3เหตุผลเป๊ปไม่ใช่ของปลอม!
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หนึ่งในกุนซือที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในยุคนี้ กำลังเผชิญความผิดหวังซ้ำซากในแชมเปี้ยนส์ลีก
ที่กำลังเปลี่ยนเขาจาก "เทพ" กลายเป็น "ซาตาน" ในสายตาแฟนบอล ความคาดหวังที่รุนแรง สุดท้ายได้มาเพียง "ความว่างเปล่า"
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครหลายคนเริ่มจะไม่ไว้ใจ และสิ้นศรัทธาในตัวกุนซือหัวใสรายนี้ ทว่าคำวิจารณ์ที่ว่าเจ้าตัวเป็น "ของปลอม"
แชมป์ที่ได้มากมายสมัยอยู่กับ บาร์เซโลน่า จริงๆ แล้วเป็นเพราะฝีเท้าของดาวเตะหมายเลข 1 ของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจผิดพลาดที่ดึง เป๊ป ไปร่วมทีมในซัมเมอร์นี้ เพราะขนาด บาเยิร์น ที่ปัจจัยพร้อมกว่ายังทำแชมป์ ยูซีแอล ไม่ได้
แล้วทีม "เรือใบสีฟ้า" จะไปได้ไกลแค่ไหน
ทุกการแสดงความคิดเห็นจริงอยู่ว่ามันเป็นทัศนะส่วนตัว ใครจะเชื่อแบบไหนก็ไม่ใช่เรื่องผิด
เพราะเราก็ปฎิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าทีมระดับ "เสือใต้" เป้าหมายวางถึงแชมป์ในทุกรายการ
ตลอด 3 ปีที่นายใหญ่ชาวสเปน คุมทีมอาจจะการันตีแชมป์ลีกได้ทุกฤดูกาล
แต่การพลาดไม่ได้แม้แต่เข้าชิงชนะเลิศใน แชมเปี้ยนส์ลีก มันก็เป็น "ความล้มเหลว" ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
แต่จะบอกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เก่ง เก่งไม่จริง อันนี้ก็ดูจะรุนแรงเกินไป เพราะเกมฟุตบอลถ้วยอย่าง "ยูซีแอล" พูดตรงๆ ว่า "เก่ง" อย่างเดียวไม่พอ
การพาทีมตะลุยตั้งแต่รอบแรก กว่าจะผ่านมาแต่ละนัด ความเข้มข้นในแต่ละเกมมันทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และมีปัจจัยอื่นๆ ที่ค่อยเกื้อหนุน
ไม่ว่าจะเป็นการจับสลาก ตัวเจ็บตัวแบน และที่สำคัญเสียงนกหวีดของผู้ตัดสินที่สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของเกมไปในปรี๊ดเดียว
เหมือนกับที่ บาเยิร์น ต้องเจอในเกมเมื่อคืนวันอังคาร เพราะทั้งลูกยิงของ อองตวน กรีซม็อง และลูกจุดโทษปัญหาของ เฟร์นานโด ตอร์เรส คนที่เสียประโยชน์ก็ทีมเจ้าบ้านทั้งนั้น ดูได้จากทำเนียบแชมป์ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยังไม่มีทีมใดเลยที่สามารถป้องกันแชมป์ได้
อย่างเก่งก็ปีเว้นปี ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ความ "หิน" ของตัวรายการได้อยู่ไม่น้อย
ดังนั้นหากวัดกันที่รายละเอียด โดยส่วนตัวผมยังเชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือที่ไม่ใช่ของปลอมทำเหมือน
ซึ่งเหตุและผลขอแยกเป็น 5 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
++1.การันตีแชมป์บุนเดสลีกา++
จริงอยู่ที่ บาเยิร์น มิวนิค คือทีมยักษ์ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในบุนเดสลีกา พวกเขาคือเต็งหนึ่งในทุกยุค ทุกสมัย
และทุกฤดูกาลที่ลงทำการแข่งขัน นโยบาย "ตัดตอน" ที่ซื้อแข้งตัวเก่งของทีมคู่แข่งร่วมลีกมาอยู่ในทีม
ทำให้พวกเขาแทบจะผูกขาดความสำเร็จอยู่เพียงสโมสรเดียว
แต่ประโยคที่ว่า "ใครคุมก็แชมป์" มันไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด
เพราะก่อนหน้าที่กุนซือชาวสเปน จะเข้ามาคุมทีม บาเยิร์น คว้าแชมป์ลีกได้เพียง 2 จาก 6 ฤดูกาลหลังสุด
- เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ล้มเหลวถูกไล่ออกระหว่างกลางฤดูกาล
- หลุยส์ ฟาน ฮัล และ จุ๊ปป์ ไฮยเกส คุมคนละ 2 ปี ได้แชมป์ลีกไปคนละสมัย
- แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หากไม่มีอะไรผิดพลาดเจ้าตัวจะได้แชมป์ลีกทั้ง 3 ซีซั่นที่คุมทีมที่เยอรมัน
++2.เป๊ปไม่เก่ง...มูก็ไม่เก่ง++
หากผลงานในแชมเปี้ยนส์ลีกคือบรรทัดฐาน ความล้มเหลวกับ บาเยิร์น ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือตัวชี้วัดว่ากุนซือรายนี้เป็นของปลอม
แต่ผลงานที่เจ้าตัวทำไว้ พูดกันตรงๆ มันยากไม่น้อยที่จะหาผู้จัดการทีมสักคนที่พาทีมฝ่าด่านอรหันต์เข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศของ ยูซีแอล ได้ถึง 3 ปีติดต่อกัน
วัดง่ายๆ ก็ช่วงเวลาที่อดีตห้องเครื่องของ บาร์เซโลน่า ประจำการอยู่ที่อัลลิอันซ์ อารีน่า ก็ไม่มีใครเลยที่จะทำได้แบบเขา
ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ คนที่เขี่ย เป๊ป ตกรอบ เข้ามาได้2 เท่ากับ คาร์โล อันเชล็อตติ, มานูเอล เปเญกรินี่, โจเซ่ มูรินโญ่ และ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี พวกนี้ได้ครั้งละหนเท่านั้น
หากจะคนส่วนใหญ่จะบอกว่า เป๊ป ไม่เก่ง งานนี้ โจเซ่ มูรินโญ่ ก็คงเป็นกุนซือธรรมดาเช่นกัน
เพราะช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การคุมทั้ง เรอัล มาดริด และ เชลซี กุนซือชาวโปรตุกีส ก็มาไกลสุดก็หยุดอยู่แค่รอบรองชนะเลิศโดยตลอด
++3.สไตล์บอลที่ชัดเจน++
ฟุตบอลสไตล์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือฟุตบอลที่เน้นเกมรุกเต็มสูบ เน้นการต่อบอลที่แม่นยำ เข้าเพรสซิ่งเร็ว เพรสซิ่งสูง จนแทบจะเป็นฝ่ายพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว
หลายๆ ครั้ง หลายๆ ครา เรามักจะคุ้นชินกับผลการแข่งขันที่ขาดลอย เพราะปรัชญาของกุนซือวัย 45 ปี คือฟุตบอลที่เดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยง
หากมีโอกาสยิงลูกสอง ลูกสาม ลูกสี่ ก็พร้อมจะตัดลมหายใจของคู่แข่งแบบไม่ปราณี
มันไม่ใช่แค่ในลีกที่พวกเขาไล่ยิงคู่แข่งจนเสียศูนย์ ในแชมเปี้ยนส์ลีกตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
บาเยิร์น ในยุคของ เป๊ป ก็ยิงเป็นไฟพะเนียง โดยเฉพาะเกมในบ้านที่ช่วงหลังก็ยิง 4 ยิง 5 ยิง 6 ก็มีมาให้เห็น
ฟุตบอลที่เน้นเรื่องพื้นฐาน การปลูกฝังให้นักเตะมีความเข้าใจในแท็กติกของตัวกุนซือ ที่ไม่ว่าจะส่งใครลงสนามก็สามารถเล่นแทนกันได้อย่างไม่เขอะเขิน
ผมว่าโลกลูกหนังปัจจุบันหาคนที่จะทำทีมแบบ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ยาก พูดง่ายๆ ว่ายุคนี้คงไม่มีใครที่จะเลียนแบบได้
อย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ อาร์แซน เวนเกอร์ กว่าจะสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล ให้มีสไตล์การเล่นเป็นเอกลักษณ์ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายปี
แต่ เป๊ป สามารถเปลี่ยน "เสือใต้"ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก
และผมเชื่อเหลือเกินว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นหน้าก็จะมีสไตล์การเล่นที่จะไม่ต่างจาก บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น ในยุคของเขาอย่างแน่นอน.
-Credit : Soc-Seed
3เหตุผล เป๊ปไม่ใช่ของปลอม!
