จากดราม่าเมื่อคืนยาวมาถึงวันนี้ มีหลายๆประเด็นที่น่าสนใจ
รวมถึงที่เป็นประเด็นสงสัย หรือไม่เข้าใจของหลายๆท่านที่ไม่ได้คลุกคลีกับวงการ หรือวิชาชีพนี้นะครับ
** หมายเหตุ **
- บทความนี้อาจจะไม่ได้เรียบเรียงเป็นเรื่องราวนะครับ อาจจะหยิบเป็นประเด็นๆมากล่าว
- ด้วยผมสำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัย เป็นหลักสิบปีแล้ว ทำให้ข้อมูลเรื่องการศึกษาอาจไม่ทันสมัย หรือไม่ตรงกับปัจจุบันเท่าใดนักนะครับ
- บทความนี้เป็นมุมมองจากประสบการณ์ของผมเพียงคนเดียวครับ
ดังนั้นอาจจะไม่กว้างพอ หรือไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกของหลายสถาบัน หลายๆองค์กร หรือหลายๆกลุ่มนะครับ
1. เรียนสัตวแพทย์ต้องฆ่าสัตว์จริงหรือไม่?
คำตอบ : ใช่ครับ แต่ไม่เสมอไป และไม่ใช่ทุกคนที่จะฆ่าสัตว์
เหตุที่ต้องฆ่าเพราะ การเรียนทางกายวิภาคศาสตร์/สรีรวิทยา
หลายๆครั้งเราจำเป็นต้องศึกษาจากร่างที่ค่อนข้างสด เพื่อดูการทำงานของระบบต่างๆเช่นระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ ระบบเลือด ฯลฯ
ซึ่งเหล่านี้ไม่สามารถเรียนได้จากสัตว์ที่ผ่านการดอง สัตว์ที่เน่าเสีย หรือสัตว์ที่ตายมานานแล้วผ่านการแช่เข็งไว้
แต่ในปัจจุบันเรามี พรบ.สัตว์ทดลอง พรบ.คุ้มครองสัตว์ พรบ.สวัสดิภาพของสัตว์
ทำให้เราไม่สามารถเดินไปจับสัตว์ตัวหนึ่งมา นำมาศึกษาต่างๆ พอหนำใจแล้วแล้วก็ฆ่า แบบนี้ไม่ได้ครับ
การนำสัตว์มาทดลองนั้นต้องผ่านกระบวนการขออนุญาตต่างๆมากมายครับ ซึ่งค่อนข้างรัดกุม และมีเงื่อนไขเยอะมาก
ตรงนี้นิสิตนักศึกษาในชั้นปีแรกๆอาจไม่ได้เป็นคนดำเนินการเอง (ทำให้คิดว่าสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าเราได้มาง่ายๆ หาเอามาง่ายๆครับ)
กว่ารู้ว่ามันลำบาก ก็จนกว่าจะได้ดำเนินการด้วยตัวเอง ก็เป็นปีท้ายๆนู่นละครับ (ขอสำหรับใช้ทำโปรเจค/งานวิจัยตัวจบของตัวเอง)
ส่วนตัวผมเองตอนที่จะจบตอนขออนุญาตขอใช้สัตว์ทดลอง กว่าคณะกรรมการจะให้ผ่านก็ประมาณ 6 เดือน ครับ
แล้วด้วยปัจจุบันมีกฏระเบียบที่มากขึ้น สัตว์ที่มักจะต้องถูกการุณยฆาต มักจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น หนู กบ กระต่าย ปลา ไก่ ฯลฯ
โดยต้องมีการขออนุญาตก่อนนะครับ โดยอาจารย์ผู้สอน แต่ตัวสัตว์เหล่านี้นิสิตนักศึกษาอาจเป็นผู้นำมาเอง หรือทางสถาบันการศึกษาจัดเตรียมให้
และการทำการุณยฆาตอาจทำก่อนการศึกษา หรือหลังจากศึกษาเสร็จครับ โดยตัวนิสิตนักศึกษาเอง หรือทางเจ้าหน้าที่-อาจารย์
ซึ่งต้องทำตามกระบวนการ และขั้นตอนของ พรบ.สัตว์ทดลอง + พรบ.สวัสดิภาพสัตว์ ครับ
ส่วนสัตว์ที่ใหญ่ขึ้นมาเช่นสุนัข แมว หมู วัว ม้า ฯลฯ ปัจจุบันแทบไม่มีการเรียนการสอนที่ต้องจบด้วยทำการุณยฆาตแล้วครับ
เพราะอาจใช้จากการบริจาค หรือการออกพื้นที่แล้วใช้เคสจริงในการเรียนการสอน (หลังจากเรียนภาคทฤษฎีเสร็จ) ครับ
2.. เรียนสัตวแพทย์ต้องทำร้ายสัตว์หรือไม่?
