credit :: ขอบคุณรูปสวยๆจาก Facebook แฟนเพจนิตยสาร Happy+ ,IG@hellball ,IG@baifernbah
happy+ magazine ฉบับ 42 เดือนพฤษภาคม สามารถไปหาซื้อกันได้แล้วนะคะ^^
หน้าปก
ภาพบางส่วนในเล่มค่ะ และเบื้องหลังการถ่ายแบบค่ะ
บทสัมภาษณ์ในเล่มค่ะ ใครอยากอ่านเต็มๆไปหาซื้อมาอ่านได้นะคะ
พิมพ์บทสัมภาษณ์จากหน้านี้มาให้ค่ะ ชอบความคิดและทัศนคติของใบเฟิร์น
ทำดีที่สุดหรือยัง
การทำงานมีทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในทุกวงการการทำงาน วันที่รู้สึกท้อแท้ หมดหวังและกำลังใจ ก็ต้องหาทางแก้ไข เพื่อให้เรากลับมาเป็นเราอีกครั้ง อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเลือกวิธีไหน และพาตัวเองกลับมาได้ไวแค่ไหน
“เฟิร์นเคยมีประสบการณ์ได้ไปประเทศจีน ตอนที่ภาพยนตร์สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า..รัก ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของจีน 6,000 โรง ซึ่งตอนนั้นมีแฟนคลับจากประเทศจีนมาให้การต้อนรับเยอะมาก ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับเราซึ่งยังเด็กอยู่ในตอนนั้น และปลาบปลื้มใจที่ผ่านมา 4-5 ปีแล้ว เฟิร์นก็ยังเป็นน้องน้ำของเขาอยู่เสมอ ยังมีแฟนคลับจากต่างประเทศมาเยี่ยมเยือนกันบ่อยๆ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ถือเป็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นกับเรา
“แต่ก็มีคนเคยสอนว่า ถ้าคิดว่าเหนื่อย ท้อ ก็ไม่ต้องทำงานจะดีกว่า เพราะถ้าเทียบอดีตกับปัจจุบัน สมัยก่อนตอนที่ไปแคสต์งานหลายๆที่ ยังเหนื่อยกว่านี้เลย แต่อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเรายังเด็ก พอทำงานเยอะนิดๆหน่อยๆ ก็จะรู้สึกเหนื่อย ไม่อยากทำ ไม่ค่อยแอคทีฟ
แต่เมื่อมีคนยิงคำถามมาว่า คุ้มไหมที่เราจะแลกกันกับความเหนื่อยแค่นี้ ทำให้เวลาเฟิร์นทำงานตอนนี้ เราจะไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยอะไรมาก ถ้าเหนื่อยกายนั่งพักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว เพราะนี่คือสิ่งที่เราเลือกแล้วว่าเป็นงานที่เราอยากทำมากที่สุด เพราะฉะนั้นเวลาอยู่ที่กองถ่ายก็จะรู้สึกสนุก มาดูแลร้านนมประจำชั้นก็สนุก เพราะเราไม่ได้ถูกบังคับให้ต้องมาทำอะไรเหล่านี้ เฟิร์นถือว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ทำทุกอย่างที่เราอยากทำในชีวิต เราเลือกแล้ว
“อย่างที่บอกไปว่าเหนื่อยกายก็แค่พัก แต่บางครั้งเราจะเหนื่อยใจกับคนมากกว่า เวลาที่รู้สึกแบบนั้น เฟิร์นจะกลับมาหาคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ หลีกหนีเรื่องราวเหนื่อยใจพวกนั้น ด้วยการบ่น พูดคุย หัวเราะกับคนที่เรารัก แค่นี้วันรุ่งขึ้นก็หายแล้ว ไม่ใช่ว่าเฟิร์นเป็นคนไม่คิดมาก ปล่อยวางได้ ก็เป็นคนคิดมากแต่ไม่ค่อยจำ
“
เฟิร์นจะชอบถามตัวเองว่า ทำดีที่สุดหรือยัง เพราะเฟิร์นจะมีความคิดบางครั้งว่า ไม่ทำแล้วก็ได้ ไม่เอาแล้วก็ได้เวลาเจออะไรที่เหนื่อยใจ แต่พอถามตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้าทำดีที่สุดแล้วก็ไม่เป็นไร ซึ่งงานทุกชิ้น ทุกการแสดง เฟิร์นพูดได้เลยว่าเฟิร์นเต็มที่อย่างที่สุด ไม่มีคำว่าเล่นแค่นี้อย่างแน่นอน เพราะไหนๆเราก็เหนื่อยแล้ว ก็เล่นให้ดีที่สุดไปเลย ไม่ใช่ว่าตอนไปเช็คเทปดูแล้ว ต้องมานั่งรู้สึกว่าเราไม่น่าเล่นแบบนั้นไปเลย วันนั้นน่าจะเล่นแบบนั้นดีกว่า”
