[CR] Classic Reviewer ::: เมื่อชู้รักวางแผนฆาตกรรมเอาเงินประกันทดแทนเป็นสองเท่า Double Indemnity 1944 (ข้อมูลละเอียด)

สำหรับเวปอัพเดทค่ะ https://www.facebook.com/classicreviwerth
และเวปหลัก https://classicreviewer.wordpress.com


IMDB: 8.4
Rotten Tomatoes: 96%

Director: Billy Wilder
Casts: Fred MacMurray, Barbara Stanwyck, Edward G. Robinson & more
Theme: Crime, Drama, Film-Noir



เนื้อเรื่องโดยสังเขป

เรื่องราวของเจ้าหน้าที่เซลล์แมนประกันภัย Walter Neff (Fred MacMurray) ได้พบเจอและตกหลุมสวาทรักกับ Phyllis Dietrichson (Barbara Stanwyck) ทั้งสองร่วมมือกันวางแผนฆาตกรรมสามีของเจ้าหล่อนเพื่อชิงเอาเงินประกันแบบชดเชยแบบสองเท่า แต่กระนั้นหนทางไม่ได้ง่ายอย่างที่วาดฝันเอาไว้เมื่อเจ้านายที่แสนดีของเขา Barton Keyes (Edward G. Robinson) ผู้ซึ่งเชี่ยวชาญทางด้านจับผิดพวกคดโกงเอาเงินประกันเดินเข้ามาร่วมคดีนี้ รวมถึงเขาสัมผัสได้ถึงความดีงามของ Lola (Jean Heather) ลูกสาวของเหยื่อฆาตกรรม ความสับสนจึงเกิดขึ้นในใจ เขาจะหาทางออกอย่างไร

เกร็ดเล็กๆ

1) Barbara Stanwyck ในบท Phyllis Dietrichson นั้น เป็นที่เลื่องลือและน่าจดจำของคนดูเป็นอย่างมาก ตั้งแต่วิกผมไอคอนนิค แว่นตา ยันสร้อยข้อเท้า

2) หนังได้เข้าชิงออสการ์ถึง 6 รางวัล แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้อะไรกลับมาเลย ซึ่งสามรางวัล หนังยอดเยี่ยม ผู้กำกับยอดเยี่ยม บทหนังยอดเยี่ยม นั้นถูก Going My Way ของ Leo McCarey เอาไปกินซะเรียบ และขณะที่ตัว McCarey กำลังจะออกไปรับรางวัลหนังยอดเยี่ยมอยู่นั้น ด้วยความหมั่นไส้ Wilder เลยแกล้งเอาขายื่นออกไปตรงทางเดินทำให้ McCarey สะดุดล้ม (เขาว่ากันนะ)

3) หนังได้ขึ้นแท่น AFI โดย
1998 AFI’s 100 Years…100 Movies #38
2001 AFI’s 100 Years…100 Thrills #24
2002 AFI’s 100 Years…100 Passions #84
2003 AFI’s 100 Years…100 Heroes and Villains: Phyllis Dietrichson, villain #8
2007 AFI’s 100 Years…100 Movies (10th Anniversary Edition) #29

4) ภาพยนตร์เรื่องนี้ยังถูกนำไปดัดแปลงในภายหลัง Double Indemnity ถูกนำมารีเมคในปี 1973 แสดงนำโดย Richard Crenna (ซึ่งเล่น Body Heat ด้วย), Lee J. Cobb, และ Samantha Eggar Fatal Instinct เป็นภาพยนตร์ฉบับล้อเลียนของ Double Indemnity ในปี 1993

กว่าจะมาเป็นบทหนัง

เริ่มแรกทีตัวหนังเอามาจากหนังสือนิยายจำพวก pulp novel (มีเนื้อหารุนแรง ดิบๆ) ซึ่งตีพิมพ์ในแม็กกาซีนราวๆ ปี 1935 โดย James M. Cain และโครงเรื่องเดิมนั้นได้แรงบรรดาลใจมาจากเรื่องจริงค่ะ ช่วงนั้นเองทางหลายๆค่ายหนังต่างสนใจนิยายของ Cain มาก ซึ่งเป็นนักเขียนมือทองในเวลานั้นอีกด้วย แต่กระนั้นเนื้อเรื่องกลับโดน Joseph Breen ผู้ที่ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่เซ็นเซอร์หนังก่อนออกฉาย ไม่อนุญาติให้ทำเป็นหนัง อย่างไรก็ตามแปดปีต่อมา Wilder ได้หยิบเรื่องนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ (เขาลือกันว่าที่ Wilder รู้จักเรื่องนี้กันได้เพราะ มีอยู่วันหนึ่งเขาโวยวายตามหาเลขาสาวไม่เจอ เพราะเธอหมกตัวในห้องน้ำกำลังอ่านนิยายเรื่องนี้จนเพลิน พอ Wilder รู้เข้าก็เกิดสนใจเรื่องนี้ขึ้นมาเลยหยิบมาทำเป็นหนัง)