ตอบ : ตอบอยากครับ เพราะ ระดับที่เรียกว่า "การทำร้าย" ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
เช่นการฝึกการฉีดยา เอาสุนัขทดลองหนึ่งที่แข็งแรงดี ไม่ได้ได้มีปัญหาอะไร มาฝึกฉีดยา
ปักเข็มที่มีไซริงค์ที่บรรจุน้ำเกลือเฉยๆ เข้าใต้ผิวหนัง เข้ากล้ามเนื้อ...เจ็บนะครับ
แบบนี้ถือว่าเป็นการทารุณสัตว์หรือทำร้ายสัตว์หรือไม่ครับ? ถ้าเป็นแล้วเราจะหาทางออกกันอย่างไรครับ?
หรือกรณีที่รุนแรงกว่านั้นคือการเรียนการสอนเรื่อง "การผ่าตัด" ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับ ผ่า - ตัด มันต้องมีอะไรที่ถูกนำออกจากร่างกายแน่นอน
สัตว์ต้องมีการบาดเจ็บ และไม่สมประกอบแน่นอน...ทารุณหรือไม่ครับ?
ถ้าเป็นแบบนั้นเราเรียนแต่ทฤษฎีได้ไหม?....อันนี้คงไม่ได้ เพราะตัวคุณเองคงไม่ไปรักษากับหมอที่รู้เพียงแต่อ่านหนังสือมา
ไม่ไปนั่งรถที่คนขับอ่านมาว่าต้องขับแบบนี้แต่ไม่เคยขับรถมาก่อนเลย ไม่ไปสร้างบ้านกับวิศวกรที่ไม่เคยเขียนแบบ/คุมงาน มาก่อนเลย
แล้วถ้าไม่เอาสัตว์ที่มีชีวิตมาผ่าจะเอาสัตว์ที่ตายแล้วมาผ่าได้ไหม?....จริงๆก็ได้ครับ
แต่มันมีความต่างกันมากครับ มากจนผมคิดว่าน้องๆที่เรียนเฉพาะสัตว์ที่ตายแล้วจะสามารถทำงานได้จริงหรือไม่
เพราะสัตว์ที่ตายแล้ว เลือดมันไม่ไหลนะครับ (เส้นเลือดมันมีทุกที่ ย้ำว่าทุกทีครับ เหมือนคุณโดนมีดบาดตรงไหน เลือดมันก็ไหลนั่นแหละครับ
แถมแต่ละตัวก็มีภาวะไม่เหมือนกันอีกต่างหาก) ชีพจรก็ไม่มี การหายใจก็ไม่มี แรงดันเลือดก็ไม่ต้องวัด
การเจ็บปวด หรือการเกร็ง-การยืด-หด-ขยายของกล้ามเนื้อ ผิวหนัง ฯลฯ
แถมผ่าสัตว์ที่ตายแล้วที่ยังไงก็ไม่เสียเลือด ยังไงก็ไม่ต้องระวังเรื่องสัตว์สัตว์ตกเลือดตาย
ตัดไปแล้ว ต่อให้เย็บส่งๆก็ไม่มีปัญหาอะไร = การผ่าตัดประสบความสำเร็จ = คิดว่ารู้แล้วว่าทำอย่างไร
แต่ของจริงไม่ใช่ครับ เลือดมันพร้อมจะไหลตลอดถ้าทำไม่ระวัง หรือไม่รู้ว่ามันมีเส้นเลือดอยู่ อวัยวะภายในมีการเคลื่อนที่ มีแรงดึง มีการเกร็ง
แผลมีการติดเชื้อ การตายของเนื้อ อวัยวะมีความบอบบาง เนื้อเยื่อก็แตกต่างกันมาก ฯลฯ
ถ้าจะไม่ใช่สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องใช้สัตว์ที่พึ่งตายภายในไม่กี่นาที ถึงจะใกล้เคียงสัตว์ที่ยังมีชีวิตมากที่สุด
ปัญหาคือเราจะไปหาจากที่ไหนครับ? แล้วถ้าได้มาจริงๆ จะพอเพียงต่อการเรียนการสอนหรือครับ?
