อ่านก่อนหน้า
http://ppantip.com/topic/35145234
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นมาจากฟังวิญญาณในบ้านได้ คำว่าผีที่เราเข้าใจคือ น่ากลัว แต่เราก็อยากรู้ในมุมของความน่ากลัว เกิดคำถามมากมาย ความกลัวกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่เหตุใดทำไมเราต้องขนลุก เสียงนั้นมาจากไหน สมองเราคงเพี้ยนไปแล้วแน่ คนใกล้ตัวเปิดโอกาสให้ลองถามและใจเย็นๆลดความกลัวลง ถามอะไรดีละ จะถามว่าอะไร ถามชื่อก่อนเลย มาจากไหน มาทำไม มาทำให้เรากลัวทำไม และต่อจากนี้คือเรื่องที่เราได้รับรู้มา......
ผมชื่อเพชรครับ ผมเป็นกุมารบ้านพี่ล่ะ และอยู่กับพี่มานาน ผมไม่ได้มีตัวตนในสายตาพี่เลย แต่มาวันนี้พี่ฟังผมได้ ผมดีใจมาก และอยากจะเล่าเรื่องราวของผมให้ฟัง
>>>>>>> ผมไปเจอแก็งผีเล่ร่อนที่เค้าอยู่ในระแวงใกล้เคียง
ผมไปงานวัดแหล่งหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังไปงานวัด ก็ผ่านไปบ้านเก่าหลังหนึ่งเรารู้สึกได้ว่า ที่แหล่งนี้เหมือนมีดวงจิตอยู่ที่วนเวียนกันอยู่ 3-4ดวง
ผมกับพี่ยักษ์และพี่ไข่ก็ดูในสถานที่ว่ามีอะไรอยู่กัน พอเราเข้าไปถึงที่เจอเป็นแบบผมเป็นผีที่ตายตอนยังเด็กอยู่และเค้าก็โดนเอามาทิ้ง
ร่างของเค้าก็ถูกทิ้งอยู่ที่นี่ มีกัน 3 ตน แต่มาไม่พร้อมกันแต่โดนทิ้งที่เดียวกันเลยชื่อก็ไม่มี
และไม่มีใครมาเจอ พวกผมมาเจอเค้าตนแรก พอไปถึงพวกเค้าก็ตกใจ เค้าเข้าใจว่ามีแต่พวกเค้า ไม่มีผีตนอื่นผ่านมาเลย
ผีตนหนึ่งบอกว่า อยากจะไปอยู่ด้วยได้ไหมเพราะอยู่กันตรงนี้มีแค่ 3 เอง ถ้าที่โน้นมีเยอะก็อยากไปอยู่มากกว่า
พี่ยักษ์ก็บอกว่าไม่มีร่างไปอยู่ไม่ได้นะ เพราะว่าถ้าไม่มีร่างมาอยู่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน
"ต้องมีร่างก่อน" พี่ยักษ์ก็ว่าแบบนั้น พวกผีไม่มีร่างจะมาอยู่กับพวกที่ไม่มีร่างไม่ได้ ผมก็บอกว่า ถ้าผีไม่มีร่างนี่ทำไมถึงอยู่กับเราไม่ได้ละครับ
ผมก็ถามพี่ยักษ์ไปแบบนั้น "ทำไมพวกเราไม่ให้เค้าไปอยู่" พี่ไข่ตอบแทน บอกว่า “ถ้าพวกผีไม่มีร่างมาอยู่กับพวกเราวันดีคืนดีมันมาแย่งร่าง
เราจะทำไงละ มันไล่เราไปได้นะ มันต้องมีร่างของมันอย่างไงก็ต้องปล่อยให้มันอยู่นี่ล่ะ” พี่ไข่เค้าก็ไม่อยากจะเปิดใจรับผีใหม่ๆเข้ามา
โดยไม่จำเป็นเพราะว่าที่มีอยู่ก็เยอะแล้วไม่รู้สึกอยากจะให้ใครมาอยู่เพิ่มเท่าไร ไอ้ผีเด็ก 3 ตัวมันก็งองแง มันก็อยากจะตามเราแต่พวกเราลอยเร็วกว่ามัน
