[CR] แบกเป้เที่ยวลาว เชียงราย-หลวงพระบาง โดยรถ บขส.

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ยิ้มยิ้ม
นี่เป็นกระทู้แรกที่เขียนเพราะอยากแชร์ประสบการณ์ดีๆให้เพื่อนๆชาวพันทิป เผื่อมีใครสนใจอยากไปเที่ยวเยี่ยมชมเมืองมรดกโลก ที่อยู่ใกล้ๆเรานั่นก็คือ ประเทศลาวนั่นเอง ทริปนี้ ไปกันสี่คนค่ะ มีป้า พ่อ แม่ และก็เราเอง ออกเดินทางวันที่ 8 เม.ย-12เม.ย. 2559 ค่ะ
ทริปนี้วางแผนอยากพาครอบครัวไปเที่ยวและอยากพาพ่อกับแม่ ไปเที่ยวต่างประเทศสักครั้งเพราะท่านทั้งสองยังไม่เคยไปเลย เราเลยให้พ่อกับแม่ไปทำพาสปอร์ตที่ อบจ.เชียงราย 5 วันก็ได้รับพาสปอร์ตแล้ว เดี๋ยวนี้ดีจริงๆไม่ต้องไปทำถึงเชียงใหม่ ค่าทำพาสปอร์ต 1,000 บาท ค่าจัดส่งอีก 40 บาท
พอดีได้ข่าวมาว่าที่ ขนส่งจ.เชียงราย มีรถบัสไปถึงหลวงพระบาง จึงรีบหาข้อมูลจากเพื่อนๆในพันทิปก็ได้ข้อมูลมาพอควร ด้วยความที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดไปซื้อตั๋วเองไม่ได้ เลยโทรให้แม่ไปจองตั๋วให้ แม่จองไว้ 4 ที่นั่ง เจ้าหน้าที่บอกว่าวันที่จะเดินทางค่อยเอาพาสปอร์ตไปซื้อตั๋ว เราเดินทางไปถึงเชียงรายวันที่ 7 ตอนเช้าและนอนที่บ้านหนึ่งคืนเพื่อเตรียมความพร้อม พอเช้าวันที่ 8 จึงเดินทางไป ขนส่ง จ.เชียงราย และแล้วทริปนี้ก็เริ่มขึ้น

วันแรก
พวกเราเดินทางมาถึงสถานีขนส่ง จ.เชียงราย ตอนเที่ยงนำเอกสารจองตั๋วรถพร้อมพาสปอร์ตไปซื้อตั๋วรถที่เคาน์เตอร์ บขส เจ้าหน้าที่ แจ้งว่ารถไปหลวงพระบาง จะมีเฉพาะวัน  อังคาร พุธ พฤหัสบดี และวันศุกร์ เท่านั้น และไม่สามารถซื้อตั๋วแบบไปกลับได้ ต้องซื้อเฉพาะขาไป ขากลับให้ซื้อที่หลวงพระบาง รถบัสปรับอากาศ ม.1(ข) ในรถมีห้องน้ำ ราคา จาก เชียงใหม่ 1,200 บาท และจากเชียงราย 950 บาท  รถออกจากเชียงใหม่มารับผู้โดยสารที่เชียงรายเวลาประมาณ 12:30 น.
แต่วันนี้รถมาช้าไปสักหน่อยกว่าจะออกจากขนส่ง จ.เชียงรายก็บ่ายกว่าๆ



รถเดินทางมารับผู้โดยสารที่ อ.เชียงของ จ.เชียงราย เสร็จแล้วจึงเลี้ยวรถกลับไปที่ด่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 4 รถจอดให้ลงไปกรอกใบ ต.ม.ขาออกโดยทิ้งสัมภาระต่างๆไว้ในรถ เอาแต่พาสปอร์ตไป

พอเสร็จแล้วรถก็วิ่งข้ามสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่4 รถจอดอีกครั้งให้ลงไป กรอกใบ ต.ม.ขาเข้าประเทศลาว และเสียค่าธรรมเนียม คนละ10,000 กีบ หรือ 40 บาท

