สวัสดีค่ะเพื่อนๆสมาชิกพันทิป
เป็นสมาชิกเว็บพันทิปมาเกินสิบปีค่ะ (ขออนุญาตเรียกตัวเองว่าคุณพี่ก็แล้วกัน) แต่ตั้งกระทู้ (และตอบ) น้อยมาก ถ้าไม่อัดอั้นตันใจจริงๆจะทำตัวเป็นผี คอยอ่านเงียบๆมาตลอด ยอมรับว่าเรียนรู้เรื่องความงามจากโต๊ะแป้งเยอะมาก แต่ก่อนเคยเป็นชะนีหน้าเมือก สิวบุกจนหน้าปรุเป็นรูไปหมด มาหาข้อมูลดูแลผิวพรรณจากที่นี่ (กอปรกับอายุมาก ผิวคงปรับตัว) ปัจจุบันเดินเล่นช่วงโพล้เพล้หมาไม่ค่อยหอนแล้วค่ะ ต้องขอขอบคุณทั้งเว็บพันทิปและเพื่อนๆสมาชิกมา ณ ที่นี้ (ก็สิบปีแล้วโน๊ะ แม่จะไม่พัฒนาเลย???)
เปิดกระทู้ได้นางเอกมาก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหา เออ ทำไมต้องเกริ่น คุณพี่ก็ไม่แน่ใจ เหมือนเป็นมารยาท (เหรอ?) แต่เรื่องที่จะมาเล่าวันนี้เห็นว่าไม่ค่อยมีคนพูดถึงนะคะ เลยอยากมาแชร์ มาคุยกันแบบพี่สาวน้องสาว
ก่อนหน้านี้เห็นแบรนด์ใหญ่ๆหลายๆแบรนด์ ค่อยๆทยอยออก Oils สำหรับบำรุงผิวกันมาให้ฮึ่มมมม คืออะไร แม่สอนว่าให้หลีกเลี่ยงไง แบบว่าคุณพี่หน้ามันและเป็นสิวง่ายไง ต้อง go oil-free สิ
เราก็ได้แต่มองบิวตี้กูรู อวยๆกัน แล้วทุกคนคือใช้แล้วบอกว่า "ดีมาก"
วลีเด็ดได้แก่
"หน้ามันก็ใช้ได้ เพราะเป็นออยล์ที่บางเบา ทาปุ๊บซึมเลย" - เราได้แต่มองบน คิด--แต่หน้าแกไม่ได้มันเท่าเราป่ะวะ เราหน้าเมือกเลยนะตัวเธอ แล้วอากาศหน้าร้อนเราไม่ย้อยเลยหราาา
"หน้ามันเพราะผิวเราขาดน้ำมันไง ต้องเติมน้ำมัน จะได้ไม่มัน" - ผิวนะ ไม่ใช่มอไซ จะมาเติมน้ำมัน คือไร???
ก็ยอมรับว่าแรกๆคุณพี่ก็ไม่ได้บายอินเลยนะคะ นั่งยิ้มมุมปากมองบน แต่ก็สงสัยอยู่ตลอด เฮ้ย มันใช่เหรอวะคะ??? หรือมันจะจริง!!
จนสุดท้ายต้องยอมกระโดดมาทดลองด้วยตนเอง เพราะเราเป็นผู้หญิงที่สวย สมาร์ท มีเลือดนักวิทยาศาสตร์อยู่เต็มเปี่ยม อยากรู้ต้องลอง!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งวีดีโอที่ทำให้เราตัดสินใจลองเอาน้ำมันมาทาหน้าคือวีดีโอนี้ค่ะ (คือนางน่ารักอ่ะ นางมีคาริซม่า นางพูดแล้วเราเหมือนโดนมนตรา นางน่าเชื่อถือมากกกกกทั้งๆที่เราไม่รู้ที่มาที่ไป หัวนอนปลายเท้านางเป็นมาอย่างไรเราไม่รู้เลย แต่เราเชื่อนาง เราว่านางควรไปเล่นการเมืองอ่ะ จริงๆ)
จู่ๆจะเดินไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อน้ำมันมะกอกมาฟาดหน้าเลยมันก็ไม่ได้ป่ะว้า มันก็ต้องเลือกนิดนึงว่าน้ำมันอะไรถึงจะเหมาะกับสภาพผิวซูเปอร์เมือกของเรา จะเอาเบนซิน หรือ ดีเซล -- ไม่ใช่และ
จุดนี้แรกเริ่มเดิมทีก็ต้องมีการทำรีเสิร์ชกันนิดหน่อยคะ อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำมันมีหลากหลายมากที่ขายตามท้องตลาด แล้วจะเลือกยังไง
น้ำมันที่เราจะเอามาบำรุงผิวนั้น หลักๆคุณพี่ดูที่สองอย่างค่ะ
- % Linoleic Acid VS Oleic Acid
- Comedogenic Rating
**DISCLAIMER***
คุณพี่ไม่ได้มีปริญญาด้านความงามศาสตร์เลย ที่เข้าเว็บหาข้อมูลมาก็เอามาสรุปให้อ่านกันเพลินๆนะคะ ข้อมูลเชิงวิทย์พี่ไม่แน่นค่ะ พูดเลย ณ จุดนี้จะเชื่อไม่เชื่อ ข้อมูลถูกไม่ถูก เม้นแชร์กันได้เลยนะคะ
Linoleic Acid & Oleic Acid คืออะไร?
