นี่เป็นการมาเที่ยวยุโรปแบบจริงจังเป็นครั้งแรกในชีวิต ปกติเคยมาแบบผ่านๆ คือ มาประชุม แล้วเที่ยวเล็กๆ น้อยๆ แต่รอบนี้ก็มาประชุมเหมือนกัน แต่ลาพักร้อนเพิ่มอีกอาทิตย์กว่าเพื่อเที่ยวให้เต็มที่ก่อนวันประชุม
ที่ๆ จะไปรอบนี้ก็คือ อิตาลี (ซึ่งก็มีคนมารีวิวเยอะแล้ว แต่ก็ขอมั่งนะครับ 555) และ โครเอเชียแบบผิวๆ
ผมใช้เวลาอยู่ที่อิตาลีทั้งหมด 10 วัน (เที่ยว 7 วัน และประชุม 3 วัน) และต่อไปโครเอเชียอีกแค่ 3 วัน ที่อิตาลีถือว่าเป็นการเที่ยวแบบรีบร้อนพอสมควรเพื่อให้ได้หลายที่ที่อยากไปในเวลาอันจำกัด จริงๆ อยากเที่ยวแบบช้าๆ ชิลๆ ไม่รีบร้อนบ้าง แต่เวลากับกิเลสมันทำให้ช้าและชิลไม่ได้ครับ โปรแกรมเลยออกมาแบบนี้ ส่วนโครเอเชียนี่เที่ยวแบบสบายๆ เพราะไปไม่กี่ที่ ด้วยเวลาแค่สามวันรีบแค่ไหนก็ไปเยอะไม่ได้
ตอนแรกจะลงรูปรวดเดียวจบในกระทู้เดียว แต่รายละเอียด (รูป) ของสถานที่แต่ละเมืองมันเยอะ เลยขอแยกเป็นเมืองๆ ไป หวังว่าจะติดตามกันไปจนครบนะครับ
กล้อง : Nikon D3200, GoPro Hero 4 Silver, iPhone 6S
เลนส์ : Nikkor 18-105, Tokina 11-16 f 2.8
https://www.breathemyworld.com
Lake Como (วันที่ 1 และ 2) >>> ตามอ่านได้ในกระทู้นี้ครับ
Venice (วันที่ 2 และ 3) >>> http://ppantip.com/topic/35161615
Florence (วันที่ 3 และ 4) >>> http://ppantip.com/topic/35155732
Rome (วันที่ 4 ถึง 6) >>> http://ppantip.com/topic/35169149
Vatican (วันที่ 4 และ 6 พร้อม Rome) >>> http://ppantip.com/topic/35169149
Milan (วันที่ 6 และ 7) >>> http://ppantip.com/topic/35172957
Pisa (วันที่ 8) >>> http://ppantip.com/topic/35172957
Tips เล็กๆ น้อยๆ
การเข้าประเทศทั้งสองประเทศ -- ทำวีซ่าเชงเก้นอิตาลีแบบ multiple อย่างเดียวสามารถเข้าโครเอเชียได้เลย แต่ถ้าไม่ได้ขอแบบ multiple ก็ต้องไปทำวีซ่าโครเอเชียต่างหากครับ ขั้นตอนการทำวีซ่าอิตาลี เรื่องเอกสารค่อนข้างเยอะทีเดียว แต่มีคนแนะนำและรีวิวไว้เยอะมากแล้วครับ ขอข้ามตรงนี้ไป (แต่ขอบ่นนิดนึงกับการขอวีซ่าอิตาลี คือ เอกสารเยอะมาก และไม่มีการจองคิวออนไลน์ทำให้ต้องไปรอกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น ผมไปถึง 5.30 น. ได้คิวที่ 40)
ตัวอย่างกระทู้แนะนำการทำวีซ่า: http://ppantip.com/topic/34795019
การวางแผนท่องเที่ยว
