[DEX พาเที่ยว] Red Dot Design Museum Singapore แบบละเอียดยิบ หนึ่งในที่ที่ต้องไปในสิงคโปร์



ฝากติดตามเฟสบุ๊คเพจ www.facebook.com/dexspaceth/
เพจที่รวมข้อมูลเกี่ยวกับการออกแบบและนวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยนะครับ

จริงๆ แล้วเป้าหมายหลักของการไปสิงคโปร์ครั้งนี้คือการไปงาน Singapore Design Week 2016 แต่ด้วยความที่สิงคโปร์ก็เป็นเมืองแห่งการออกแบบเมืองหนึ่ง ดังนั้นมันจึงมีพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่งที่ผมจะพลาดไม่ได้ การเดินทางไป Red Dot Design Museum Singapore นั้นสามารถไปได้ไม่ยากเลยครับ ลง MRT สถานี Tanjong Pagar สีเขียว EW15 ออกมาหน่อยเดียว ก็เจอแล้ว หรือคนไทยสายแบ็คแพ็คอย่างเราๆ ที่นิยมพักใน China Town ก็สามารถเดินมาได้ไม่เกิน 15 นาทีแบบสบายๆ ใกล้กับ Maxwell Food Center ที่มีรีวิวกันเต็มพันทิพ โอเค ไม่ยากมากหรอก ถ้ายากนักก็เสิร์ช Google Map แป๊ปเดียวก็ไปได้ ลองดูนะครับ



Red Dot Design Award คืออะไร ทำไมต้องไปสนใจรางวัลนี้
วิกิพีเดียว่าไว้ว่า นี่มันเป็นรางวัลการออกแบบผลิตภัณฑ์ (Product Design) และการออกแบบนิเทศศิลป์ (Communication Design) ระดับโลกที่จัดมาตั้งแต่ปี 1955 ลบดูสิว่ากี่ปีมาแล้ว ทุกปีจะมีการจัดแข่งขันขึ้น ใครชนะสินค้าของตัวเองก็จะมาโผล่ที่พิพิธภัณฑ์จุดแดงเหล่านี้ ที่ใช้คำว่าเหล่านี้ ก็เพราะว่ามันมีพิพิธภัณฑ์จุดแดง 3 ที่ในโลกนี้แหนะ (ตื่นเต้นไหม) ไอ้ 3 ที่ที่ว่า ได้แก่ Red Dot Design Museum Essen ประเทศเยอรมัน Red Dot Design Museum Singapore บ้านใกล้เรือนเคียงของเรา และก็ Red Dot Design Area Taipei ที่ประเทศไต้หวันนั่นเอง โดยรางวัลที่สามารถส่งเข้าร่วมประกวดของ Red Dot Design Award ได้นั้น ก็แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ Product design / design team (ซึ่งยังมีประเภทย่อยๆ อีกเยอะมาก) หรือการออกแบบผลิตภัณฑ์ Communication design การออกแบบนิเทศศิลป์ และ Design concept รางวัลสำหรับแนวคิด คอนเซ็ปด้านการออกแบบ หรือนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งเป็นหมวดล่าสุดที่เริ่มมีการประกวดขึ้นในปี 2005 พร้อมๆ กับการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์นี้ที่สิงคโปร์นั่นเอง



เริ่มย่างก้าวเข้า Red Dot Traffic Building
ตึกนี้นอกจากจะใช้สำหรับเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว ยังใช้เป็นสถานที่จำหน่ายสินค้าเจ๋งๆ ที่ได้รับรางวัลมาในแต่ละปี ร้านกาแฟ pacific coffee และออฟฟิตของสำนักงานต่างๆ ถ้าเดินเข้าไปในตัวอาคารผ่านทางเข้าด้านหน้า ก็จะเจอกับทางเข้าพิพิธภัณฑ์ที่เหมือนจะกินเนื้อที่ครึ่งนึงของอาคาร และหากเดินไปทางด้านซ้ายจะเจอกับร้านกาแฟเล็กๆ ที่ชื่อว่า pacific coffee เมื่อเดินถัดไปอีกหน่อย จะเป็นโซนของร้านอาหาร(ที่วันไปมันปิด) และบรรดาออฟฟิตที่วางตัวอยู่ทุกชั้น บรรยากาศเหมือนเข้ามาโรงเรียนมัธยมอย่างไรไม่รู้ แต่ไม่กล้าขึ้นไปดู กลัวยามไล่ เลยลงมา