**อัตราแลกเปลี่ยนช่วงที่มา 230 กีบ :1 บาท
ประมาณบ่ายสี่ รถก็วิ่งออกจกด่านมุ่งหน้าไปหลวงพระบาง กว่าจะจอดรถให้ทานข้าวที่แขวงหลวงน้ำทาก็ประมาณ สามทุ่มกว่าๆ หิวแสบไส้เลยทีเดียว
**จขกท.ขอแนะนำให้เตรียมของกินรองท้องไปด้วยอะไรก็ได้ที่ไม่ส่งกลิ่นแรงในรถปรับอากาศเพราะในรถมีชาวต่างชาติเดินทางไปด้วยเป็นจำนวนมาก ที่จริงพ่อกับแม่ จขกท.ก็ห่ออาหารไปนะแต่ดันเป็นแหนม พอ จขกท.เห็นก็ต้องรีบห้ามไว้ก่อนเกรงใจพี่หัวแดงหัวทองทั้งหลายเดี๋ยวจะมาถลึงตาใส่ ไม่ดีมั้ง แหมๆทีกลิ่นเตาพวกเอ็งแรงกว่าแหนมอีกสียังทนได้เนอะ แค่แหนมแค่นี้ชิวๆใช่มะ ก็ได้แต่คิดเองเออเอง นี่แหละ สุดท้ายแม่ก็งัดเอาหมูทอดกะข้าวเหนียวมากิน**  
พอมาถึงพวกเราก็รีบไปที่ร้านอาหารที่เหมือนร้านอาหารตามสั่งบ้านเรา แต่พอมาถึงที่นี่เขาก็ต้อนรับเราด้วย กลิ่น ใช่แล้วค่ะ กลิ่นมันโชยมาแตะจมูกอย่างแรงบอกไม่ถูกเลยลมหายใจแรกที่มาเหยียบแผ่นดินเมืองลาว บ่งบอกให้รู้เลยว่ามาถึงลาวแล้วนะ
เอ๊ะ! แต่ในรายการพี่วู้ดดี้บอกว่าปลาร้าที่หลวงพระบางไม่เหม็นนี่นา  เออก็ใช่ไงนี่มันปลาร้าหลวงน้ำทาวุ้ย ไม่ใช่หลวงพระบางนิ เอิ่ม.. คงจะคนละสูตรกันอะนะ เรื่องกลิ่นเอาไว้ก่อนตอนนี้หิวมาก เอาร้านแรกนี่แหละ เมนูก็อ่านรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เดาๆเอา เพราะภาษาก็คล้ายๆของไทยเรา สรุปแล้วสั่งเลียนแบบพี่ข้างๆ  พวกเราสั่งต้มยำไก่ และข้าวผัดคนละชาม ส่วนป้าสั่งข้าวเปียก หรือ เฝอ รออยู่พักใหญ่เขาก็เอาต้มยำไก่มาเสริฟ์เขาบอกว่าใช้ไก่ทั้งตัว โอ้แม่เจ้า หิวมากรีบซดน้ำแกงร้อนๆดังซ้วดๆกันเลย เอ๊ะ!นี่มันต้มยำน้ำใส แน่ๆเลย ไหนๆลองไก่ดูสิ อืม.. สงสัยไก่ที่นี่จะผอมไปนะกระดูกเยอะจริง พ่อเริ่มมองหน้า นึกถึงไก่บ้านเราเนอะ 555 เอาน่ากินกันหิว สรุปแล้วอาหารคืนนี้ 92,000 กีบ หรือ ประมาณ 400บาท พวกเรายังไม่ได้แลกเงินกีบเลยต้องจ่ายเงินไทย
***ข้อแนะนำ ให้แลกเงินแบงค์ย่อยๆเช่น 100,50,20  บาทไปด้วย เพราะถ้าไม่มีเงินลาวเราก็เสียเปรียบเขาอยู่หลายตังค์เมื่อคิดเป็นเงินไทย

วันที่สอง
วันแรกที่เดินทางมาถึงลาว พวกเราเช็คอินเข้าพักที่โรงแรม มรดก หรือ เรือนพักมลด๊ก ตั้งอยู่ที่ถนนศรีสว่างวัฒนา ห้องพักนี้ จขกท.จองมาจาก booking.comค่ะ ราคาถูกกว่าที่โรงแรมชาร์จ เข้าพัก วันที่ 9-11 สองคืนค่ะตกคืนละประมาณ 1,220 บาท อยู่กันสองห้อง ห้องละสองคืนจ่ายค่าโรงแรมไป สองล้านกว่ากันเลยทีเดียว