เราก็ลอยหนีกันมันก็ตาม ผมอดทนไม่ไหว ผมก็เลยบอกว่า "พี่ งันไปหาร่างไหม เราพอจะมีร่างเหลือบ้างไหม หรือมีอะไรที่อยู่ใกล้ๆไหมครับ"
พี่ยักษ์ก็เข้าใจผมนะ เห็นผมสงสารพวกที่คล้ายๆกันเหมือนแบบเราเคยอยู่อย่างโดนเดี่ยว เรารู้สึกอย่างไรพอเวลาผ่านมาเรามีเพื่อนมีฝูงมีพวกเราก็รู้สึกดีนะ
ผมก็อธิบายให้กับพี่ยักษ์ไป "พี่เข้าใจผมพี่ต้องช่วยผมบ้างนะ"
พี่ยักษ์ก็ "อืม...ทำให้ดีที่สุดก็แค่แนะนำให้มันไปอยู่กับเจ้าที่ ที่ใกล้ๆพาไปได้ เจ้าที่ต่อให้ไม่มีร่างแต่พอมีคนมาถวายร่างเค้าจับให้มันไปอยู่ในร่างโน้นร่างนี้ได้"
ผมก็บอกว่า "อืม..เอาอย่างนั้นก็ได้พี่เราช่วยเค้าเนอะคิดสะว่าเห็นใจผีด้วยกันนะ"
ผมก็กลับไปและบอกว่า หาร่างให้ไม่ได้นะแต่พาไปอยู่กับเจ้าที่ เจ้าที่จะมีร่างให้ เพราะคนจะนำร่างมาให้กับเจ้าที่
ผมก็บอกเค้าไป เค้าก็บอกว่า “แค่นั้นก็ดีแล้ว แต่พวกเค้าต้องออกจากที่นี่ใช่ไหม”
ผมก็บอกว่า “ใช่จะอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไรละ”
เค้าก็บอกว่า “งันต้องพาไปนะ ต้องพาไปให้ถึง ถ้าไม่ถึงไปต่อไม่เป็นแน่” ผมก็โอเคคืนนั้นก็พากันไปเลยครับ
พาผีสามตัวไปหาเจ้าที่ เจ้าที่ ที่ผมพูดถึงนี่ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ เป็นเจ้าที่ ที่เคยผมโดนจับไว้นั้นละท่านเป็นเจ้าที่ใหญ่
ก็พาไปหาท่าน “ท่านครับ มารอบนี้ไม่ได้มาแกล้งนะแต่มาขอความช่วยเหลือ พาผี3ตนมาไม่มีร่างอยู่ ขออาศัยอยู่กับท่านได้ไหม”
เจ้าที่ก็แพ่งจิตมาที่ผมและบอกว่า “ถ้าไม่เอาปัญหามาให้ก็เอาภาระมาเนอะ” ท่านก็พูดอย่างนี้กับผมนะ
ผมก็บอกว่า “ครับท่านเพราะเป็นภาระที่ผมจัดการเองไม่ได้ก็เลยฝากให้ท่านช่วยจัดการให้ ท่านทำได้อยู่แล้วละ ผมรู้ ท่านมีคนมากราบไหว้เยอะ”
“อืม...ก็ให้มันอยู่ที่ในบ้านก่อน ถ้าเกิดว่ามีคนเอาร่างมาให้ก็ให้มันอยู่ และก็ให้มันอยู่รับใช้บ้านหลังนี้ล่ะ”
ผมล่ะ กราบขอบคุณท่านเลยครับและผมก็ลาออกมา เป็นความรู้สึกผมได้ช่วยเพื่อนผีด้วยกัน รู้สึกดีมากครับ รู้สึกตัวเองมีประโยชน์ตอนนั้นก็รู้สึกอยากจัดการตามที่ตั้งใจแต่ไม่ได้เป็นความรู้สึกได้บุญเต็มที่อะไรเพราะจิตใจก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะช่วยเค้าเต็มที่เท่าไรนัก ช่วยตามที่เห็นว่าเป็นผีเหมือนกันและเราก็ผ่านเรื่องแบบนั้นมาก่อน ^_^