น้ำมันที่สกัดจากพืชจะมีองค์ประกอบของ Linoleic Acid และ Oleic Acid ค่ะ ถ้า Linoleic Acid มากกว่า น้ำมันจะค่อนข้างเบา (keyword เบา เหมาะกับผิวมัน) แต่ถ้า Oleic Acid สูง ก็จะมีเนื้อที่หนัก ซึมยากกว่า ก็จะเหมาะกับคนที่ผิวแห้งนะคะ
นอกจากนี้ เรามีชั้นผิวหนังที่เรียกว่า Lipid อยู่นะคะ ซึ่งเจ้าLipidนี่ จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ถ้าคุณ Lipid มีค่า Linoleic Acid ต่ำ จะพบว่าเราจะหน้ามันกว่าปกติ และเป็นสิวง่ายค่ะ ตรงกับที่คุณกูรูหลายๆคนพูดตรงกัน ว่าผิว(lipid)แห้งจะขับน้ำมันส่วนเกินออกมาให้หน้ามันกว่าเดิม (แต่คุณพี่เป็นชะนีหน้ามันที่ขับน้ำมันมามากกว่าเดิมอีกค่ะ คือดับเบิ้ลมันกลายเป็นซูเปอร์เมือก)
น้ำมันที่มีค่า Linoleic Acid สูงกว่า (
เหมาะสำหรับผิวมัน) ได้แก่
Safflower Oil (สกินแคร์เกรดนะคะ ถ้าเกรดสำหรับทำอาหาร ได้ข่าวว่าจะมี Oleic สูงกว่าค่ะ)
Grape seed Oil
Evening Primrose Oil
Rosehip Oil
Hemp seed Oil
(ไม่ได้ลงตัวเลขให้นะคะ ถามอากู๋เอาได้เนอะ ไม่อยากให้กระทู้ยาวเว่อร์เกิน ขี้เกียจอ่ะ ไม่ใช่ไร)
น้ำมันที่มีค่า Oleic Acid สูงกว่า (
เหมาะสำหรับผิวแห้ง) ได้แก่
Olive Oil
Apricot Kernel Oil
Avocado Oil
Sweet Almond Oil
Macadamia Oil
น้ำมันที่มีค่า Linoleic Acid และ Oleic Acid เท่าๆกัน ได้แก่
Jojoba Oil (เป็นน้ำมันที่คล้ายซีบัมของมนุษย์ที่สุด)
Coconut Oil
Castor Oil (เป็นออยล์ล้างหน้าเด็ดมาก)
Argan Oil
Pomegranate Oil
แต่เดี๋ยวก่อน น้ำมันแต่ละชนิดก็มีสรรพคุณแตกต่างกันไปอีก บางตัวช่วยปลอบประโลมผิว บางตัวฟื้นฟู บางตัวช่วยผลัดเซลล์ ก็ต้องเลือกอีกว่าอยากได้คุณสมบัติแบบไหนให้เหมาะกับผิวเรา เช่น Evening Primrose, Argan, Rosehip สามตัวนี้จะเด่นเรื่องป้องกันและฟื้นฟูริ้วรอย เหมาะกับผิวที่กร้านโลกมากกว่าตัวอื่นๆค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อน!!!
