หนุ่มน้อยหอยสังฆ์ เดี่ยวเยือนดินแดนต้องคำสาปประเทศมาเลเซีย (Langkawi)
เป็นเรื่องธรรมดาตามประสาหนุ่มโสดที่มีความอิสระในเส้นทางชีวิตของตัวเองเพื่อหาประสบการณ์ใหม่อยู่ตลอด และนี้เป็นอีกทริปที่ใช้เวลาวันหยุดยาวช่วงฤดูร้อนท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน ตอนเด็นๆได้รู้เรื่องตำนานพระนางมัสสุหรีในตำราหรือจากครูที่สืบสานกันมาแต่ไม่เคยได้ไป ณ สถานที่ที่กล่าวนี้เลย หากวันหนึ่งได้ไปเยือนสถานที่ที่กล่าวถึงนี้มันคงตื่นเต้นน่าดู ในวันที่ 5-8 พฤษภาคม 2559 ผมตัดสิ้นใจอย่างกระทันหันหาข้อมูลการท่องเที่ยวจากแหล่งต่างๆ เช่น กระทู้พันทิป, หนังสือ, เว็บไซน์และจากการสอบถามคนที่เคยไปมาเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด
ในวันหยุดที่อากาศร้อนในเดือนพฤษภาคม หลายคนหนี้อากาศที่ร้อนเที่ยวทะเล, น้ำตก, ภูเขา ผมเองก็เช่นกันครับชวนเพื่อนๆหลายคนก็หาเวลาตรงกันยากเหลือเกินคงไม่รีรอแล้วหากยังคงรอกันอยู่คงไม่ได้เดินทางสักที ผู้ชายโสดอย่างเราคงไม่อันตรายมากนักสำหรับการเที่ยวคนเดียว เพราะผมมองว่าทุกคนรอบข้างคือเพื่อนกันแต่อย่าประมาทจนเกินไปนะครับเหตุอันตรายเกิดได้ตลอดเวลา
ใครๆหลายคนสงสัยว่าในกระเป๋าเป้ของ Backpacker มีอะไรบ้างที่นอกเหนือจากเสื้อผ้า เอาว่าการเที่ยวแบบ Backpacker คือการท่องเที่ยวแบบลุยไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ ฉะนั้น Backpacker จะเตรียมเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง สิ่งของที่จำเป็นมีไม่กี่อย่างครับเช่น
- พาสปอร์ต, เอกสารสำคัญ
- อุปกรณ์ถ่ายภาพ
- มือถือ
- ที่ชาร์ท, เพาเวอร์แบงค์
- พลาสเตอร์, ยา
- อุปกรณ์อาบน้ำ
- สมุด, ปากกา
- ร้องเท้าแตะ
ส่วนเสื้อผ้าขึ้นอยู่กับระยะเวลาตลอดทริปของแต่ละคน
ในวันเดินทางอากาศค่อนข้างร้อน อบอ้าว รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่กำลังจะเดินทางเหมือนเรากำลังจะออกไปเรียนโลกกว้าง เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้พบเจอเรื่องราวมากมายในระหว่างเดินทาง ผมใช้เวลาหาข้อมูลในทริปนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนการเดินทาง ผมเชื่อว่าความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญของนักเดินทางทุกคน
เช้าวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2559 ผมตื่นมาแต่เช้าเพื่อจัดกระเป๋า "ยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลย"ผมเดินทางด้วยรถทัวร์กรุงเทพ-สตูล ออกเวลา 17:30 น. คนบนรถส่วนใหญ่เป็นคนใต้"แล่นใต้กันหนุกนิ"ดูเรื่อยๆไม่รีบร้อนที่นั่งบนรถสบาย คงอีกนานกว่าจะถึงของีบแปป
