เหลืออีกแค่ 2 นัดเท่านั้นก็จะจบฤดูกาลการแล้ว
อันดับที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้คือ อันดับ 3 ในกรณีที่ อาเซน่อล แพ้นัดสุดท้ายหยุดอยู่ที่ 68 คะแนน
แล้ว แมนฯยูไนเต็ด ชนะใน 2 นัดสุดท้ายเก็บเพิ่มเป็น 69 คะแนน
อันดับที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้คือ อันดับ 8 ในกรณีที่ทั้ง เซาแธมป์ตัน, เวสต์แฮม, และ ลิเวอร์พูล ชนะหมดในโปรแกรม 1-2 นัดที่พวกเค้าเหลือ
และ แมนฯยูไนเต็ด แพ้รวด 2 นัดสุดท้าย
ปีที่แล้ว แมนฯยูไนเต็ด จบฤดูกาลที่อันดับ 4 มี 70 คะแนน
ณ ตอนนี้ ทีมทำประตูไปทั้งสิ้น 44 ประตู และเสีย 31 ประตู จาก 36 นัด
ถ้านับจากจำนวนประตูได้ แมนฯยูไนเต็ด ลงไปอยู่ราวๆ อันดับ 10 ร่วม เท่ากับ บอร์นมัธ เลยทีเดียว ตรงนี้ต่อให้ไม่นับว่าทำประตูได้น้อยกว่า เลสเตอร์ ซิตี้ แล้วยังน้อยกว่า สเปอร์, เวสต์แฮม, เซาท์แธมป์ตัน, และ เอฟเวอร์ตัน เสียอีก (ส่วนน้อยกว่า แมนฯซิตี้, เชลซี, อาเซน่อล, ลิเวอร์พูล คงยังพอเข้าใจได้)
จำนวน 44 ประตูที่ถึงแม้จะเหลืออีก 2 นัดนี้ น้อยมากเป็นประวัติการณ์
ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯยูไนเต็ด ทำประตูได้ที่หลักขึ้นต้นด้วยเลข 4x นั้นต้องย้อนไปไม่ไกลครับ แค่ปี 1989-1990 สมัยยังเป็นดิวิชั่น 1 เท่านั้นเอง!
โดยฤดูกาล 89-90 นั้นทีมทำไปได้ 46 ประตู
(ถึงแม้จะเป็น D.1 เดิมแต่ตอนนั้นเตะ 38 นัดเท่าปัจจุบันนะ ระหว่างปี 88-91 ก่อนที่ปี 91-95 จะเตะกัน 42 นัดแล้วค่อยเหลือ 38 อีกเป็นต้นมา)
ก็นั่นล่ะครับ คิดคร่าวๆ แค่ราวๆ 25-26 ปีเท่านั้นเอ๊ง!
จำนวน 44 ประตูที่ทำได้นี่ทำให้ปีศาจแดงเป็นทีมที่ทำประตูน้อยที่สุดใน 9 อันดับแรก และทีมอันดับที่ 12 อย่าง เอฟเวอร์ตัน ทำได้มากกว่า (56 ประตู) และเท่ากับ บอร์นมัธ ทีมอันดับ 16 ที่ 44 ประตู
เฉลี่ยแล้ว ณ ตอนนี้ แมนฯยูไนเต็ด ทำประตูได้นัดละ 1.22 ประตู
ส่วนทีมที่กดประตูไปมากที่สุด ณ ตอนนี้คือ แมนฯซิตี้ ที่ 70 ประตู เฉลี่ยนัดละ 1.89 ประตู
เรื่องนึงที่อาจจะน่าแปลกก็ตรงที่ ปีที่แล้ว ลูกทีมของ หลุยส์ ฟานกัล ทำประตูไป 62 ประตู ห่างจากปีนี้ค่อนข้างมาก
นอกจากจำนวนประตูทั้งทีมแล้ว ดาวซัลโวปีนี้ ณ ตอนนี้ของทีมคือ เวย์น รูนี่ย์ ที่กดไป 14 ประตู จากทุกรายการ
นี่เป็นจำนวนที่น้อยที่สุดตลอดชีวิตค้าแข้ง 11 ปีของกัปตันรูนในสีเสื้อ แมนฯยูไนเต็ด (เท่ากับปีที่แล้ว)
