จะแต่งงานแล้ว เลยขอลองตั้งกล้องถ่าย Pre Wedding กับแฟนดูครับ @^__^@

ก่อนอื่นต้องบอกก่อนนะครับว่าภาพชุดนี้ไม่ได้จบหลังกล้องนะครับ (เผื่อใครคิดว่าจะเข้ามาดูภาพที่จบหลังกล้องจะได้กดออกได้ทัน 555+)  เพราะว่าภาพชุดนี้มีการไปโปรเซสต่อด้วย Lr และ Ps บางภาพก็แค่ปรับสีนิดหน่อย บางภาพก็แต่งเยอะ เพื่อให้ได้ภาพถูกใจและตรงความต้องการที่จะนำไปใช้ในงานพิธีของผมกับแฟนครับ^^  ซึ่งถ้าเกิดว่าภาพชุดนี้ไม่ถูกใจใครก็ขออภัยไว้ตรงนี้ด้วยนะครับ ยิ้ม

       ***มีการแก้ไขภาพเล็กน้อยนะครับเนื่องจากมีคำแนะนำดีๆจากผู้ใหญ่บางท่านที่เกรงว่า ภาพบางภาพอาจดูไม่เหมาะสมในชุดพยาบาลอย่างภาพที่มีการกอดกันหรือหอมกัน จึงทำให้ผมกับแฟนตัดสินใจขอลบภาพดังกล่าวออกไปเพื่อเป็นการให้เกียรติแก่ชุดวิชาชีพอันทรงเกียรตินี้นะครับ และเพื่อความสบายใจของทุกๆฝ่ายที่พบเห็นด้วย ซึ่งหากสิ่งที่เราทำอาจผิดพลาดหรือไม่เหมาะสมประการต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ^^

          เอาล่ะมาต่อกันดีกว่า.. เนื่องด้วยปลายเดือนนี้ผมกับแฟนก็จะแต่งงานกันแล้ว ซึ่งทำให้เราสองคนคิดอยากจะมีภาพมาใช้ในวันพิธีขึ้นมา แต่เดิมนั้นผมเคยคิดไว้ว่า จะเอาภาพที่เราเคยถ่ายเวลาไปเที่ยวที่นู่นที่นี่ของเรามาใช้ แต่พอผมลองได้ค้นดูจริงๆแล้วนั้นก็พบว่า ภาพส่วนใหญ่มีแต่ภาพของคุณแฟนสาวของผมทั้งนั้น เพราะผมเป็นคนถ่ายให้จึงไม่ค่อยมีภาพ 5555+ จึงทำให้เรามาคิดกันว่าจะถ่ายภาพเพิ่มเพื่อใช้ในงานและเอาไว้ให้แขกเขียนอวยพรให้ด้วย เราเลยมาคิดกันว่าจะถ่ายภาพแบบไหนจนได้คอนเซปที่ว่า " สบายๆและเป็นตัวของเราเอง "  งานนี้เราจึงไม่ได้เช่าชุดแต่งงานมาใส่ถ่ายรูปเหมือนกับหลายๆคน (ทั้งที่ไปลองมาแล้ว 555) เพราะเราคิดว่าภาพถ่าย Pre wedding แค่มีเราสองคนที่รักกันก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องมีชุดหรูหราหรือสถานที่อลังการแต่อย่างใด แค่เราสองคนใช้เวลาร่วมกัน และใช้สถานที่ที่เราเคยไปหรือมีความทรงจำดีๆด้วยกันก็พอ ^__^  เราจึงคิดว่าจะใส่ชุดที่บ่งบอกตัวตนของเรา นั่นก็คือ "ชุดที่เราใส่ทำงานนั่นเอง" โดยที่ตัวผมเองเป็นช่างภาพ ก็ใส่ชุดสบายๆกับเสื้อเพจของตัวเอง ส่วนคุณแฟนสาวของผมเป็นพยาบาล ก็ใส่ชุดพยาบาลไปเลย ชิวและเป็นตัวของตัวเองดี^^ (แต่ภาพที่แสดงจากนี้ขอแก้เป็นไม่ลงรูปในชุดพยาบาลนะครับ เพราะมีคำแนะนำในเรื่องความอาจจะไม่เหมาะสมขึ้นมา เลยขอทำตามคำแนะนำนะครับ^^)