เวลา 21:20 น. แวะทานข้าวจุดพักรถ 20 นาที ทานเป็นข้าวต้มอิ่มท้องเลย เริ่มดึกแอร์เย็นมากครับเอาผมนอนไม่หลับทั้งคืน คือช่องแอร์ปกติจะปิดหรือเปิดได้แต่ตรงที่ผมนั่งไม่มีฝาปิดเปิดเป็นช่องโหว่พอตกดึกคนอื่นปิดกันหมดเหลือช่องเดียวตรงผมนั่ง โอ้ยยยพระเจ้าออกมาแบบไม่ปรานีผมเลยผ้าห่มก็เอาไม่อยู่ละครับ"หดหมดเลย อิอิอิ อะไรหดอ่า"
เวลา 06:00 น. สดุ้งตื่นมาเปิดผ้าม่าน อะไรว่ะเพิ่งจะถึงทุ่งส่งคืออารมณ์เสียแต่เช้าเลยผม ในตารางเดินรถระบุถึง บขส สตูล 05:15 นาที แล้วนี้อะไรหกโมงแล้วยังอยู่ทุ่งส่งอยู่อีก คือไม่รู้นะว่าเมือคืนคนขับเค้าขับหรือรุนรถไม่เข้าใจครับ คือแผนผมล้มเลยตอนแรกแพลนไว้จะนั่งเรือจากท่าตำมะลันรอบเช้า 09:30 น. ถึงลังกาวีจะได้มีเวลาเที่ยวมากหน่อย แต่นี้ไม่ใช่ละต้องเปลี่ยนแผนใหม่หมด สรุปแล้วสาเหตุที่ช้าคือเล่นรับ-ส่งคนตลอดทางเหมือนรถเมย์ไม่ไหวจริง สุดท้ายถึง บขส สตูล 10:00 น. ล่าช้ากว่าเวลาปกติ 5 ชม. "เอาเวลากูคืนมา"
หลังจากลงรถทัวร์ บขส สตูลรีบนั่งวินมอเตอร์ไซต์ไปท่าเรือตำมะลันค่าโดยสาร 60 บาท บางเจ้าจะคิด 80 แล้วแต่โชค นั่งประมาณ 15 นาทีก็ถึงท่าเรือครับ รีบจองตั๋วได้รอบ 13:00 น. ราคาผู้ใหญ่ 300 บาทครับ ยังเหลือเวลาเหลือเฟือหาอะไรทานจะดีกว่าไหมหิวแล้ววว โอ้วได้ทานอาหารใต้สักที "ชอบอาหารใต้"หร่อยจริงแหล
ก่อนเรือออกประมาณ 30 นาที ตม. จะเรียกเพื่อผ่านด่านแสดง Passport ก็เรียบร้อยครับ
"รู้สึกตื่นเต้นจังจะได้ข้ามไปฝั่งลังกาวีแล้วครับ" ถือว่าผมโชคร้ายจังครับได้ที่นั่งในชั้นล่างที่นั่งดูจะหายใจไม่ค่อยสะดวก อากาศไม่ค่อยถ่ายเท ไม่เป็นไรครับนั่งไม่ได้นาน 1 ชม. ถึงท่าเรือ Jetty kuah ลังกาวีครับ หลังจากที่ลงเรือรีบไปด่าน ตม. มาเลเซียเพื่อปั้มเข้าประเทศครับ ใช้เวลาไม่นานนะครับไม่เกิน 10 นาที เพราะผมคนแรก อิอิอิ "ผมชอบทำอะไรเร็วกว่าเพื่อนตลอด"ออกจากท่าเรือมาหน้า Jetty มีแท็กซี่มารอรับมากมายครับ ถ้าใครจะนั่งแท็กซี่ก็ได้ครับหรือบริการเช่ารถก็ได้แล้วแต่ความสะดวก แต่ผมเลือกนั่งแท็กซี่กลับโรงแรมก่อนครับเหนื่อย ขออาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันก่อน ไม่ไหวแล้วนิ"รถทัวร์เล่นเอาผมเพลีย"ถือว่าผมโชคดีครับตอนเช็คอินโรงแรมผมไม่เสียค่ามัดจำ ปกติโรงแรมมาเลเซียจะเสียอยู่ประมาณ 500 บาท
สำหรับห้องนอนไม่ได้สวยหรูแต่พักได้เพียงพอตัวครบตามที่เราคิดว่าพอ"พอสำหรับตัวผมเองนะครับ"
