ยอขนาดใหญ่กลางทะเล ฉากด้านหลังเป็น ก้อนเมฆรูปแปลกตา ดวงตะวันขนาดใหญ่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำลอยขึ้นท้องฟ้า พร้อมส่องแสงแรกอรุณ เป็นภาพถ่ายที่เราเห็นผ่านตาและรู้สึกชอบมาก อยากจะมาสัมผัสบรรยากาศเหมือนในภาพถ่ายที่เห็น จึงเป็นที่มาของการเดินทางไปเที่ยวที่แห่งนี้ "ปากประ พัทลุง"
หลังจากนั้นเราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่ จึงทราบว่าไม่ใช่ทะเลแต่เป็นคลองขนาดใหญ่ที่สำคัญของจังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่บ้านปากประ อำเภอควนขนุน คลองปากประมีแม่น้ำสายต่าง ๆ ไหลมาบรรจบกัน เพื่อไหลออกสู่ทะเลสาบต่อไป คลองปากประจึงเหมือนปากแม่น้ำเป็นที่ชุมนุมของสัตว์น้ำต่าง ๆ กลายเป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน โดยชาวบ้านปากประจะหาสัตว์น้ำตามวิถีดั้งเดิม ที่เห็นสะดุดตา คือ ยอยักษ์" หรือยอขนาดใหญ่จำนวนมากมายแห่งเดียวในประเทศไทย จึงเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้
เราออกเดินทางไปพัทลุงช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา เดินทางโดยเครื่องบินลงสนามบินหาดใหญ่ เพื่อรับเพื่อนที่หาดใหญ่ด้วย จริง ๆ ลงที่สนามบินตรังจะใกล้กว่านะคะ ใช้เวลาเดินทางจากหาดใหญ่มายังพัทลุงประมาณ 2 ชั่วโมง สถานที่แรกของเรานั้นคือ "สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 สร้างเชื่อมระหว่างสองจังหวัดตามแนวทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ ทะเลหลวง อ.ระโนด จ.สงขลา สะพานมีความยาวกว่า 8 กิโลเมตร เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ยังเป็น 1 ใน 24 แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว "เขาเล่าว่า..." ของ ททท. ปี 2559 นี้ โดยมีแนวคิดว่า ทุกที่ในประเทศไทย มีเรื่องราวเรื่องเล่ามากมายรอให้ออกไปเห็นออกมาสัมผัส ซึ่งสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขาเล่าว่า... เป็น "สะพานแห่งความสุข" ตลอดสองข้างทางขนาบไปด้วยทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา พร้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีนกนานาชนิด ควายเล่นน้ำ อากาศที่บริสุทธิ์ แค่เพียงได้ผ่านเส้นทางนี้ความรู้ที่เหนื่อยล้า ก็กลายเป็นพลังแห่งความสุขได้ ซึ่งเราได้มาพิสูจน์แล้ว เป็นอย่างที่เขาเล่าว่าจริง ๆ อยากให้ลองมาสัมผัสเองนะคะเป็นเหมือนกันไหม
ตลอดเส้นทางสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มีเลนสำหรับจักรยานด้วย หากได้มาปั่นจักรยานเส้นทางนี้สักครั้งนึงคงจะมีความสุขไม่น้อย