สิ่งเหล่านี้มันก็เกิดความย้อนแย้งต่อมาว่า
--> หมอจบใหม่ไร้ประสบการณ์ ไม่เก่ง ผ่าตัดไม่ได้ ผ่าไปหมา-แมวตาย โดนด่า
(แน่นอนละครับถึงมีสัตว์ทดลองสำหรับการผ่าตัดในการเรียนการสอน แต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะได้ผ่าครับ อาจจะมีแค่ 1 ตัว/นิสิต 5-10 คน
เพราะจะให้ผ่าครบทุกคน ทุกอย่าง ต้องใช้สัตว์จำนวนเกือบๆพันตัว/เทอมนะครับ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ)
พอหมอไม่มีประสบการณ์ผ่าตัด พอมาทำงานจริง ก็ลำบากละครับ ไม่มีใครสอน ไม่รู้จะทำอย่างไรครับ ยิ่งมาเจออวัยวะที่สำคัญๆ
อวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงเยอะๆ เจอน้องหมอบางคนไม่เคยทำเอง พอต้องผ่าเผลอไปสะกิดโดน เลือดพุ่งเป็นเส้น ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกละครับ
ถ้าทำเองคนเดียว เปิดร้านเองมีหมอคนเดียวคงแก้ไขอะไรไม่ได้ละครับ
--> งั้นจัดสัตว์ทดลองมาเยอะๆ ผ่าไปเลย ฝึกไปเลย หมอจะได้เก่งๆ เพราะหมอได้ฝึกจากของจริง (ไม่ใช่ฝึกลูกๆที่น่ารักของแต่ละท่าน)
ปัญหาที่ตามมาคือสัตว์ที่ผ่านการเรียนการสอนไปแล้ว จะทำอย่างไร?
สัตว์ที่ถูกตัดอวัยวะออกไป สัตว์ที่ผ่านการทดลองมาแล้ว สภาพคงไม่ปกตินะครับ การที่ให้เขาอยู่ต่อสำหรับ
พรบ.สัตว์ทดลอง ก็ผิดครับ เรื่องของสวัสดิภาพสัตว์ก็ผิด สุดท้ายก็ต้องการุณยฆาตน้องๆเขาไป
ตรงนี้ก็กลายมาเป็นประเด็นให้คนที่รัก - คลั่งสัตว์ มาจุดประเด็นต่อต้านอีกครับ ว่าโหดร้าย ทารุณ บลาๆๆๆๆ
แล้วทุกอย่างมันก็คาราคาซังแบบนี้ เกิดดราม่าแบบนี้เรื่อยๆ
แต่อย่างที่กล่าวไปในข้อ 1 ปัจจุบันมีกฏหมายที่มาควบคุมตรงนี้เยอะมาก
สมัยผมก็ไม่ได้มีการฝึกตัดขาสุนัขแล้ว (ให้เป็นแลปแห้งแทน) ดังนั้นตอนทำเองครั้งแรกนี่เหงื่อแตกเลยนะครับ
เพราะอย่างที่เรารู้ว่าที่ต้นขาหลังมีเส้นเลือดใหญ่มากอยู่ ทำผิดนี่ถึงตายนะครับ
แล้วสมัยผมใช้สุนัขทดลองทั้งหมด 13 ตัว ในนี้มีเพียง 3 ตัวที่ถูกการุณยฆาตครับ เพราะสภาพร่างกายไม่ไหวจริง
10 ตัวที่เหลือก็กระจายให้แต่ละคนในแต่ละกลุ่มนั้นรับไปเลี้ยง (ตัวทดลองของกลุ่มผมอยู่มาได้อีก 9 ปีครับ)
เหรียญอีกด้านของวิชาชีพสัตวแพทย์...โลกนี้มันไม่ได้สวยงามเสมอไปครับ
รวมถึงที่เป็นประเด็นสงสัย หรือไม่เข้าใจของหลายๆท่านที่ไม่ได้คลุกคลีกับวงการ หรือวิชาชีพนี้นะครับ
** หมายเหตุ **
- บทความนี้อาจจะไม่ได้เรียบเรียงเป็นเรื่องราวนะครับ อาจจะหยิบเป็นประเด็นๆมากล่าว
- ด้วยผมสำเร็จการศึกษามาจากมหาวิทยาลัย เป็นหลักสิบปีแล้ว ทำให้ข้อมูลเรื่องการศึกษาอาจไม่ทันสมัย หรือไม่ตรงกับปัจจุบันเท่าใดนักนะครับ
- บทความนี้เป็นมุมมองจากประสบการณ์ของผมเพียงคนเดียวครับ
ดังนั้นอาจจะไม่กว้างพอ หรือไม่ได้มีข้อมูลเชิงลึกของหลายสถาบัน หลายๆองค์กร หรือหลายๆกลุ่มนะครับ
1. เรียนสัตวแพทย์ต้องฆ่าสัตว์จริงหรือไม่?