>>>>>>> เพื่อนของผี
ผมรู้จักกับครอบครัวหนึ่งได้เจอกันตั้งแต่ที่ เราไปเที่ยวงานวัด ครอบครัวนี้ก็มีคล้ายผมนี่ล่ะ มีผี (ที่ต้องการจะมาเกิดกับครอบครัวนี้แต่เค้าก็ไม่ได้เกิดสะที) เค้าก็มารอ พี่สาวเค้าที่เกิดมาโตแล้ว เค้าก็รอกะว่าจะอยากเกิดมาอยู่ในท้องพี่สาว เค้าเป็นเพื่อนของผมนี่ล่ะ แต่นอกแก็งผีกัน
มันชื่อว่า "ไอ้ยอด" แต่ผมก็เรียกคุณยอดนะที่บ้านเค้าก็รู้ มีคนมาดูให้และบอกว่าที่บ้านมีเด็กจะมารอเกิดนะ
จะเกิดในท้องของลูกสาวก็เลยตั้งชื่อว่า ยอดชาย ผมก็คิดนะ เออ ดีว่ะมีคนชื่อให้ด้วยกูนี่ตั้งชื่อเอง มันเป็นผีที่ขี้เล่นและมองโลกในแง่ดี
ไม่ได้มองว่าการที่ต้องรอเป็นเรื่องเสียเวลาก็ดีได้อยู่ดู ดูโน้นดูนี่และใช้เวลาของมันอย่างเต็มที่กับครอบครัวนั้น แต่มันก็ช่วยอะไรเค้าไม่ได้อยู่แล้วผมก็
แนะนำว่าอย่างน้อยถ้าแว่บได้นะ ก็แว่บไปโน้นไปนี่ได้นะ
เหตุการณ์เกิดขึ้นคือ พี่สาวของยอด คนที่มันรออยากจะมาเกิด พี่สาวเค้าป่วย เป็นโรคสมัยก่อน เมื่อสมัยก่อนป่วยนิดหนึ่งก็เรื่องใหญ่ล่ะ พอเป็นแล้วจะมีลูกไม่ได้ คล้ายกับว่าเป็นมะเร็งปากมดรูด ยอดชายก็ไม่ได้เกิดแน่ มันก็รู้ตัวแล้ว พอมันรู้ตัวว่าไม่ได้เกิดก็มาปรึกษากับผม
บอกว่า “กูควรจะไปที่อื่นดีไหมแล้วถ้ากูอยู่จะมีปัญหาอะไรไหม” เค้าคงมีมันไม่ได้แน่ ยอดก็ไม่เข้าใจตนเองจะอยู่ต่อดีไหม แล้วจะอยู่รออะไร
ผมบอกว่า“ไม่รู้จะไปไหนก็ไม่ต้องไป ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องเกิดไม่เกิดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรอยู่ด้วยกันไป กูก็มาหาเรื่อยทักทายกันอยู่เป็นเพื่อนกัน”
ยอดก็บอก “เออจริง กูก็มีอยู่นะ” แต่ยอดกลับตัดสินใจแล้วครับว่าไม่อยากอยู่ ผมก็เข้าใจละครับ คือจิตเมื่อมันไม่มีเป้าหมายอยู่ เพราะอะไรถึงอยู่ ไม่มีสิ่งเหนี่ยวรั้งแล้วจิตมันก็ต้องไปต่อ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่ามันจะไป ผมเจอกับครอบครัวนี้อีกที แต่ไม่เห็นมันแล้ว เลยรู้แล้วเวลาของมันไม่อยากอยู่จิตก็ต้องไปต่อ
ก็เป็นการสูญเสียเพื่อนละครับ แต่เรายังอยู่รู้สึกเค้าไปแล้ว แต่ทำไมเราถึงยังไม่ได้ไป แล้วเมื่อไรจะเป็นวันของเรา เรายังอยากอยู่ที่นี่อยู่ไหม
หรือไปต่อโดยการวางทุกอย่างไป ไม่ต้องคิดถึงอะไรละ ทุกอย่างไม่อยากจะดูแลไม่อยากจะห่วง หรือเราจะหาสิ่งที่หวงแหงและต่อไปดี?