บ้านแฝดร้างหลังคาแดง ในทะเลสาบข้างสะพานเฉลิมพระเกียรติ เดิมสร้างเป็นที่พักชั่วคราวขณะกำลังก่อสร้างสะพานแห่งนี้ เมื่อสร้างสะพานเสร็จแล้วทางจังหวัดเห็นว่าเข้ากับบรรยากาศที่แห่งนี้ จึงไม่ได้รื้อออก ใครผ่านไปผ่านมาสะพานเฉลิมพระเกียรติมักจะแวะถ่ายรูป กลายเป็นสัญลักษณ์คู่กับสะพานแห่งนี้ไปด้วย
ตอนแรกตั้งใจว่าจะรอชม และถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินที่นี้ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด และเผื่อเวลาเข้าที่พัก เราจึงต้องลาที่นี่ไป จากสะพานเฉลิมพระเกียรติเราเดินทางต่อไปยัง "ทะเลน้อย" ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
"ทะเลน้อย" หรือ อุทยานนกน้ำทะเลน้อย สิ่งที่โดยเด่นที่นี่ คือการชมทะเลบัวแดง มีทั้งล่องเรือ และขึ้นไปชมยังหอชมวิว เรามาตอนเย็นดอกบัวหุบแล้ว จึงเดินชมรอบ ๆ และขึ้นไปยังจุดชมวิว
ข้างบนหอชมวิวนี้มองเห็นวิวได้สุดสายตา สวยงามมาก และสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นอาคาร สะพาน หอชมวิว สร้างได้เข้ากับธรรมชาติที่นี่มาก สวยงามจริง ๆ ค่ะ
ก่อนดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า เราเดินทางไปยังที่พักของเราในคืนนี้ค่ะ "ลุงสนั่น โฮมสเตย์ ปากประ" เราเลือกพักที่นี่เพราะรู้จักตามรีวิวต่าง ๆ และเห็นในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ทางช่อง ThaiPBS เป็นโฮมสเตย์น่ารัก เจ้าของใจดีเป็นกันเอง เหมือนมาบ้านญาติ ลุงสนั่นเจ้าของที่พักยังเป็นไกด์อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้เราฟัง และพาเราไปล่องเรือในวันพรุ่งนี้ด้วย
ที่พักและอาหารที่เรียบง่าย ความน่ารักเป็นกันเองและใจดีของคุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ทำให้เรารู้สึกว่ามาเที่ยวบ้านญาติจริง ๆ มีความสุขมากที่ได้พักที่นี่ ถึงแม้จะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครันเหมือนตามรีสอร์ทโรงแรม โฮมสเตย์ของลุงสร้างและต่อเติมขึ้นเองตามภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
ลุงสนั่นจบปริญญาโทด้านการท่องเที่ยว และทำโฮมสเตย์นี้มากว่าสามสิบปีแล้ว ปัจจุบันอายุ 73 ปี กำลังอธิบายเสน้าทางที่เราจะล่องเรือเที่ยวในวันพรุ่งนี้ และเล่าเรื่องราวประวัติเมืองพัทลุงให้เราฟัง
5.30 น. เราตื่นไปล่องเรือกัน คุณลุงเตรียมเสบียงอาหารมื้อเช้าไปด้วย ไฮไลต์สำคัญที่เรามาที่นี่ คือ ถ่ายภาพยอยักษ์พร้อมกับแสงแรกของวันใหม่ นั่งเรือจากท่าเรือไปประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว ภาพแรกที่เราเห็นด้วยตาตัวเอง คลองปากประมีขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ขอบน้ำจรดกับขอบฟ้า เต็มไปด้วยยอขนาดใหญ่ ท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์รุ่งแจ้งสวยงามมาก สมกับที่ว่า ที่แห่งนี้คือ สวรรค์ของนักถ่ายภาพอย่างแท้จริง
ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น ลุงสนั่นให้เราลองสังเกตก้อนเมฆและจินตนาการลักษณะวาเหมือนอะไร ลุงบอกว่าเห็นเหมือนตัวละครหนังตะลุง อ้ายเท่ง อ้ายหนูนุ้ย เราก็มองตามก็เหมือนจริง ๆ นะคะ เป็นกลุ่มก้อนเมฆที่สวยมาก ๆ เปลี่ยนรูปลักษณะตลอดเวลา ทำให้จินตนาการได้หลายอย่างเลย เพลินดีค่ะ
ลุงให้คนขับเรือพาเราไปดูต้นลำพูก่อนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน เพราะเรายังพอมีเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ต้นลำพูกลางน้ำของที่นี่กำลังเป็นที่นิยมของช่างถ่ายภาพ เพราะด้วยความแปลกตาที่เหมือนอยู่กลางทะเล มีที่นี่ที่เดียวอีกแล้ว ลุงบอกต้องไปถ่ายรูปให้ได้
มีทั้งต้นเดี่ยว และต้นคู่ แปลกและสวยงามมากค่ะ ต้นลำพูที่เห็นอยู่ใกล้ฝั่ง แต่เมื่อถ่ายออกไปจากฝั่ง จะเหมือนอยู่กลางน้ำ
จากนั้นเราก็กลับมาใกล้ ๆ กลุ่มยอเพื่อรอถ่ายภาพยอตักตะวัน ระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้น เราได้เห็นวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน ลุงเล่าว่าด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน สามารถทำยอขนาดใหญ่ และยกยอขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากได้แม้เพียงคนเดียว โดยแม่บ้านจะมายกยอเก็บปลา พ่อบ้านก็ไปทำงานอย่างอื่น ช่วยกันทำมาหากิน บ้านแต่ละหลังจะทำยอเป็นของตัวเอง
เป็นภูมิปัญญา และวิถีชีวิตที่มีมานาน และยังคงรักษาไว้ แม้ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างเข้ามาอำนวยความสะดวก แต่วิถีดั้งเดิมเหล่านี้คือ มนต์เสนห์ และยังคงรักษาสมดุลของธรรมชาติไว้
ลุงบอกว่าวันนี้โชคดี ท้องฟ้าเปิดและสวย แต่เราก็ยังพลาดมุมดี ๆ ไป ต้องมาอีกแน่นอน หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราล่องเรืองต่อตามโปรแกรม 2 เล 4 คลอง 2 ป่าพรุ ของลุงสนั่น คลองปากประเชื่อมกับทะเลน้อยสามารถนั่งเรือจากที่นี่ไปได้เลยค่ะ
ผืนแผ่นดินในทะเลสาบคล้ายแพลอยน้ำ สวยงามแปลกตา มีนกนานาพันธุ์ ปกติจะมีควายมากินหญ้าบริเวณนี้ แต่วันนี้เราไม่เจอเลยค่ะ ลุงให้เรือจอดให้เราไปเดินเล่นด้านบนกันค่ะ
เส้นทางล่องเรือ ลอดผ่านสะพานเฉลิมพระเกียรติที่เราแวะถ่ายรูปเมื่อวานด้วย
ระหว่างล่องเรือ ได้ชมธรรมชาติ และวิถีชีวิต ลุงสนั่นทอดแหให้ถ่ายรูปด้วย ไม่ได้ขอ แต่ลุงอยากจัดให้ น่ารักมากค่ะ