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หนึ่งในกุนซือที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในยุคนี้ กำลังเผชิญความผิดหวังซ้ำซากในแชมเปี้ยนส์ลีก
ที่กำลังเปลี่ยนเขาจาก "เทพ" กลายเป็น "ซาตาน" ในสายตาแฟนบอล ความคาดหวังที่รุนแรง สุดท้ายได้มาเพียง "ความว่างเปล่า"
ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ใครหลายคนเริ่มจะไม่ไว้ใจ และสิ้นศรัทธาในตัวกุนซือหัวใสรายนี้ ทว่าคำวิจารณ์ที่ว่าเจ้าตัวเป็น "ของปลอม"
แชมป์ที่ได้มากมายสมัยอยู่กับ บาร์เซโลน่า จริงๆ แล้วเป็นเพราะฝีเท้าของดาวเตะหมายเลข 1 ของโลกอย่าง ลิโอเนล เมสซี่
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตัดสินใจผิดพลาดที่ดึง เป๊ป ไปร่วมทีมในซัมเมอร์นี้ เพราะขนาด บาเยิร์น ที่ปัจจัยพร้อมกว่ายังทำแชมป์ ยูซีแอล ไม่ได้
แล้วทีม "เรือใบสีฟ้า" จะไปได้ไกลแค่ไหน
ทุกการแสดงความคิดเห็นจริงอยู่ว่ามันเป็นทัศนะส่วนตัว ใครจะเชื่อแบบไหนก็ไม่ใช่เรื่องผิด
เพราะเราก็ปฎิเสธไม่ได้เหมือนกันว่าทีมระดับ "เสือใต้" เป้าหมายวางถึงแชมป์ในทุกรายการ
ตลอด 3 ปีที่นายใหญ่ชาวสเปน คุมทีมอาจจะการันตีแชมป์ลีกได้ทุกฤดูกาล
แต่การพลาดไม่ได้แม้แต่เข้าชิงชนะเลิศใน แชมเปี้ยนส์ลีก มันก็เป็น "ความล้มเหลว" ที่ต่ำกว่ามาตรฐาน
แต่จะบอกว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่เก่ง เก่งไม่จริง อันนี้ก็ดูจะรุนแรงเกินไป เพราะเกมฟุตบอลถ้วยอย่าง "ยูซีแอล" พูดตรงๆ ว่า "เก่ง" อย่างเดียวไม่พอ
การพาทีมตะลุยตั้งแต่รอบแรก กว่าจะผ่านมาแต่ละนัด ความเข้มข้นในแต่ละเกมมันทวีความเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และมีปัจจัยอื่นๆ ที่ค่อยเกื้อหนุน
ไม่ว่าจะเป็นการจับสลาก ตัวเจ็บตัวแบน และที่สำคัญเสียงนกหวีดของผู้ตัดสินที่สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าของเกมไปในปรี๊ดเดียว
เหมือนกับที่ บาเยิร์น ต้องเจอในเกมเมื่อคืนวันอังคาร เพราะทั้งลูกยิงของ อองตวน กรีซม็อง และลูกจุดโทษปัญหาของ เฟร์นานโด ตอร์เรส คนที่เสียประโยชน์ก็ทีมเจ้าบ้านทั้งนั้น ดูได้จากทำเนียบแชมป์ตั้งแต่เปลี่ยนชื่อมาเป็น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยังไม่มีทีมใดเลยที่สามารถป้องกันแชมป์ได้
อย่างเก่งก็ปีเว้นปี ซึ่งตรงนี้ก็น่าจะตอบโจทย์ความ "หิน" ของตัวรายการได้อยู่ไม่น้อย
ดังนั้นหากวัดกันที่รายละเอียด โดยส่วนตัวผมยังเชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นกุนซือที่ไม่ใช่ของปลอมทำเหมือน
ซึ่งเหตุและผลขอแยกเป็น 5 ข้อใหญ่ๆ ดังนี้
++1.การันตีแชมป์บุนเดสลีกา++
จริงอยู่ที่ บาเยิร์น มิวนิค คือทีมยักษ์ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในบุนเดสลีกา พวกเขาคือเต็งหนึ่งในทุกยุค ทุกสมัย
และทุกฤดูกาลที่ลงทำการแข่งขัน นโยบาย "ตัดตอน" ที่ซื้อแข้งตัวเก่งของทีมคู่แข่งร่วมลีกมาอยู่ในทีม
ทำให้พวกเขาแทบจะผูกขาดความสำเร็จอยู่เพียงสโมสรเดียว
แต่ประโยคที่ว่า "ใครคุมก็แชมป์" มันไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด
เพราะก่อนหน้าที่กุนซือชาวสเปน จะเข้ามาคุมทีม บาเยิร์น คว้าแชมป์ลีกได้เพียง 2 จาก 6 ฤดูกาลหลังสุด