คำตอบ : ใช่ครับ แต่ไม่เสมอไป และไม่ใช่ทุกคนที่จะฆ่าสัตว์
เหตุที่ต้องฆ่าเพราะ การเรียนทางกายวิภาคศาสตร์/สรีรวิทยา
หลายๆครั้งเราจำเป็นต้องศึกษาจากร่างที่ค่อนข้างสด เพื่อดูการทำงานของระบบต่างๆเช่นระบบประสาท ระบบกล้ามเนื้อ ระบบเลือด ฯลฯ
ซึ่งเหล่านี้ไม่สามารถเรียนได้จากสัตว์ที่ผ่านการดอง สัตว์ที่เน่าเสีย หรือสัตว์ที่ตายมานานแล้วผ่านการแช่เข็งไว้
แต่ในปัจจุบันเรามี พรบ.สัตว์ทดลอง พรบ.คุ้มครองสัตว์ พรบ.สวัสดิภาพของสัตว์
ทำให้เราไม่สามารถเดินไปจับสัตว์ตัวหนึ่งมา นำมาศึกษาต่างๆ พอหนำใจแล้วแล้วก็ฆ่า แบบนี้ไม่ได้ครับ
การนำสัตว์มาทดลองนั้นต้องผ่านกระบวนการขออนุญาตต่างๆมากมายครับ ซึ่งค่อนข้างรัดกุม และมีเงื่อนไขเยอะมาก
ตรงนี้นิสิตนักศึกษาในชั้นปีแรกๆอาจไม่ได้เป็นคนดำเนินการเอง (ทำให้คิดว่าสิ่งที่วางอยู่ตรงหน้าเราได้มาง่ายๆ หาเอามาง่ายๆครับ)
กว่ารู้ว่ามันลำบาก ก็จนกว่าจะได้ดำเนินการด้วยตัวเอง ก็เป็นปีท้ายๆนู่นละครับ (ขอสำหรับใช้ทำโปรเจค/งานวิจัยตัวจบของตัวเอง)
ส่วนตัวผมเองตอนที่จะจบตอนขออนุญาตขอใช้สัตว์ทดลอง กว่าคณะกรรมการจะให้ผ่านก็ประมาณ 6 เดือน ครับ
แล้วด้วยปัจจุบันมีกฏระเบียบที่มากขึ้น สัตว์ที่มักจะต้องถูกการุณยฆาต มักจะเป็นสัตว์ตัวเล็กๆ เช่น หนู กบ กระต่าย ปลา ไก่ ฯลฯ
โดยต้องมีการขออนุญาตก่อนนะครับ โดยอาจารย์ผู้สอน แต่ตัวสัตว์เหล่านี้นิสิตนักศึกษาอาจเป็นผู้นำมาเอง หรือทางสถาบันการศึกษาจัดเตรียมให้
และการทำการุณยฆาตอาจทำก่อนการศึกษา หรือหลังจากศึกษาเสร็จครับ โดยตัวนิสิตนักศึกษาเอง หรือทางเจ้าหน้าที่-อาจารย์
ซึ่งต้องทำตามกระบวนการ และขั้นตอนของ พรบ.สัตว์ทดลอง + พรบ.สวัสดิภาพสัตว์ ครับ
ส่วนสัตว์ที่ใหญ่ขึ้นมาเช่นสุนัข แมว หมู วัว ม้า ฯลฯ ปัจจุบันแทบไม่มีการเรียนการสอนที่ต้องจบด้วยทำการุณยฆาตแล้วครับ
เพราะอาจใช้จากการบริจาค หรือการออกพื้นที่แล้วใช้เคสจริงในการเรียนการสอน (หลังจากเรียนภาคทฤษฎีเสร็จ) ครับ
2.. เรียนสัตวแพทย์ต้องทำร้ายสัตว์หรือไม่?
