เต้นบีบอยจนได้แลกเปลี่ยนที่เมกา กิจกรรมที่หลายคนมองว่าไร้สาระ

เป็นกระทู้แรกของการแชร์ชีวิตในเมกา และผมอยากจะแชร์ชีวิตผมก่อนหน้านั้นด้วย
ยาวหน่อย แต่อยากให้อ่านจริงๆนะครับป๋ม อมยิ้ม16

ผมเป็นเด็กอายุ 17 เรียนในเชียงราย เต้นบีบอย มาตั้งแต่อายุ 11
ซึ่งที่บ้านไม่สนับสนุนเลย ถึงขั้นว่า " ทำไปแล้วไม่ได้ดีไม่รุ่งหรอก เอาเวลาไปเรียนดีกว่า "
ได้ยินแบบนั้น ก็ยังดื้อเต้นต่อไป จนได้ยินข่าวการสอน Hip Hop หมายถึงรวม Hip Hop จริงๆเลย
ซึ่งมีสอนตั้งแต่ Rap / DJ / Bboy / Beat Making ซึ่งก็ไม่สนใจ แต่อ่านเจอคนสอนบีบอยเท่านั้นแหละ

Bboy Toyz ซึ่งมีชื่อเสียงในวงการเต้นของเมกามากกกก ก็กลับมานั่งคิดดูใหม่... ทำไงดี ถ้าไปต้องขาดเรียน 1 สัปดาห์
ใบลาก็ไม่รู้จะได้ไหม... เอาวะ ไปเลยละกัน

ไปถึงคลาส เปิดงานปกติ อ่านชื่องานได้ว่า Next Level 2.0 อ่าหะ ชื่อเจ๋งดี
คราวนี้ถึงเวลาแบ่งคลาส ว่าใครอยากเรียนอะไร ใครอยากเรียน DJ ไปทางโน๊น MC ข้างนอกนั่น ประมาณนี้ได้
กลายเป็นว่า คนที่สนใจทั้งหมดเกือบ 50 คน มาเต้นถึง 26 คน (โอ้วว๊าววว) และที่แปลกไปกว่านั้นมากก็คือ
26 มีบีบอยจริงๆ 3 คน บีเกิร์ล 1 คน ซึ่งอีก 22 คน ไม่เคยเต้นบีบอยมาก่อนเลย

ด้วยความที่ผมรู้จักกับ Jers ซึ่งเป็นคนสวิซ มาอาศัยที่เชียงใหม่ มีแฟนเชียงราย แล้วมา Workshop ในครั้งนี้ด้วย
ผมก็ได้พูดคุยกับเขามาก ปกติคุยอังกฤษนะครับ แต่บางคำไม่รู้จริงๆ เขาก็พูดไทยให้ เพราะเขาพูดไทยเก่งมาก
จนถึงวันที่ 4 ของการ Workshop (มีทั้งหมด 6 วัน) Bboy Toyz ก็ได้มาบอกผมว่า ผมพูดอังกฤษได้ และเต้นได้ดี
สนใจไปแลกเปลี่ยนที่เมกา เกี่ยวกับวัฒนธรรม Hip Hop ไหม เราจะออกค่าเดินทาง กินอยู่ และมีเงินตอบแทนให้...
ผมก็ว๊าวววว จริงเหรอนั่น !!! โทรหาที่บ้านด่วน ที่บ้านโอเค ก็คอนเฟิร์มเลย ขนาดที่ไม่สนใจว่าจะโดนหลอกหรือเปล่า 5555