และจำนวนประตูที่ดาวซัลโวของทีมทำได้น้อยใกล้เคียงกันขนาดนี้ก็ยังต้องย้อนไปถึงปี 1994-1995 ที่ อังเดร แคนเชลสกี้ ทำไว้ได้ 15 ประตู
ซึ่งถ้าเสี่ยรูนไม่สามารถกดเพิ่มอีก 1 ลูกเพื่อทาบสถิติทีมปีกเลือดเช็คได้แล้ว ก็ต้องย้อนไปถึงปี 1981-1982 กันเลยทีเดียว ที่ แฟรงค์ สเตเปิลตัน ทำไว้ 13 ประตู
(ปี 2013-14 ของ เดวิด มอยส์ รูนยิงไป 19 ประตู, ปี 2004-05 รูนยิงไป 17 ประตู, ปี 1996-97 โอเล่ยิงไป 19 ประตู, ปี 1995-96 คันโตน่า ยิงไป 19 ประตู นี่คือดาวซัลโวของทีมในช่วงผ่านๆ มาที่อาจจะยิงได้ไม่เยอะบ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่น้อยเท่า 2 ปีหลังสุด)
ดูเรื่องเกมรุกไปแล้ว ทีนี้มาดูเรื่องเกมรับ
จาก 36 เกม แมนฯยูไนเต็ด เสียประตูไป 31 ลูก เสียน้อยเป็นดับที่ 2 ของลีก
เป็นรอง สเปอร์ ที่เสียไป 30 ประตู
แต่ ก็เสียน้อยกว่า เลสเตอร์ (35), อาเซน่อล (36), และ แมนฯซิตี้ (40) แค่ไม่กี่ประตู (แต่ยิงได้น้อยกว่ากันเย้ออออ)
ที่อาจจะคิดไม่ถึง คือ บางคนอาจจะคิดว่า LVG แกเป็นจ้าวเกมรับ ยิงน้อยก็เสียน้อย ก็ไม่เชิงนัก
เพราะปีศาจแดงยุคลุยแหลกสมัยยุค Sir Alex ทีมไม่เคยเสียประตูถึง 30 ประตูเลยระหว่างปี 2006-2010 (27-22-24-28 ประตู)
นอกนั้นก็จะสลับประปรายระหว่าง หลัก 20-30-40 ประตู
แต่ตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุดคือ ฤดูกาลสั่งลา SAF ปี 2012-2013 ทีมโดนตะบันเสียไป 43 ประตู แต่สุดท้ายจบที่ 89 คะแนนและเป็นแชมป์ไปอย่างที่ทราบ
นี่แสดงให้เห็นว่าต่อให้เสียประตูมาก แต่ถ้าทำประตูได้มากกว่าเสีย (86 ประตู) ทีมก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการและนำมาซึ่งคะแนน
สถิติที่อาจจะไม่น่าจดจำเท่าไหร่อีกอย่างคือ ถ้าปีนี้ทีมไม่ได้ถ้วยรางวัลติดมือเลย จะเป็นครั้งแรก (อีกละ) นับตั้งแต่ปี 1986-1989 ที่ทีมไม่ได้แชมป์รายการใดๆ เลย 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (ไม่นับคอมมูนิตี้ชิลด์ที่ เดวิด มอยส์ ทำได้นะ 555)
โดยถึงแม้ที่ผ่านมาในยุค Sir Alex Ferguson อาจจะมีการเว้นแชมป์บ้าง โดยเฉพาะช่วงยุคไร้พ่ายของเดอะกันเนอส์ แล้วยังมาต่อด้วยจ่ามูครองเมือง สิริรวมแล้ว 3 ปีติด (2003-2006) ที่ทีมไม่ได้แชมป์ลีกเลย แต่ก็เข้าชิง เอฟ.เอ. คัพ ได้ 2 ปีซ้อน (ได้แชมป์ปีนึง แพ้นัดชิงอีกปีนึง) ก่อนปีต่อมาจะได้แชมป์มิกกี้เม้าส์คัพ สั่งลาเพชรฆาตในตำนาน รุด ฟานนิสเตลรอย ไป เรอัล มาดริด นั่นเอง
