แทบไม่น่าเชื่อว่าข่าวการย้ายทีมของนักฟุตบอลทีมดังอย่างบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด จะเป็นกระแสข่าวในหน้าสื่อกีฬาทุกแขนงได้ขนาดนี้ สมัยก่อนเราเคยเห็นแต่นักแตะซุปตาร์ของโลก แต่ตอนนี้นักแตะไทยเริ่มได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนเพิ่มมากขึ้น โดยมีการวิเคราะห์สาเหตุจาก สังคมโซเซียล ทั้งในเวบกีฬาต่างๆ
ปรากฏการนี้ เป็นการจุดกระแสวงการฟุตบอลลีกของไทยให้มีความน่าสนใจ ไม่แพ้วงการบันเทิง ที่ดาราคนดังย้ายวิกหรือย้ายช่อง ซึ่งสมัยก่อนย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน การย้ายทีมของนักแตะชื่อดังคนหนึ่ง คงไม่มีใครเอามาวิเคราะห์ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง เหมือนสมัยนี้ เพราะกระแสความคลั่งไคล้จากแฟนบอลไทย ไม่มากเท่ากับปัจจุบัน
การย้ายทีมของนักแตะแม่เหล็กอย่าง เจ้าอุ้ม ธีรธร บุญมาทัน จึงเป็นเหมือนเรื่องช็อค ความรู้สึกของแฟนบอล ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่การย้ายทีมก็เป็นเรื่องปกติของธุรกิจกีฬาในปัจจุบัน แต่ในความรู้สึกของแฟนบอล มันมีความหมายมากกว่านั้น เนื่องจากทีมที่ย้ายไปนั้น เป็นทีมคู่ปรับอย่างเมืองทอง ยูไนเต็ด
จึงเกิดคำถามมากมาย ในความรู้สึกของแฟนบอล ทั้งหลายที่ติดตามข่าวสารไทยลีก ซึ่งรู้อยู่ว่าทั้งสองทีม นั้นเป็นคู่ปรับกันมานาน ต่อจากนี้ไปวงการฟุตบอลจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันกีฬา แล้วมีคนติดตามดูการแข่งขัน แต่มันมีมิติของการเมือง การแข่งขันกันในเชิงธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทยในอนาคตข้างหน้าต่อไป
แทบไม่น่าเชื่อว่าข่าวการย้ายทีมของนักฟุตบอลไทย จะเป็นกระแสข่าวในหน้าสื่อกีฬาทุกแขนงได้ขนาดนี้
ปรากฏการนี้ เป็นการจุดกระแสวงการฟุตบอลลีกของไทยให้มีความน่าสนใจ ไม่แพ้วงการบันเทิง ที่ดาราคนดังย้ายวิกหรือย้ายช่อง ซึ่งสมัยก่อนย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีก่อน การย้ายทีมของนักแตะชื่อดังคนหนึ่ง คงไม่มีใครเอามาวิเคราะห์ถึงเบื้องหน้าเบื้องหลัง เหมือนสมัยนี้ เพราะกระแสความคลั่งไคล้จากแฟนบอลไทย ไม่มากเท่ากับปัจจุบัน
การย้ายทีมของนักแตะแม่เหล็กอย่าง เจ้าอุ้ม ธีรธร บุญมาทัน จึงเป็นเหมือนเรื่องช็อค ความรู้สึกของแฟนบอล ว่าเกิดอะไรขึ้น ทั้งๆ ที่การย้ายทีมก็เป็นเรื่องปกติของธุรกิจกีฬาในปัจจุบัน แต่ในความรู้สึกของแฟนบอล มันมีความหมายมากกว่านั้น เนื่องจากทีมที่ย้ายไปนั้น เป็นทีมคู่ปรับอย่างเมืองทอง ยูไนเต็ด
จึงเกิดคำถามมากมาย ในความรู้สึกของแฟนบอล ทั้งหลายที่ติดตามข่าวสารไทยลีก ซึ่งรู้อยู่ว่าทั้งสองทีม นั้นเป็นคู่ปรับกันมานาน ต่อจากนี้ไปวงการฟุตบอลจึงไม่ใช่แค่การแข่งขันกีฬา แล้วมีคนติดตามดูการแข่งขัน แต่มันมีมิติของการเมือง การแข่งขันกันในเชิงธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในวิถีชีวิตของคนไทยในอนาคตข้างหน้าต่อไป