ได้ทำแผนล่วงหน้านานมากเพราะต้องใช้แผนเพื่อประกอบการทำวีซ่าอยู่แล้ว ผมอาศัยข้อมูลจากหนังสือท่องเที่ยว พี่ๆ น้องๆ ในพันทิพ อาทิ คุณ PKL, Coffeeblend, Traveller among moutains, เมนี่โก, Pbirdybird ฯลฯ ทำให้การวางแผนไม่ยุ่งยากมากนัก จะปวดหัวก็ตรง นู่นก็อยากไป นี่ก็อยากไป แต่เวลาไม่มี 555 สรุปต้องตัดทิ้งหลายที่เหมือนกัน
การเตรียมตัว
ที่สำคัญคือ มาตรการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สิน โดยเฉพาะวางแผนจะแบกกล้องและเลนส์หลายๆ ตัวไปร่วมหัวจมท้ายด้วย ยิ่งของพะรุงพะรังยิ่งเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้อย่างดี เพราะจะเผลอได้ง่าย โชคดีผมปลอดภัยดีไม่โดนอะไร มีกระเป๋าคาดเอวแบนๆ ใส่ไว้ใต้เสื้อ 1 อัน แบกกระเป๋ากล้อง 1 อันและสะพายเป้อีกอันไว้ด้านหลัง แต่ใส่ของไม่มีค่าเลยไม่ต้องพะวงมากแต่ก็มีกุญแจล็อคช่องใหญ่ของเป้ไว้อีกชั้นนึง ส่วนกระเป๋าสตางค์ มือถือเอาไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหน้า
ที่พัก
ผมเลือกพักที่โรงแรมใกล้ๆ กับสถานีรถไฟหลักของเมือง เนื่องจากเราเปลี่ยนโรงแรมบ่อย พักไกลก็ต้องลากกระเป๋าบ่อยและไกล นอกจากนี้เวลามาถึงเมืองก็แวะเอาของเก็บที่โรงแรมก่อนได้โดยไม่เสียเวลา จะได้ไม่ต้องเสียเงินฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ
การเดินทางขณะอยู่ที่อิตาลี
1. เดินทางในเมือง ก็ใช้ระบบรถสาธารณะ เช่น รถบัส (รถเมล์) รถไฟ รถใต้ดิน เรือ แล้วแต่เมืองว่ามีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่การซื้อตั๋วก็จะเหมือนๆ กัน คือ ซื้อตั๋วได้ตามร้านขายหนังสือพิมพ์ใกล้ๆ และขึ้นรถก็ค่อยเสียบ validate ตั๋วบนรถ (ไม่มีขายตั๋วบนรถนะครับ เคยเห็นคนไม่ซื้อตั๋วแอบขึ้น โดนตรวจและปรับจริงนะครับ) ค่าตั๋วประมาณ 1-1.5 ยูโรต่อ 60-90 นาทีแล้วแต่เมือง
** และลองเช็คดูนะครับว่าแต่ละเมืองมีบัตร pass อะไรบ้าง และคำนวณดูว่าค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ค่ารถ รวมกันแล้วคุ้มกับราคา pass หรือไม่ ถ้าคุ้มก็เอาเลยครับสะดวกดี และการใช้ pass ยังทำให้เราไม่ต้องรอคิวซื้อตั๋วหรือเข้าชมสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะยาวมากๆๆๆๆ ด้วยครับ เช่น
- Rome มี Roma pass 48 ชั่วโมง ราคา 28 ยูโร ขึ้นรถสาธารณะได้หมด เข้าพิพิธภัณฑ์ฟรี 1 แห่ง เป็นต้น (เช่น Colosseum ถ้าไม่อยากรอคิวเข้า ก็ซื้อ online ticket ไปก่อน ราคา 12+ fee 4 ยูโร ก็รวม 16 ยูโรเข้าไปแล้ว ถ้าขึ้นรถนู่นนี่ตอนเดินทาง เบ็ดเสร็จก็เกือบ 28 ยูโรแล้วครับ)
- Venice มี Travel card 24 ชั่วโมง ราคา 20 ยูโร ขึ้นเรือโดยสารได้ไม่จำกัด (ค่าเรือต่อเที่ยวก็ 7 ยูโรเข้าไปแล้ว ถ้าขึ้นเกิน 3 เที่ยวก็คุ้มมากแล้วครับ)