- เจอร์เก้น คลิ้นส์มันน์ ล้มเหลวถูกไล่ออกระหว่างกลางฤดูกาล
- หลุยส์ ฟาน ฮัล และ จุ๊ปป์ ไฮยเกส คุมคนละ 2 ปี ได้แชมป์ลีกไปคนละสมัย
- แต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า หากไม่มีอะไรผิดพลาดเจ้าตัวจะได้แชมป์ลีกทั้ง 3 ซีซั่นที่คุมทีมที่เยอรมัน
++2.เป๊ปไม่เก่ง...มูก็ไม่เก่ง++
หากผลงานในแชมเปี้ยนส์ลีกคือบรรทัดฐาน ความล้มเหลวกับ บาเยิร์น ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือตัวชี้วัดว่ากุนซือรายนี้เป็นของปลอม
แต่ผลงานที่เจ้าตัวทำไว้ พูดกันตรงๆ มันยากไม่น้อยที่จะหาผู้จัดการทีมสักคนที่พาทีมฝ่าด่านอรหันต์เข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศของ ยูซีแอล ได้ถึง 3 ปีติดต่อกัน
วัดง่ายๆ ก็ช่วงเวลาที่อดีตห้องเครื่องของ บาร์เซโลน่า ประจำการอยู่ที่อัลลิอันซ์ อารีน่า ก็ไม่มีใครเลยที่จะทำได้แบบเขา
ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ คนที่เขี่ย เป๊ป ตกรอบ เข้ามาได้2 เท่ากับ คาร์โล อันเชล็อตติ, มานูเอล เปเญกรินี่, โจเซ่ มูรินโญ่ และ มัสซิมิเลียโน่ อัลเลกรี พวกนี้ได้ครั้งละหนเท่านั้น
หากจะคนส่วนใหญ่จะบอกว่า เป๊ป ไม่เก่ง งานนี้ โจเซ่ มูรินโญ่ ก็คงเป็นกุนซือธรรมดาเช่นกัน
เพราะช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา การคุมทั้ง เรอัล มาดริด และ เชลซี กุนซือชาวโปรตุกีส ก็มาไกลสุดก็หยุดอยู่แค่รอบรองชนะเลิศโดยตลอด
++3.สไตล์บอลที่ชัดเจน++
ฟุตบอลสไตล์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คือฟุตบอลที่เน้นเกมรุกเต็มสูบ เน้นการต่อบอลที่แม่นยำ เข้าเพรสซิ่งเร็ว เพรสซิ่งสูง จนแทบจะเป็นฝ่ายพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว
หลายๆ ครั้ง หลายๆ ครา เรามักจะคุ้นชินกับผลการแข่งขันที่ขาดลอย เพราะปรัชญาของกุนซือวัย 45 ปี คือฟุตบอลที่เดินหน้าฆ่าไม่เลี้ยง
หากมีโอกาสยิงลูกสอง ลูกสาม ลูกสี่ ก็พร้อมจะตัดลมหายใจของคู่แข่งแบบไม่ปราณี
มันไม่ใช่แค่ในลีกที่พวกเขาไล่ยิงคู่แข่งจนเสียศูนย์ ในแชมเปี้ยนส์ลีกตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
บาเยิร์น ในยุคของ เป๊ป ก็ยิงเป็นไฟพะเนียง โดยเฉพาะเกมในบ้านที่ช่วงหลังก็ยิง 4 ยิง 5 ยิง 6 ก็มีมาให้เห็น
ฟุตบอลที่เน้นเรื่องพื้นฐาน การปลูกฝังให้นักเตะมีความเข้าใจในแท็กติกของตัวกุนซือ ที่ไม่ว่าจะส่งใครลงสนามก็สามารถเล่นแทนกันได้อย่างไม่เขอะเขิน
ผมว่าโลกลูกหนังปัจจุบันหาคนที่จะทำทีมแบบ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ยาก พูดง่ายๆ ว่ายุคนี้คงไม่มีใครที่จะเลียนแบบได้
อย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ อาร์แซน เวนเกอร์ กว่าจะสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อาร์เซนอล ให้มีสไตล์การเล่นเป็นเอกลักษณ์ก็ต้องใช้เวลาอยู่หลายปี
แต่ เป๊ป สามารถเปลี่ยน "เสือใต้"ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรก
และผมเชื่อเหลือเกินว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในซีซั่นหน้าก็จะมีสไตล์การเล่นที่จะไม่ต่างจาก บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น ในยุคของเขาอย่างแน่นอน.
-Credit : Soc-Seed