รอยยิ้ม ความรัก ความสุข
“
สำหรับเฟิร์นถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต คำตอบ คือ ครอบครัว เพราะเราทุกคนต่างมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เรารัก ทำอะไรก็ได้ให้เขามีความสุข ทำอะไรก็ได้ให้เขาภาคภูมิใจในตัวเรา เวลาที่เราประสบความสำเร็จ เราจะรู้ว่ามีคนที่รอเราอยู่ที่บ้าน
ครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำทุกอย่างจริงๆ ทุกวันนี้ที่เราไม่อยากทำตัวเกเร ออกนอกเส้นนอกทางก็เพราะความรักที่ครอบครัวมอบให้เราอยู่ ความรักเป็นจุดเริ่มต้นของความห่วงใย จุดเริ่มต้นให้เราทำสิ่งดีๆ มอบแก่คนที่เรารัก เช่น รักตัวเอง รักคนที่เราห่วงใย
เพราะความรักคือการทำเพื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อตัวเองค่ะ”
”เฟิร์นเคยบอกแล้วว่าเฟิร์นเป็นคนโชคดี เพราะเราได้ทุกอย่างที่เราอยากทำ เรียนในสิ่งที่ชอบ เรียนจบ มีงานที่เรารักรออยู่ มีเวลาได้อยู่กับครอบครัว เพื่อน และมีเวลาส่วนตัวไปเที่ยว มีร้านไว้ทำธุรกิจ ทุกอย่างกำลังลงตัวอย่างพอดีๆ ไม่มีอะไรอย่างไหนดึงเวลาไปจากเราทั้งหมด ทุกอย่างแชร์กันอย่างเท่าเทียม แต่หลายคนอาจไม่คิดว่าชีวิตแบบนี้สมบูรณ์แบบก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่สำหรับเฟิร์นที่เป็นคนชอบทำอะไรทีละอย่าง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้ ก็ทำให้เรามีความสุขแล้วค่ะ”
[PiC+บทสัมภาษณ์] "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก" กับความน่ารักสดใส @นิตยสาร Happy+ ฉบับเดือนพฤษภาคม
happy+ magazine ฉบับ 42 เดือนพฤษภาคม สามารถไปหาซื้อกันได้แล้วนะคะ^^
หน้าปก
ภาพบางส่วนในเล่มค่ะ และเบื้องหลังการถ่ายแบบค่ะ
บทสัมภาษณ์ในเล่มค่ะ ใครอยากอ่านเต็มๆไปหาซื้อมาอ่านได้นะคะ
พิมพ์บทสัมภาษณ์จากหน้านี้มาให้ค่ะ ชอบความคิดและทัศนคติของใบเฟิร์น
ทำดีที่สุดหรือยัง
การทำงานมีทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง ซึ่งเป็นเรื่องปกติในทุกวงการการทำงาน วันที่รู้สึกท้อแท้ หมดหวังและกำลังใจ ก็ต้องหาทางแก้ไข เพื่อให้เรากลับมาเป็นเราอีกครั้ง อยู่ที่ว่าแต่ละคนจะเลือกวิธีไหน และพาตัวเองกลับมาได้ไวแค่ไหน
“เฟิร์นเคยมีประสบการณ์ได้ไปประเทศจีน ตอนที่ภาพยนตร์สิ่งเล็กเล็กที่เรียกว่า..รัก ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์ของจีน 6,000 โรง ซึ่งตอนนั้นมีแฟนคลับจากประเทศจีนมาให้การต้อนรับเยอะมาก ถือเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับเราซึ่งยังเด็กอยู่ในตอนนั้น และปลาบปลื้มใจที่ผ่านมา 4-5 ปีแล้ว เฟิร์นก็ยังเป็นน้องน้ำของเขาอยู่เสมอ ยังมีแฟนคลับจากต่างประเทศมาเยี่ยมเยือนกันบ่อยๆ ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้ถือเป็นเรื่องดีๆที่เกิดขึ้นกับเรา