2. เดินทางระหว่างเมือง ผมเลือกขึ้นรถไฟซึ่งมี 2 บริษัทใหญ่ๆ คือ Italo และ Trenitalia ซึ่งถ้าเช็ครอบและจองออนไลน์ก่อนไปได้จะดีมากครับ ผมจองผ่าน goeuro.com ข้อดีของการจองตั๋วไปก่อน คือ ถ้าจองก่อนนานประมาณ 1-2 เดือน จะได้ตั๋วที่ราคาถูกกว่า และ print ใบจองไปขึ้นรถได้เลย ไม่ต้อง validate ตั๋วก่อนขึ้นรถ (เอาตั๋วไปปั๊มในเครื่องอัตโนมัติในสถานีก่อน เพราะถ้าลืม validate จะโดนปรับหลายสิบยูโรเลย)
เครื่อง validate ตั๋ว (กล่องเหลืองๆ ด้านซ้าย บางที่ก็จะสีเขียว ใส่ตั๋วเข้าไปเหมือนๆ ตอกบ้ตรน่ะครับ)
การจองตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ
ซื้อเอาหน้างานได้ แต่คิวจะยาวมากถ้าเป็นที่ๆ นักท่องเที่ยวนิยมไป บางแห่งจึงควรซื้อออนไลน์ไปก่อน ข้อดีของการซื้อออนไลน์ไปก่อนคือ ไม่ต้องต่อคิว แต่ข้อเสียคือ ดันคิดค่าธรรมเนียมการจองด้วย 2-4 ยูโรแล้วแต่สถานที่และอาจทำให้เวลาเราไม่ยืดหยุ่นพอเพราะต้องไปให้ตรงเวลาที่ซื้อไว้ (แต่จริงๆ หลายคนในพันทิพมารีวิว บางคนไปก่อนหรือไปไม่ทัน ก็คุย (หรือขอร้อง) กับเจ้าหน้าที่ เขาก็ให้เข้ารอบอื่นได้ (แต่คงไม่ทุกที่นะครับ)
การติดต่อสื่อสาร
มีหลายบริษัทให้เลือกซื้อซิมและโปร ที่ใหญ่ๆ และมีร้านเกือบทุกสถานีรถไฟใหญ่ๆ ก็คือ TIM, Vodafone และ Wind (ผมใช้ของ Vodafone : 25 euro โทรได้ 300 นาทีในอิตาลี (ใช้โทรหากันเวลาเดินหลงกัน ซึ่งบ่อยมากๆๆๆ) และ internet 4G 5 GB) ผมว่ามันทำให้การเดินทางและชีวิตสะดวกมากขึ้นเยอะครับ เนื่องด้วยสมองอะมีบาอย่างผม (เดินเปะปะ หลงทางตลอดดดด) แอพที่ใช้บ่อยสุดคือ Google map 555 โดยเฉพาะเรามาเที่ยวแบบรวบรัด ถ้าหลงนี่อาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้
แผนการเดินทางของผม
ดูงงๆ นิดนะครับ เพราะจะย้อนไปมานิดนึง (คงเอาเป็นตัวอย่างไม่ได้ 555 แต่คงเอาไปเป็นไอเดียได้บ้าง)
สรุปคร่าวๆ คือ เดินทางเป็นวง เริ่มจาก Milan วนไปทางใต้ สุดที่ Rome และกลับมาที่ Milan อีกที เพื่อส่งแฟนกลับไทย และผมย้อนลงไป Florence อีกรอบเพื่อไปประชุม โดยแวะไปเที่ยว Pisa ก่อนนิดนึง เลยดูย้อนไปมา
สถานที่ที่อยากไปแต่พลาดเนื่องจากเวลาไม่พอ
- Cinque Terre : 5 หมู่บ้านประมงเล็กๆ (Monterosso, Vernazza, Corniglia, Manarola และ Riomaggiore) ริมทะเลที่เดินทางถึงกันได้โดยใช้รถไฟและมีเส้นทาง trekking ระหว่างเมือง ได้ขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO World Heritage ในปี 1997