แต่ปีนี้ยังโชคดี ที่แน่นอนว่า LVG ไม่มีทางทาบสถิติจำนวนัดที่แพ้มากที่สุด (12 นัด) (ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 90-91 ทีทีมแพ้เป็นจำนวนนัดถึงเลข 2 หลัก) ด้วยเพราะตอนนี้ทีมแพ้ไปแล้ว 9 นัด ต่อให้แพ้อีก 2 ก็ยังแค่ 11 อดทาบรัศมี The Chosen One นะ 55555
และ สุดท้าย จำนวนแต้ม
จำนวน 64 คะแนนที่ เดวิด มอยส์ ทำให้ทีมเมื่อ 2 ปีก่อนถือว่า น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990-1991
ดังนั้น 63 คะแนนตอนนี้กับอีก 2 นัด ปีศาจแดงของจอมปรัชญาน่าจะรอดพ้นจากการสร้างประวัติศาสตร์อันเลวร้ายอีกหน้าไปได้ (ถ้าไม่กล้าๆ แพ้อีก 2 นัดน่ะนะ 5555)
แต่ ก็ยืนยันว่า ทีมจะทำได้สูงสุดแค่ 69 คะแนน ซึ่งยังน้อยกว่าปีที่แล้ว (70 คะแนน) เรียกว่าผ่านไปปีนึง ไม่ดึขึ้นแถมยังแย่ลงอีก กรรม
สรุปคร่าวๆ ก่อน 2 นัดสุดท้าย ดูแล้วมันค่อนไปทางแย่มากกว่าดีนะ
ส่วนตัวคห.ของผู้เขียนเอง จริงๆ เข้าใจและเห็นใจ หลุยส์ ฟานกัล อยู่พอสมควร คิดว่าแกก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว และโจทย์ของ แมนฯยูไนเต็ด นี่มันก็มหาหินชนิดที่คงมีแค่ไม่กี่ทีมในโลกจะมีเงื่อนไขและแรงกดดันใกล้เคียงกัน
การต้องเป็นแชมป์ลีก หรือลุ้นแชมป์ลีก ในพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบัน มันยากจริงๆ นั่นล่ะนะ
การเฉียดเข้าใกล้หรือกระทั่งคว้าแชมป์ได้สักครั้ง มันการันตีอะไรไม่ได้เลย เพราะนี่เป็นลีกที่แปรปรวนเหลือเกิน
มูรินโญ่ เพิ่งพาทีมได้แชมป์หมาดๆ ปิ๋ว เชลซี หวุดหวิดจะจบที่ครึ่งล่างของตาราง (และยังเป็นไปได้) ไม่ได้ลุ้นกระทั่งไปยูโรป้าลีก
แบรนดอน ร็อดเจอส์ เพิ่งพาลิเวอร์พูลลุ้นแชมป์เมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็ปิ๋ว
มานูเอล เปเยกรินี่ ทำทีมบุกแหลก ฟุตบอลเอ็นเตอร์เทน คว้าแชมป์ แต่ก็ ปิ๋ว
คนที่มีภาษีดีมากในช่วงก่อนหน้า อย่าง เจอเก้น คล็อป ก็ไม่ใช่ว่าเจอกับงานง่ายๆ และลำบากลำบนก็หลายนัด
(พูดไปแล้วก็อยากเห็นมาก ว่า เป๊ป กวาดิโอล่า จะเป็นอีกคนที่เอาชื่อเสียงมาทิ้งที่พรีเมียร์ลีกหรือไม่)
ครั้นเหลียวซ้ายแลขวา เอาวะ จัดหนัก หาโค้ชเทพๆ สักคน อย่าง มูรินโญ่ นี่ประไร ทุ่มซื้อนักเตะเทพๆ สักครึ่งทีมประไร รับรองได้แชมป์แน่
แหงนดูข้างบน อ้าว รานิเอรี่ ไม่เคยติดอยู่กลุ่มตัวเลือกโค้ชในใจ นักเตะระดับทีมเลสเตอร์ก็ไม่คิดว่าจะคว้าแชมป์ได้ ก็ทำได้
แถมยังมี สเปอร์ อีกทีม