ตู้ไปรษณีย์ของออฟฟิตที่ตั้งในอาคารแห่งนี้

รายชื่อบริษัทต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในตุก red dot Traffic


Design Museum Shop แค่ด่านแรกก็ใจละลายแล้ววว

ปกติผมมักจะหลงใหลร้านที่เอาผลิตภัณฑ์ด้านการออกแบบมาโชว์แบบนี้อยู่แล้ว มันจะเป็นแนวๆ Selected shop ที่ร้านได้ไปเลือกเอาของดีๆ จากทุกตำบลมาวาง เอ้ยไม่ใช่ ไปเอางานดีๆ จากดีไซเนอร์ต่างๆ มาโชว์แถมขายจริงในที่ที่เดียว บ้านเราก็พอจะมีให้เห็นอยู่บ้างตามห้างใหญ่ๆ แต่การที่ไปโผล่ในที่ที่หยิบเอาของที่ได้รางวัลจากทุกมุมโลกมาวางขายกันซึ่งๆ หน้า มันก็เป็นอะไรที่พยายามให้เราเสียตังค์ได้อย่างไม่ยาก (แต่ไม่เสีย หึหึ) ของที่มาวางส่วนใหญ่ก็จะคละกันไปในหลายๆ หมวด ทั้งเสื้อผ้า อุปกรณ์ ชุดแต่งกาย กระเป๋า ยันของตกแต่งบ้านชิ้นเล็กๆ ลองไปดูที่รูปกันได้ ที่สำคัญ มีเคาเตอร์สำหรับขายตั๋ววางอยู่ตรงนี้ด้วย ก่อนเข้าพิพิธภัณฑ์ต้องซื้อตรงไหน เข้าใจไหมมม ผมถามคุณพี่ที่ขายตั๋วว่าที่นี่ถ่ายรูปได้ไหม เขาบอกตามสบาย อยากถ่ายไรก็ถ่าย ได้คำอนุญาตแบบนี้นี่ถูกใจมาก ผมก็จัดมาอย่างเต็มที่ เผื่อจะได้เซลฟีกับโถส้วมที่ได้รับรางวัล


เคาท์เตอร์สำหรับขายบัตรเข้าพิพิธภัณฑ์











ผมกลับมานั่งเสิร์ชดูก็พบว่า ยังมีบริการจากทางพิพิธภัณฑ์นั่นคือ ขายของทั้งหมดแบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ http://www.designmuseumshop.sg/ ที่หากซื้อของในราคาที่เกิน 70SGD ก็สามารถส่งได้แบบฟรีๆ ประมาณ 3-5 วัน ใครมีแพลนไปสิงคโปร์แล้วอยากจะช็อปปิ้งอยู่แล้วอาจจะสั่งล่วงหน้าให้ไปส่งที่โรงแรมก็ได้ เป็นอีกทางในการช็อปแบบสบายๆ


ห้องทางด้านซ้าย : วางหนังสือรางวัลในแต่ละปีไว้ให้ชม

ห้องด้านขวา เป็นส่วนที่ไว้โชว์สินค้าชิ้นใหญ่ๆ

เก้าอี้ไม้ชุบสี Indigo ไม่รู้ว่าใช้เทคนิคอะไร ตั้งไว้โดดเด่นกลางห้องแรกเลย

คำอธิบายของผลิตภัณฑ์ที่จะวางไว้คู่กับสินค้าหรือแนวคิดทุกรายการ

ส่วนที่สอง เข้ามายัง Red Dot Design Award โกดังการออกแบบ
เข้ามาแล้วเราจะเจอประวัติของที่นี่ ถ่ายมาให้แล้ว ลองอ่านดูกันนะครับ ห้องขนาดกลางๆ โชว์สินค้าไม่กี่ชนิดไว้ในห้อง ทุกสินค้าจะบอกรายละเอียดทั้งชื่อ แนวคิดการออกแบบ ทีมที่ออกแบบ รางวัลที่ได้รับในปีไหน นี่คงจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดของพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ คือไม่ได้โชว์แค่ของที่จับต้องได้เป็นๆ แต่ยังโชว์แนวคิดของของแต่ละชิ้นด้วย ว่ามีความเป็นไปเป็นมาอย่างไรอีกด้วย หลังจากนั้นเราก็จะมีทางเลือก 3 ทาง ได้แก่ เลี้ยวซ้าย ตรงไป และเลี้ยวขวา จริงๆ มันไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้นหรอกครับ ไม่กี่ก้าวก็เดินหมดโซนแล้ว เรามาดูกันดีกว่า ว่าแต่ละโซนมีอะไรบ้าง