“แต่ก็มีคนเคยสอนว่า ถ้าคิดว่าเหนื่อย ท้อ ก็ไม่ต้องทำงานจะดีกว่า เพราะถ้าเทียบอดีตกับปัจจุบัน สมัยก่อนตอนที่ไปแคสต์งานหลายๆที่ ยังเหนื่อยกว่านี้เลย แต่อาจจะเป็นเพราะตอนนั้นเรายังเด็ก พอทำงานเยอะนิดๆหน่อยๆ ก็จะรู้สึกเหนื่อย ไม่อยากทำ ไม่ค่อยแอคทีฟ แต่เมื่อมีคนยิงคำถามมาว่า คุ้มไหมที่เราจะแลกกันกับความเหนื่อยแค่นี้ ทำให้เวลาเฟิร์นทำงานตอนนี้ เราจะไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยอะไรมาก ถ้าเหนื่อยกายนั่งพักสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว เพราะนี่คือสิ่งที่เราเลือกแล้วว่าเป็นงานที่เราอยากทำมากที่สุด เพราะฉะนั้นเวลาอยู่ที่กองถ่ายก็จะรู้สึกสนุก มาดูแลร้านนมประจำชั้นก็สนุก เพราะเราไม่ได้ถูกบังคับให้ต้องมาทำอะไรเหล่านี้ เฟิร์นถือว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้ทำทุกอย่างที่เราอยากทำในชีวิต เราเลือกแล้ว
“อย่างที่บอกไปว่าเหนื่อยกายก็แค่พัก แต่บางครั้งเราจะเหนื่อยใจกับคนมากกว่า เวลาที่รู้สึกแบบนั้น เฟิร์นจะกลับมาหาคนที่เราอยู่ด้วยแล้วสบายใจ หลีกหนีเรื่องราวเหนื่อยใจพวกนั้น ด้วยการบ่น พูดคุย หัวเราะกับคนที่เรารัก แค่นี้วันรุ่งขึ้นก็หายแล้ว ไม่ใช่ว่าเฟิร์นเป็นคนไม่คิดมาก ปล่อยวางได้ ก็เป็นคนคิดมากแต่ไม่ค่อยจำ
“เฟิร์นจะชอบถามตัวเองว่า ทำดีที่สุดหรือยัง เพราะเฟิร์นจะมีความคิดบางครั้งว่า ไม่ทำแล้วก็ได้ ไม่เอาแล้วก็ได้เวลาเจออะไรที่เหนื่อยใจ แต่พอถามตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้วหรือยัง ถ้าทำดีที่สุดแล้วก็ไม่เป็นไร ซึ่งงานทุกชิ้น ทุกการแสดง เฟิร์นพูดได้เลยว่าเฟิร์นเต็มที่อย่างที่สุด ไม่มีคำว่าเล่นแค่นี้อย่างแน่นอน เพราะไหนๆเราก็เหนื่อยแล้ว ก็เล่นให้ดีที่สุดไปเลย ไม่ใช่ว่าตอนไปเช็คเทปดูแล้ว ต้องมานั่งรู้สึกว่าเราไม่น่าเล่นแบบนั้นไปเลย วันนั้นน่าจะเล่นแบบนั้นดีกว่า”
รอยยิ้ม ความรัก ความสุข
“สำหรับเฟิร์นถ้าถามว่าอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต คำตอบ คือ ครอบครัว เพราะเราทุกคนต่างมีชีวิตอยู่เพื่อคนที่เรารัก ทำอะไรก็ได้ให้เขามีความสุข ทำอะไรก็ได้ให้เขาภาคภูมิใจในตัวเรา เวลาที่เราประสบความสำเร็จ เราจะรู้ว่ามีคนที่รอเราอยู่ที่บ้าน ครอบครัวเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำทุกอย่างจริงๆ ทุกวันนี้ที่เราไม่อยากทำตัวเกเร ออกนอกเส้นนอกทางก็เพราะความรักที่ครอบครัวมอบให้เราอยู่ ความรักเป็นจุดเริ่มต้นของความห่วงใย จุดเริ่มต้นให้เราทำสิ่งดีๆ มอบแก่คนที่เรารัก เช่น รักตัวเอง รักคนที่เราห่วงใย เพราะความรักคือการทำเพื่อคนอื่นไม่ใช่เพื่อตัวเองค่ะ”
”เฟิร์นเคยบอกแล้วว่าเฟิร์นเป็นคนโชคดี เพราะเราได้ทุกอย่างที่เราอยากทำ เรียนในสิ่งที่ชอบ เรียนจบ มีงานที่เรารักรออยู่ มีเวลาได้อยู่กับครอบครัว เพื่อน และมีเวลาส่วนตัวไปเที่ยว มีร้านไว้ทำธุรกิจ ทุกอย่างกำลังลงตัวอย่างพอดีๆ ไม่มีอะไรอย่างไหนดึงเวลาไปจากเราทั้งหมด ทุกอย่างแชร์กันอย่างเท่าเทียม แต่หลายคนอาจไม่คิดว่าชีวิตแบบนี้สมบูรณ์แบบก็ได้ ขึ้นอยู่กับความต้องการของแต่ละคน แต่สำหรับเฟิร์นที่เป็นคนชอบทำอะไรทีละอย่าง ค่อยๆเป็นค่อยๆไปแบบนี้ ก็ทำให้เรามีความสุขแล้วค่ะ”