          ทีนี้เผื่อบางคนสงสัยว่า แล้วทำไมต้องตั้งกล้องถ่ายเอง ไม่จ้างช่างภาพหรือให้คนอื่นมาถ่ายให้น่าจะง่ายกว่ามั้ย? จริงๆก็ง่ายกว่าครับ 5555 แต่การตั้งกล้องถ่ายเองของเราในครั้งนี้นั้น มันทำให้เราได้มีเวลาใกล้ชิดกันมากขึ้น ได้ใช้เวลาทำกิจกรรมร่วมกันสองคนมากขึ้น เพราะมันเหมือนการที่เราได้ไปถ่ายรูปเล่นกับแฟนนั่นแหล่ะครับ  และที่สำคัญมันทำให้เราได้ภาพในแบบที่เราชอบ เพราะเจ้าบ่าวเป็นช่างภาพอยู่แล้วก็เลยมีมุมมองที่อยากได้อยู่ จึงทำให้การถ่ายเองนั้นตรงใจกว่าให้คนอื่นถ่ายให้ (ถึงจะเหนื่อยหน่อยเพราะต้องคอยวิ่งไปวิ่งมาหากล้องบ่อยๆ 5555+) แต่นั่นบอกได้เลยว่ามันเป็นวันที่มีความสุขกับการถ่ายภาพจริงๆครับ^^  

          และเมื่อวันถ่ายภาพมาถึงผมก็เดินทางไปหาคุณแฟนสาวถึงลำปางเพื่อถ่ายรูปและเตรียมงานที่นั่น (เราสองคนอยู่คนละจังหวัดครับ ผมอยู่กรุงเทพฯแฟนอยู่ลำปางและสถานที่ถ่ายรูปก็คือแถวบ้านแฟนครับ) โดยสิ่งที่เราขาดไม่ได้เลยก็มีดังนี้ครับ
   " 1. กล้อง (งานนี้ใช้สองตัวครับ ตัวนึงใช้ติดขาตั้งกล้องไว้ถ่าย อีกตัวนึงใช้สะพายไว้เป็นพร๊อพครับ) 2. ขาตั้งกล้อง 3. รีโมทลั่นชัตเตอร์ (อันนี้ผมใช้แบบ wireless เพราะลูกเล่นมันเยอะและใช้สะดวกกว่าแบบมีสาย) 4. iPad (เอาไว้เชื่อมต่อกับกล้องเพื่อดูภาพถ่าย ดูมุม รวมไปถึงใช้ในการกดชัตเตอร์ในบางภาพ) 5. ชุดแฟลช (อันนี้ใช้ถ่ายเซ็ต Indoor แบบสตูฯครับ) " และนี่คืออุปกรณ์ทั้งหมดที่ผมใช้ถ่ายภาพชุดนี้ทั้งหมดครับ  สำหรับคนที่คิดอยากจะถ่ายกันเองเล่นๆดูบ้างแล้วไม่มีอุปกรณ์พวกนี้เลย มีแค่กล้องตัวเดียว ก็สามารถใช้การตั้งเวลาที่ตัวกล้องเพื่อถ่ายก็ได้เช่นกันครับ เพราะผมก็ใช้ในบางช็อต เพี้ยนแช๊ะ  เมื่อเราได้เตรียมอุปกรณ์เรียบร้อยแล้ว เราก็ออกไปถ่ายภาพด้วยเซ็ต Outdoor กันก่อนเลยครับ โดยสถานที่เราไม่ได้ไปไหนไกลครับ เพราะวันที่ถ่ายนั้นแดดร้อนมากๆๆๆ และยานพาหนะของเราก็คือมอไซค์ จึงทำให้ไปไหนไกลไม่ได้ (สงสารคุณแฟนสาวมั่กๆ)  เอาเป็นว่าเรามาลองชมภาพกันดูเลยดีกว่าเน๊อะ^^  แล้วผมจะบอกวิธีหรือขั้นตอนที่ผมใช้ถ่ายไว้ตอนท้ายให้นะครับ ยิ้ม

ภาพนี้เราถ่ายกันที่หน้าวัดที่เราสองคนเคยไปถวายสังฆทานด้วยกันครับ ตอนมาทำบุญเห็นวิวสวยดีแถมไม่ไกลจากที่พักด้วย เลยมารำลึกความหลังด้วยการถ่ายภาพของสองเราสักหน่อยครับ คิๆๆ