เลี้ยวซ้าย ประวัติศาสตร์การก่อตั้ง
เนื่องจาก Red Dot Design Award เป็นรางวัลที่ให้ในแต่ละปีเป็นร้อยๆ รางวัล จากทั้งหมวดย่อย หมวดเล็ก หมวดน้อย ดังนั้น ต่อให้เอาพิพิธภัณฑ์ยักษ์มาวางก็เก็บของพวกนี้ไม่หมด ทาง Red Dot Design เลยแก้ปัญหานี้อย่างง่ายๆ โดยการพิมพ์รางวัลทั้งหมด ออกมาใส่หนังสือหนึ่งเล่มในแต่ละปี มีทั้งรูป คำอธิบาย ครบถ้วน แล้วก็เอาย้อนหลังหลายๆ ปีมาวางให้เปิดอ่านกันดู ใครสนใจซื้อประดับบ้าน ก็ลองกันได้ ราคา 59 SGD ก็ประมาณ 1500 บาท ราคานี้คุ้มค่าสำหรับเนื้อหาที่ได้รับ บอกเลย
http://www.designmuseumshop.sg/collections/red-dot-design-concept-yearbooks/products/reddotdesignconceptyearbook20152016



หรือ จะดูฟรีๆ ก็ได้ที่นี่ http://en.red-dot.org/red-dot-winners.html แล้วจะบิ้วให้ซื้อกันทำไมใช่ม้า ค่านายหน้าก็ไม่ได้สักหน่อย ไปลองดูกันได้ เพลินเอามากๆ

นอกจากนี้ยังตั้งคอมไว้เครื่องหนึ่งไว้บอกรายละเอียดของพิพิธภัณฑ์ ผมถ่ายมาให้ดูกัน


โดยปกติแล้ว จะเปิดทุกวัน วันธรรมดา 11 โมง ถึง 2 ทุ่ม ยกเว้นจะมีงานอีเวนท์พิเศษ

บางวันอาจจะมีอีเวนท์พิเศษ ควรจะเช็คในเว็บก่อนไป
โดยเช็คได้ที่ http://www.museum.red-dot.sg/open-days-location-contact/

ค่าเข้า สำหรับคนทั่วไป 8 SGD หรือประมาณ 200 บาท นักเรียน นักศึกษา 4 SGD เด็กๆ หรือผู้สูงอายุ 4 SGD

งาน MAAD หรืองาน Market Of Artists And Designers เป็นเหมือนตลาดนัดของงานศิลปะ จะจัดขึ้นทุกวันศุกร์ของเดือน โดยให้ดีไซเนอร์ได้นำผลงานต่างๆ มาโชว์กัน โดยงานนี้จะไม่ต้องเสียค่าเข้าในงาน ที่สำคัญ ยังได้รับการสนับสนุน จากโครงการ Creative Community Singapore program ใต้กระทรวง Information, Community and the Arts ด้วยนะ ดูรายละเอียดได้ที่ http://www.museum.red-dot.sg/maad/


โซนเดินตรงเข้าไป จะเป็นโซนโกดัง ที่มีพื้นที่ส่วนกลางไว้แสดงสินค้า และซอยห้องเล็กๆ ไว้โชว์คอนเซ็ปต่างๆ ในแต่ละประเภท ตรงกลางห้องตอนที่ผมไปโชว์เรื่อง Communication Design ตอนแรกนึกว่าจะโชว์อันนี้ถาวร แต่เหมือนจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพราะลองไปเปิดรีวิวของคนอื่นแล้วมันไม่เหมือนกัน เนื่องจาก Communication Design คือการออกแบบการสื่อสาร ดังนั้นมันจะมาในรูปแบบของโฆษณา แบรนดิ้ง โลโก้ แพคเกจ โปสเตอร์ ทางพิพิธภัณฑ์ก็เลยนำผลงานเหล่านี้มาติดกับกระดาษแข็งให้เราพลิกไปพลิกมาได้ ซึ่งแต่ละงานก็เด็ดได้ใจ คุ้นๆ เคยผ่านตามาบ้างก็มี


รายละเอียดรางวัลสาขา Communication Design

ตัวอย่างผลงานที่แสดงไว้กลางห้อง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่