>>>>>> หลงรักนางไม้
เรื่องของเรื่อง คือผมชอบไปหาเรื่องนางตานี ผมจะอธิบายนางตานีให้ฟังนะครับ คนส่วนใหญ่จะคิดว่านางตานีจะต้องสวยๆ ไม่ใช่นะครับ บางทีเป็นเด็ก
บางทีก็แก่ แล้วแต่ภาพของเค้าว่าจะสร้างแบบไหน ไม่มีหรอกครับจะแก่ จะสวยหรือจะสาว หน้าตาอย่างไรสร้างเองได้หมดเลยเหมือนพวกหลอกลวงโลกครับ
ผมไปวันก่อนก็อีกรูปหนึ่ง ไปวันนี้ก็อีกรูปหนึ่ง ผมรู้นะว่าเค้าอยู่ต้นนี่ผมจำได้ล่ะไม่ได้ไปไหน จะเป็นดงกล้วยครับรู้ว่านางตานีจะอยู่กันเยอะๆตรงนี้
นางตานีจะอยู่นิดๆของเค้าและเค้าจะติดกับต้นกล้วยมาก ถ้าเค้าเห็นว่าต้นเค้าเป็นปรี่กล้วย ออกลูก ออกมาเค้าจะรู้สึกเหมือนตั้งครรภ์ เค้าจะมีความสุขมาก ผมก็ชอบไปแกล้งครับพวกเค้าจะอยู่เฉยๆ ผมก็ไปผลักเค้ามันเป็นการกระแทกกันเหมือนผมไปชนอะไรมันก็แปลกดีครับ
พอไปชนเค้าก็จะตกใจร้อง โอ๊ยวาย แต่พวกเค้าก็ทำไรไม่ได้เพราะห่างจากต้นกล้วยไม่ได้ เค้าอาจจะเหาะตามเรามานะ แต่ถ้าเหาะตามเรามามากเค้าก็จะห่วงต้นของเค้าและพอกับไปที่ต้นเราก็ไปผลักเค้าอีกนี่ เป็นวิธีการแกล้งนางตานีที่ผมชอบทำกัน วันนั้นไปผมก็ชอบไปแกล้งนางตานี
แกล้งเสร็จแล้วผมก็กำลังจะเหาะหนีก็ไปผ่านป่า
เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมเจอ"นางไม้" เค้าอยู่กับต้นไม้ใหญ่มากๆครับ อายุน่าจะประมาณเกือบ 100 กว่าปีได้ ผมก็เข้าไปดูใกล้ๆ เพราะเราไม่เคยเห็นจิตที่สว่างมากขนาดนี้เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน และได้ยินเสียง เสียงเพาะมากครับเหมือนเป็นเสียงของเค้าร้องเพลง ผมจำได้เลยว่า ไอ้ไข่นุ้ยตอนนั้น
เหมือนโดนจะสะกดไว้เลยผมก็นั่งมอง ลอยตามเข้าไป
นางไม้ก็รู้นะครับว่าเราฟังเค้าแต่ก็ไม่ได้หยุดร้อง สักพักเค้าบอกว่า "ชอบมาแกล้งนางตานีแถวนี้เหรอ พวกเค้าเป็นผีที่ดีนะ เธอไม่น่ามาแกล้งเค้าพวกเค้าพอตกใจมันทำให้จิตเค้าสั่นไหว เราก็อยู่ตรงนี้ถ้าไม่มีเพื่อนเล่นก็มาเล่นกับเราได้ กลับไปนะ" ผมนี่ลอยผ่านดงกล้วยกลับบ้าน ไม่แว่บกลับด้วยครับ
ผ่านนางตานีก็ตบหัวบ้างตีผมบ้าง ผมก็เฉยไม่รู้สึกเลย พอไปถึงพี่ไสวทักก่อนเลย ว่า “โดนมนต์อะไรมา ไปโดนของที่ไหนมาเหรอเปล่าเนี่ย”
จิตมันอยู่ลอยๆเหมือนจะออกจากกัน "ไปโดนของอะไรมา" ผมก็บอกว่า “ผมไม่ได้โดนของอะไรเพิ่งเห็นนางไม้เป็นครั้งแรก”
พี่ไสวก็บอกว่า “อย่าไปอีกนะ”
พี่ไสวบอกว่า “นางไม้กับเรา เค้าสูงกว่าเราเยอะ ถ้าไปบ่อยๆจิตจะแตกสลายได้ เค้าระดับกึ่งเทวดาเรามันแค่ผีเรร่อน
ถ้าไปบ่อยๆจิตเราจะสลายไปหาเค้าไปอยู่รวมกับเค้า เห็นแบบนั้นมีจิตหลายชีวิตที่ไปรวมร่างกับเค้าแล้ว"
ผมก็เปลี่ยนจากความรักกลายเป็นความกลัว รักของผมจบภายในพริบตาไอ้ความรู้สึกแบบนั้นคือเราจะไปรวมกับเค้า มิน่าเราถึงอยากจะอยู่กับเค้าเลยไม่อยากกลับแล้ว เป็นผีเฝ้านางไม้แน่ นางไม้มีความใหญ่และร่มเย็น อบอุ่น น่าดึงดูด น่าอยู่อาศัยด้วย นี่ล่ะครับ รักแรกก็จบลงอย่างรวดเร็ว T-T
(ขอบคุณมากนะคะที่อ่าน)
ฟัง ผี บอก....เรื่องที่ 3
เรื่องทั้งหมดเริ่มต้นมาจากฟังวิญญาณในบ้านได้ คำว่าผีที่เราเข้าใจคือ น่ากลัว แต่เราก็อยากรู้ในมุมของความน่ากลัว เกิดคำถามมากมาย ความกลัวกับสิ่งที่เรามองไม่เห็น สัมผัสไม่ได้ แต่เหตุใดทำไมเราต้องขนลุก เสียงนั้นมาจากไหน สมองเราคงเพี้ยนไปแล้วแน่ คนใกล้ตัวเปิดโอกาสให้ลองถามและใจเย็นๆลดความกลัวลง ถามอะไรดีละ จะถามว่าอะไร ถามชื่อก่อนเลย มาจากไหน มาทำไม มาทำให้เรากลัวทำไม และต่อจากนี้คือเรื่องที่เราได้รับรู้มา......