ประเด็นที่สอง Comedogenic Rating
ทีแรกคุณพี่ก็ไม่ได้สนใจค่านี้หรอกค่ะ อ่านแค่เรื่องข้างบนแล้วก็พุ่งตัวเข้าเว็บสั่งซื้อน้ำมันเลย สั่งไปแล้วยังไม่เลิกบ้าไง หาข้อมูลต่อ ไปเจอเรื่องของ Comedogenic Rating ซึ่งค่านี้สำคัญมากนะคะ ถ้าคุณเป็นคนที่ผิวอุดตันเป็นสิวง่ายต้องให้ความสนใจตรงนี้ เพราะนี่คือค่าตวามเสี่ยงที่จะทำให้ผิวอุดตันค่ะ
Rating 0 - 5
0 โอกาสอุดตันน้อยมาก
5 โอกาสอุดตันเยอะมาก
พิมพ์มาถึงตรงนี้ถึงได้รู้ว่า ตั้งกระทู้ครั้งนึงใช้พลังงานเยอะมากค่ะ เหนื่อยอ่ะ... นี่ขนาดยังไม่ได้ใส่รูปเลยนะ
น้ำมันที่น่าเอามาฟาดหน้า ควรจะมี Comedogenic Rating ไม่เกิน 2 นะคะ
*** ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น น้ำมันมาจากต่างที่ต่างถิ่น อาจจะได้คะแนนไม่เท่ากัน แลดูเหมือนเสี่ยงดวงมิใช่น้อย
Argan oil - 0
Hemp seed oil - 0
Safflower oil (cold pressed) - 0 (ถ้าเป็น Safflower Oil ที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับทำกับข้าว ได้ 4 ค่ะ น่ากลัวมาก)
Castor oil - 1
Pomegranate oil - 1
Rosehip oil - 1
Almond oil - 2
Apricot kernel oil - 2
Avocado oil - 2
Evening primrose oil - 2 (บางที่ให้ 3)
น้ำมันยอดฮิตที่หลายๆคนใช้แล้วอุดตัน อาจจะเพราะมี Comedogenic Rating สูงก็เป็นได้นะคะ เช่น
น้ำมันมะพร้าว - 4
Olive oil - 2-4
Grape seed oil - 2-4 (โนวววววววววว เราสั่งซื้อมาแล้วววววววววว)
เมื่อเลือกน้ำมันได้แล้ว เราก็มาถึงส่วนของงาน DIY ค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องมีได้แก่
1. ขวด เลือกขวดที่ป้องกันแสงได้ดีก็จะดีมาก เพราะงานของกลุ่มแม่บ้านเราไม่ได้ใช้สารกันเสีย จึงควรเก็บในที่มืดและเย็นนะคะ เพื่อยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์โอท็อปของเรา
2. น้ำมันที่เราเลือกมาผสม ณ จุดนี้คุณพี่เลือก Grape seed Oil (ซึ่งไม่ควรเลยยยยย สั่งซื้อไปแล้วก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยค่ะ ขวดถัดไปจะใช้อย่างอื่นและ), Jojoba Oil และ Rosehip Oil ตามวัยและสภาพหนังหน้าค่ะ โดยจะผสมตามอัตราส่วน 1:1:1 อย่างไม่มีนัยยะสำคัญใดๆ
3. น้ำมันหอมระเหย ในวันนี้ พี่เลือกน้ำมัน Tea Tree & Lavender นะคะ ทีทรีก็รู้ๆกันนะคะ ว่าช่วยเรื่องสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยยืดอายุการใช้งาน ลาเวนเดอร์นั้นก็มีประโยชน์มากมายล้านแปดค่ะ แต่พี่ไม่แคร์ พี่แค่อยากให้มันหอม
สเต็ปการผสมของเราก็ไม่มีอะไรมากมาย