เดินๆกันอยู่ก็บอกแฟนสาวโดดขี่เลย เธอก็ไม่รอช้าแต่อย่างใดครับ 5555+

แต่สถานที่ตรงนี้ก็ทำเราสองคนอึ้งกับความแปลกประหลาดบางอย่างครับ นั่นก็คือเราสองคนถ่ายภาพจุ๊ฟกันตรงนี้ไม่ติดครับ!! เม่าแพนิค ไม่ใช่จูบกันดูดดื่มอะไรเลยนะครับ แค่จุ๊ฟกันแบบน่ารักๆก็ถ่ายไม่ติด กดชัตเตอร์ไม่ได้ พอถ่ายได้ภาพก็ดำปี๋ไม่เห็นอะไรเลย และไม่ว่าจะลองกี่ครั้งก็เหมือนเดิมในขณะที่รูปอื่นถ่ายติดได้ปกติครับ ยกเว้นรูปจุ๊ฟกันเท่านั้นที่ถ่ายไม่ได้เลย (แอบหลอน) เราสองคนเลยคิดสรุปตรงกันว่าอาจจะเป็นเพราะสถานที่ตรงนี้ศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมาะกับภาพแบบนั้นรึเปล่า ก็เลยยกมือไหว้แล้วถ่ายช็อตอื่นๆต่อไปแทนก็ไม่มีปัญหาอะไรครับ^^

ทีนี้เราก็เขยิบจุดที่ถ่ายออกมาอีกนิดนึงครับ ก็มาได้มุมนี้

อีกสักรูป

หลังจากถ่ายรูปตรงนี้เสร็จ แดดก็เริ่มร้อนแรงมากๆจนรู้สึกว่าถ่ายข้างนอกไม่ไหวละ ขอถอยทัพไปถ่าย Indoor คั่นรายการก่อนจะดีกว่า จึงทำการกลับห้องแล้วทำห้องนอนให้เป็นสตูดิโอจำเป็นเลยครับ หุๆๆ ซึ่งก็ไม่ได้ทำอะไรมากครับแค่ตั้งแฟลชติดขาตั้งไว้ในมุมที่ต้องการ แล้วก็ย้ายของที่บังกำแพงอยู่ออกไป เพราะผมต้องการให้เห็นกำแพงโล่งๆเพราะจะใช้เป็นฉาก^^  จากนั้นการถ่ายก็เริ่มขึ้นครับ

เอ้า มองกล้อง^^

ยิ้มให้กล้องหน่อยยย ยิ้ม


หลังจากถ่ายเสร็จในเซ็ต Indoor นี้ก็ทนต่อความเพลียไม่ไหว ก็เลยจัดกันไปคนละหนึ่งงีบก่อนจะไปถ่าย Outdoor ต่ออีกหน่อยครับ นี่ล่ะความชิวที่เราทั้งคู่ต้องการ และมันจะหาไม่ได้ถ้าเราจ้างคนอื่นมาถ่ายเพราะมันต้องถ่ายตามเวลาที่จำกัด นางพญาเม่า

      เมื่อตื่นมาเราก็ไปถ่ายภาพในระแวกใกล้เคียงกันอีกชุดครับก่อนที่แสงจะหมด (แต่ขอข้ามรูปที่ถ่ายในชุดพยาบาลออกไปนะครับ) และขอปิดท้ายรูป Pre ของเราด้วยรูปที่ถ่ายจากเกาะล้านรูปนี้นะครับ คิๆๆ   ขอทะเลจงเป็นพยานให้รักของเรา^^

         ก็จบลงไปแล้วครับ กับชุดภาพ Pre Wedding ของเราสองคนในแบบของเราเอง เรียบง่าย สบายๆ และเป็นตัวของเราเอง สไตล์ของเราเอง ไม่เว่อวัง ไม่อลังการเหมือนใครๆ แต่เราก็มีความสุขกับมันตั้งแต่การถ่าย การใช้เวลาร่วมกัน ไปจนถึงรูปที่ได้^^  สำหรับคนอื่นๆที่เห็นก็อาจจะมีทั้งความรู้สึกเฉยๆ ขัดใจ ไม่ชอบ หรือบางคนก็อาจจะชื่นชม แต่ไม่ว่าสำหรับคนอื่นๆนั้นจะรู้สึกยังไง แต่สำหรับผมและแฟนสาวภาพชุดนี้มันสวยงามและมีคุณค่ามากๆ และเป็นภาพที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่เป็นช่างภาพมาเลย ไม่ใช่ว่ามันสวยด้วยการมองทางตานะ แต่มันสวยเพราะมันมีช่วงเวลาและความรู้สึกดีในนั้นซึ่งเรามองมันด้วยใจและมันจะอยู่กับเราสองคนไปอีกนานแสนนาน ขอบคุณทุกคนมากๆนะครับสำหรับใครก็ตามที่เข้ามารับชม ยิ้ม