ถ้าวัดความสำเร็จ ณ ปัจจุบันก็คงต้องตอบว่า หลุยส์ ฟานกัล สอบตก แต่ส่วนดีๆ ของแกก็คือ บรรดาดาวรุ่งที่ผลิดอกออกผลกันมามากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าวันนี้พวกเค้าจะดีพอหรือไม่ หรือจะเหลือสักกี่คนที่จะก้าวขึ้นไปเป็นกำลังหลักของทีมต่อไปในอนาคต เด็กๆ พวกนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นในยุคของ หลุยส์ ฟานกัล
โดยส่วนตัวผมแล้ว อันดับและผลงานรวมๆ ของทีม คงไม่ทำให้ผมอึดอัดใจเท่ากับ "สไตล์การเล่น" ของทีม
ก่อนหน้า LVG อาจจะโวยได้ (และพอฟังขึ้น) ว่ามันหมดยุคตำนานของ เซอร์ อเล็กซ์ ไปแล้วและไม่มีประโยชน์อะไรจะเอาไปเปรียบเทียบกัน
แต่ถึงไม่เอาปีศาจแดงเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วมาเปรียบเทียบ แค่แหงนมองขึ้นไปข้างบนของตาราง เราก็พบแล้วว่า ฟุตบอลที่ทั้งสนุก และประสบความสำเร็จ มันอยู่ข้างบนนั่นเอง และไม่จำเป็นต้องรวยมาาากกกก หรือมีสตาร์ล้นทีมอีกต่างหาก
เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ปีนี้ ครองบอลน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 จากท้ายกันเลยทีเดียว
อยากบอกลุงกัลว่าไม่ต้องครองบอลมาาากได้ไหม เล่นบอล direct บ้าง เล่นเร็วบ้างก็ได้นะลุ๊งงงงงงง!
แฟนปีศาจแดง ฤดูกาลนี้คิดยังไงครับกับทีม และ LVG?
เหลืออีกแค่ 2 นัดเท่านั้นก็จะจบฤดูกาลการแล้ว
อันดับที่ดีที่สุดที่เป็นไปได้คือ อันดับ 3 ในกรณีที่ อาเซน่อล แพ้นัดสุดท้ายหยุดอยู่ที่ 68 คะแนน
แล้ว แมนฯยูไนเต็ด ชนะใน 2 นัดสุดท้ายเก็บเพิ่มเป็น 69 คะแนน
อันดับที่เลวร้ายที่สุดที่เป็นไปได้คือ อันดับ 8 ในกรณีที่ทั้ง เซาแธมป์ตัน, เวสต์แฮม, และ ลิเวอร์พูล ชนะหมดในโปรแกรม 1-2 นัดที่พวกเค้าเหลือ
และ แมนฯยูไนเต็ด แพ้รวด 2 นัดสุดท้าย
ปีที่แล้ว แมนฯยูไนเต็ด จบฤดูกาลที่อันดับ 4 มี 70 คะแนน
ณ ตอนนี้ ทีมทำประตูไปทั้งสิ้น 44 ประตู และเสีย 31 ประตู จาก 36 นัด
ถ้านับจากจำนวนประตูได้ แมนฯยูไนเต็ด ลงไปอยู่ราวๆ อันดับ 10 ร่วม เท่ากับ บอร์นมัธ เลยทีเดียว ตรงนี้ต่อให้ไม่นับว่าทำประตูได้น้อยกว่า เลสเตอร์ ซิตี้ แล้วยังน้อยกว่า สเปอร์, เวสต์แฮม, เซาท์แธมป์ตัน, และ เอฟเวอร์ตัน เสียอีก (ส่วนน้อยกว่า แมนฯซิตี้, เชลซี, อาเซน่อล, ลิเวอร์พูล คงยังพอเข้าใจได้)
จำนวน 44 ประตูที่ถึงแม้จะเหลืออีก 2 นัดนี้ น้อยมากเป็นประวัติการณ์
ครั้งสุดท้ายที่ แมนฯยูไนเต็ด ทำประตูได้ที่หลักขึ้นต้นด้วยเลข 4x นั้นต้องย้อนไปไม่ไกลครับ แค่ปี 1989-1990 สมัยยังเป็นดิวิชั่น 1 เท่านั้นเอง!