1. ขวดที่เพิ่งซื้อมา อาจจะมีความโสมมเก่าเก็บนะคะ เอาไปล้างให้สะอาด ลวกน้ำร้อนให้อุ่นใจว่ามันสะอาดดีไม่มีเชื้อโรค แล้วผึ่งให้แห้งค่ะ
2. เทน้ำมันลงไปในขวด กะประมาณด้วยสายตาให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ พี่ใส่อย่างละเท่าๆกันนะคะ อาจจะใส่ Rosehip Oil มากหน่อยเพราะกลัวหน้าเหี่ยวค่ะ
3. หยดน้ำมันหอมระเหยประมาณ 3-4 หยดตามลงไป Less is more นะคะ น้ำมันหอมระเหยมันก็คือน้ำหอมดีๆนี่เอง ใส่เยอะ อาจจะระคายเคืองได้ค่ะ
4. ปิดฝาและเขย่าให้เข้ากัน
5. วางไว้ค่ะ อย่าเพิ่งใจร้อน ทิ้งไว้ให้น้ำมันทั้งหมดรวมตัวกันอย่างสมานฉันท์เป็นเวลา 1 คืน
วิธีใช้
ใช้ครั้งละ 3-4 หยด แทนครีมบำรุงผิวหน้าค่ะ ใช้ความร้อนของมือเรา ค่อยๆนวดๆวนๆเบาๆให้น้ำมันซึมเข้าผิว (ซึ่งมันก็คงซึมบ้าง แต่ไม่ได้หายแว้บไปเลยหรอกนะคะ)
ความรู้สึกหลังจากทาน้ำมัน
หน้าค่อนข้างฉ่ำวาวราวกับสาวเกาหลีใต้ ถ้าทาตอนเช้า แต่งหน้าแล้วใช้แป้งฝุ่นตบทับก็จะไม่รู้สึกแตกต่างจากครีมบำรุงทั่วไป
ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าสบายหน้า ไม่เหนอะหนะอย่างที่คิดไว้ตอนแรกค่ะ
ผลการทดลอง
ตอนนี้ทาน้ำมันมาประมาณสองสัปดาห์แล้วค่ะ มีสิวขึ้นบ้างเนื่องจากเป็นวันเบาๆของเดือนพอดี แต่สิวที่ขึ้นมีความเปลี่ยนแปลงจากที่ปกติเคยปะทุพุพอง กลายเป็นเม็ดเล็กๆเบาๆ เจ็บวันสองวันแล้วค่อยๆฝ่อไป
เรื่องผิวมันลดลงมั้ย? - คิดว่าลดลงนิดหน่อย แต่ยังไม่สามารถสังเกตุด้วยตาเปล่าได้ อาจจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ค่ะ
มีคนทักว่าหน้าดูอิ่มฟูขึ้น ดูเปล่งปลั่ง (แต่เราดูหน้าตัวเองทุกวันยังไม่ได้รู้สึกนะ แป่ววว)
ที่สังเกตุเห็นชัดเจนคือ เวลาล้างหน้า รู้สึกเลยว่าลูบหน้าแล้วมันแน่นๆ ผิวมันเหมือนแข็งแรง รู้สึกดีมากกกกกกก
รีวิวนี้ไม่ได้มีรูป Before & After ให้นะคะ อย่างที่บอกว่าพี่เล่นพันทิปมาเป็นสิบปี ไม่เคยออกสื่อ จะมาออกตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเนอะ
วัตถุประสงค์คืออยากมาแชร์ประสบการณ์ เล่าสู่กันฟัง ถ้าใครเห็นดีงามจะลองไป DIY บ้างก็ไม่หวงค่ะ ได้ผลลัพท์ดีไม่ดียังไงกลับมาเล่าให้ฟังก็จะขอบคุณมากๆ
ถ้าใครมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันต่างๆ จะทิ้งเม้นไว้ก็ได้นะคะ เราจะพยายามตอบเท่าที่เราตอบได้ อย่างที่บอก เราก็เพิ่งจะได้เริ่มเล่นกับน้ำมันเมื่อไม่นานมานี้ ไม่อยากจะเคลมว่ารู้ดีเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามตอบเท่าที่ทราบค่ะ