ผมชื่อเพชรครับ ผมเป็นกุมารบ้านพี่ล่ะ และอยู่กับพี่มานาน ผมไม่ได้มีตัวตนในสายตาพี่เลย แต่มาวันนี้พี่ฟังผมได้ ผมดีใจมาก และอยากจะเล่าเรื่องราวของผมให้ฟัง
>>>>>>> ผมไปเจอแก็งผีเล่ร่อนที่เค้าอยู่ในระแวงใกล้เคียง
ผมไปงานวัดแหล่งหนึ่งระหว่างที่ผมกำลังไปงานวัด ก็ผ่านไปบ้านเก่าหลังหนึ่งเรารู้สึกได้ว่า ที่แหล่งนี้เหมือนมีดวงจิตอยู่ที่วนเวียนกันอยู่ 3-4ดวง
ผมกับพี่ยักษ์และพี่ไข่ก็ดูในสถานที่ว่ามีอะไรอยู่กัน พอเราเข้าไปถึงที่เจอเป็นแบบผมเป็นผีที่ตายตอนยังเด็กอยู่และเค้าก็โดนเอามาทิ้ง
ร่างของเค้าก็ถูกทิ้งอยู่ที่นี่ มีกัน 3 ตน แต่มาไม่พร้อมกันแต่โดนทิ้งที่เดียวกันเลยชื่อก็ไม่มี
และไม่มีใครมาเจอ พวกผมมาเจอเค้าตนแรก พอไปถึงพวกเค้าก็ตกใจ เค้าเข้าใจว่ามีแต่พวกเค้า ไม่มีผีตนอื่นผ่านมาเลย
ผีตนหนึ่งบอกว่า อยากจะไปอยู่ด้วยได้ไหมเพราะอยู่กันตรงนี้มีแค่ 3 เอง ถ้าที่โน้นมีเยอะก็อยากไปอยู่มากกว่า
พี่ยักษ์ก็บอกว่าไม่มีร่างไปอยู่ไม่ได้นะ เพราะว่าถ้าไม่มีร่างมาอยู่ก็ไม่รู้จะไปอยู่ตรงไหน
"ต้องมีร่างก่อน" พี่ยักษ์ก็ว่าแบบนั้น พวกผีไม่มีร่างจะมาอยู่กับพวกที่ไม่มีร่างไม่ได้ ผมก็บอกว่า ถ้าผีไม่มีร่างนี่ทำไมถึงอยู่กับเราไม่ได้ละครับ
ผมก็ถามพี่ยักษ์ไปแบบนั้น "ทำไมพวกเราไม่ให้เค้าไปอยู่" พี่ไข่ตอบแทน บอกว่า “ถ้าพวกผีไม่มีร่างมาอยู่กับพวกเราวันดีคืนดีมันมาแย่งร่าง
เราจะทำไงละ มันไล่เราไปได้นะ มันต้องมีร่างของมันอย่างไงก็ต้องปล่อยให้มันอยู่นี่ล่ะ” พี่ไข่เค้าก็ไม่อยากจะเปิดใจรับผีใหม่ๆเข้ามา
โดยไม่จำเป็นเพราะว่าที่มีอยู่ก็เยอะแล้วไม่รู้สึกอยากจะให้ใครมาอยู่เพิ่มเท่าไร ไอ้ผีเด็ก 3 ตัวมันก็งองแง มันก็อยากจะตามเราแต่พวกเราลอยเร็วกว่ามัน
เราก็ลอยหนีกันมันก็ตาม ผมอดทนไม่ไหว ผมก็เลยบอกว่า "พี่ งันไปหาร่างไหม เราพอจะมีร่างเหลือบ้างไหม หรือมีอะไรที่อยู่ใกล้ๆไหมครับ"
พี่ยักษ์ก็เข้าใจผมนะ เห็นผมสงสารพวกที่คล้ายๆกันเหมือนแบบเราเคยอยู่อย่างโดนเดี่ยว เรารู้สึกอย่างไรพอเวลาผ่านมาเรามีเพื่อนมีฝูงมีพวกเราก็รู้สึกดีนะ