หลังจากจัดการชีวิตตัวเองได้แล้ว เอาละได้เวลาตระเวรรอบเมืองละ ไม่รีรอช้าครับจากโรงแรมไปที่ Eagle Rock ไม่ไกลครับใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงละครับ ในระหว่างที่ผมเดินบนฟุตบาทตลอดทางผมรู้สึกถึงความเป็นระเบียบของเมืองนี้จัง มีการจัดระเบียบได้ดีไม่วุ่นวาย ต้นไม้เขียวขจีเต็มเมือง เย็นสบาย รถราไม่ติดขัด ดูไม่มีอันตราย ไม่เหมือนบ้านเราอยู่นิ่งๆยังโดนฆ่าเลยคนพิการก็ไม่เว้น
Eagle Rock สำหรับอนุสาวรีย์นกอินทรีย์ ช่วงเย็นมีคนไปถ่ายรูปเยอะเลยทั้งนักท่องเที่ยวและคนมาเลเอง ตั้งตระง่าอยู่ริ่มหาดลมพัดโชยช่างน่ามีใครสักคนยืนข้างๆนะครับ"อ่ะแอบเหงา ปกติของคนโสดครับ"บวกกับมีเรือเล็กใหญ่เข้าเทียบท่าแล่นไปมาและพระอาทิตย์กำลังจะดิ่นลงสู่ทะเลแสงสะท้อนจากน้ำทะเลระยิบระยับสวยจิงๆ
เวลา 20:47 น. เป็นมื้อแรกที่ลงท้อง ณ เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ผมสั่งเป็นข้าวผัดกับน้ำชาเย็น อร่อยครับไม่ทานข้าวผัดแบบนี้มานานแล้ว ผมนั่งหน้าร้านบรรยากาศดีมากมองรอบข้างคนมาเลมานั่งทานข้าวกันเป็นรอบครัวโอบลูกออบหลานมานั่งกินข้าวดูแล้วมีความสุขไปด้วย "ชักอยากจะมีแฟนแล้วละซิเรา" คนส่วนใหญ่ในเมืองเล็กแห่งนี้ดูท่าจะมีฐานะกันทุกคนอาจไม่ร่ำรวยมากมายแต่มีใช้มีกินอยู่สบาย ทุกคนมีรถขับกันทุกคนรถมินิวิ่งบนถนนเยอะเลย ส่วนมอไซต์เห็นน้อยมากนะครับ บ้านเมืองเค้าน่าอยู่มากครับดูไม่วุ่นวายเหมือนบ้านเรา ไม่เป็นอันตรายจะไปไหนมาไหนได้สะดวก ผมชักจะหลงไหลในเมืองเล็กๆแห่งนี้แล้วซะมั้งครับ "หากผมมีแฟนผมจะพาแฟนมานั่งกินข้าวที่ร้านนี้อีกครั้งครับ"
เช้าวันที่ 7 พฤษภาคม 2559 ที่จริงแล้ววางแพลนเที่ยวแล้วละว่าจะไปไหนแต่ยังไม่ได้วางแผนการเดินทางเลยว่าจะไปยังไง ตื่นเช้ามาจัดการส่วนตัวเสร็จก็ลงมาเคาน์เตอร์บอกให้พนักงานติดต่อกับรถแท็กซี่หน่อย ดีนะที่พนักงานโรงแรมเป็นคนบ้านผมเลยได้พิเศษหน่อย สุดท้ายผมได้แท็กซี่มาคนขับชื่อแซมเป็นชาวอินเดียอยู่ลังกาวีมา 20 ปีละครับตกลงค่ารถ 1,200 เที่ยวทั้งวัน ปล.สำหรับเรื่องการเดินทางขอแชร์หน่อยครับ คือหลายคนคิดว่าการเหมาแท็กซี่กับเช่ารถควรเช่ารถคุ้มกว่า ใช่ครับคุ้มว่าแน่นอนหากเราชำนาญทางและรู้กฎจราจรได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่ชำนาญทางผมแนะนำให้เหมาซี่ดีกว่าไปกันหลายคนหารกันไม่กี่บาทเพราะคิดว่าถ้าไม่ชำนาญทางเอาเวลาหลงทางมาเที่ยวดีกว่า หากจะให้จอดรถเพื่อถามเส้นทางตลอดทางคงไม่ใช่
พระตำหนักพระนางมัสสุหรี