จากนั้น เขาก็ส่งรายละเอียดคร่าวๆให้ว่า จะใช้ชีวิตใน Washington DC 1 สัปดาห์ North Carolina 1 สัปดาห์
ในการดูแลของโครงการ Next Level 2.0 อห !!! ลุยสิครับจุดนี้ หลังจากการ Workshop สิ้นสุดลง
ทาง Mark Katz ซึ่งเป็น Director ของ Next Level ก็ส่งจดหมายเชิญเป็นทางการมา และมี Michael Cohen และ Paul Rockower
ซึ่งเป็นผู้จัดการศิลปิน คอยช่วยเหลือเรื่องของรายละเอียดต่างๆ หลังจากนั้นไม่นาน คอนเฟิร์มไฟต์บินและที่พักก็ถูกส่งมา โอ้ว
ค่าใช้จ่ายของผม รวมแล้วประมาณ 1 แสน 4 หมื่นบาท T T ทำไมโครงการนี้รวยเช่นนี้

หลังจากนั้นทางกงสุลก็โทรมาติดต่อผมให้ทำวีซ่า (อห แขกพิเศษจัง) เขาให้ผมได้นัดพิเศษ และสามารถรอรับวีซ่าในวันเดียวกันได้เลย
กลับมาทางผู้ใหญ่บ้าง ที่บ้านก็ค่อนข้างห่วง เด็กอายุ 17 เดินทางไปเมกาคนเดียว และพกเงินหมื่นเดียว ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่
ถ้าโดนหลอก ก็ไม่สามารถจะเดินทางกลับได้เลยด้วยซ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้ตื่นเต้นอะไร เดินทางคนเดียวก็สบายใจผมดี
เพราะผมค่อนข้างมีความเป็นผู้ใหญ่สูง งั้นเราไปลุยกันเลยดีกว่า

เช็คตั๋ว

ที่บ้านมาส่งด้วย

จากนั้นก็ออกเดินทางยาวเลย เปลี่ยนเครื่องที่เกาหลี โดยลงเครื่องแล้วเข้าทางเดิน Connection Filght
รอเครื่อง 5 ชั่วโมง แทบจะเดินเล่นเป็นบ้านตนเอง จากนั้นก็บินสู่เมกา

ผ่าน ตม ก็เจอกันพอล มารับที่สนามบิน เขาถือป้ายชื่อผมไว้ แต่มองไม่เห็น เลยเดินเข้ามาถามว่าใช่คนนี้ไหม
ก็ยินดีที่ได้รู้จักตามภาษาบ้านเขา มีเช็คแฮนด์ ซึ่งไม่ชินเลย อมยิ้ม07อมยิ้ม07 เอาเถอะ ดีละ มีคนมารับ

อากาศข้างนอกลมแรงและหนาวมาก แต่มีแดดเหมือนไทยเลย แต่แดดเขาไม่ร้อนแหะ 55

หน้าที่พักครับโอ้วโหววว มองเห็นแลนด์มาร์คจากหน้าโรงแรมด้วย

พักอยู่ที่จอร์จทาวน์นะครับ ในเมือง Washington DC เลย




จากนั้นหิวครับ พอลโทรมาจากต่างห้อง ใช้โทรศัพท์โรงแรม เรียกไปกินข้าว
แต่ก่อนหน้านั้นพอลเรียกให้ไปเอาเงิน ซึ่งตอนแรกจะให้ 2600$ เพราะอยู่ 13 วัน วันละ 200$
แต่มันเป็นเงินที่สูงมาก ประมาณ 70,000฿ เขาเลยให้เงินค่างาน
เหมือนเป็นเงินตอบแทนจากโครงการ 996$ มาแทน ก็โอเคนะ เพราะไอโฟนที่นั่นขายแค่ 500$ เอง
ที่นี่คือ BTS ไม่ใช่ Bangtan Boy ไม่ใช่รถไฟฟ้านะครับ ย่อมากจากเบอร์เกอร์อะไรสักอย่างนี่แหละ

สั่งอาหารแล้วจะได้เพจเจอร์ ถ้าอาหารเสร็จ จะดังเตือนให้ลุกไปเอาอาหาร

มาแล้วมื้อแรกกับ 3$ ประมาณ 105฿ อร่อยดี แต่ไม่ชินปาก ทุกวันกินแต่ข้าวเหนียว แกงเผ็ดๆเลย