James M. Cain คือตัวเลือกแรกของ Wilder ที่จะนำมาร่วมมือกันดัดแปลงเป็นบทหนัง แต่ติดที่ Cain ดันไปทำงานให้กับค่ายอื่นแล้วจึงได้ Raymond Chandler มาแทน ซึ่งมีผลงานนิยายชื่อดัง The Big Sleep (ภายหลังกลายเป็นภาพยนตร์ในปี 1946) แต่กระนั้นการทำงานของพวกเขาไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่ เป็นเพราะนิสัยที่ต่างกันสุดขั้ว Wilder นั้นเป็นคนสนุกเฮฮาและเปิดเผย แต่อีกฝั่งเป็นคนค่อนข้างเก็บอาการ อีกคนขี้เมาอีกคนพึ่งเลิกดื่ม กลายเป็นดึงอีกฝ่ายกลับมาดื่มใหม่ ความเห็นของการดัดแปลงเนื้อเรื่องของทั้งสองก็ต่างกัน บรรยากาศเป็นไปอย่างอึมครึม ต่างคนค่างทนนิสัยกันไม่ได้ เรียกได้ว่าทนกันไม่ถึง 15 นาทีก็หนีออกจากห้องละ แต่ด้วยความเป็น professional ของทั้งสองเนื้อเรื่องเลยและบทหนังจึงออกมาดีอย่างมาก Chandler นั้นได้โชว์ทักษะการเขียนบทโดยใช้คำพูดที่คมคาย ชาญฉลาดออกมาและตัว Wilder เองก็ยอมรับว่า Chandler นั้นมีของจริงๆ

คัดเลือกนักแสดง

เมื่อบทหนังเสร็จ ถึงขั้นตอนเลือกนักแสดง ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแก้ไม่ตก ใครจะมายอมเล่นเป็นตัวร้ายนำล่ะ เสียภาพลักษณ์ภาพพจน์กันพอดี แค่นั้นยังไม่พอ นักแสดงที่จะมาเล่นจะเล่นถึงบทบาทหรือเปล่า ซึ่งตอนนั้นบทคู่รักที่ร่วมมือกันฆ่าแย่งชิงสมบัติเป็นอะไรที่ใหม่มากๆตัว Wilder นั้นอยากได้ Barbara Stanwyck มารับบท Phyllis Dietrichson ตัวละครนำฝ่ายหญิงอยู่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเป็นดาราสาวค่าตัวแพงที่สุดในฮอลลิวู้ดและอเมริกา แรกเริ่มหลังจากได้ข้อเสนอ เธอชอบบทหนัง แต่กระนั้นเธอกลับปฏิเสธเกรงว่าการรับบทสาวฆาตกรจะส่งผลร้ายในอาชีพการแสดงของเธอ Wilder กล่อมเธอโดยคำถามว่า คุณเป็นหนูหรือนักแสดง? เธอเลยยอมรับเล่น ซึ่งภายหลังเธอขอบคุณ Wilder เป็นอย่างมากที่ให้บทดีๆ นี้แก่เธอ

บทนำ Walter Neff มีตัวเลือกผลัดไป-มาจาก Alan Ladd, James Cagney, Spencer Tracy, Gregory Peck, Fredric March และลงเอยที่ George Raft มาเล่นนำ ซึ่งตัวเขานั้นอ่านหนังสือไม่ออก Wilder เลยต้องเล่าเนื้อเรื่องให้ฟัง แล้วพอเล่าไปครึ่งเรื่อง Raft เข้าใจบทบาทไปผิดแนวเลยต้องลาจากกัน สุดท้าย Wilder ที่ตอนแรกประสงค์เลือกหานักแสดงนำชายที่มีลักษณะสามารถเล่นบทร้าย เลยหันมามองคนที่เล่นสุภาพดูเป็นคนดีได้ด้วยเช่นกัน Fred MacMurray จึงถูกเลือกมา ซึ่งมีชื่อเสียงจากการเล่นบทรอมคอม เดิมที MacMurray ปฏิเสธ เพราะมันสวนทางกับอาชีพการทำงานของเขามาก เขาคิดว่าเขาไม่มีความสามารถมากพอ แต่ Wilder ก็ตามตื๊อชักชวนไม่เว้นแต่ละวัน แต่เขาก็ไม่มีท่าที่จะยอมเซ็นสัญญาซะที อาจเป็นเพราะกลัวภาพลักษณ์ฆาตกรเข้ามาแทนที่ภาพลักษณ์ชายหนุ่มแสนดีที่เขากับทาง Paramount ค่ายสังกัดปลุกปั้นสร้างไว้ ประจวบเหมาะกับช่วงต่อสัญญาดำเนินเข้ามา MacMurray ที่เข้าใจว่าค่ายจะผลักดันเขา..คิดจะเล่นไม้แข็งกับหัวหน้าค่ายเหมือนที่เพื่อนนักแสดงสาว Carole Lombard เคยทำและสำเร็จ แต่กระนั้นเขาเข้าใจผิด ค่ายไม่ได้สนใจเขาเลยและคิดจะสั่งสอนเขาว่าอย่าลองดีอีกโดยปราบพยศให้เล่นเรื่องนี้ซะเลย ซึ่งภายหลังจากแสดงเรื่องนี้ ตัวเขาได้ยกระดับการแสดงขึ้นมาอีกขั้นและไม่คิดว่าจะเป็นผลงานมาสเตอร์พีซของเขาในชีวิตการแสดง

Edward G. Robinson ในบทของ Barton Keyes ซึ่งเป็นบทสมทบชาย รับเล่นเรื่องนี้ด้วยความปวดใจไม่น้อย เพราะเขารับไม่ค่อยได้ที่จะมาเล่นบทรอง นักแสดงมากฝีมือคนนี้โด่งดังมาจากการแสดงนำในปี 1930 จนคืบคลานมาหนึ่งทศวรรษด้วยวัยชราภาพขึ้นเขาจึงต้องถอยหลังมาเล่นเป็นบทสมทบแทน เขาเริ่มเปิดใจมากขึ้นเรื่อยๆ กับสภานะของเขา

วิจารณ์

เป็นหนังที่ Wilder โชว์ทักษะการเป็นผู้กำกับระดับฝีมือทองเรื่องแรกๆ ตอนแรกตัวแอดก็ลังเลว่าจะดูดีหรือเปล่า แต่สุดท้ายตัดสินใจดู พอดูนี่ก็อ้าปากค้าเลย หนังเล่าเรื่องได้ยอดเยี่ยมทีเดียว ตั้งแต่เปิดเรื่องจนถึงตอนจบ ไม่ยืดเยื้อกระชับ เล่าเรื่องแบบ Flashback แบบที่ Wilder จะได้โชว์ฝีมือในภาพยนตร์เรื่องหลังๆต่อไปของเขาอีกด้วย หนังค่อยๆ บิ๊วความสัมพันธ์ของตัวละคร และฉากที่ติดตาคนดูตั้งแต่ต้นจนจบคือฉากที่ Neff ใช้นิ้วจุดไม้ขีดไฟ ซึ่งฉันก็คิดนะว่าทำไมต้องใช้มือ? แอบคิดอยู่เหมือนกันนะว่ามันหมายความทำนองว่า เป็นตัวก่อปัญหาใช่ไหม เล่นกับไฟแบบนางเอกนี่ อันนี้แล้วแต่ผู้อ่านจะตีความเอา

ถ้าถามว่าข้อเสีย(ดาย)ของฉันคืออะไร มันค่อนข้างคลุมเครือค่ะ หนังมันไม่มีให้ลุ้นว่าโครงเรื่องหลักเหตุการณ์สำคัญๆ อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง รู้หมดตั้งแต่ตอนแรกว่าใครทำอะไร ทำไมถึงทำ? ผลลัพธ์เป้าหมายของการทำล่ะ? แต่กระนั้นถ้าลองมองมุมกลับ หนังมาสารภาพความผิดให้คนดูฟังแต่ต้น เราก็จะลุ้นต่อไปเองว่า อะไรเกิดขึ้นบ้างในเรื่องที่เขาจะเล่า รายละเอียดปีกย่อย เครื่องอัดเสียงบรรทึกความทรงจำที่พระเอกพูดไปก็คล้ายสายโทรศัพท์ที่ส่งตรงมาถึงคนดู

Double Indemnity ถ่ายทอดความเป็น Noir และมีกลื่นอายของสไตล์ Hitchcock อีกด้วย ผลงานทางด้านภาพก็สื่อความหมายเชิงสัญลักษณ์เอาไว้เยอะมาก อย่างเช่นการใช้เงาของมูลี่ของหน้าต่างกระทบมาบนตัวของพระเอก เกิดความหมายเหมือนถูกกักขังคนผิด ซึ่งในหนังใช้อยู่หลายต่อหลายครั้งมาก อาทิฉากแรกเลยพระเอกเข้าบ้าน Dietrichson ก็เจอเงามูลี่กระทบละ แต่นั่นยังไม่ชัดเจนมากนัก ฉากต่อมาที่ดูค่อนข้างชัดแล้วคือตอนที่ Lola ลูกสาวของผู้ตายได้มาขอความช่วยเหลือจากคนที่เธอคิด(ไปเอง)ว่าไว้วางใจได้ มีการเล่นกับเงามูลี่เหมือนคุกกักขัง และยังมีเงาดำครึ่งหน้าซึ่งพระเอกมาแนวตีสองหน้า

ฉากต่อมายิ่งชัดเจนเข้าไปอีก การยืนของพระเอกนี่มันดีเยี่ยมจริงๆ เงามูลี่กะทบฝ่ายนำชายชัดเจนแล้วชัดเจนอีก ภาพแรกการยืนค่อนข้างแสดงถึงความกังวล ปิดบังและมีเลศนัย ภาพที่สองเงาดำครึ่งหน้าพร้อมสีหน้าระวังตัวในขณะพูดถึงข้อมูลเหยื่อที่ตาย ภาพที่สามเงาคล้ายคุกเริ่มสาดแรงมากขึ้น ในขณะที่ตัวละครอีกสองตัวโดนเงาแบบนี้แค่เพียงเล็กน้อยให้พอเหมาะกับความสมจริง และภาพสุดท้ายเงาแรงมากแรงที่สุด เล่นกับการเข้าหาวางตัวอีกเช่นเคย

ซีเคว้นย่อยๆตรงนี้ ทำออกมาได้ดีเช่นกัน พระเอกผู้กุมความผิดความหลอกลวง ต้องเผชิญกับบุรุษพยานที่เห็นเหตุการณ์ ถึงแม้เขาจะจำพระเอกไม่ได้ แต่มันก็ครุมเครือๆอยู่ ทิศทางการยืนของ Neff อยู่ในลักษณะเกือบจะหันหลังคุยหรือหันหน้าเผชิญอีกฝ่ายแค่นิดเดียว แสดงถึงการปิดบัง รวมถึงแสงเงาจากมูลี่และหน้าพระเอกกึ่งดำกึ่งสว่าง

รายละเอียดแอบแฝงเล็กๆน้อยๆ เสริมคาแร้คเตอร์

รายละเอียดเล็กๆที่ใช้เล่าเรื่องในหนังมีอยู่หลายต่อหลายฉาก พระเอกไม่จำเป็นต้องพูดว่าสนใจนางเอกตรงๆ แต่ใช้สร้อยข้อเท้าของนางเอกเป็นตัวส่งสัญญาณให้นางเอกรู้ คนดูสามารถรับรู้ได้เองว่าพระเอกสนใจเรือนร่างนางเอกมากว่าการต่อสัญญาประกันรถยนต์ และข้อเท้าถูกนำมาใช้เล่นกันหลายต่อหลายฉากนอกเหนือจากสร้อยเท้าด้านซ้าย ขาที่หักของตัวสามีของ Phyllis หรือแม้กระทั่งตัวของ Neff นั้นต่างเป็นข้อเท้าซ้ายหมด แถมเปิดตัวนางเอกตอนแรกก็ปังเลย Phyllis มาแนวนางยั่วสวาทใส่ผ้าถุงคลุมเกาะอก ภรรยาดีดีที่ไหนจะกล้าออกมาโชว์ผล่างแบบนี้กับผู้ชายที่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตากัน แถมพอพระเอกเปิดหมวกเปิดใจ นางเดินออกมาจากมุมมืดเพื่อให้เห็นเรือนร่างของเธออีก นอกจากนี้ในตัวของ Phyllis นั้น Wilder ได้ลงรายละเอียดโดยให้เธอใส่วิกผมบลอนด์ที่ดูปลอมๆ (สาวผมบลอนด์ มักดูร้าย?) ผมหน้าม้าไร้รสนิยม, กลิ่นน้ำหอมถูกๆ เพื่อขยายคาแร้คเตอร์นางเอกว่า ” ปลอม ”

ภาพด้านขวาสามารถอธิบายได้ว่าทั้งสองมีเพศ สัมพันธ์กันแล้ว ฝ่ายชายนอนสูบบุหรี่ ฝ่ายหยิงแต่งหน้าก่อนกลับบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีฉากใส่เสื้อผ้าบนเตียงก็อธิบายได้แล้ว
ชื่อสินค้า:   Double Indemnity
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่