เวียดนาม : เส้นทางผสานศิลปะฝรั่งเศสและความลุ่มลึกแห่งโลกตะวันออก

กระทู้ข่าว




▲ โบสถ์นอร์ธเธอดามและตลาดบินถั่น ในกรุงโฮจิมินห์ มีการประดับตกแต่งอาคารที่ได้รับอิทธิพลจากศิลปะฝรั่งเศส

               หนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกเรื่อง “เดอะ เลิฟเวอร์ (The Lover)” ซึ่งประพันธ์โดยมาร์เกอริต ดูราส ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผลงานที่แสดงถึงการประสานกันระหว่างอิทธิพลของโลกตะวันตกและโลกตะวันออกที่โดดเด่นที่สุด โดยเป็นเรื่องราวความรักระหว่างสองหนุ่มสาวที่มีพื้นฐานต่างวัฒนธรรมและความคิดตัวของดูราสเองเกิดในไซ่ง่อนและมีพ่อแม่เป็นชาวฝรั่งเศส ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลที่ผู้คนจะได้กลิ่นกาแฟสไตล์ฝรั่งเศสอบอวลอยู่ตามท้องถนนในกรุงไซ่ง่อนอยู่เสมอ เพราะเมื่อใดก็ตามที่ผู้คนพูดคุยกันถึงวัฒนธรรมเวียดนาม หนึ่งในหัวข้อยอดนิยมก็คือแนวคิดโรแมนติตามอุดมคติในแบบฉบับของชาวปารีสนั่นเอง


▲ เราสามารถพบเห็นอิทธิพลของศิลปะฝรั่งเศสในเวียดนามได้ในปัจจุบัน ในภาพเป็นโบสถ์เซนต์โจเซฟ เป็นมหาวิหารสไตส์โกธิค เมืองฮานอย


               เวียดนามถือเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทั้งในด้านเชื้อชาติและวัฒนธรรม เมื่อเราเดินท่องไปตามถนนในกรุงโฮจิมินห์ เราจะเห็นคนหนุ่มสาวนั่งอยู่หน้าร้านค็อฟฟี่ช็อปเหมือนในกรุงปารีส ส่วนโรงละครโอเปร่าเฮาส์ของกรุงฮานอยก็ดูคล้ายคลึงกับโรงอุปรากรปาแลการ์นีเยอันงดงามในกรุงปารีสอย่างไม่ผิดเพี้ยน ส่วนกลางอ่าวฮาลองเบย์ก็มีเกาะภูเขาหินปูนตั้งตระหง่านกลางน้ำเพื่อยืนยันถึงความงดงามของโลกตะวันออกท่ามกลางเรือสมัยใหม่ที่แล่นผ่านอยู่ไปมา และถ้าเราเดินทางไปจนถึงตอนกลางของเวียดนาม (เมืองฮอยอัน) เราจะพบเห็นโคมหลากสีสัน ร้านรวงต่างๆ และเรือหาปลา กระจัดกระจายอยู่ทั่วทั้งเมือง ดูราวกับภาพวาดสีน้ำของเมืองเก่าที่ปรากฏในภาพจิตรกรรมโบราณของจีนและญี่ปุ่นเลยทีเดียว

               คนอาจคุ้นเคยกับชื่อกรุงโฮจิมินห์ จนคิดว่าเป็นเมืองหลวงของประเทศ หากแท้จริงแล้ว เมืองหลวงของเวียดนามคือกรุงฮานอย ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือ ซึ่งกรุงฮานอยมีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปีในฐานะศูนย์กลางทางการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ซึ่งเราสามารถพบเห็นย่านชุมชนโบราณตามถนนเก่าทั้ง 36 สายในฮานอย ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับกรุงโฮจิมินห์ที่เป็นเมืองการค้าสมัยใหม่แล้ว ถนนสายเล็กๆ ในฮานอยทำให้เราสัมผัสกับวิถีชีวิตแบบเวียดนามแท้ๆ ได้มากกว่าถนนแต่ละสายจะตั้งชื่อตามสินค้าที่ใช้ในการซื้อขายแลกเปลี่ยนกันในอดีต โดยถนนแต่ละสายซึ่งแทบไม่ปรากฏรั้วพลาสติกเลยนั้น ชาวบ้านสามารถทำมาค้าขายได้อย่างง่ายๆ ด้วยรถเข็นซึ่งพบเห็นได้ทั่วไป และแม้อาคารบ้านเรือนจะไม่ได้สวยงามเตะตานัก แต่กลับมีร้านอาหารชั้นดีหรือแม้แต่สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจได้บ่อยๆ เช่น  สวนแบบฝรั่งเศสขนาดย่อมที่สวยงาม ซุกซ่อนอยู่ในอาคารหลายแห่งในเมือง  


▲ อ่าวฮาลองเบย์ มีเกาะภูเขาหินปูนที่สวยงามเป็นจำนวนมาก และเคยปรากฏในภาพยนตร์สายลับระดับโลก “เจมส์ บอนด์007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย”