ตำนานพระนางมัสสุหรีแห่งลังกาวี เกาะลังกาวี (Langkawi) แห่งรัฐเคดาห์หรือเมืองไทรบุรีหากไม่มีเรื่องราวของนางมาซูรีแล้ว เกาะแห่งนี้ก็เหมือนเกาะทั่วๆไป นางมัสสุหรีนั้นเป็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่เกิดมีเหตุการณ์สำคัญทำให้นางเสียชีวิตบนเกาะลังกาวีแห่งนี้ พร้อมกับคำสาปแห่งการแสดงความบริสุทธิ์ คือ โลหิตสีขาวเหมือนยางพารา
การแลกกันระหว่างชีวิตและคำสาปแช่งเป็นบทพิสูจน์สุดท้ายที่นางพยายามดิ้นรนออกจากการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมนั้น เป็นบทพิสูจน์ที่ทำให้เกาะลังกาวีได้ตกอยู่ในอำนาจของคำสาปที่จมอยู่ในความมืดดำเช่นเดียวกับชายหาดที่มีสีดำ นัยว่าเกาะแห่งนี้ถูกอำนาจแห่งความบริสุทธิ์นั้นสาปแช่งให้จมอยู่กับความตกต่ำ เป็นอาถรรพ์ครอบคลุมมาถึง ๗ ชั่วอายุคน ผมเคยได้ยินแต่เพียงในตำราหรือคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่แต่ไม่เคยได้มาเยือนที่นี้ วันนี้ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วตื่นเต้นดีจังครับ แต่ยุคสมัยที่มีการพัฒนาการอยู่ตลอดทำให้สิ่งแวดล้อมรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาบางสถานที่ถูกปรุ่งแต่งขึ้นมาใหม่ หากย้ายกลับไปตอนพระนางยังคงมีชีวิตอยู่บ้านหลังนี้ก็คงเหมือนกระท่อมเล็กๆหรือพระตำหนักเรือนเล็กๆและไร้ผู้คนที่มากมายเหมือนปัจจุบัน ผมใช้เวลา 1 ชม. เดินดูรอบบ้านและการจัดนิทรรศการแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับค่าเข้าคนต่างชาติ 150 บาทครับ
กระเช้าลอยฟ้า (Cable Car)ออกเดินทางจากพระตำหนักมัสสุหรีมุ่งหน้าสู่เคเบิ้ลคาร์ แซมใช้เวลาเดินทางประ 30 นาทีก็ถึงครับ"แซมมารยาทดีครับ ผมเข้าใจว่าวันนั้นอากาศร้อนผมเลยจะซื้อน้ำให้แซมดื่ม แต่ทุกคำชวนถูกแซมปฏิเสธตลอด"วันที่ผมไปตรงกับวันหยุดของมาเลเซียด้วยครับคนค่อนข้างเยอะกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ทั้งชาวไทยและชาวจีนจีนส่วนกรุ๊ปทัวร์ฝรั่งไม่ค่อยมีครับถ้าก็จะมาแบบ Backpacker
จากที่ผมดูนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนมาเลมาเที่ยวเป็นครอบครัวในวันหยุด สำหรับค่าเข้าผมโดนไป 450 บาท มีรวมกิจกรรมอื่นด้วยครับ กว่าจะได้ขึ้นแถวยาวครับ สำหรับผมได้ขึ้นกัน 5 คน ชาวจีน 2 คน อินเดีย 2 และผมคนเดียว
ข้างบนอาการค่อนข้างดีครับเย็นสบาย แต่ตอนที่ผมไปก้อนเมฆแอบมาบังท้องฟ้าอันสวยงามผมไปน่าเสียดายจัง จากที่ผมได้คุยกับคนที่ด่านตำมะลันสตูล บอกว่าแรงงานชาวไทยนี้แหละไปทำเคเบิ้ลคาร์ ตอนเปิดใหม่ๆค่าบริการแค่ 150 บาท ขึ้นเป็น 300 และปัจจุบัน 450 บาท