เรารู้ว่าพันทิปมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องส่วนผสมและผิวพรรณอยู่เยอะมาก ถ้ามีท่านใดที่อยากเสริมความรู้ด้านนี้ อยากจะเม้นให้เพิ่มเติมหรือแก้ไขตรงไหน เรายินดีและขอบคุณมากค่ะ
อนาคตมีแพลนว่าจะทำ DIY Cleansing Oil เป็นอันดับต่อไป อาจจะมาตั้งกระทู้เล่าสู่กันฟังอีกนะคะ
สำหรับวันนี้ ขอขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงจุดนี้ค่ะ
ลาก่อยค่ะ (ฮา)
A witty woman is a treasure; a witty beauty is a power. - George Meredith, Diana of the Crossways (1885)
ปล1 - ตั้งกระทู้จริงจังเป็นครั้งแรก ไม่คิดว่าจะใช้เวลามากมายขนาดนี้ ยอมใจคนที่ตั้งบ่อยๆเลย
[CR] ฉีกกฏชะนีหน้าเมือกมหาอุดตัน ด้วย DIY face oils ฉีกทุกกฏของคำว่า oil-free กระทู้นี้ไม่มีม.ม้า เพราะพี่ไม่ได้มาขายของค่ะ
เป็นสมาชิกเว็บพันทิปมาเกินสิบปีค่ะ (ขออนุญาตเรียกตัวเองว่าคุณพี่ก็แล้วกัน) แต่ตั้งกระทู้ (และตอบ) น้อยมาก ถ้าไม่อัดอั้นตันใจจริงๆจะทำตัวเป็นผี คอยอ่านเงียบๆมาตลอด ยอมรับว่าเรียนรู้เรื่องความงามจากโต๊ะแป้งเยอะมาก แต่ก่อนเคยเป็นชะนีหน้าเมือก สิวบุกจนหน้าปรุเป็นรูไปหมด มาหาข้อมูลดูแลผิวพรรณจากที่นี่ (กอปรกับอายุมาก ผิวคงปรับตัว) ปัจจุบันเดินเล่นช่วงโพล้เพล้หมาไม่ค่อยหอนแล้วค่ะ ต้องขอขอบคุณทั้งเว็บพันทิปและเพื่อนๆสมาชิกมา ณ ที่นี้ (ก็สิบปีแล้วโน๊ะ แม่จะไม่พัฒนาเลย???)
เปิดกระทู้ได้นางเอกมาก ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อหา เออ ทำไมต้องเกริ่น คุณพี่ก็ไม่แน่ใจ เหมือนเป็นมารยาท (เหรอ?) แต่เรื่องที่จะมาเล่าวันนี้เห็นว่าไม่ค่อยมีคนพูดถึงนะคะ เลยอยากมาแชร์ มาคุยกันแบบพี่สาวน้องสาว
ก่อนหน้านี้เห็นแบรนด์ใหญ่ๆหลายๆแบรนด์ ค่อยๆทยอยออก Oils สำหรับบำรุงผิวกันมาให้ฮึ่มมมม คืออะไร แม่สอนว่าให้หลีกเลี่ยงไง แบบว่าคุณพี่หน้ามันและเป็นสิวง่ายไง ต้อง go oil-free สิ
เราก็ได้แต่มองบิวตี้กูรู อวยๆกัน แล้วทุกคนคือใช้แล้วบอกว่า "ดีมาก"
วลีเด็ดได้แก่
"หน้ามันก็ใช้ได้ เพราะเป็นออยล์ที่บางเบา ทาปุ๊บซึมเลย" - เราได้แต่มองบน คิด--แต่หน้าแกไม่ได้มันเท่าเราป่ะวะ เราหน้าเมือกเลยนะตัวเธอ แล้วอากาศหน้าร้อนเราไม่ย้อยเลยหราาา
"หน้ามันเพราะผิวเราขาดน้ำมันไง ต้องเติมน้ำมัน จะได้ไม่มัน" - ผิวนะ ไม่ใช่มอไซ จะมาเติมน้ำมัน คือไร???
ก็ยอมรับว่าแรกๆคุณพี่ก็ไม่ได้บายอินเลยนะคะ นั่งยิ้มมุมปากมองบน แต่ก็สงสัยอยู่ตลอด เฮ้ย มันใช่เหรอวะคะ??? หรือมันจะจริง!!