- เมืองเล็กๆ อีกหลายเมือง เช่น Sienna, Verona
- Dolomite อันนี้อยากไปมาก แต่รอบนี้ขอเที่ยวเมืองก่อนครับ
เกริ่นมาซักพัก เริ่มกันทีละเมืองกันเลยนะครับ
https://www.facebook.com/BreathemyworldBMW
[CR] Ciao! อิตาลี ตอน 1 : อารัมภบท และ Lake Como
ที่ๆ จะไปรอบนี้ก็คือ อิตาลี (ซึ่งก็มีคนมารีวิวเยอะแล้ว แต่ก็ขอมั่งนะครับ 555) และ โครเอเชียแบบผิวๆ
ผมใช้เวลาอยู่ที่อิตาลีทั้งหมด 10 วัน (เที่ยว 7 วัน และประชุม 3 วัน) และต่อไปโครเอเชียอีกแค่ 3 วัน ที่อิตาลีถือว่าเป็นการเที่ยวแบบรีบร้อนพอสมควรเพื่อให้ได้หลายที่ที่อยากไปในเวลาอันจำกัด จริงๆ อยากเที่ยวแบบช้าๆ ชิลๆ ไม่รีบร้อนบ้าง แต่เวลากับกิเลสมันทำให้ช้าและชิลไม่ได้ครับ โปรแกรมเลยออกมาแบบนี้ ส่วนโครเอเชียนี่เที่ยวแบบสบายๆ เพราะไปไม่กี่ที่ ด้วยเวลาแค่สามวันรีบแค่ไหนก็ไปเยอะไม่ได้
ตอนแรกจะลงรูปรวดเดียวจบในกระทู้เดียว แต่รายละเอียด (รูป) ของสถานที่แต่ละเมืองมันเยอะ เลยขอแยกเป็นเมืองๆ ไป หวังว่าจะติดตามกันไปจนครบนะครับ
กล้อง : Nikon D3200, GoPro Hero 4 Silver, iPhone 6S
เลนส์ : Nikkor 18-105, Tokina 11-16 f 2.8
https://www.breathemyworld.com
Lake Como (วันที่ 1 และ 2) >>> ตามอ่านได้ในกระทู้นี้ครับ
Venice (วันที่ 2 และ 3) >>> http://ppantip.com/topic/35161615
Florence (วันที่ 3 และ 4) >>> http://ppantip.com/topic/35155732
Rome (วันที่ 4 ถึง 6) >>> http://ppantip.com/topic/35169149
Vatican (วันที่ 4 และ 6 พร้อม Rome) >>> http://ppantip.com/topic/35169149
Milan (วันที่ 6 และ 7) >>> http://ppantip.com/topic/35172957
Pisa (วันที่ 8) >>> http://ppantip.com/topic/35172957
Tips เล็กๆ น้อยๆ
การเข้าประเทศทั้งสองประเทศ -- ทำวีซ่าเชงเก้นอิตาลีแบบ multiple อย่างเดียวสามารถเข้าโครเอเชียได้เลย แต่ถ้าไม่ได้ขอแบบ multiple ก็ต้องไปทำวีซ่าโครเอเชียต่างหากครับ ขั้นตอนการทำวีซ่าอิตาลี เรื่องเอกสารค่อนข้างเยอะทีเดียว แต่มีคนแนะนำและรีวิวไว้เยอะมากแล้วครับ ขอข้ามตรงนี้ไป (แต่ขอบ่นนิดนึงกับการขอวีซ่าอิตาลี คือ เอกสารเยอะมาก และไม่มีการจองคิวออนไลน์ทำให้ต้องไปรอกันตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่น ผมไปถึง 5.30 น. ได้คิวที่ 40)
ตัวอย่างกระทู้แนะนำการทำวีซ่า: http://ppantip.com/topic/34795019
การวางแผนท่องเที่ยว