หมอกปกคลุมสะพานแขวนดูแล้วเป็นภาพที่สวยจังครับ"ผมจะพาแฟนผมมาที่นี้อีกครั้ง เพ้อตลอดดด"
[CR][SR] หนุ่มน้อยหอยสังฆ์เดี่ยวลังกาวีปาะเทศมาเลเซีย
เป็นเรื่องธรรมดาตามประสาหนุ่มโสดที่มีความอิสระในเส้นทางชีวิตของตัวเองเพื่อหาประสบการณ์ใหม่อยู่ตลอด และนี้เป็นอีกทริปที่ใช้เวลาวันหยุดยาวช่วงฤดูร้อนท่องเที่ยวประเทศเพื่อนบ้าน ตอนเด็นๆได้รู้เรื่องตำนานพระนางมัสสุหรีในตำราหรือจากครูที่สืบสานกันมาแต่ไม่เคยได้ไป ณ สถานที่ที่กล่าวนี้เลย หากวันหนึ่งได้ไปเยือนสถานที่ที่กล่าวถึงนี้มันคงตื่นเต้นน่าดู ในวันที่ 5-8 พฤษภาคม 2559 ผมตัดสิ้นใจอย่างกระทันหันหาข้อมูลการท่องเที่ยวจากแหล่งต่างๆ เช่น กระทู้พันทิป, หนังสือ, เว็บไซน์และจากการสอบถามคนที่เคยไปมาเพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด
ในวันหยุดที่อากาศร้อนในเดือนพฤษภาคม หลายคนหนี้อากาศที่ร้อนเที่ยวทะเล, น้ำตก, ภูเขา ผมเองก็เช่นกันครับชวนเพื่อนๆหลายคนก็หาเวลาตรงกันยากเหลือเกินคงไม่รีรอแล้วหากยังคงรอกันอยู่คงไม่ได้เดินทางสักที ผู้ชายโสดอย่างเราคงไม่อันตรายมากนักสำหรับการเที่ยวคนเดียว เพราะผมมองว่าทุกคนรอบข้างคือเพื่อนกันแต่อย่าประมาทจนเกินไปนะครับเหตุอันตรายเกิดได้ตลอดเวลา
ใครๆหลายคนสงสัยว่าในกระเป๋าเป้ของ Backpacker มีอะไรบ้างที่นอกเหนือจากเสื้อผ้า เอาว่าการเที่ยวแบบ Backpacker คือการท่องเที่ยวแบบลุยไม่ได้สะดวกสบายเหมือนเที่ยวกับกรุ๊ปทัวร์ ฉะนั้น Backpacker จะเตรียมเฉพาะของที่จำเป็นเท่านั้นเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง สิ่งของที่จำเป็นมีไม่กี่อย่างครับเช่น
- พาสปอร์ต, เอกสารสำคัญ
- อุปกรณ์ถ่ายภาพ
- มือถือ
- ที่ชาร์ท, เพาเวอร์แบงค์
- พลาสเตอร์, ยา
- อุปกรณ์อาบน้ำ
- สมุด, ปากกา
- ร้องเท้าแตะ
ส่วนเสื้อผ้าขึ้นอยู่กับระยะเวลาตลอดทริปของแต่ละคน
ในวันเดินทางอากาศค่อนข้างร้อน อบอ้าว รู้สึกตื่นเต้นทุกครั้งที่กำลังจะเดินทางเหมือนเรากำลังจะออกไปเรียนโลกกว้าง เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และได้พบเจอเรื่องราวมากมายในระหว่างเดินทาง ผมใช้เวลาหาข้อมูลในทริปนี้ประมาณ 1 อาทิตย์ก่อนการเดินทาง ผมเชื่อว่าความพร้อมเป็นสิ่งสำคัญของนักเดินทางทุกคน
เช้าวันพฤหัสบดีที่ 5 พฤษภาคม 2559 ผมตื่นมาแต่เช้าเพื่อจัดกระเป๋า "ยังไม่ได้จัดกระเป๋าเลย"ผมเดินทางด้วยรถทัวร์กรุงเทพ-สตูล ออกเวลา 17:30 น. คนบนรถส่วนใหญ่เป็นคนใต้"แล่นใต้กันหนุกนิ"ดูเรื่อยๆไม่รีบร้อนที่นั่งบนรถสบาย คงอีกนานกว่าจะถึงของีบแปป