จนสุดท้ายต้องยอมกระโดดมาทดลองด้วยตนเอง เพราะเราเป็นผู้หญิงที่สวย สมาร์ท มีเลือดนักวิทยาศาสตร์อยู่เต็มเปี่ยม อยากรู้ต้องลอง!!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จู่ๆจะเดินไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อน้ำมันมะกอกมาฟาดหน้าเลยมันก็ไม่ได้ป่ะว้า มันก็ต้องเลือกนิดนึงว่าน้ำมันอะไรถึงจะเหมาะกับสภาพผิวซูเปอร์เมือกของเรา จะเอาเบนซิน หรือ ดีเซล -- ไม่ใช่และ
จุดนี้แรกเริ่มเดิมทีก็ต้องมีการทำรีเสิร์ชกันนิดหน่อยคะ อย่างที่ทราบกันดีว่าน้ำมันมีหลากหลายมากที่ขายตามท้องตลาด แล้วจะเลือกยังไง
น้ำมันที่เราจะเอามาบำรุงผิวนั้น หลักๆคุณพี่ดูที่สองอย่างค่ะ
- % Linoleic Acid VS Oleic Acid
- Comedogenic Rating
**DISCLAIMER***
คุณพี่ไม่ได้มีปริญญาด้านความงามศาสตร์เลย ที่เข้าเว็บหาข้อมูลมาก็เอามาสรุปให้อ่านกันเพลินๆนะคะ ข้อมูลเชิงวิทย์พี่ไม่แน่นค่ะ พูดเลย ณ จุดนี้จะเชื่อไม่เชื่อ ข้อมูลถูกไม่ถูก เม้นแชร์กันได้เลยนะคะ
น้ำมันที่สกัดจากพืชจะมีองค์ประกอบของ Linoleic Acid และ Oleic Acid ค่ะ ถ้า Linoleic Acid มากกว่า น้ำมันจะค่อนข้างเบา (keyword เบา เหมาะกับผิวมัน) แต่ถ้า Oleic Acid สูง ก็จะมีเนื้อที่หนัก ซึมยากกว่า ก็จะเหมาะกับคนที่ผิวแห้งนะคะ
นอกจากนี้ เรามีชั้นผิวหนังที่เรียกว่า Lipid อยู่นะคะ ซึ่งเจ้าLipidนี่ จะช่วยทำหน้าที่ปกป้องผิวจากมลภาวะต่างๆ ถ้าคุณ Lipid มีค่า Linoleic Acid ต่ำ จะพบว่าเราจะหน้ามันกว่าปกติ และเป็นสิวง่ายค่ะ ตรงกับที่คุณกูรูหลายๆคนพูดตรงกัน ว่าผิว(lipid)แห้งจะขับน้ำมันส่วนเกินออกมาให้หน้ามันกว่าเดิม (แต่คุณพี่เป็นชะนีหน้ามันที่ขับน้ำมันมามากกว่าเดิมอีกค่ะ คือดับเบิ้ลมันกลายเป็นซูเปอร์เมือก)
น้ำมันที่มีค่า Linoleic Acid สูงกว่า (เหมาะสำหรับผิวมัน) ได้แก่
Safflower Oil (สกินแคร์เกรดนะคะ ถ้าเกรดสำหรับทำอาหาร ได้ข่าวว่าจะมี Oleic สูงกว่าค่ะ)
Grape seed Oil
Evening Primrose Oil
Rosehip Oil
Hemp seed Oil
(ไม่ได้ลงตัวเลขให้นะคะ ถามอากู๋เอาได้เนอะ ไม่อยากให้กระทู้ยาวเว่อร์เกิน ขี้เกียจอ่ะ ไม่ใช่ไร)
น้ำมันที่มีค่า Oleic Acid สูงกว่า (เหมาะสำหรับผิวแห้ง) ได้แก่
Olive Oil
Apricot Kernel Oil
Avocado Oil
Sweet Almond Oil
Macadamia Oil
น้ำมันที่มีค่า Linoleic Acid และ Oleic Acid เท่าๆกัน ได้แก่
Jojoba Oil (เป็นน้ำมันที่คล้ายซีบัมของมนุษย์ที่สุด)
Coconut Oil
Castor Oil (เป็นออยล์ล้างหน้าเด็ดมาก)
Argan Oil
Pomegranate Oil
แต่เดี๋ยวก่อน น้ำมันแต่ละชนิดก็มีสรรพคุณแตกต่างกันไปอีก บางตัวช่วยปลอบประโลมผิว บางตัวฟื้นฟู บางตัวช่วยผลัดเซลล์ ก็ต้องเลือกอีกว่าอยากได้คุณสมบัติแบบไหนให้เหมาะกับผิวเรา เช่น Evening Primrose, Argan, Rosehip สามตัวนี้จะเด่นเรื่องป้องกันและฟื้นฟูริ้วรอย เหมาะกับผิวที่กร้านโลกมากกว่าตัวอื่นๆค่ะ
แต่เดี๋ยวก่อน!!!