ผมก็อธิบายให้กับพี่ยักษ์ไป "พี่เข้าใจผมพี่ต้องช่วยผมบ้างนะ"
พี่ยักษ์ก็ "อืม...ทำให้ดีที่สุดก็แค่แนะนำให้มันไปอยู่กับเจ้าที่ ที่ใกล้ๆพาไปได้ เจ้าที่ต่อให้ไม่มีร่างแต่พอมีคนมาถวายร่างเค้าจับให้มันไปอยู่ในร่างโน้นร่างนี้ได้"
ผมก็บอกว่า "อืม..เอาอย่างนั้นก็ได้พี่เราช่วยเค้าเนอะคิดสะว่าเห็นใจผีด้วยกันนะ"
ผมก็กลับไปและบอกว่า หาร่างให้ไม่ได้นะแต่พาไปอยู่กับเจ้าที่ เจ้าที่จะมีร่างให้ เพราะคนจะนำร่างมาให้กับเจ้าที่
ผมก็บอกเค้าไป เค้าก็บอกว่า “แค่นั้นก็ดีแล้ว แต่พวกเค้าต้องออกจากที่นี่ใช่ไหม”
ผมก็บอกว่า “ใช่จะอยู่ที่นี่ต่อไปได้อย่างไรละ”
เค้าก็บอกว่า “งันต้องพาไปนะ ต้องพาไปให้ถึง ถ้าไม่ถึงไปต่อไม่เป็นแน่” ผมก็โอเคคืนนั้นก็พากันไปเลยครับ
พาผีสามตัวไปหาเจ้าที่ เจ้าที่ ที่ผมพูดถึงนี่ก็ไม่ใช่ที่ไหนหรอกครับ เป็นเจ้าที่ ที่เคยผมโดนจับไว้นั้นละท่านเป็นเจ้าที่ใหญ่
ก็พาไปหาท่าน “ท่านครับ มารอบนี้ไม่ได้มาแกล้งนะแต่มาขอความช่วยเหลือ พาผี3ตนมาไม่มีร่างอยู่ ขออาศัยอยู่กับท่านได้ไหม”
เจ้าที่ก็แพ่งจิตมาที่ผมและบอกว่า “ถ้าไม่เอาปัญหามาให้ก็เอาภาระมาเนอะ” ท่านก็พูดอย่างนี้กับผมนะ
ผมก็บอกว่า “ครับท่านเพราะเป็นภาระที่ผมจัดการเองไม่ได้ก็เลยฝากให้ท่านช่วยจัดการให้ ท่านทำได้อยู่แล้วละ ผมรู้ ท่านมีคนมากราบไหว้เยอะ”
“อืม...ก็ให้มันอยู่ที่ในบ้านก่อน ถ้าเกิดว่ามีคนเอาร่างมาให้ก็ให้มันอยู่ และก็ให้มันอยู่รับใช้บ้านหลังนี้ล่ะ”
ผมล่ะ กราบขอบคุณท่านเลยครับและผมก็ลาออกมา เป็นความรู้สึกผมได้ช่วยเพื่อนผีด้วยกัน รู้สึกดีมากครับ รู้สึกตัวเองมีประโยชน์ตอนนั้นก็รู้สึกอยากจัดการตามที่ตั้งใจแต่ไม่ได้เป็นความรู้สึกได้บุญเต็มที่อะไรเพราะจิตใจก็ไม่ได้ตั้งใจอยากจะช่วยเค้าเต็มที่เท่าไรนัก ช่วยตามที่เห็นว่าเป็นผีเหมือนกันและเราก็ผ่านเรื่องแบบนั้นมาก่อน ^_^
>>>>>>> เพื่อนของผี
ผมรู้จักกับครอบครัวหนึ่งได้เจอกันตั้งแต่ที่ เราไปเที่ยวงานวัด ครอบครัวนี้ก็มีคล้ายผมนี่ล่ะ มีผี (ที่ต้องการจะมาเกิดกับครอบครัวนี้แต่เค้าก็ไม่ได้เกิดสะที) เค้าก็มารอ พี่สาวเค้าที่เกิดมาโตแล้ว เค้าก็รอกะว่าจะอยากเกิดมาอยู่ในท้องพี่สาว เค้าเป็นเพื่อนของผมนี่ล่ะ แต่นอกแก็งผีกัน