โดยฤดูกาล 89-90 นั้นทีมทำไปได้ 46 ประตู
(ถึงแม้จะเป็น D.1 เดิมแต่ตอนนั้นเตะ 38 นัดเท่าปัจจุบันนะ ระหว่างปี 88-91 ก่อนที่ปี 91-95 จะเตะกัน 42 นัดแล้วค่อยเหลือ 38 อีกเป็นต้นมา)
ก็นั่นล่ะครับ คิดคร่าวๆ แค่ราวๆ 25-26 ปีเท่านั้นเอ๊ง!
จำนวน 44 ประตูที่ทำได้นี่ทำให้ปีศาจแดงเป็นทีมที่ทำประตูน้อยที่สุดใน 9 อันดับแรก และทีมอันดับที่ 12 อย่าง เอฟเวอร์ตัน ทำได้มากกว่า (56 ประตู) และเท่ากับ บอร์นมัธ ทีมอันดับ 16 ที่ 44 ประตู
เฉลี่ยแล้ว ณ ตอนนี้ แมนฯยูไนเต็ด ทำประตูได้นัดละ 1.22 ประตู
ส่วนทีมที่กดประตูไปมากที่สุด ณ ตอนนี้คือ แมนฯซิตี้ ที่ 70 ประตู เฉลี่ยนัดละ 1.89 ประตู
เรื่องนึงที่อาจจะน่าแปลกก็ตรงที่ ปีที่แล้ว ลูกทีมของ หลุยส์ ฟานกัล ทำประตูไป 62 ประตู ห่างจากปีนี้ค่อนข้างมาก
นอกจากจำนวนประตูทั้งทีมแล้ว ดาวซัลโวปีนี้ ณ ตอนนี้ของทีมคือ เวย์น รูนี่ย์ ที่กดไป 14 ประตู จากทุกรายการ
นี่เป็นจำนวนที่น้อยที่สุดตลอดชีวิตค้าแข้ง 11 ปีของกัปตันรูนในสีเสื้อ แมนฯยูไนเต็ด (เท่ากับปีที่แล้ว)
และจำนวนประตูที่ดาวซัลโวของทีมทำได้น้อยใกล้เคียงกันขนาดนี้ก็ยังต้องย้อนไปถึงปี 1994-1995 ที่ อังเดร แคนเชลสกี้ ทำไว้ได้ 15 ประตู
ซึ่งถ้าเสี่ยรูนไม่สามารถกดเพิ่มอีก 1 ลูกเพื่อทาบสถิติทีมปีกเลือดเช็คได้แล้ว ก็ต้องย้อนไปถึงปี 1981-1982 กันเลยทีเดียว ที่ แฟรงค์ สเตเปิลตัน ทำไว้ 13 ประตู
(ปี 2013-14 ของ เดวิด มอยส์ รูนยิงไป 19 ประตู, ปี 2004-05 รูนยิงไป 17 ประตู, ปี 1996-97 โอเล่ยิงไป 19 ประตู, ปี 1995-96 คันโตน่า ยิงไป 19 ประตู นี่คือดาวซัลโวของทีมในช่วงผ่านๆ มาที่อาจจะยิงได้ไม่เยอะบ้างเหมือนกัน แต่ก็ยังไม่น้อยเท่า 2 ปีหลังสุด)
ดูเรื่องเกมรุกไปแล้ว ทีนี้มาดูเรื่องเกมรับ
จาก 36 เกม แมนฯยูไนเต็ด เสียประตูไป 31 ลูก เสียน้อยเป็นดับที่ 2 ของลีก
เป็นรอง สเปอร์ ที่เสียไป 30 ประตู
แต่ ก็เสียน้อยกว่า เลสเตอร์ (35), อาเซน่อล (36), และ แมนฯซิตี้ (40) แค่ไม่กี่ประตู (แต่ยิงได้น้อยกว่ากันเย้ออออ)
ที่อาจจะคิดไม่ถึง คือ บางคนอาจจะคิดว่า LVG แกเป็นจ้าวเกมรับ ยิงน้อยก็เสียน้อย ก็ไม่เชิงนัก
เพราะปีศาจแดงยุคลุยแหลกสมัยยุค Sir Alex ทีมไม่เคยเสียประตูถึง 30 ประตูเลยระหว่างปี 2006-2010 (27-22-24-28 ประตู)