ได้เจอกับสมาชิกทีม 2 คน ก็พูดคุยกันเล็กน้อย
กินไม่หมดเอากลับมาในห้องต่อ จากนั้นก็แวะ 7-11 สักหน่อย

บ้านเราหรูกว่าเยอะเลย อาหารก็เยอะกว่า เข้าไปปุ๊ป ได้คุยกับพนักงาน เขาก็บอกว่ายินดีต้อนรับสู่เมกา
แฮปปี้มากครับ อมยิ้ม01

วันที่สอง

ไปที่ U.S. State Department เพื่อเข้าพบผู้ใหญ่ของทางโครงการ
ส่วนมากไม่ให้ถ่ายรูป มีการตรวจกระเป๋า สแกนตัวเหมือนที่สนามบินเลย
ต้องทำการแลกบัตร และห้ามถ่ายติดเจ้าหน้าที่ อุ๊บ !! กำเบย

และนี่คือ Jaci ซึ่งเป็น Beat Maker ของ Next Level

เชิญพับกบ พบกับสมาชิกทีม ที่จะอยู่ด้วยกันตลอดช่วงตารางงานนี้

ชื่อทุกคนจะเป็น AKA ( Also known as ) แปลเป็นไทยได้ว่า " รู้จักกันในนาม "
Ainara ( Singer ) from Honduras
Key ( Bgirl ) from Uganda
Cue Bass ( DJ ) from El Salvador
Kiche Legend ( MC ) from Tanzania
และ Joseph ( Bboy ) from Thailand
พวกเราได้พูดคุยแผนงานกับทางผู้ใหญ่ และคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานระหว่างประเทศ
ผมเป็นคนเอเชียคนเดียวเลยแยกไปไกลหน่อย ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่ทำงานเรื่องความสัมพันธ์อเมริกา - ไทย

จากนั้นก็แวะกินข้าวกันที่ Tonic Restaurant ซึ่งพอลแจกทิชชู่ให้ทุกคน และเหรียญคนละเหรียญ
จากนั้นเกมส์ก็เริ่มขึ้น ให้พูดเกี่ยวกับเลขท้ายของปีที่ผลิตเหรียญ ตามจำนวนทิชชู่ที่หยิบไป
โอ้วโหว ผมนี่ 10 แผ่นเลย แต่พูดเรื่องโรงเรียนในไทย

อาหารนี่เหมือนเดิมครับ นั่นคือ Buffalo Chicken หรือไก่ตัวเท่าควาย เหมือนที่ BTS เลย
แต่ได้เพิ่มมาคือลูกกลมๆ กัดแล้วมีชีส ผมจะเรียกชีสบอลก็ไม่ใช่ แต่อร่อยมาก

จากนั้นก็กลับไป Workshop Developing Community Programs กับศิลปินฮิปฮอป
ซึ่งได้พบกับ MC Dumi Right ซึ่งเป็นคนสอน MC ในโครงการ Next Level Thailand ด้วย

จากนั้นก็พักเบรคแล้วมี Jam session หรือภาษาทับศัพท์ก็แจมๆกัน อะไรงี้ ที่ New York
แต่ผมเพลียมากเลยขอบาย มีภาพเก็บตกมารูปนึง


วันที่สาม

อาหารเช้าาาาา


กินเสร็จก็เอาเลย Conflict Resolution workshop with Dr.Arthur Romano

จุดยืนที่คิดว่าตนเองทรงพลังที่สุด

แฮปปี้มาก ได้เรื่องจิตวิทยามาเยอะ

จากนั้นพักผ่อนแล้วเคลียห้อง คิดการแสดงสำหรับวันที่ 5 ( ตามตารางงาน )