เวลา 21:20 น. แวะทานข้าวจุดพักรถ 20 นาที ทานเป็นข้าวต้มอิ่มท้องเลย เริ่มดึกแอร์เย็นมากครับเอาผมนอนไม่หลับทั้งคืน คือช่องแอร์ปกติจะปิดหรือเปิดได้แต่ตรงที่ผมนั่งไม่มีฝาปิดเปิดเป็นช่องโหว่พอตกดึกคนอื่นปิดกันหมดเหลือช่องเดียวตรงผมนั่ง โอ้ยยยพระเจ้าออกมาแบบไม่ปรานีผมเลยผ้าห่มก็เอาไม่อยู่ละครับ"หดหมดเลย อิอิอิ อะไรหดอ่า"
เวลา 06:00 น. สดุ้งตื่นมาเปิดผ้าม่าน อะไรว่ะเพิ่งจะถึงทุ่งส่งคืออารมณ์เสียแต่เช้าเลยผม ในตารางเดินรถระบุถึง บขส สตูล 05:15 นาที แล้วนี้อะไรหกโมงแล้วยังอยู่ทุ่งส่งอยู่อีก คือไม่รู้นะว่าเมือคืนคนขับเค้าขับหรือรุนรถไม่เข้าใจครับ คือแผนผมล้มเลยตอนแรกแพลนไว้จะนั่งเรือจากท่าตำมะลันรอบเช้า 09:30 น. ถึงลังกาวีจะได้มีเวลาเที่ยวมากหน่อย แต่นี้ไม่ใช่ละต้องเปลี่ยนแผนใหม่หมด สรุปแล้วสาเหตุที่ช้าคือเล่นรับ-ส่งคนตลอดทางเหมือนรถเมย์ไม่ไหวจริง สุดท้ายถึง บขส สตูล 10:00 น. ล่าช้ากว่าเวลาปกติ 5 ชม. "เอาเวลากูคืนมา"
หลังจากลงรถทัวร์ บขส สตูลรีบนั่งวินมอเตอร์ไซต์ไปท่าเรือตำมะลันค่าโดยสาร 60 บาท บางเจ้าจะคิด 80 แล้วแต่โชค นั่งประมาณ 15 นาทีก็ถึงท่าเรือครับ รีบจองตั๋วได้รอบ 13:00 น. ราคาผู้ใหญ่ 300 บาทครับ ยังเหลือเวลาเหลือเฟือหาอะไรทานจะดีกว่าไหมหิวแล้ววว โอ้วได้ทานอาหารใต้สักที "ชอบอาหารใต้"หร่อยจริงแหล
ก่อนเรือออกประมาณ 30 นาที ตม. จะเรียกเพื่อผ่านด่านแสดง Passport ก็เรียบร้อยครับ
"รู้สึกตื่นเต้นจังจะได้ข้ามไปฝั่งลังกาวีแล้วครับ" ถือว่าผมโชคร้ายจังครับได้ที่นั่งในชั้นล่างที่นั่งดูจะหายใจไม่ค่อยสะดวก อากาศไม่ค่อยถ่ายเท ไม่เป็นไรครับนั่งไม่ได้นาน 1 ชม. ถึงท่าเรือ Jetty kuah ลังกาวีครับ หลังจากที่ลงเรือรีบไปด่าน ตม. มาเลเซียเพื่อปั้มเข้าประเทศครับ ใช้เวลาไม่นานนะครับไม่เกิน 10 นาที เพราะผมคนแรก อิอิอิ "ผมชอบทำอะไรเร็วกว่าเพื่อนตลอด"ออกจากท่าเรือมาหน้า Jetty มีแท็กซี่มารอรับมากมายครับ ถ้าใครจะนั่งแท็กซี่ก็ได้ครับหรือบริการเช่ารถก็ได้แล้วแต่ความสะดวก แต่ผมเลือกนั่งแท็กซี่กลับโรงแรมก่อนครับเหนื่อย ขออาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟันก่อน ไม่ไหวแล้วนิ"รถทัวร์เล่นเอาผมเพลีย"ถือว่าผมโชคดีครับตอนเช็คอินโรงแรมผมไม่เสียค่ามัดจำ ปกติโรงแรมมาเลเซียจะเสียอยู่ประมาณ 500 บาท
สำหรับห้องนอนไม่ได้สวยหรูแต่พักได้เพียงพอตัวครบตามที่เราคิดว่าพอ"พอสำหรับตัวผมเองนะครับ"