มันชื่อว่า "ไอ้ยอด" แต่ผมก็เรียกคุณยอดนะที่บ้านเค้าก็รู้ มีคนมาดูให้และบอกว่าที่บ้านมีเด็กจะมารอเกิดนะ
จะเกิดในท้องของลูกสาวก็เลยตั้งชื่อว่า ยอดชาย ผมก็คิดนะ เออ ดีว่ะมีคนชื่อให้ด้วยกูนี่ตั้งชื่อเอง มันเป็นผีที่ขี้เล่นและมองโลกในแง่ดี
ไม่ได้มองว่าการที่ต้องรอเป็นเรื่องเสียเวลาก็ดีได้อยู่ดู ดูโน้นดูนี่และใช้เวลาของมันอย่างเต็มที่กับครอบครัวนั้น แต่มันก็ช่วยอะไรเค้าไม่ได้อยู่แล้วผมก็
แนะนำว่าอย่างน้อยถ้าแว่บได้นะ ก็แว่บไปโน้นไปนี่ได้นะ
เหตุการณ์เกิดขึ้นคือ พี่สาวของยอด คนที่มันรออยากจะมาเกิด พี่สาวเค้าป่วย เป็นโรคสมัยก่อน เมื่อสมัยก่อนป่วยนิดหนึ่งก็เรื่องใหญ่ล่ะ พอเป็นแล้วจะมีลูกไม่ได้ คล้ายกับว่าเป็นมะเร็งปากมดรูด ยอดชายก็ไม่ได้เกิดแน่ มันก็รู้ตัวแล้ว พอมันรู้ตัวว่าไม่ได้เกิดก็มาปรึกษากับผม
บอกว่า “กูควรจะไปที่อื่นดีไหมแล้วถ้ากูอยู่จะมีปัญหาอะไรไหม” เค้าคงมีมันไม่ได้แน่ ยอดก็ไม่เข้าใจตนเองจะอยู่ต่อดีไหม แล้วจะอยู่รออะไร
ผมบอกว่า“ไม่รู้จะไปไหนก็ไม่ต้องไป ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเรื่องเกิดไม่เกิดก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรอยู่ด้วยกันไป กูก็มาหาเรื่อยทักทายกันอยู่เป็นเพื่อนกัน”
ยอดก็บอก “เออจริง กูก็มีอยู่นะ” แต่ยอดกลับตัดสินใจแล้วครับว่าไม่อยากอยู่ ผมก็เข้าใจละครับ คือจิตเมื่อมันไม่มีเป้าหมายอยู่ เพราะอะไรถึงอยู่ ไม่มีสิ่งเหนี่ยวรั้งแล้วจิตมันก็ต้องไปต่อ ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่ามันจะไป ผมเจอกับครอบครัวนี้อีกที แต่ไม่เห็นมันแล้ว เลยรู้แล้วเวลาของมันไม่อยากอยู่จิตก็ต้องไปต่อ
ก็เป็นการสูญเสียเพื่อนละครับ แต่เรายังอยู่รู้สึกเค้าไปแล้ว แต่ทำไมเราถึงยังไม่ได้ไป แล้วเมื่อไรจะเป็นวันของเรา เรายังอยากอยู่ที่นี่อยู่ไหม
หรือไปต่อโดยการวางทุกอย่างไป ไม่ต้องคิดถึงอะไรละ ทุกอย่างไม่อยากจะดูแลไม่อยากจะห่วง หรือเราจะหาสิ่งที่หวงแหงและต่อไปดี?