พอเก็บข้าวของอาบน้ำและพักผ่อนเสร็จแล้ว ตอนเช้าพวกเราพากันไปเดินเล่นเลียบแม่น้ำโขงหรือ แม่น้ำของ เป้าหมายคือเดินไปทานอาหารเช้าที่ร้านชื่อดังประชานิยม เดินมาเรื่อยสักพักพ่อเริ่มบ่นปวดขาเพราะเข่าไม่ค่อยดี เราก็บอกพ่อว่าไม่ไกลๆพ่อ อีกแป๊ปเดียว แต่ที่จริง จขกท.ก็ไม่เคยมาแต่อย่างใด ไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคนแก่ด้วยแต่ดูในแผนที่แล้วไม่น่าจะไกลนี่นา (มโนไปเอง) แต่พอเดินไปอีกสักพักเหงื่อเริ่มแตกแล้ว แดดตอนเช้าที่นี่ก็แรงเหมือนกันแหะ เหลียวหลังดูพ่อกับแม่เห็นเริ่มทำท่าไม่ไหวละ เราก็เลยรีบกวักมือบอกพ่อว่าถึงแล้วๆ จริงๆนะ 555 ต้องรีบบอกก่อนเดี๋ยวพ่อจะถอดใจ
ในที่สุดก็มาถึงจนได้ ถึงแล้วรออะไรสั่งเลยโจ๊กคนละชาม ส่วนป้ากินข้าวเหนียวไก่ย่างร้านข้างๆ ที่ร้านประชานิยมมีปาท่องโก๋ให้ทานกับโจ๊กตัวละเท่าไหร่ลืมจดมาค่ะและมีชาให้คนละแก้ว มื้อนี้หมดไป 48,000 กีบ


กินเสร็จแล้ว จึงไปเดินเล่นตลาดเช้าใกล้ๆแต่เข้าไปไม่นานก็เดินออกมา เพราะจขกท. แพลนไว้ว่าจะชวนทุกคนให้ปั่นจักรยานเที่ยวรอบเมืองแต่ก็ผิดแผน พอดีไปเจอรถที่เขาชวนไปเที่ยวน้ำตกกวางสีซึ่งเขาคิดราคาแค่คนละ25,000 กีบ  
พวกเราจึงตกลงไปเที่ยวน้ำตกกันวันนี้ รถไปจอดรับนักท่องเที่ยวที่โรงแรมอื่นอีกรวมแล้วมีทั้งหมด 7 คน รถมุ่งหน้าออกนอกเมือง ระยะทางจากตัวเมืองไปน้ำตกประมาณ 35 กม. นั่งไปก็รู้สึกร้อนหน้าไปเพราะแดดกำลังเริ่มร้อน ส่วนพวกเราต้องคอยระวังเปียกเพราะข้างทางเด็กๆเริ่มเล่นสงกรานต์กันแล้ว ที่ลาวก็มีสงกรานต์เหมือนกับเมืองไทยแต่มีไม่กี่วัน
จขกท. ชอบมากที่นั่งรถออกมานอกเมืองเพราะได้เห็นวิถีชีวิตชาวบ้าน รถมุ่งหน้าไปตามถนนลาดยางแต่ข้างทางเริ่มมีป่าเขามากขึ้น แต่ที่สังเกตุเห็นได้คือที่นี่มีการถางป่า เผาป่ากันอยู่มาก ชาวบ้านที่อยู่นอกเมืองจะแต่งกายทั่วไปเพื่อทำไร่ทำสวนไม่ค่อยมีการใส่ผ้าซิ่นเหมือนในเมือง แต่ที่เห็นคือจะมีหมู่บ้านที่ใส่ชุดชาวเขาเดาว่าน่าจะเป็นหมู่บ้านม้ง เพราะที่ลาวก็มีม้งอาศัยอยู่มาก เดินทางได้พักใหญ่ก็เขาสู่เขตน้ำตกกวางสี พวกเรามาถึง สิบเอ็ดโมง เจ้าของรถนัดให้กลับมาเจอกันตอนบ่ายสอง ที่ลานจอดรถก็มีของขายมากมายทั้งของที่ระลึกและอาหารซึ่งสามารถซื้อเข้าไปทานข้างในบริเวณน้ำตกได้  พวกเราจึงซื้อส้มตำข้าวเหนียวไก่ย่างไปเป็นเสบียง  เสร็จแล้วต้องซื้อบัตรผ่านประตูคนละ 20,000 กีบ