หลังจากจัดการชีวิตตัวเองได้แล้ว เอาละได้เวลาตระเวรรอบเมืองละ ไม่รีรอช้าครับจากโรงแรมไปที่ Eagle Rock ไม่ไกลครับใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาทีก็ถึงละครับ ในระหว่างที่ผมเดินบนฟุตบาทตลอดทางผมรู้สึกถึงความเป็นระเบียบของเมืองนี้จัง มีการจัดระเบียบได้ดีไม่วุ่นวาย ต้นไม้เขียวขจีเต็มเมือง เย็นสบาย รถราไม่ติดขัด ดูไม่มีอันตราย ไม่เหมือนบ้านเราอยู่นิ่งๆยังโดนฆ่าเลยคนพิการก็ไม่เว้น
Eagle Rock สำหรับอนุสาวรีย์นกอินทรีย์ ช่วงเย็นมีคนไปถ่ายรูปเยอะเลยทั้งนักท่องเที่ยวและคนมาเลเอง ตั้งตระง่าอยู่ริ่มหาดลมพัดโชยช่างน่ามีใครสักคนยืนข้างๆนะครับ"อ่ะแอบเหงา ปกติของคนโสดครับ"บวกกับมีเรือเล็กใหญ่เข้าเทียบท่าแล่นไปมาและพระอาทิตย์กำลังจะดิ่นลงสู่ทะเลแสงสะท้อนจากน้ำทะเลระยิบระยับสวยจิงๆ
เวลา 20:47 น. เป็นมื้อแรกที่ลงท้อง ณ เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ผมสั่งเป็นข้าวผัดกับน้ำชาเย็น อร่อยครับไม่ทานข้าวผัดแบบนี้มานานแล้ว ผมนั่งหน้าร้านบรรยากาศดีมากมองรอบข้างคนมาเลมานั่งทานข้าวกันเป็นรอบครัวโอบลูกออบหลานมานั่งกินข้าวดูแล้วมีความสุขไปด้วย "ชักอยากจะมีแฟนแล้วละซิเรา" คนส่วนใหญ่ในเมืองเล็กแห่งนี้ดูท่าจะมีฐานะกันทุกคนอาจไม่ร่ำรวยมากมายแต่มีใช้มีกินอยู่สบาย ทุกคนมีรถขับกันทุกคนรถมินิวิ่งบนถนนเยอะเลย ส่วนมอไซต์เห็นน้อยมากนะครับ บ้านเมืองเค้าน่าอยู่มากครับดูไม่วุ่นวายเหมือนบ้านเรา ไม่เป็นอันตรายจะไปไหนมาไหนได้สะดวก ผมชักจะหลงไหลในเมืองเล็กๆแห่งนี้แล้วซะมั้งครับ "หากผมมีแฟนผมจะพาแฟนมานั่งกินข้าวที่ร้านนี้อีกครั้งครับ"
เช้าวันที่ 7 พฤษภาคม 2559 ที่จริงแล้ววางแพลนเที่ยวแล้วละว่าจะไปไหนแต่ยังไม่ได้วางแผนการเดินทางเลยว่าจะไปยังไง ตื่นเช้ามาจัดการส่วนตัวเสร็จก็ลงมาเคาน์เตอร์บอกให้พนักงานติดต่อกับรถแท็กซี่หน่อย ดีนะที่พนักงานโรงแรมเป็นคนบ้านผมเลยได้พิเศษหน่อย สุดท้ายผมได้แท็กซี่มาคนขับชื่อแซมเป็นชาวอินเดียอยู่ลังกาวีมา 20 ปีละครับตกลงค่ารถ 1,200 เที่ยวทั้งวัน ปล.สำหรับเรื่องการเดินทางขอแชร์หน่อยครับ คือหลายคนคิดว่าการเหมาแท็กซี่กับเช่ารถควรเช่ารถคุ้มกว่า ใช่ครับคุ้มว่าแน่นอนหากเราชำนาญทางและรู้กฎจราจรได้เป็นอย่างดี แต่ถ้าไม่ชำนาญทางผมแนะนำให้เหมาซี่ดีกว่าไปกันหลายคนหารกันไม่กี่บาทเพราะคิดว่าถ้าไม่ชำนาญทางเอาเวลาหลงทางมาเที่ยวดีกว่า หากจะให้จอดรถเพื่อถามเส้นทางตลอดทางคงไม่ใช่
พระตำหนักพระนางมัสสุหรี