ทีแรกคุณพี่ก็ไม่ได้สนใจค่านี้หรอกค่ะ อ่านแค่เรื่องข้างบนแล้วก็พุ่งตัวเข้าเว็บสั่งซื้อน้ำมันเลย สั่งไปแล้วยังไม่เลิกบ้าไง หาข้อมูลต่อ ไปเจอเรื่องของ Comedogenic Rating ซึ่งค่านี้สำคัญมากนะคะ ถ้าคุณเป็นคนที่ผิวอุดตันเป็นสิวง่ายต้องให้ความสนใจตรงนี้ เพราะนี่คือค่าตวามเสี่ยงที่จะทำให้ผิวอุดตันค่ะ
Rating 0 - 5
0 โอกาสอุดตันน้อยมาก
5 โอกาสอุดตันเยอะมาก
พิมพ์มาถึงตรงนี้ถึงได้รู้ว่า ตั้งกระทู้ครั้งนึงใช้พลังงานเยอะมากค่ะ เหนื่อยอ่ะ... นี่ขนาดยังไม่ได้ใส่รูปเลยนะน้ำมันที่น่าเอามาฟาดหน้า ควรจะมี Comedogenic Rating ไม่เกิน 2 นะคะ
*** ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้น น้ำมันมาจากต่างที่ต่างถิ่น อาจจะได้คะแนนไม่เท่ากัน แลดูเหมือนเสี่ยงดวงมิใช่น้อย
Argan oil - 0
Hemp seed oil - 0
Safflower oil (cold pressed) - 0 (ถ้าเป็น Safflower Oil ที่ขายในซูเปอร์มาร์เก็ตสำหรับทำกับข้าว ได้ 4 ค่ะ น่ากลัวมาก)
Castor oil - 1
Pomegranate oil - 1
Rosehip oil - 1
Almond oil - 2
Apricot kernel oil - 2
Avocado oil - 2
Evening primrose oil - 2 (บางที่ให้ 3)
น้ำมันยอดฮิตที่หลายๆคนใช้แล้วอุดตัน อาจจะเพราะมี Comedogenic Rating สูงก็เป็นได้นะคะ เช่น
น้ำมันมะพร้าว - 4
Olive oil - 2-4
Grape seed oil - 2-4 (โนวววววววววว เราสั่งซื้อมาแล้วววววววววว)
เมื่อเลือกน้ำมันได้แล้ว เราก็มาถึงส่วนของงาน DIY ค่ะ อุปกรณ์ที่ต้องมีได้แก่
1. ขวด เลือกขวดที่ป้องกันแสงได้ดีก็จะดีมาก เพราะงานของกลุ่มแม่บ้านเราไม่ได้ใช้สารกันเสีย จึงควรเก็บในที่มืดและเย็นนะคะ เพื่อยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์โอท็อปของเรา
2. น้ำมันที่เราเลือกมาผสม ณ จุดนี้คุณพี่เลือก Grape seed Oil (ซึ่งไม่ควรเลยยยยย สั่งซื้อไปแล้วก็คงต้องปล่อยเลยตามเลยค่ะ ขวดถัดไปจะใช้อย่างอื่นและ), Jojoba Oil และ Rosehip Oil ตามวัยและสภาพหนังหน้าค่ะ โดยจะผสมตามอัตราส่วน 1:1:1 อย่างไม่มีนัยยะสำคัญใดๆ
3. น้ำมันหอมระเหย ในวันนี้ พี่เลือกน้ำมัน Tea Tree & Lavender นะคะ ทีทรีก็รู้ๆกันนะคะ ว่าช่วยเรื่องสิว ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยยืดอายุการใช้งาน ลาเวนเดอร์นั้นก็มีประโยชน์มากมายล้านแปดค่ะ แต่พี่ไม่แคร์ พี่แค่อยากให้มันหอม
สเต็ปการผสมของเราก็ไม่มีอะไรมากมาย
1. ขวดที่เพิ่งซื้อมา อาจจะมีความโสมมเก่าเก็บนะคะ เอาไปล้างให้สะอาด ลวกน้ำร้อนให้อุ่นใจว่ามันสะอาดดีไม่มีเชื้อโรค แล้วผึ่งให้แห้งค่ะ
2. เทน้ำมันลงไปในขวด กะประมาณด้วยสายตาให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ พี่ใส่อย่างละเท่าๆกันนะคะ อาจจะใส่ Rosehip Oil มากหน่อยเพราะกลัวหน้าเหี่ยวค่ะ