         **ขั้นตอนที่ผมใช้ถ่ายนะครับ เผื่อใครจะลองเอาไปตั้งกล้องถ่ายรูปเล่นกันดู**
สิ่งที่จำเป็นแบบขาดไม่ได้เลย
    1. กล้องถ่ายภาพ (ถ้ามี WiFi ก็ดี แต่ถ้ากล้องไม่มี WiFi ก็ต้องมีโหมดตั้งเวลาถ่ายนะครับ)
    2. ขาตั้งกล้อง รุ่นไหน ยี่ห้อไหนก็ได้ ตามที่คุณมีหรืออยากใช้
สิงอื่นๆที่ถ้ามีก็ดีแต่ไม่มีก็ได้
    1. รีโมท หรือสายลั่นชัตเตอร์
    2. iPad หรือ Smartphone เพื่อเชื่อมต่อ WiFi จากกล้อง
    3. แฟลช+ขาตั้งแฟลช

วิธีที่ผมใช้มีดังนี้ครับ
    1. หามุมที่ต้องการโดยการมองภาพ มองมุมจากกล้อง ถ้ากล้อง Mirrorless ก็มองผ่านจอได้เลย แต่ถ้าเป็น Dslr ก็แนะนำให้มองผ่าน Live view ครับ
จะทำให้เห็นมุมได้ชัดเจน ง่าย และครอบคลุมมากกว่าการมองผ่านช่องมองภาพ
    2. ตั้งค่ากล้องที่จะถ่ายให้เรียบร้อย สปีดชัตเตอร์ รูรับแสง ISO และ ไวท์บาลานซ์ ซึ่งการที่เรามองภาพผ่านจอหรือ Live view นั้นจะทำให้เห็นภาพที่จะได้เลยว่าจะสว่างหรือมืดไปมั้ย ก็ปรับเอาให้ตรงใจกันไปเลย หรือจะออโต้ไปเลยก็ได้สำหรับคนที่ยังปรับไม่คล่อง ง่ายมะ
    3. เลื่อนจุดที่ต้องการจะโฟกัสไปวางในจุดที่ต้องการ โดยให้แบบ หรือคู่ของเราไปยืนในจุดที่ต้องการ จากนั้นเลื่อนกรอบสี่เหลี่ยมที่ใช้โฟกัสไปวางให้ตรงตัวแบบ
    4. จากนั้นก็แล้วแต่ว่ามีอุปกรณ์อะไรในการสั่งงานชัตเตอร์ ถ้ามีไวไฟอาจจะต่อกับสมาร์ทโฟน แล้วไปยืนลั่นชัตเตอร์ที่จุดที่ต้องการเลยก็ได้ ซึ่งข้อดีคือเราสามารถเลื่อนจุดโฟกัสได้อีกจากบนหน้าจอสมาร์ทโฟน  ถ้ามีรีโมทก็กดจากรีโมท แต่ถ้าไม่มีอะไรเลย ก็ให้ตั้งเวลาถ่ายจากกล้องและเมื่อกดชัตเตอร์ให้เวลานับถอยหลังแล้วก็รีบวิ่งไปเข้าเฟรม
    5. ถ่ายมาเป็น Raw ไฟล์จะนำไปทำอะไรต่อได้มากกว่าถ่ายเป็น Jpeg ครับ แต่ถ้าคิดว่าจะถ่ายแล้วไม่ต้องไปแต่งต่อ ก็ถ่ายเป็น Jpeg ได้เลยครับ (แต่ก็แนะนำ Raw ดีกว่านะ 5555)

... ทีนี้พอรู้วิธีกับสิ่งที่ต้องใช้แล้วที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับมุมมองและความสร้างสรรค์ สไตล์ แนวการถ่าย การแต่งภาพของแต่ละคนแล้วล่ะครับ ยังไงก็ขอให้สนุกกับการถ่ายภาพและเอ็นจอยกับรูปถ่ายของเรากันนะครับ ยังไงขอตัวไปเตรียมเรื่องงานแต่งต่อก่อน ขอบคุณมากๆนะครับทุกๆคนที่รับชมจนจบ ยิ้ม

ป.ล. ถ้าชื่นชอบแล้วจะชื่นชมเราก็ขอบคุณและยินดี แม้ถ้าเฉยๆจะดูแค่ผ่านๆไปก็ไม่ว่า แต่หากขัดข้องใจไม่ถูกใจประการใดขึ้นมา อยากให้ปิดหน้าต่างนี้อย่างเงียบๆหนาหรือเม้นท์ติชมในเชิงสร้างสรรค์ ดีกว่าด่าทอเอามันส์หรือพูดจาเสียดสี ทุกฝ่ายจะแฮ๊ปปี้และเราทั้งคู่จักขอบคุณ ^__^
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่