ลุงมียาเเก้เมา เเก้เวียน แก้ปวด แก้เมื่อย เตรียมให้ลูกเรือพร้อม แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ใช้ ลุงใช้เองเพราะปวดหลัง หลังจากที่ทอดแหเมื่อสักครู่ ^^
[CR] <เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า> " ปากประ พัทลุง "
ยอขนาดใหญ่กลางทะเล ฉากด้านหลังเป็น ก้อนเมฆรูปแปลกตา ดวงตะวันขนาดใหญ่กำลังโผล่พ้นขอบน้ำลอยขึ้นท้องฟ้า พร้อมส่องแสงแรกอรุณ เป็นภาพถ่ายที่เราเห็นผ่านตาและรู้สึกชอบมาก อยากจะมาสัมผัสบรรยากาศเหมือนในภาพถ่ายที่เห็น จึงเป็นที่มาของการเดินทางไปเที่ยวที่แห่งนี้ "ปากประ พัทลุง"
หลังจากนั้นเราก็หาข้อมูลเกี่ยวกับที่นี่ จึงทราบว่าไม่ใช่ทะเลแต่เป็นคลองขนาดใหญ่ที่สำคัญของจังหวัดพัทลุง ตั้งอยู่บ้านปากประ อำเภอควนขนุน คลองปากประมีแม่น้ำสายต่าง ๆ ไหลมาบรรจบกัน เพื่อไหลออกสู่ทะเลสาบต่อไป คลองปากประจึงเหมือนปากแม่น้ำเป็นที่ชุมนุมของสัตว์น้ำต่าง ๆ กลายเป็นแหล่งประมงพื้นบ้าน โดยชาวบ้านปากประจะหาสัตว์น้ำตามวิถีดั้งเดิม ที่เห็นสะดุดตา คือ ยอยักษ์" หรือยอขนาดใหญ่จำนวนมากมายแห่งเดียวในประเทศไทย จึงเป็นเสน่ห์และเอกลักษณ์ของที่นี่ก็ว่าได้
เราออกเดินทางไปพัทลุงช่วงหลังสงกรานต์ที่ผ่านมา เดินทางโดยเครื่องบินลงสนามบินหาดใหญ่ เพื่อรับเพื่อนที่หาดใหญ่ด้วย จริง ๆ ลงที่สนามบินตรังจะใกล้กว่านะคะ ใช้เวลาเดินทางจากหาดใหญ่มายังพัทลุงประมาณ 2 ชั่วโมง สถานที่แรกของเรานั้นคือ "สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 สร้างเชื่อมระหว่างสองจังหวัดตามแนวทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ ทะเลหลวง อ.ระโนด จ.สงขลา สะพานมีความยาวกว่า 8 กิโลเมตร เป็นสะพานที่ยาวที่สุดในประเทศไทย
สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 อ.ควนขนุน จ.พัทลุง ยังเป็น 1 ใน 24 แหล่งท่องเที่ยวที่อยู่ในแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยว "เขาเล่าว่า..." ของ ททท. ปี 2559 นี้ โดยมีแนวคิดว่า ทุกที่ในประเทศไทย มีเรื่องราวเรื่องเล่ามากมายรอให้ออกไปเห็นออกมาสัมผัส ซึ่งสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เขาเล่าว่า... เป็น "สะพานแห่งความสุข" ตลอดสองข้างทางขนาบไปด้วยทะเลสาบสุดลูกหูลูกตา พร้อมไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีนกนานาชนิด ควายเล่นน้ำ อากาศที่บริสุทธิ์ แค่เพียงได้ผ่านเส้นทางนี้ความรู้ที่เหนื่อยล้า ก็กลายเป็นพลังแห่งความสุขได้ ซึ่งเราได้มาพิสูจน์แล้ว เป็นอย่างที่เขาเล่าว่าจริง ๆ อยากให้ลองมาสัมผัสเองนะคะเป็นเหมือนกันไหม