3. หยดน้ำมันหอมระเหยประมาณ 3-4 หยดตามลงไป Less is more นะคะ น้ำมันหอมระเหยมันก็คือน้ำหอมดีๆนี่เอง ใส่เยอะ อาจจะระคายเคืองได้ค่ะ
4. ปิดฝาและเขย่าให้เข้ากัน
5. วางไว้ค่ะ อย่าเพิ่งใจร้อน ทิ้งไว้ให้น้ำมันทั้งหมดรวมตัวกันอย่างสมานฉันท์เป็นเวลา 1 คืน
ใช้ครั้งละ 3-4 หยด แทนครีมบำรุงผิวหน้าค่ะ ใช้ความร้อนของมือเรา ค่อยๆนวดๆวนๆเบาๆให้น้ำมันซึมเข้าผิว (ซึ่งมันก็คงซึมบ้าง แต่ไม่ได้หายแว้บไปเลยหรอกนะคะ)
หน้าค่อนข้างฉ่ำวาวราวกับสาวเกาหลีใต้ ถ้าทาตอนเช้า แต่งหน้าแล้วใช้แป้งฝุ่นตบทับก็จะไม่รู้สึกแตกต่างจากครีมบำรุงทั่วไป
ไม่รู้คิดไปเองรึเปล่า แต่รู้สึกว่าสบายหน้า ไม่เหนอะหนะอย่างที่คิดไว้ตอนแรกค่ะ
ตอนนี้ทาน้ำมันมาประมาณสองสัปดาห์แล้วค่ะ มีสิวขึ้นบ้างเนื่องจากเป็นวันเบาๆของเดือนพอดี แต่สิวที่ขึ้นมีความเปลี่ยนแปลงจากที่ปกติเคยปะทุพุพอง กลายเป็นเม็ดเล็กๆเบาๆ เจ็บวันสองวันแล้วค่อยๆฝ่อไป
เรื่องผิวมันลดลงมั้ย? - คิดว่าลดลงนิดหน่อย แต่ยังไม่สามารถสังเกตุด้วยตาเปล่าได้ อาจจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ค่ะ
มีคนทักว่าหน้าดูอิ่มฟูขึ้น ดูเปล่งปลั่ง (แต่เราดูหน้าตัวเองทุกวันยังไม่ได้รู้สึกนะ แป่ววว)
ที่สังเกตุเห็นชัดเจนคือ เวลาล้างหน้า รู้สึกเลยว่าลูบหน้าแล้วมันแน่นๆ ผิวมันเหมือนแข็งแรง รู้สึกดีมากกกกกกก
รีวิวนี้ไม่ได้มีรูป Before & After ให้นะคะ อย่างที่บอกว่าพี่เล่นพันทิปมาเป็นสิบปี ไม่เคยออกสื่อ จะมาออกตอนนี้มันก็ไม่ใช่เรื่องเนอะ
วัตถุประสงค์คืออยากมาแชร์ประสบการณ์ เล่าสู่กันฟัง ถ้าใครเห็นดีงามจะลองไป DIY บ้างก็ไม่หวงค่ะ ได้ผลลัพท์ดีไม่ดียังไงกลับมาเล่าให้ฟังก็จะขอบคุณมากๆ
ถ้าใครมีคำถามเกี่ยวกับเรื่องน้ำมันต่างๆ จะทิ้งเม้นไว้ก็ได้นะคะ เราจะพยายามตอบเท่าที่เราตอบได้ อย่างที่บอก เราก็เพิ่งจะได้เริ่มเล่นกับน้ำมันเมื่อไม่นานมานี้ ไม่อยากจะเคลมว่ารู้ดีเท่าไหร่ แต่ก็จะพยายามตอบเท่าที่ทราบค่ะ
เรารู้ว่าพันทิปมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องส่วนผสมและผิวพรรณอยู่เยอะมาก ถ้ามีท่านใดที่อยากเสริมความรู้ด้านนี้ อยากจะเม้นให้เพิ่มเติมหรือแก้ไขตรงไหน เรายินดีและขอบคุณมากค่ะ
อนาคตมีแพลนว่าจะทำ DIY Cleansing Oil เป็นอันดับต่อไป อาจจะมาตั้งกระทู้เล่าสู่กันฟังอีกนะคะ
สำหรับวันนี้ ขอขอบคุณที่ติดตามมาถึงตรงจุดนี้ค่ะ
ลาก่อยค่ะ (ฮา)
A witty woman is a treasure; a witty beauty is a power. - George Meredith, Diana of the Crossways (1885)
ปล1 - ตั้งกระทู้จริงจังเป็นครั้งแรก ไม่คิดว่าจะใช้เวลามากมายขนาดนี้ ยอมใจคนที่ตั้งบ่อยๆเลย