>>>>>> หลงรักนางไม้
เรื่องของเรื่อง คือผมชอบไปหาเรื่องนางตานี ผมจะอธิบายนางตานีให้ฟังนะครับ คนส่วนใหญ่จะคิดว่านางตานีจะต้องสวยๆ ไม่ใช่นะครับ บางทีเป็นเด็ก
บางทีก็แก่ แล้วแต่ภาพของเค้าว่าจะสร้างแบบไหน ไม่มีหรอกครับจะแก่ จะสวยหรือจะสาว หน้าตาอย่างไรสร้างเองได้หมดเลยเหมือนพวกหลอกลวงโลกครับ
ผมไปวันก่อนก็อีกรูปหนึ่ง ไปวันนี้ก็อีกรูปหนึ่ง ผมรู้นะว่าเค้าอยู่ต้นนี่ผมจำได้ล่ะไม่ได้ไปไหน จะเป็นดงกล้วยครับรู้ว่านางตานีจะอยู่กันเยอะๆตรงนี้
นางตานีจะอยู่นิดๆของเค้าและเค้าจะติดกับต้นกล้วยมาก ถ้าเค้าเห็นว่าต้นเค้าเป็นปรี่กล้วย ออกลูก ออกมาเค้าจะรู้สึกเหมือนตั้งครรภ์ เค้าจะมีความสุขมาก ผมก็ชอบไปแกล้งครับพวกเค้าจะอยู่เฉยๆ ผมก็ไปผลักเค้ามันเป็นการกระแทกกันเหมือนผมไปชนอะไรมันก็แปลกดีครับ
พอไปชนเค้าก็จะตกใจร้อง โอ๊ยวาย แต่พวกเค้าก็ทำไรไม่ได้เพราะห่างจากต้นกล้วยไม่ได้ เค้าอาจจะเหาะตามเรามานะ แต่ถ้าเหาะตามเรามามากเค้าก็จะห่วงต้นของเค้าและพอกับไปที่ต้นเราก็ไปผลักเค้าอีกนี่ เป็นวิธีการแกล้งนางตานีที่ผมชอบทำกัน วันนั้นไปผมก็ชอบไปแกล้งนางตานี
แกล้งเสร็จแล้วผมก็กำลังจะเหาะหนีก็ไปผ่านป่า
เป็นครั้งแรกเลยครับที่ผมเจอ"นางไม้" เค้าอยู่กับต้นไม้ใหญ่มากๆครับ อายุน่าจะประมาณเกือบ 100 กว่าปีได้ ผมก็เข้าไปดูใกล้ๆ เพราะเราไม่เคยเห็นจิตที่สว่างมากขนาดนี้เป็นรูปเป็นร่างชัดเจน และได้ยินเสียง เสียงเพาะมากครับเหมือนเป็นเสียงของเค้าร้องเพลง ผมจำได้เลยว่า ไอ้ไข่นุ้ยตอนนั้น
เหมือนโดนจะสะกดไว้เลยผมก็นั่งมอง ลอยตามเข้าไป
นางไม้ก็รู้นะครับว่าเราฟังเค้าแต่ก็ไม่ได้หยุดร้อง สักพักเค้าบอกว่า "ชอบมาแกล้งนางตานีแถวนี้เหรอ พวกเค้าเป็นผีที่ดีนะ เธอไม่น่ามาแกล้งเค้าพวกเค้าพอตกใจมันทำให้จิตเค้าสั่นไหว เราก็อยู่ตรงนี้ถ้าไม่มีเพื่อนเล่นก็มาเล่นกับเราได้ กลับไปนะ" ผมนี่ลอยผ่านดงกล้วยกลับบ้าน ไม่แว่บกลับด้วยครับ
ผ่านนางตานีก็ตบหัวบ้างตีผมบ้าง ผมก็เฉยไม่รู้สึกเลย พอไปถึงพี่ไสวทักก่อนเลย ว่า “โดนมนต์อะไรมา ไปโดนของที่ไหนมาเหรอเปล่าเนี่ย”
จิตมันอยู่ลอยๆเหมือนจะออกจากกัน "ไปโดนของอะไรมา" ผมก็บอกว่า “ผมไม่ได้โดนของอะไรเพิ่งเห็นนางไม้เป็นครั้งแรก”
พี่ไสวก็บอกว่า “อย่าไปอีกนะ”
พี่ไสวบอกว่า “นางไม้กับเรา เค้าสูงกว่าเราเยอะ ถ้าไปบ่อยๆจิตจะแตกสลายได้ เค้าระดับกึ่งเทวดาเรามันแค่ผีเรร่อน
ถ้าไปบ่อยๆจิตเราจะสลายไปหาเค้าไปอยู่รวมกับเค้า เห็นแบบนั้นมีจิตหลายชีวิตที่ไปรวมร่างกับเค้าแล้ว"
ผมก็เปลี่ยนจากความรักกลายเป็นความกลัว รักของผมจบภายในพริบตาไอ้ความรู้สึกแบบนั้นคือเราจะไปรวมกับเค้า มิน่าเราถึงอยากจะอยู่กับเค้าเลยไม่อยากกลับแล้ว เป็นผีเฝ้านางไม้แน่ นางไม้มีความใหญ่และร่มเย็น อบอุ่น น่าดึงดูด น่าอยู่อาศัยด้วย นี่ล่ะครับ รักแรกก็จบลงอย่างรวดเร็ว T-T
(ขอบคุณมากนะคะที่อ่าน)