ตลอดเส้นทางสะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 มีเลนสำหรับจักรยานด้วย หากได้มาปั่นจักรยานเส้นทางนี้สักครั้งนึงคงจะมีความสุขไม่น้อย
บ้านแฝดร้างหลังคาแดง ในทะเลสาบข้างสะพานเฉลิมพระเกียรติ เดิมสร้างเป็นที่พักชั่วคราวขณะกำลังก่อสร้างสะพานแห่งนี้ เมื่อสร้างสะพานเสร็จแล้วทางจังหวัดเห็นว่าเข้ากับบรรยากาศที่แห่งนี้ จึงไม่ได้รื้อออก ใครผ่านไปผ่านมาสะพานเฉลิมพระเกียรติมักจะแวะถ่ายรูป กลายเป็นสัญลักษณ์คู่กับสะพานแห่งนี้ไปด้วย
ตอนแรกตั้งใจว่าจะรอชม และถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกดินที่นี้ แต่ด้วยเวลาที่จำกัด และเผื่อเวลาเข้าที่พัก เราจึงต้องลาที่นี่ไป จากสะพานเฉลิมพระเกียรติเราเดินทางต่อไปยัง "ทะเลน้อย" ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนัก
"ทะเลน้อย" หรือ อุทยานนกน้ำทะเลน้อย สิ่งที่โดยเด่นที่นี่ คือการชมทะเลบัวแดง มีทั้งล่องเรือ และขึ้นไปชมยังหอชมวิว เรามาตอนเย็นดอกบัวหุบแล้ว จึงเดินชมรอบ ๆ และขึ้นไปยังจุดชมวิว
ข้างบนหอชมวิวนี้มองเห็นวิวได้สุดสายตา สวยงามมาก และสิ่งก่อสร้างไม่ว่าจะเป็นอาคาร สะพาน หอชมวิว สร้างได้เข้ากับธรรมชาติที่นี่มาก สวยงามจริง ๆ ค่ะ
ก่อนดวงอาทิตย์จะลับขอบฟ้า เราเดินทางไปยังที่พักของเราในคืนนี้ค่ะ "ลุงสนั่น โฮมสเตย์ ปากประ" เราเลือกพักที่นี่เพราะรู้จักตามรีวิวต่าง ๆ และเห็นในรายการเที่ยวไทยไม่ตกยุค ทางช่อง ThaiPBS เป็นโฮมสเตย์น่ารัก เจ้าของใจดีเป็นกันเอง เหมือนมาบ้านญาติ ลุงสนั่นเจ้าของที่พักยังเป็นไกด์อธิบายเรื่องราวต่าง ๆ ให้เราฟัง และพาเราไปล่องเรือในวันพรุ่งนี้ด้วย
ที่พักและอาหารที่เรียบง่าย ความน่ารักเป็นกันเองและใจดีของคุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์ ทำให้เรารู้สึกว่ามาเที่ยวบ้านญาติจริง ๆ มีความสุขมากที่ได้พักที่นี่ ถึงแม้จะไม่มีเครื่องอำนวยความสะดวกที่ครบครันเหมือนตามรีสอร์ทโรงแรม โฮมสเตย์ของลุงสร้างและต่อเติมขึ้นเองตามภูมิปัญญาท้องถิ่น มีความเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
ลุงสนั่นจบปริญญาโทด้านการท่องเที่ยว และทำโฮมสเตย์นี้มากว่าสามสิบปีแล้ว ปัจจุบันอายุ 73 ปี กำลังอธิบายเสน้าทางที่เราจะล่องเรือเที่ยวในวันพรุ่งนี้ และเล่าเรื่องราวประวัติเมืองพัทลุงให้เราฟัง
5.30 น. เราตื่นไปล่องเรือกัน คุณลุงเตรียมเสบียงอาหารมื้อเช้าไปด้วย ไฮไลต์สำคัญที่เรามาที่นี่ คือ ถ่ายภาพยอยักษ์พร้อมกับแสงแรกของวันใหม่ นั่งเรือจากท่าเรือไปประมาณ 2 นาทีก็ถึงแล้ว ภาพแรกที่เราเห็นด้วยตาตัวเอง คลองปากประมีขนาดใหญ่สุดลูกหูลูกตา ขอบน้ำจรดกับขอบฟ้า เต็มไปด้วยยอขนาดใหญ่ ท้องฟ้าก่อนพระอาทิตย์รุ่งแจ้งสวยงามมาก สมกับที่ว่า ที่แห่งนี้คือ สวรรค์ของนักถ่ายภาพอย่างแท้จริง