ได้ทำแผนล่วงหน้านานมากเพราะต้องใช้แผนเพื่อประกอบการทำวีซ่าอยู่แล้ว ผมอาศัยข้อมูลจากหนังสือท่องเที่ยว พี่ๆ น้องๆ ในพันทิพ อาทิ คุณ PKL, Coffeeblend, Traveller among moutains, เมนี่โก, Pbirdybird ฯลฯ ทำให้การวางแผนไม่ยุ่งยากมากนัก จะปวดหัวก็ตรง นู่นก็อยากไป นี่ก็อยากไป แต่เวลาไม่มี 555 สรุปต้องตัดทิ้งหลายที่เหมือนกัน
การเตรียมตัว
ที่สำคัญคือ มาตรการรักษาความปลอดภัยของทรัพย์สิน โดยเฉพาะวางแผนจะแบกกล้องและเลนส์หลายๆ ตัวไปร่วมหัวจมท้ายด้วย ยิ่งของพะรุงพะรังยิ่งเป็นเป้าหมายของมิจฉาชีพได้อย่างดี เพราะจะเผลอได้ง่าย โชคดีผมปลอดภัยดีไม่โดนอะไร มีกระเป๋าคาดเอวแบนๆ ใส่ไว้ใต้เสื้อ 1 อัน แบกกระเป๋ากล้อง 1 อันและสะพายเป้อีกอันไว้ด้านหลัง แต่ใส่ของไม่มีค่าเลยไม่ต้องพะวงมากแต่ก็มีกุญแจล็อคช่องใหญ่ของเป้ไว้อีกชั้นนึง ส่วนกระเป๋าสตางค์ มือถือเอาไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหน้า
ที่พัก
ผมเลือกพักที่โรงแรมใกล้ๆ กับสถานีรถไฟหลักของเมือง เนื่องจากเราเปลี่ยนโรงแรมบ่อย พักไกลก็ต้องลากกระเป๋าบ่อยและไกล นอกจากนี้เวลามาถึงเมืองก็แวะเอาของเก็บที่โรงแรมก่อนได้โดยไม่เสียเวลา จะได้ไม่ต้องเสียเงินฝากกระเป๋าที่สถานีรถไฟ
การเดินทางขณะอยู่ที่อิตาลี
1. เดินทางในเมือง ก็ใช้ระบบรถสาธารณะ เช่น รถบัส (รถเมล์) รถไฟ รถใต้ดิน เรือ แล้วแต่เมืองว่ามีอะไรบ้าง ส่วนใหญ่การซื้อตั๋วก็จะเหมือนๆ กัน คือ ซื้อตั๋วได้ตามร้านขายหนังสือพิมพ์ใกล้ๆ และขึ้นรถก็ค่อยเสียบ validate ตั๋วบนรถ (ไม่มีขายตั๋วบนรถนะครับ เคยเห็นคนไม่ซื้อตั๋วแอบขึ้น โดนตรวจและปรับจริงนะครับ) ค่าตั๋วประมาณ 1-1.5 ยูโรต่อ 60-90 นาทีแล้วแต่เมือง
** และลองเช็คดูนะครับว่าแต่ละเมืองมีบัตร pass อะไรบ้าง และคำนวณดูว่าค่าเข้าสถานที่ต่างๆ ค่ารถ รวมกันแล้วคุ้มกับราคา pass หรือไม่ ถ้าคุ้มก็เอาเลยครับสะดวกดี และการใช้ pass ยังทำให้เราไม่ต้องรอคิวซื้อตั๋วหรือเข้าชมสถานที่ต่างๆ ซึ่งจะยาวมากๆๆๆๆ ด้วยครับ เช่น
- Rome มี Roma pass 48 ชั่วโมง ราคา 28 ยูโร ขึ้นรถสาธารณะได้หมด เข้าพิพิธภัณฑ์ฟรี 1 แห่ง เป็นต้น (เช่น Colosseum ถ้าไม่อยากรอคิวเข้า ก็ซื้อ online ticket ไปก่อน ราคา 12+ fee 4 ยูโร ก็รวม 16 ยูโรเข้าไปแล้ว ถ้าขึ้นรถนู่นนี่ตอนเดินทาง เบ็ดเสร็จก็เกือบ 28 ยูโรแล้วครับ)
- Venice มี Travel card 24 ชั่วโมง ราคา 20 ยูโร ขึ้นเรือโดยสารได้ไม่จำกัด (ค่าเรือต่อเที่ยวก็ 7 ยูโรเข้าไปแล้ว ถ้าขึ้นเกิน 3 เที่ยวก็คุ้มมากแล้วครับ)