จากนั้นก็ไปทัวร์แลนด์มาร์กกัน ไปช็อปปิ้งไรงี้




วันที่สี่

ช่วงเช้าทั้งหมดก็ซ้อมโชว์รวมทั้งหมด สมาชิกทีมค่อนข้างแปลกใจ พูดกับผมแบบว่า
" บางทีคุณอาจจะเป็นคนพูดน้อย แต่เวลาคุณเต้น นั่นแหละคือการสื่อสารที่ดีที่สุดสำหรับคุณ "
ก็แหงสิครับ ภาษาอังกฤษก็ไม่คล่องขนาดนั้น เอาเป็นว่าพูดคุยกันรู้เรื่องก็แฮปปี้แล้ว 55555
ตกเย็นมาก็ Workshop เกี่ยวกับ Hip Hop ซึ่งมันเป็นขั้นสูง ขอข้ามไปละกันนะครับ
ตกดึกมา เราเดินทางไปที่ Urban Dance Studio ซึ่งรวมนักเต้น Hip Hop ไว้มากมาย
มีการเลี้ยงข้าวเลี้ยงไวน์ ซึ่งผมดื่มไม่ได้ ยังไม่บรรลุนิติภาวะ อมยิ้ม12
เป็นการ Workshop กับนักเต้น โดยที่ " ไม่มีการเต้นเลย "
ผมจำประโยคที่หนึ่งที่ผมชอบมากๆมาประโยคนึงว่า
" Dance is you excuse when you want to know someone . "
แปลได้ว่า " การเต้นมันก็คือข้ออ้างเวลาคุณอยากจะรู้จักใครสักคน "
ประทับใจมากกกก จากนั้นก็มี Jam Session โดยทุกคนจะล้อมเป็นวงกลม ใครอยากเต้นก็ไปตรงกลาง



ป้าคนนี้เก่งมากครับ ผมเรียกได้เลยว่า " เท้าไฟ "
จากนั้นพวกเราก็กลับมาพักผ่อน เตรียมตัวสำหรับวันถัดไป

วันที่ห้า

ตื่นมากินข้าวปกติ จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงถ่ายทำคลิป หรือ Filming กับ Petna


ซึ่งนี่คือคลิปของผม สามารถเข้าไปดูกันได้นะครับ
https://www.facebook.com/JosephBbcrfamilyOfficial/posts/607775329380864

ถึงประมาณเที่ยง ก็เดินทางไป American University เพื่อทำการแสดงและแถลงการ ( พูดเหมือนโอเวอร์แต่จริงแหะ )
ยังไงก็ขอโชว์ลีลาหน่อยละกัน




โอเค เสร็จงาน Nice Work
ชักจะหิวข้าวแล้วสิ และที่สเปเชียลมากคือ บ้านของ Paul อยู่แถวๆนั้นพอดี โอ้เย เล็ทโก

ทางผู้ใหญ่ใจดีมาก มีการพูดคุยกัน จิ๊บไวน์ ซึ่งผมนั่งดื่มโซดา มีสวดก่อนกินข้าว
และ Petna บอกสาระมาว่า คนเมกัน ห้ามใช้โป้ง ชี้ กลาง ทั้งสองมือหยิบอาหาร เพราะทำให้สิ่งชั่วร้ายเข้าสู่ร่างกาย
ผมจำไม่ได้ว่าทำไม แต่น่าสนใจมาก มีการพูดคุยกันเรื่องเงินตราของประเทศต่างๆ สีผิว ซึ่งชาวต่างชาติมองว่าพิเศษ
มันบ่งบอกว่าคุณมาจากไหน เป็นข้อดีด้วยซ้ำ ในขณะที่คนไทยยังเหยียดคนผิดดำอยู่

วันที่หก

วันนี้เป็นวันพักผ่อน เย้ !!! เหนื่อยมาพอควร แต่จะให้นอนทั้งวันก็ไม่ใช่ม๊างงงง
พอลเลยจัดการ ส่งพวกเราไปที่พิพิธภัณฑ์อวกาศซะเลย
ระหว่างทางก็มีประเภทอื่นๆ อาร์ทแกลอรี่บ้าง ไรบ้าง





เดี๋ยวให้ชมบรรยากาศข้างใน ส่วนมากพิพิธภัณฑ์จะฟรี เพราะเขาไม่กักเรื่องของความรู้นะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่