ตำนานพระนางมัสสุหรีแห่งลังกาวี เกาะลังกาวี (Langkawi) แห่งรัฐเคดาห์หรือเมืองไทรบุรีหากไม่มีเรื่องราวของนางมาซูรีแล้ว เกาะแห่งนี้ก็เหมือนเกาะทั่วๆไป นางมัสสุหรีนั้นเป็นหญิงสาวผู้หนึ่งที่เกิดมีเหตุการณ์สำคัญทำให้นางเสียชีวิตบนเกาะลังกาวีแห่งนี้ พร้อมกับคำสาปแห่งการแสดงความบริสุทธิ์ คือ โลหิตสีขาวเหมือนยางพารา
การแลกกันระหว่างชีวิตและคำสาปแช่งเป็นบทพิสูจน์สุดท้ายที่นางพยายามดิ้นรนออกจากการถูกกล่าวหาอย่างไม่เป็นธรรมนั้น เป็นบทพิสูจน์ที่ทำให้เกาะลังกาวีได้ตกอยู่ในอำนาจของคำสาปที่จมอยู่ในความมืดดำเช่นเดียวกับชายหาดที่มีสีดำ นัยว่าเกาะแห่งนี้ถูกอำนาจแห่งความบริสุทธิ์นั้นสาปแช่งให้จมอยู่กับความตกต่ำ เป็นอาถรรพ์ครอบคลุมมาถึง ๗ ชั่วอายุคน ผมเคยได้ยินแต่เพียงในตำราหรือคำบอกเล่าจากผู้เฒ่าผู้แก่แต่ไม่เคยได้มาเยือนที่นี้ วันนี้ผมได้มายืนอยู่ตรงนี้แล้วตื่นเต้นดีจังครับ แต่ยุคสมัยที่มีการพัฒนาการอยู่ตลอดทำให้สิ่งแวดล้อมรอบข้างเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาบางสถานที่ถูกปรุ่งแต่งขึ้นมาใหม่ หากย้ายกลับไปตอนพระนางยังคงมีชีวิตอยู่บ้านหลังนี้ก็คงเหมือนกระท่อมเล็กๆหรือพระตำหนักเรือนเล็กๆและไร้ผู้คนที่มากมายเหมือนปัจจุบัน ผมใช้เวลา 1 ชม. เดินดูรอบบ้านและการจัดนิทรรศการแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับค่าเข้าคนต่างชาติ 150 บาทครับ
กระเช้าลอยฟ้า (Cable Car)ออกเดินทางจากพระตำหนักมัสสุหรีมุ่งหน้าสู่เคเบิ้ลคาร์ แซมใช้เวลาเดินทางประ 30 นาทีก็ถึงครับ"แซมมารยาทดีครับ ผมเข้าใจว่าวันนั้นอากาศร้อนผมเลยจะซื้อน้ำให้แซมดื่ม แต่ทุกคำชวนถูกแซมปฏิเสธตลอด"วันที่ผมไปตรงกับวันหยุดของมาเลเซียด้วยครับคนค่อนข้างเยอะกลุ่มกรุ๊ปทัวร์ทั้งชาวไทยและชาวจีนจีนส่วนกรุ๊ปทัวร์ฝรั่งไม่ค่อยมีครับถ้าก็จะมาแบบ Backpacker
จากที่ผมดูนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นคนมาเลมาเที่ยวเป็นครอบครัวในวันหยุด สำหรับค่าเข้าผมโดนไป 450 บาท มีรวมกิจกรรมอื่นด้วยครับ กว่าจะได้ขึ้นแถวยาวครับ สำหรับผมได้ขึ้นกัน 5 คน ชาวจีน 2 คน อินเดีย 2 และผมคนเดียว
ข้างบนอาการค่อนข้างดีครับเย็นสบาย แต่ตอนที่ผมไปก้อนเมฆแอบมาบังท้องฟ้าอันสวยงามผมไปน่าเสียดายจัง จากที่ผมได้คุยกับคนที่ด่านตำมะลันสตูล บอกว่าแรงงานชาวไทยนี้แหละไปทำเคเบิ้ลคาร์ ตอนเปิดใหม่ๆค่าบริการแค่ 150 บาท ขึ้นเป็น 300 และปัจจุบัน 450 บาท
หมอกปกคลุมสะพานแขวนดูแล้วเป็นภาพที่สวยจังครับ"ผมจะพาแฟนผมมาที่นี้อีกครั้ง เพ้อตลอดดด"
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว