[Santorini] 4830 miles away from home



4830 ไมล์ หรือประมาณ 7,770 กิโลเมตร เป็นระยะทางโดยประมาณที่ซานโตรินี่ห่างจากกรุงเทพมหานคร
ภาพหมู่บ้านสีขาวที่ตั้งอยู่บนหน้าผาสูงชัน ตัดกับสีท้องฟ้าและน้ำทะเล เป็นภาพที่หวังว่าจะได้มาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง
ฉันดีใจที่ได้มายืนตรงนี้

...
องค์การการท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization: WTO) ระบุไว้ว่า การเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ เพื่อพักผ่อนหรือทำกิจกรรมต่างๆ ที่มีระยะทางมากกว่า 50 ไมล์จากบ้าน จะถือเป็นการท่องเที่ยว
วันนี้ฉันเดินทางไกล
...
ซานโตรินี่ เป็นชื่อเกาะของประเทศกรีซ ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ มีระยะห่างจากเมืองหลวงอย่างกรุงเอเทนส์ วัดตามการกระจัดได้ 146 ไมล์ หรือประมาณ 235 กิโลเมตร
ระยะทางนี้ให้นึกถึงการขับรถจากกรุงเทพฯไปถึงนครสวรรค์
แต่เนื่องด้วยไม่มีถนนหนทาง การเดินทางมายังซานโตรินี่จึงต้องพึ่งพาเรือและเครื่องบิน
ระยะเวลาการเดินทางด้วยเรือเฟอร์รี่ใช้เวลาประมาณ 8 ชั่วโมง
ในขณะที่หากโดยสารเครื่องบินจะใช้เวลาประมาณ 40 นาที
จะเรือหรือเครื่องบิน ก็เลือกเอาตามความสะดวกของเวลาและงบประมาณ

ฉันไม่ได้เดินทางไปซานโตรินี่จากกรุงเอเทนส์
เนื่องจากเป็นโรคภูมิคุ้มกันจากการซื้อตั๋วเครื่องบินราคาถูกบกพร่อง
ปีนี้ได้ตั๋วเครื่องบินราคาพิเศษจาก Qatar ให้ไปลงเวียนนา
ทริปซานโตรินี่ของฉันก็เลยเริ่มต้นที่ออสเตรีย…
ซานโตรินี่เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่บอกตัวเองว่าจะต้องมาให้ได้สักครั้งในชีวิต ภาพแผ่นฟ้าที่ครามและท้องทะเล ที่ตัดด้วยหมู่บ้านสีขาวมีหลังคาสีฟ้าแห่งนี้
มันเหมือนมีมนต์สะกด

...
ซานโตรินี่ของฉันเกิดขึ้นในเดือนเมษายน เดือนที่พึ่งเริ่มต้นเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวของเกาะแห่งนี้
เนื่องจากซานโตรินี่ตั้งอยู่ในทะเลอีเจียน (Aegean Sea) มีภูมิอากาศแบบเมดิเตอร์เรเนียน ดังนั้นบนเกาะจะมี ฝนตก พายุ และลมแรงในฤดูหนาว ตั้งแต่ปลายเดือนพฤศจิกายนถึงมีนาคม
ซึ่งในฤดูกาลนั้นๆจะถูกเรียกว่า Low Seasom
นักท่องเที่ยวจะไม่มาเที่ยว
เกาะแห่งนี้แทบจะเป็นเกาะร้าง
โรงแรมและร้านค้าต่างๆ จะอยู่ในช่วงปิดบริการ เพื่อปรับปรุงสีสันให้สวยสดใหม่อยู่เสมอ
ฉันไปอยู่ที่นั่นวันที่ 8–11 เมษายน 2559
ร้านค้าต่างๆเปิดให้บริการเกือบครบแล้ว แต่ก็มีการทาสีควบคู่กันไป

ข้อดีของการไปเที่ยวซานโตรินี่ในช่วงเดือนเมษายนก็คือ ที่พักมีราคาถูกมากเมื่อเทียบกับในฤดูร้อน
เราสามารถหาโรงแรม 5 ดาวนอนริมหน้าผาได้ในราคาไม่ถึง 5 พันบาทต่อคืน
ซึ่งถ้ามาในช่วงหน้าร้อน ราคาจะกระโดดไปมากกว่า 3 เท่าเลยทีเดียว

ฉันออกเดินทางจากกรุงเวียนนาโดยใช้บริการของ Flyniki ซึ่งเป็นสายการบินลูกของ Airberlin จองผ่านเว็บไซต์ของบริษัทโดยตรง
ในช่วงเดือนเมษาไฟล์ทไม่ได้มีทุกวัน มีเพียงวันศุกร์และวันจันทร์เท่านั้น
แต่เท่านั้นก็ดีมากๆ แล้ว

เพราะถึงแม้ซานโตรินี่จะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวระดับโลก แต่ก็มีสายการบินที่ให้บริการบินตรงไปยังเกาะไม่มากนัก
มีเพียงเมืองใหญ่ๆจากยุโรปไม่กี่เมืองที่สามารถบินตรงไปลงเมือง Fira บนเกาะ Santorini ได้
จากการสำรวจจากเว็บไซต์ Skyscanner พบว่า ลอนดอน โรม เวียนนา บาร์เซโรนา ซูริค มิวนิค บรัสเซล อัมสเตอร์ดัม และโคเปนเฮเกน ได้รับสิทธิ์นั้น
ฉันพบว่าจริงๆเราสามารถแปะทริปซานโตรินี่รวมกับทริปยุโรปได้แทบทั้งหมด
เพราะต่อให้ไม่มีเที่ยวบินตรง ก็มีเที่ยวบินจำนวนมากจาก Aegean Airline ที่มาแวะพักที่เอเทนส์ก่อนบินต่อไปซานโตรินี่
สบายมากๆ ใครอ่านจบ คงต้องลองสักครั้ง



สนามบินที่ซานโตรินี่เป็นสนามบินเล็กๆ
เล็กและคันทรี่(ลูกทุ่ง)ไม่แพ้สนามบินสมุยบ้านเรา
ในแต่ละวันมีไฟล์ทบินเข้าบินออกเป็นเลขหลักเดียว
วันที่ฉันไปถึง น่าจะเป็นไฟล์ทเดียวที่มาซานโตรินี่ในวันนี้

อาจจะเป็นเพราะวันนี้ยังไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ภายนอกสนามบินดูร้าง ออกมาถึง เอ้ยทำไมมันเงียบเหงาแบบนี้ และเนื่องจากบินตรงมาจากเวียนนาทำให้ไม่มีซิมการ์ดและอินเตอร์เน็ตของประเทศกรีซใช้
อ่านรีวิวไว้ว่ามีรถบัสเข้าเมือง แต่ดูเหมือนทุกคนจะใช้บริการรถแท๊กซี่ทั้งหมด
เหลือเพื่อรอรถบัสเข้าเมืองอยู่ไม่กี่คน แท๊กซี่ก็เริ่มหายไปทีละคัน ทีละคัน



ด้วยความที่เข็ดกับแท๊กซี่ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ แท๊กซี่ก็ดูน่ากลัว ยอมนั่งรอรถบัสอยู่นานสองนาน อ่านป้ายอีกชั่วโมงกว่ากว่าจะมา
สักพักแท๊กซี่ก็เดินมาชี้ชวนฝรั่งสองคนนี้ขึ้นรถไป
เหลือกระเหรี่ยงชาวเอเชียนั่งหัวดำอยู่สองคน
สุดท้ายตัดใจยอมใจ เดินไปถามราคาแท๊กซี่ไปโรงแรม

กระเหรี่ยงหัวดำ: How much to Petit Palace in fira
แท๊กซี่: 18 Euro
กระเหรี่ยงหัวดำ: ดิสเค้าท์หน่อยได้ไหม Discountๆ
แท๊กซี่: No no standard price
กระเหรี่ยงหัวดำ: Oh oh Discount Please
ต่อตั้งนานได้มา 1 ยูโร เหลือ 17 ยูโร
สรุปตัดสินใจขึ้นแท๊กซี่ไปโรงแรม

ก่อนจะไปมีฝรั่งขอแชร์ค่ารถไปด้วย บอกว่าจะไปลง Fira
ไอ้เราก็นึกว่าโรงแรมเราอยู่ใกล้ Fira ก็พากันไป
สองหัวดำ หนึ่งหัวทอง นั่งรถสัก 10 นาทีก็ไปถึงโรงแรม
พนักงานออกมายืนรอรับอยู่แล้ว
เพื่อนร่วมทางแชร์ค่ารถให้ 10 ยูโร บอกไม่เอาๆ เอามา 5 ยูโรพอ
แล้วเขาก็ขอบคุณเราใหญ่ ถามพนักงานว่า Fira เดินไปทางไหน พนักงานชี้ไปข้างหลังบอกว่า “This way” เพื่อนร่วมทางเราพยักหน้างึกงันแล้วเดินจากไป
มาตอนหลังรู้ว่าโรงแรมห่างจาก Fira เกือบ 3 กิโล สงสารเพื่อนฝรั่งคนนั้นขึ้นมาจับใจ
รู้งี้ขอเค้ามาแค่ 2 ยูโรก็พอ


สุดลูกหูลูกตานู้นคือทางไปเมือง Fira, Greece


ถึงแล้วหน้าโรงแรม เป็นโรงแรมที่สวยมาก บริการทุกระดับประทับใจ Petit Palace Suite, Fira, Greece

เรามาพักที่ซานโตรินี่ 4 วัน3 คืน เมื่อดูพยากรณ์อากาศแล้ว
ข่าวดีก็ คือ ทุกวันไม่มีฝนตก อากาศประมาณ 20 องศาเย็นสบาย
ข่าวร้ายก็คือ ฟ้าจะครึ้ม ลมจะแรง ที่สำคัญฟ้าปิดทุกวัน!!! อ้ากกกก!! ทุกวัน


นี่คือหน้าตาของฟ้ามัวๆ ที่เราอาจจะต้องเจอเยอะหน่อยในเดือนเมษา

เมื่อเก็บของเข้าที่พักเสร็จ ก็ได้เวลาสำรวจเกาะในฝันแห่งนี้ เรานั่งรถบัสของโรงแรมไปส่งที่ Fira วันนี้ฟ้าหม่นเหลือเกิน




ถามว่าอาหารการกินที่ซานโตรินี่เป็นอย่างไรบ้าง
อาหารที่นี่ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับยุโรปเมืองอื่นๆ
ราคาอาหารจานหลักอยู่ที่ 10–15 ยูโร ถ้าเป็นอาหารทะเลจะอยู่ที่ 20–25 ยูโร
ทั้งนี้อาหารการกินที่ Fira จะถูกกว่า Oia ประมาณ 20%
ดังนั้นแนะนำว่าให้ไปรับลมที่ Oia แต่มาเครียปากท้องที่ Fira แทน


จบวันนี้ ท้องฟ้าก็ยังคงเป็นสีหม่น
จะจบภาพหลังกล้องอย่างที่ใครเขาบอกกันคงไม่ไหว
แม้ว่าภาพจะไม่ได้จบหลังกล้อง ต้องมีเติมมีแต่งบ้าง มันก็สวยไปอีกแบบนะ
#ชีวิตก็เช่นกัน


เช้าวันที่ 2 กองทัพต้องเดินด้วยท้อง
ได้ข่าวว่าอาหารเช้าที่นี่เต็มเหนี่ยวทุกโรงแรม
ไม่ว่าคุณจะพักที่พักราคาหลักร้อยไปจนถึงหลักหมื่น
คุณจะสามารถอิ่มหนำสำราญไปกับอาหารเช้าสไตล์กรีก
มีงบเท่าไรก็มาเถอะ พี่ขอ




วันนี้เรามีเวลาทั้งวันในการเดินสำรวจเมืองเอีย Oia
เมืองเอียเป็นเมืองที่สวยที่สุดของเกาะ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเกาะซานโตรินี่
ภาพทะเลสีคราวตัดกับโดมสีฟ้าส่วนใหญ่อยู่ในเมืองนี้
เรานั่งรถบัสจาก Fira มา Oia ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง
เกาะนี้เป็นเกาะใหญ่ไม่ใช่เล่นๆ ขนาดพอๆกับเกาะภูเก็ตบ้านเรา เชียวนะ


ภาพหลังคาสีฟ้าของเมืองเอียเราจะจดจำไปอีกนาน

กิจกรรมหลักของคนที่มาเกาะนี้ คือ จะต้องมาดูพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวเมืองเอีย
พนักงานที่โรงแรมบอกเราว่า พระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอยู่ที่เมืองเอีย แต่ฤดูนี้ไม่ใช่ฤดูที่สวยที่สุด เพราะองศาพระอาทิตย์จะยังไม่ตกหันกลางหันพอดี
ดังนั้นคุณไม่ควรใช้เวลาทั้ง 3 วันในการดูพระอาทิตย์ตกที่เมืองเอีย
ควรไปดูที่อื่นบ้าง และโรงแรมเราก็สวยเหมือนกัน




นอกเหนือจากการเดินเล่นถ่ายรูปบนเกาะแห่งนี้แล้ว
ซานโตรินี่ยังมีกิจกรรมมากมายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น เช่า ATV ขี่รอบเกาะ ซื้อทัวร์ไปชมภูเขาไฟ หาดทรายแดง หาดทรายดำ และเล่นน้ำอุ่น
ทั้งนี้ถามว่าเราได้ไปหรือไม่ ตอบเลยว่าไม่
เพราะตลอดช่วงเวลา 4 วันที่อยู่บนเกาะ ลมแรงจัดมาก
พยากรณ์ถึงขั้นขึ้นรูป Windy อย่าว่าแต่ซื้อทัวร์ไปเที่ยวเลย
จะเดินจะเหินตัวยังแทบปลิว
ดีที่ทำน้ำหนักไว้ก่อน ไม่งั้นลอยละลิ่วลมไปแล้ว 555


จริงๆซานโตรินี่เป็นเกาะโหดมันส์ฮานะ กิจกรรมเยอะ ขึ้นเขา ปันเขากันระบม ไม่ใช่แค่มาเดินสวยๆ ถ่ายรูป

ด้านการคมนาคมภายในเกาะ ใช้รถบัส หรือไม่อย่างนั้นต้องเช่ารถขับ
ทางในเกาะเป็นทางเขาอาจจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่
แต่อย่างไรก็ตามเราสองคนใช้รถบัสเป็นหลัก นั่งกระฉึกกระฉักไปเรื่อยๆ
จุดจอดรถบัสอยู่ที่เมือง Fira สามารถนั่งรถบัสไปได้รอบเกาะ
อ้อ ถ้าไม่สะดวกนั่งรถบัสและเช่าขับ ก็มีแท๊กซี่ให้บริการนะ
แท๊กซี่ที่นี่ดีอย่างนึงตรงที่มีราคาค่อนข้างมาตรฐาน เท่าที่เจอยังไม่มีการตีหัวเข้าบ้านโก่งราคาเหมือนกรุงเทพฯ
ตกลงราคากันเท่าไร ก็จ่ายเท่านั้นจริงๆ ที่สำคัญส่วนใหญ่แท๊กซี่จะใช้รถเบนซ์ E-Class
สะดวกสบายสวยๆมากทีเดียว

...
เราใช้เวลา 4 วันหมดไปอย่างรวดเร็ว
ไม่ได้ทำอะไรมากมาย ปล่อยเวลาสบายๆ ไปกับสายลมแสงแดด
บอกตัวเองว่า ในที่สุดเราก็พาตัวเองมาถึงที่นี่
ดินแดนที่ฉันอยากจะมาพอเธอสักครั้ง
...


เคยไหม…
บางทีเราก็ไม่รู้หรอกว่าเรามายืนอยู่ตรงนี้ทำไม
ต้องอดออมเก็บเงินสะสมทรัพยากร ข้ามน้ำข้ามทะเล มาหาสิ่งที่เสิร์ชเจอจากกูเกิ้ล
เราออกเดินทางเพื่อตามหาความหมายของชีวิต
แต่แล้ววันนึงเราก็พบว่า
ความหมายไม่ได้อยู่ที่จุดหมายปลายทาง
หากแต่อยู่ที่การเดินทาง และคนข้างๆทางมากกว่า

กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ถ้ามีอะไรผิดพลาดต้องขออภัยด้วยนะคะ

ฝากติดตามได้ที่แฟนเพจ 50 Miles away from home.
https://www.facebook.com/50milesawayfromhome/