ตอบ : ตอบอยากครับ เพราะ ระดับที่เรียกว่า "การทำร้าย" ของแต่ละคนไม่เท่ากัน
เช่นการฝึกการฉีดยา เอาสุนัขทดลองหนึ่งที่แข็งแรงดี ไม่ได้ได้มีปัญหาอะไร มาฝึกฉีดยา
ปักเข็มที่มีไซริงค์ที่บรรจุน้ำเกลือเฉยๆ เข้าใต้ผิวหนัง เข้ากล้ามเนื้อ...เจ็บนะครับ
แบบนี้ถือว่าเป็นการทารุณสัตว์หรือทำร้ายสัตว์หรือไม่ครับ? ถ้าเป็นแล้วเราจะหาทางออกกันอย่างไรครับ?
หรือกรณีที่รุนแรงกว่านั้นคือการเรียนการสอนเรื่อง "การผ่าตัด" ชื่อก็บอกอยู่แล้วครับ ผ่า - ตัด มันต้องมีอะไรที่ถูกนำออกจากร่างกายแน่นอน
สัตว์ต้องมีการบาดเจ็บ และไม่สมประกอบแน่นอน...ทารุณหรือไม่ครับ?
ถ้าเป็นแบบนั้นเราเรียนแต่ทฤษฎีได้ไหม?....อันนี้คงไม่ได้ เพราะตัวคุณเองคงไม่ไปรักษากับหมอที่รู้เพียงแต่อ่านหนังสือมา
ไม่ไปนั่งรถที่คนขับอ่านมาว่าต้องขับแบบนี้แต่ไม่เคยขับรถมาก่อนเลย ไม่ไปสร้างบ้านกับวิศวกรที่ไม่เคยเขียนแบบ/คุมงาน มาก่อนเลย
แล้วถ้าไม่เอาสัตว์ที่มีชีวิตมาผ่าจะเอาสัตว์ที่ตายแล้วมาผ่าได้ไหม?....จริงๆก็ได้ครับ
แต่มันมีความต่างกันมากครับ มากจนผมคิดว่าน้องๆที่เรียนเฉพาะสัตว์ที่ตายแล้วจะสามารถทำงานได้จริงหรือไม่
เพราะสัตว์ที่ตายแล้ว เลือดมันไม่ไหลนะครับ (เส้นเลือดมันมีทุกที่ ย้ำว่าทุกทีครับ เหมือนคุณโดนมีดบาดตรงไหน เลือดมันก็ไหลนั่นแหละครับ
แถมแต่ละตัวก็มีภาวะไม่เหมือนกันอีกต่างหาก) ชีพจรก็ไม่มี การหายใจก็ไม่มี แรงดันเลือดก็ไม่ต้องวัด
การเจ็บปวด หรือการเกร็ง-การยืด-หด-ขยายของกล้ามเนื้อ ผิวหนัง ฯลฯ
แถมผ่าสัตว์ที่ตายแล้วที่ยังไงก็ไม่เสียเลือด ยังไงก็ไม่ต้องระวังเรื่องสัตว์สัตว์ตกเลือดตาย
ตัดไปแล้ว ต่อให้เย็บส่งๆก็ไม่มีปัญหาอะไร = การผ่าตัดประสบความสำเร็จ = คิดว่ารู้แล้วว่าทำอย่างไร
แต่ของจริงไม่ใช่ครับ เลือดมันพร้อมจะไหลตลอดถ้าทำไม่ระวัง หรือไม่รู้ว่ามันมีเส้นเลือดอยู่ อวัยวะภายในมีการเคลื่อนที่ มีแรงดึง มีการเกร็ง
แผลมีการติดเชื้อ การตายของเนื้อ อวัยวะมีความบอบบาง เนื้อเยื่อก็แตกต่างกันมาก ฯลฯ
ถ้าจะไม่ใช่สัตว์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ต้องใช้สัตว์ที่พึ่งตายภายในไม่กี่นาที ถึงจะใกล้เคียงสัตว์ที่ยังมีชีวิตมากที่สุด
ปัญหาคือเราจะไปหาจากที่ไหนครับ? แล้วถ้าได้มาจริงๆ จะพอเพียงต่อการเรียนการสอนหรือครับ?