น้ำตกอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าประมาณ 300 เมตร เดินเข้าไปนิดนึงก็เจอที่อนุรักษ์หมี เห็นหมีตัวอ้วนๆหลายตัวเลย

พอเดินผ่านจุดนี้ไปก็ได้ยินเสียงน้ำตก พอเดินไปใกล้ๆก็เจอน้ำเขียวใสน่าลงเล่นมากๆแต่เสียดายที่ไม่ได้เอาชุดมาเปลี่ยนด้วย ได้แต่เก็บรูปสวยๆไว้ แค่ยืนใกล้ๆน้ำตกก็รู้สึกสดชื่นแล้ว  พวกเราพากันเดินไปเรื่อยๆขึ้นไปบนน้ำตกชั้นต่างๆซึ่งแต่ละชั้นไม่ห่างกันมาก จนในที่สุดก็หาที่ได้เราเอาสัมภาระวางไว้ที่โต๊ะและเดินไปถ่ายรูปตามจุดต่างๆ น้ำตกสวยใสมากจน จขกท.อดใจไม่ไหวจึงขอเดินลงไปเอาขาแช่น้ำให้เย็นชื่นใจ เห็นชาวต่างชาติใส่บิกินีว่ายน้ำกระโดดน้ำกันตูมๆ มาครั้งหน้าไม่พลาดแน่( ชิ แอบอิจฉาเบาๆ)











เอาขาแช่น้ำได้พักใหญ่แม่ก็เรียกไปกินข้าว  กินเสร็จแล้วหนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน อากาศเย็นสบายแบบนี้ขอสักงีบละกัน พอใกล้บ่ายสองพวกเราจึงเดินกลับไปที่รถพอทุกคนมาครบแล้วจึงเดินทางกลับหลวงพระบาง.
พวกเรากลับไปพักผ่อนที่โรงแรมและออกมาที่ถนนศรีสว่างวงศ์หรือถนนตลาดมืดหน้าพระราชวังเก่าหรือพิพิธภัณฑ์ เพื่อที่จะขึ้นไปนมัสการพระธาตุพูสี พวกเราขึ้นไปกันสามคนส่วนแม่รออยู่ข้างล่างคุยกับแม่ค้าขายผ้าซิ่นเพราะขึ้นไปไม่ไหว ทางขึ้นมีทั้งหมด 300 กว่าขั้น พอขึ้นไปสักพักจะต้องซื้อบัตรคนละ 20,000 กีบ อันที่จริงทางขึ้นไม่ค่อยชันมากเพราะเขาไม่ได้ทำขั้นบันไดตรงเหมือนพระธาตุแถวบ้านเราแต่เขาจะทำอ้อมไปมาก็เลยเดินได้แบบสบายๆพ่อแกปวดเข่าก็เดินขึ้นสบายมาก พอขึ้นไปแล้วเลยช่วยอุดหนุนดอกไม้จากเด็กๆที่นั่งขายอยู่เพื่อนำไปกราบสักการะพระธาตุพูสี เสร็จแล้วจึงออกมาชมวิวรอบๆน่าเสียดายที่วันนี้หมอกควันเยอะจึงมองเห็นวิวไม่ค่อยชัดคนส่วนใหญ่จะขึ้นมาที่นี่เพื่อนมัสการพระธาตุและชมวิวพระอาทิตย์ตกดินผ่านแม่น้ำโขง




หลังจากนั้นพวกเราก็เดิน ไปเยี่ยมชมตลาดมืด ซึ่งอยู่ด้านหน้าพระธาตุพูสี และพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหรือพระราชวังเก่า ที่นี่จะมีชาวพื้นเมือง ขายสินค้า handmade มีทั้งเสื้อ กระเป๋า และผ้าพันคอ แต่ส่วนใหญ่จะขายสินค้าเหมือนๆกัน คือถ้าเจอร้านไหน ที่ต่อรองได้ คนก็จะชอบที่สุด อันที่จริงแล้วตลาดมืดที่นี่ก็คล้ายๆถนนคนเดินที่เมืองไทย เพียงแต่ที่นี่ไม่ค่อยมีสิ่งของหลากหลายส่วนใหญ่จะเป็นพวกเสื้อผ้า มากกว่าอย่างอื่น



ชื่อสินค้า:   หลวงพระบาง
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่