>>> DNA แชมป์ สู่ แชมป์ ของ ผู้ชายที่ชื่อว่า SCHMEICHEL <<<

Kasper Schmeichel : " Why do people think it's OK to tell me that I will never be as good as my dad "

...ประโยคคำถามนี้คงกึกก้องอยู่ในมโนสำนึกของเจ้าหนูแคสเปอร์ ชไมเคิ่ล และหลายๆคน คงปฏิเสธไม่ได้เลยที่ หนูน้อยชไมเคิ่ล มักถูกนำความสำเร็จไปเปรียบเทียบกับผู้เป็นบิดา ...แต่วันนี้เจ้าหนูชไมเคิ่ลกลายเป็นหนุ่ม วัยห้าวที่ก้าวพ้นออกจากร่มเงาของบิดานักเตะผู้รักษาประตูระดับตำนานอย่าง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล แต่เส้นทางสวยหรูทุกอย่างนั้นย่อมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องผ่านความกดดัน การคาดหวังจากผู้คนว่าเขาจะเก่งเหมือนๆพ่อ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือผมกองเชียร์แมนยูฯตัวเล็กๆที่นั่งพิมพ์อยู่ตรงนี้ด้วย พูดง่ายๆ แล้วถ้าในอังกฤษ ในยุโรป หรือทั่วโลกล่ะ ทุกสื่อ ทุกสำนัก และทุกคนต้องจับตาดูเส้นทางชีวิตนักฟุตบอลอาชีพของชไมเคิ่ลน้อย ในฐานะลูกชายของ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล อย่างแน่นอน ...แล้วเขาต้องเจอกับอะไรมาบ้างล่ะ ลองมาดูกันเล่นๆนะครับ

DNA แชมป์ สู่ แชมป์ ของ ผู้ชายที่ชื่อว่า SCHMEICHEL


...เจ้าหนู แคสเปอร์ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เกิดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 1986 ที่กรุงโคเปนเฮเก้น เขาเป็นลูกชายคนโต ของยักษ์เดน ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ผุ้ที่เคยสร้างเทพนิยายเดนส์ จากการเป็นแชมป์ยูโร 1992 มาแล้ว และในปีต่อมายักษ์เดนส์ผู้เป็นพ่อได้ฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีคครั้งแรกของสโมสรและของตนเอง ด้วยวัย 29 ปี เท่ากับยักษ์เดนส์น้อย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ผู้ลูกที่กำลังได้รับเหรียญแชมป์ประวัติศาตร์กับสโมสรเลสเตอร์ซิตี้ในขณะนี้ ด้วยวัย29 เช่นเดียวกับผู้เป็นพ่อ


บรรยายใต้ภาพ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อายุ 4 วัน ภาพนี้ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล เห่อลูกชายสุดขีด ถึงขนาดพามาในสนามซ้อมด้วย

...เท่านั้นยังไม่พอ หนูน้อย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ชูถ้วยแชมป์พรีเมียร์ชิพ เคียงข้างคุณพ่อ ซึ่งในขณะนั้น เขามีอายุเพียง 6 ขวบเท่านั้น และเมื่อถึงวันที่เลสเตอร์ซิตี้ ฉลองถ้วยแชมป์ พรีเมียร์ลีค แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ในวัย 29 ปี และ ลูกชาย “แม็กซ์” ชไมเคิ่ลรุ่นที่3 ก็จะร่วมฉลองแชมป์ลีคสูงสุดของอังกฤษ กับผู้เป็นบิดา ด้วยวันเพียง 6 ขวบ เช่นเดียวกันกับบิดาฉลองแชมป์กับชไมเคิ่ลรุ่นคุณปู่ เหมือนกับเป็นการย้อนรอยแชมป์ของตระกูลเมื่อ 23 ปีก่อนไม่มีผิดเพี้ยน

บรรยายใต้ภาพ : ภาพนี้เป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อายุ 6 ขวบ (ถ้าผมจำไม่ผิด) เป็นภาพตอนฉลองแชมป์ ในห้องแต่งตัวของ ยูไนเต็ด หลังจากที่ได้แชมป์ พรีเมียร์ลีค 1992-1993 แน่นอนแล้ว


บรรยายใต้ภาพ : DNA แชมป์ถูกส่งผ่านการสัมผัสถ้วยแชมป์ ถ้วยแชมป์ Uefa Super Cup ปี 91 (ซ้าย) ถ้วยแชมป์ League cup ปี 92 (ขวา)


บรรยายใต้ภาพ : ภาพนี้เป็นภาพที่หนูน้อย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อายุ 7 ขวบ ร่วมฉลองบนรถบัสแชมป์ หลังจากแมนยูