชัง ทำให้ดีลนักเตะระหว่างสองทีมนี้เกิดขึ้นยาก
ต้องไม่ลืมว่าเมืองทองมีศักยภาพในการปั้นดาวรุ่งมากกว่า
บางครั้งบุรีรัมย์ก็ขาดแคลนนักเตะไทยฝีเท้าดีในบางตำแหน่ง
ยกตัวอย่างแบบสมมติ เช่นผู้รักษาประตู จะหาใครมาแทนศิวรักษ์มองไปในตลาดหายากมาก
คนที่พอจะแทนได้ก็สมพร ยศ ซึ่งเทโรทีมเจ้าของเกียวกับเมืองทองไม่มีทางขายให้
แต่ถ้ากลับมาสานความสัมพันธ์กัน การดึงนักเตะไปมาระหว่างกันจะง่ายขึ้น
อนาคตอาจจะง่ายแบบลีกอิตาลีก็ได้ นักเตะดาวดัง วนไปทีมใหญ่แทบทุกทีม
ก็ไม่รู้นะ อาจเป็นแค่สิ่งที่ผมคิดแต่เรื่องจริงอาจเป็นอีกอย่าง

แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้ บุรีรัมย์เสียมากกว่าได้แน่นอน