2. เดินทางระหว่างเมือง ผมเลือกขึ้นรถไฟซึ่งมี 2 บริษัทใหญ่ๆ คือ Italo และ Trenitalia ซึ่งถ้าเช็ครอบและจองออนไลน์ก่อนไปได้จะดีมากครับ ผมจองผ่าน goeuro.com ข้อดีของการจองตั๋วไปก่อน คือ ถ้าจองก่อนนานประมาณ 1-2 เดือน จะได้ตั๋วที่ราคาถูกกว่า และ print ใบจองไปขึ้นรถได้เลย ไม่ต้อง validate ตั๋วก่อนขึ้นรถ (เอาตั๋วไปปั๊มในเครื่องอัตโนมัติในสถานีก่อน เพราะถ้าลืม validate จะโดนปรับหลายสิบยูโรเลย)
เครื่อง validate ตั๋ว (กล่องเหลืองๆ ด้านซ้าย บางที่ก็จะสีเขียว ใส่ตั๋วเข้าไปเหมือนๆ ตอกบ้ตรน่ะครับ)
การจองตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆ
ซื้อเอาหน้างานได้ แต่คิวจะยาวมากถ้าเป็นที่ๆ นักท่องเที่ยวนิยมไป บางแห่งจึงควรซื้อออนไลน์ไปก่อน ข้อดีของการซื้อออนไลน์ไปก่อนคือ ไม่ต้องต่อคิว แต่ข้อเสียคือ ดันคิดค่าธรรมเนียมการจองด้วย 2-4 ยูโรแล้วแต่สถานที่และอาจทำให้เวลาเราไม่ยืดหยุ่นพอเพราะต้องไปให้ตรงเวลาที่ซื้อไว้ (แต่จริงๆ หลายคนในพันทิพมารีวิว บางคนไปก่อนหรือไปไม่ทัน ก็คุย (หรือขอร้อง) กับเจ้าหน้าที่ เขาก็ให้เข้ารอบอื่นได้ (แต่คงไม่ทุกที่นะครับ)
การติดต่อสื่อสาร
มีหลายบริษัทให้เลือกซื้อซิมและโปร ที่ใหญ่ๆ และมีร้านเกือบทุกสถานีรถไฟใหญ่ๆ ก็คือ TIM, Vodafone และ Wind (ผมใช้ของ Vodafone : 25 euro โทรได้ 300 นาทีในอิตาลี (ใช้โทรหากันเวลาเดินหลงกัน ซึ่งบ่อยมากๆๆๆ) และ internet 4G 5 GB) ผมว่ามันทำให้การเดินทางและชีวิตสะดวกมากขึ้นเยอะครับ เนื่องด้วยสมองอะมีบาอย่างผม (เดินเปะปะ หลงทางตลอดดดด) แอพที่ใช้บ่อยสุดคือ Google map 555 โดยเฉพาะเรามาเที่ยวแบบรวบรัด ถ้าหลงนี่อาจทำให้ชีวิตเปลี่ยนได้
แผนการเดินทางของผม
ดูงงๆ นิดนะครับ เพราะจะย้อนไปมานิดนึง (คงเอาเป็นตัวอย่างไม่ได้ 555 แต่คงเอาไปเป็นไอเดียได้บ้าง)
สรุปคร่าวๆ คือ เดินทางเป็นวง เริ่มจาก Milan วนไปทางใต้ สุดที่ Rome และกลับมาที่ Milan อีกที เพื่อส่งแฟนกลับไทย และผมย้อนลงไป Florence อีกรอบเพื่อไปประชุม โดยแวะไปเที่ยว Pisa ก่อนนิดนึง เลยดูย้อนไปมา
สถานที่ที่อยากไปแต่พลาดเนื่องจากเวลาไม่พอ
- Cinque Terre : 5 หมู่บ้านประมงเล็กๆ (Monterosso, Vernazza, Corniglia, Manarola และ Riomaggiore) ริมทะเลที่เดินทางถึงกันได้โดยใช้รถไฟและมีเส้นทาง trekking ระหว่างเมือง ได้ขึ้นทะเบียนเป็น UNESCO World Heritage ในปี 1997
- เมืองเล็กๆ อีกหลายเมือง เช่น Sienna, Verona
- Dolomite อันนี้อยากไปมาก แต่รอบนี้ขอเที่ยวเมืองก่อนครับ
เกริ่นมาซักพัก เริ่มกันทีละเมืองกันเลยนะครับ
https://www.facebook.com/BreathemyworldBMW