นอกนั้นก็จะสลับประปรายระหว่าง หลัก 20-30-40 ประตู
แต่ตัวอย่างที่ใกล้ตัวที่สุดคือ ฤดูกาลสั่งลา SAF ปี 2012-2013 ทีมโดนตะบันเสียไป 43 ประตู แต่สุดท้ายจบที่ 89 คะแนนและเป็นแชมป์ไปอย่างที่ทราบ
นี่แสดงให้เห็นว่าต่อให้เสียประตูมาก แต่ถ้าทำประตูได้มากกว่าเสีย (86 ประตู) ทีมก็ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการและนำมาซึ่งคะแนน
สถิติที่อาจจะไม่น่าจดจำเท่าไหร่อีกอย่างคือ ถ้าปีนี้ทีมไม่ได้ถ้วยรางวัลติดมือเลย จะเป็นครั้งแรก (อีกละ) นับตั้งแต่ปี 1986-1989 ที่ทีมไม่ได้แชมป์รายการใดๆ เลย 3 ฤดูกาลติดต่อกัน (ไม่นับคอมมูนิตี้ชิลด์ที่ เดวิด มอยส์ ทำได้นะ 555)
โดยถึงแม้ที่ผ่านมาในยุค Sir Alex Ferguson อาจจะมีการเว้นแชมป์บ้าง โดยเฉพาะช่วงยุคไร้พ่ายของเดอะกันเนอส์ แล้วยังมาต่อด้วยจ่ามูครองเมือง สิริรวมแล้ว 3 ปีติด (2003-2006) ที่ทีมไม่ได้แชมป์ลีกเลย แต่ก็เข้าชิง เอฟ.เอ. คัพ ได้ 2 ปีซ้อน (ได้แชมป์ปีนึง แพ้นัดชิงอีกปีนึง) ก่อนปีต่อมาจะได้แชมป์มิกกี้เม้าส์คัพ สั่งลาเพชรฆาตในตำนาน รุด ฟานนิสเตลรอย ไป เรอัล มาดริด นั่นเอง
แต่ปีนี้ยังโชคดี ที่แน่นอนว่า LVG ไม่มีทางทาบสถิติจำนวนัดที่แพ้มากที่สุด (12 นัด) (ซึ่งเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 90-91 ทีทีมแพ้เป็นจำนวนนัดถึงเลข 2 หลัก) ด้วยเพราะตอนนี้ทีมแพ้ไปแล้ว 9 นัด ต่อให้แพ้อีก 2 ก็ยังแค่ 11 อดทาบรัศมี The Chosen One นะ 55555
และ สุดท้าย จำนวนแต้ม
จำนวน 64 คะแนนที่ เดวิด มอยส์ ทำให้ทีมเมื่อ 2 ปีก่อนถือว่า น้อยที่สุดนับตั้งแต่ปี 1990-1991
ดังนั้น 63 คะแนนตอนนี้กับอีก 2 นัด ปีศาจแดงของจอมปรัชญาน่าจะรอดพ้นจากการสร้างประวัติศาสตร์อันเลวร้ายอีกหน้าไปได้ (ถ้าไม่กล้าๆ แพ้อีก 2 นัดน่ะนะ 5555)
แต่ ก็ยืนยันว่า ทีมจะทำได้สูงสุดแค่ 69 คะแนน ซึ่งยังน้อยกว่าปีที่แล้ว (70 คะแนน) เรียกว่าผ่านไปปีนึง ไม่ดึขึ้นแถมยังแย่ลงอีก กรรม
สรุปคร่าวๆ ก่อน 2 นัดสุดท้าย ดูแล้วมันค่อนไปทางแย่มากกว่าดีนะ
ส่วนตัวคห.ของผู้เขียนเอง จริงๆ เข้าใจและเห็นใจ หลุยส์ ฟานกัล อยู่พอสมควร คิดว่าแกก็ได้พยายามเต็มที่แล้ว และโจทย์ของ แมนฯยูไนเต็ด นี่มันก็มหาหินชนิดที่คงมีแค่ไม่กี่ทีมในโลกจะมีเงื่อนไขและแรงกดดันใกล้เคียงกัน