สิ่งเหล่านี้มันก็เกิดความย้อนแย้งต่อมาว่า
--> หมอจบใหม่ไร้ประสบการณ์ ไม่เก่ง ผ่าตัดไม่ได้ ผ่าไปหมา-แมวตาย โดนด่า
(แน่นอนละครับถึงมีสัตว์ทดลองสำหรับการผ่าตัดในการเรียนการสอน แต่ไม่ได้แปลว่าทุกคนจะได้ผ่าครับ อาจจะมีแค่ 1 ตัว/นิสิต 5-10 คน
เพราะจะให้ผ่าครบทุกคน ทุกอย่าง ต้องใช้สัตว์จำนวนเกือบๆพันตัว/เทอมนะครับ ซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยครับ)
พอหมอไม่มีประสบการณ์ผ่าตัด พอมาทำงานจริง ก็ลำบากละครับ ไม่มีใครสอน ไม่รู้จะทำอย่างไรครับ ยิ่งมาเจออวัยวะที่สำคัญๆ
อวัยวะที่มีเลือดไปเลี้ยงเยอะๆ เจอน้องหมอบางคนไม่เคยทำเอง พอต้องผ่าเผลอไปสะกิดโดน เลือดพุ่งเป็นเส้น ก็ตกใจทำอะไรไม่ถูกละครับ
ถ้าทำเองคนเดียว เปิดร้านเองมีหมอคนเดียวคงแก้ไขอะไรไม่ได้ละครับ
--> งั้นจัดสัตว์ทดลองมาเยอะๆ ผ่าไปเลย ฝึกไปเลย หมอจะได้เก่งๆ เพราะหมอได้ฝึกจากของจริง (ไม่ใช่ฝึกลูกๆที่น่ารักของแต่ละท่าน)
ปัญหาที่ตามมาคือสัตว์ที่ผ่านการเรียนการสอนไปแล้ว จะทำอย่างไร?
สัตว์ที่ถูกตัดอวัยวะออกไป สัตว์ที่ผ่านการทดลองมาแล้ว สภาพคงไม่ปกตินะครับ การที่ให้เขาอยู่ต่อสำหรับ
พรบ.สัตว์ทดลอง ก็ผิดครับ เรื่องของสวัสดิภาพสัตว์ก็ผิด สุดท้ายก็ต้องการุณยฆาตน้องๆเขาไป
ตรงนี้ก็กลายมาเป็นประเด็นให้คนที่รัก - คลั่งสัตว์ มาจุดประเด็นต่อต้านอีกครับ ว่าโหดร้าย ทารุณ บลาๆๆๆๆ
แล้วทุกอย่างมันก็คาราคาซังแบบนี้ เกิดดราม่าแบบนี้เรื่อยๆ
แต่อย่างที่กล่าวไปในข้อ 1 ปัจจุบันมีกฏหมายที่มาควบคุมตรงนี้เยอะมาก
สมัยผมก็ไม่ได้มีการฝึกตัดขาสุนัขแล้ว (ให้เป็นแลปแห้งแทน) ดังนั้นตอนทำเองครั้งแรกนี่เหงื่อแตกเลยนะครับ
เพราะอย่างที่เรารู้ว่าที่ต้นขาหลังมีเส้นเลือดใหญ่มากอยู่ ทำผิดนี่ถึงตายนะครับ
แล้วสมัยผมใช้สุนัขทดลองทั้งหมด 13 ตัว ในนี้มีเพียง 3 ตัวที่ถูกการุณยฆาตครับ เพราะสภาพร่างกายไม่ไหวจริง
10 ตัวที่เหลือก็กระจายให้แต่ละคนในแต่ละกลุ่มนั้นรับไปเลี้ยง (ตัวทดลองของกลุ่มผมอยู่มาได้อีก 9 ปีครับ)