               อ่าวฮาลองเบย์ ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ มีเกาะภูเขาหินปูนที่สวยงามก่อตัวขึ้นเป็นจำวนมากกว่า 2,000 ลูก โดยมีตำนานกล่าวว่า พระเจ้าได้ส่งมังกรมาคายเม็ดอัญมณีเพื่อช่วยเหลือชาวเวียดนามจากการรุกรานของประเทศจีน ต่อมาอัญมณีเหล่านั้นได้กลายเป็นเกาะและก่อตัวเป็นกำแพงธรรมชาติขึ้น ซึ่งทิวภูเขาหินปูนในอ่าวแห่งนี้ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกขององค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) และได้รับการยกย่องเป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติของโลก นอกจากนี้ ภาพยนตร์สายลับระดับโลก“เจมส์บอนด์ 007 พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย” และภาพยนตร์ฝรั่งเศสชื่อดังอย่าง “อินโดจีน” ยังได้มาถ่ายทำที่นี่ ซึ่งทำให้อ่าวฮาลองเบย์กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งทัศนียภาพทางธรรมชาติของเวียดนามในสายตาชาวโลก


▲ เมืองฮอยอันเป็นเมืองโบราณซึ่งอยู่ตอนกลางของเวียดนาม ด้วยบรรยากาศของเมืองที่แลดูสงบผ่อนคลายและเต็มไปด้วยศิลปวัฒนธรรม ทำให้เมืองฮอยอันเป็นเมืองยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเวียดนาม


              สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมายังเวียดนามนั้น เมืองฮอยอันถือเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมที่พลาดไม่ได้ เมืองฮอยอันตั้งอยู่ห่างจากเมืองดานังไม่ถึง 30 กม. โดยในศตวรรษที่ 16 และ 17 เมืองฮอยอันถือเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการค้าที่สำคัญของประเทศ โดยในอดีต มีชาวจีนอพยพมาในสมัยราชวงศ์หมิงและได้สร้างหมู่บ้านชาวประมงขึ้นตามศิลปะแบบจีนที่เด่นชัด นอกจากนี้ ยังมีผู้อพยพทั้งจากญี่ปุ่น อินเดีย เนเธอร์แลนด์ และฝรั่งเศสอีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีความหลากหลายของเชื้อชาติทั้งจากโลกตะวันตกและโลกตะวันออกอย่างสมดุลในเมืองแห่งนี้ เมื่อเรามองไปในแม่น้ำ เราจะเห็นหญิงชราพายเรือไปอย่างช้าๆ ส่วนบนท้องถนนก็มีคนขายโคมประดิษฐ์และงานไม้ฝีมือช่างพื้นบ้านเดินเร่ขายอยู่ทั่วไป ทุกสิ่งที่พบเห็นอยู่ในเมืองล้วนชวนให้เราผ่อนคลายและรู้สึกถึงความสงบเรียบง่ายที่แท้จริง อีกทั้งในเมืองยังเป็นเขตห้ามรถยนต์วิ่ง จึงยิ่งทำให้บรรยากาศของเมืองดูสงบงดงามและมีอากาศที่บริสุทธิ์กว่าที่ใดๆ

ทุกวันนี้การเดินทางไปเวียดนามนั้นจะง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ด้วยสายการบินเวียตเจ็ท บินตรงจากกรุงเทพฯสู่โฮจิมินห์และฮานอย โดยเพิ่มการให้บริการเที่ยวบินระหว่างโฮจิมินห์และกรุงเทพฯเป็น 3 เที่ยวบินต่อวัน พร้อมด้วยเที่ยวบินระหว่างฮานอยและกรุงเทพฯ 1 เที่ยวบินต่อวัน ปัจจุบันสายการบินเวียตเจ็ทให้บริการกว่า 30 เส้นทางในเวียดนาม ผู้โดยสารสามารถต่อเที่ยวบินได้อย่างง่ายดายจากเมืองโฮจิมินห์ รวมไปถึงฮานอย, ไฮฟอง, ดานัง, เว้, ดาลัด และ ญาจาง


               พร้อมเฉลิมฉลองฤดูร้อนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นไอของความรักนี้ สายการบินเวียตเจ็ทนำโปรโมชั่นตั๋วโดยสารราคา 0 บาท สำหรับจองในเวลา 12.00 – 14.00 น ระหว่างวันที่ 17 – 19 พฤษภาคม สำหรับเส้นทางบินระหว่างประเทศที่ www.vietjetair.com เพื่อใช้เดินทางในระหว่างวันที่ 15 สิงหาคม – 31 ธันวาคม 2559 (ยกเว้นวันหยุด) สามารถชำระเงินด้วยบัตรเครดิตของวีซ่า, มาสเตอร์การ์ด, เจซีบี และ อเมริกันเอ็กซ์เพรส

นอกจากนี้ สายการบินเวียตเจ็ท ยังนำเสนอกิจกรรมแสนสนุกอีกหลากหลายรายการ เพื่อร่วมฉลองการเดินทางในช่วงซัมเมอร์นี้แก่ผู้โดยสารทุกท่าน ทั้งเกมเทคโนโลยี 3D ในสนามบิน กิจกรรมร่วมสนุกชิงรางวัล การยกระดับมาตรฐานบริการในเครื่องบิน การประกวดถ่ายรูปแบบ 3D และอื่นๆ อีกมากมาย

ปัจจุบัน สายการบินเวียตเจ็ทได้เปิดให้บริการ 50 เส้นทางในเวียดนามและทั่วภูมิภาครวมถึงเส้นทางสู่จุดหมายปลายทางในประเทศต่างๆ ได้แก่ ไทย สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไต้หวัน จีน และเมียนมาร์ สายการบินเวียตเจ็ทให้บริการผู้โดยสารด้วยเครื่องบิน 35 ลำ ซึ่งรวมถึงเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A320s และ A321s ดำเนินการบิน 250 เที่ยวบินต่อวัน

[Advertorial]
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่