การต้องเป็นแชมป์ลีก หรือลุ้นแชมป์ลีก ในพรีเมียร์ลีกยุคปัจจุบัน มันยากจริงๆ นั่นล่ะนะ
การเฉียดเข้าใกล้หรือกระทั่งคว้าแชมป์ได้สักครั้ง มันการันตีอะไรไม่ได้เลย เพราะนี่เป็นลีกที่แปรปรวนเหลือเกิน
มูรินโญ่ เพิ่งพาทีมได้แชมป์หมาดๆ ปิ๋ว เชลซี หวุดหวิดจะจบที่ครึ่งล่างของตาราง (และยังเป็นไปได้) ไม่ได้ลุ้นกระทั่งไปยูโรป้าลีก
แบรนดอน ร็อดเจอส์ เพิ่งพาลิเวอร์พูลลุ้นแชมป์เมื่อไม่กี่ปีก่อน ก็ปิ๋ว
มานูเอล เปเยกรินี่ ทำทีมบุกแหลก ฟุตบอลเอ็นเตอร์เทน คว้าแชมป์ แต่ก็ ปิ๋ว
คนที่มีภาษีดีมากในช่วงก่อนหน้า อย่าง เจอเก้น คล็อป ก็ไม่ใช่ว่าเจอกับงานง่ายๆ และลำบากลำบนก็หลายนัด
(พูดไปแล้วก็อยากเห็นมาก ว่า เป๊ป กวาดิโอล่า จะเป็นอีกคนที่เอาชื่อเสียงมาทิ้งที่พรีเมียร์ลีกหรือไม่)
ครั้นเหลียวซ้ายแลขวา เอาวะ จัดหนัก หาโค้ชเทพๆ สักคน อย่าง มูรินโญ่ นี่ประไร ทุ่มซื้อนักเตะเทพๆ สักครึ่งทีมประไร รับรองได้แชมป์แน่
แหงนดูข้างบน อ้าว รานิเอรี่ ไม่เคยติดอยู่กลุ่มตัวเลือกโค้ชในใจ นักเตะระดับทีมเลสเตอร์ก็ไม่คิดว่าจะคว้าแชมป์ได้ ก็ทำได้
แถมยังมี สเปอร์ อีกทีม
ถ้าวัดความสำเร็จ ณ ปัจจุบันก็คงต้องตอบว่า หลุยส์ ฟานกัล สอบตก แต่ส่วนดีๆ ของแกก็คือ บรรดาดาวรุ่งที่ผลิดอกออกผลกันมามากมายเต็มไปหมด ไม่ว่าวันนี้พวกเค้าจะดีพอหรือไม่ หรือจะเหลือสักกี่คนที่จะก้าวขึ้นไปเป็นกำลังหลักของทีมต่อไปในอนาคต เด็กๆ พวกนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเริ่มต้นขึ้นในยุคของ หลุยส์ ฟานกัล
โดยส่วนตัวผมแล้ว อันดับและผลงานรวมๆ ของทีม คงไม่ทำให้ผมอึดอัดใจเท่ากับ "สไตล์การเล่น" ของทีม
ก่อนหน้า LVG อาจจะโวยได้ (และพอฟังขึ้น) ว่ามันหมดยุคตำนานของ เซอร์ อเล็กซ์ ไปแล้วและไม่มีประโยชน์อะไรจะเอาไปเปรียบเทียบกัน
แต่ถึงไม่เอาปีศาจแดงเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วมาเปรียบเทียบ แค่แหงนมองขึ้นไปข้างบนของตาราง เราก็พบแล้วว่า ฟุตบอลที่ทั้งสนุก และประสบความสำเร็จ มันอยู่ข้างบนนั่นเอง และไม่จำเป็นต้องรวยมาาากกกก หรือมีสตาร์ล้นทีมอีกต่างหาก
เลสเตอร์ ซิตี้ แชมป์ปีนี้ ครองบอลน้อยที่สุดเป็นอันดับ 3 จากท้ายกันเลยทีเดียว
อยากบอกลุงกัลว่าไม่ต้องครองบอลมาาากได้ไหม เล่นบอล direct บ้าง เล่นเร็วบ้างก็ได้นะลุ๊งงงงงงง!