ระหว่างรอพระอาทิตย์ขึ้น ลุงสนั่นให้เราลองสังเกตก้อนเมฆและจินตนาการลักษณะวาเหมือนอะไร ลุงบอกว่าเห็นเหมือนตัวละครหนังตะลุง อ้ายเท่ง อ้ายหนูนุ้ย เราก็มองตามก็เหมือนจริง ๆ นะคะ เป็นกลุ่มก้อนเมฆที่สวยมาก ๆ เปลี่ยนรูปลักษณะตลอดเวลา ทำให้จินตนาการได้หลายอย่างเลย เพลินดีค่ะ
ลุงให้คนขับเรือพาเราไปดูต้นลำพูก่อนซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน เพราะเรายังพอมีเวลาก่อนพระอาทิตย์ขึ้น ต้นลำพูกลางน้ำของที่นี่กำลังเป็นที่นิยมของช่างถ่ายภาพ เพราะด้วยความแปลกตาที่เหมือนอยู่กลางทะเล มีที่นี่ที่เดียวอีกแล้ว ลุงบอกต้องไปถ่ายรูปให้ได้
มีทั้งต้นเดี่ยว และต้นคู่ แปลกและสวยงามมากค่ะ ต้นลำพูที่เห็นอยู่ใกล้ฝั่ง แต่เมื่อถ่ายออกไปจากฝั่ง จะเหมือนอยู่กลางน้ำ
จากนั้นเราก็กลับมาใกล้ ๆ กลุ่มยอเพื่อรอถ่ายภาพยอตักตะวัน ระหว่างรอชมพระอาทิตย์ขึ้น เราได้เห็นวิถีชีวิตประมงพื้นบ้าน ลุงเล่าว่าด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน สามารถทำยอขนาดใหญ่ และยกยอขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักมากได้แม้เพียงคนเดียว โดยแม่บ้านจะมายกยอเก็บปลา พ่อบ้านก็ไปทำงานอย่างอื่น ช่วยกันทำมาหากิน บ้านแต่ละหลังจะทำยอเป็นของตัวเอง
เป็นภูมิปัญญา และวิถีชีวิตที่มีมานาน และยังคงรักษาไว้ แม้ปัจจุบันมีเทคโนโลยีหลาย ๆ อย่างเข้ามาอำนวยความสะดวก แต่วิถีดั้งเดิมเหล่านี้คือ มนต์เสนห์ และยังคงรักษาสมดุลของธรรมชาติไว้
ลุงบอกว่าวันนี้โชคดี ท้องฟ้าเปิดและสวย แต่เราก็ยังพลาดมุมดี ๆ ไป ต้องมาอีกแน่นอน หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว เราล่องเรืองต่อตามโปรแกรม 2 เล 4 คลอง 2 ป่าพรุ ของลุงสนั่น คลองปากประเชื่อมกับทะเลน้อยสามารถนั่งเรือจากที่นี่ไปได้เลยค่ะ
ผืนแผ่นดินในทะเลสาบคล้ายแพลอยน้ำ สวยงามแปลกตา มีนกนานาพันธุ์ ปกติจะมีควายมากินหญ้าบริเวณนี้ แต่วันนี้เราไม่เจอเลยค่ะ ลุงให้เรือจอดให้เราไปเดินเล่นด้านบนกันค่ะ
เส้นทางล่องเรือ ลอดผ่านสะพานเฉลิมพระเกียรติที่เราแวะถ่ายรูปเมื่อวานด้วย
ระหว่างล่องเรือ ได้ชมธรรมชาติ และวิถีชีวิต ลุงสนั่นทอดแหให้ถ่ายรูปด้วย ไม่ได้ขอ แต่ลุงอยากจัดให้ น่ารักมากค่ะ
ลุงมียาเเก้เมา เเก้เวียน แก้ปวด แก้เมื่อย เตรียมให้ลูกเรือพร้อม แต่ครั้งนี้เราไม่ได้ใช้ ลุงใช้เองเพราะปวดหลัง หลังจากที่ทอดแหเมื่อสักครู่ ^^
วันนี้ไม่เจอควายน้ำ เจอแต่ควายกินหญ้าอยู่ไกล ๆ ลุงจอดให้เราถ่ายรูป และแวะซื้อปลาดุกสด ๆ จากชาวบ้านที่กำลังงมอยู่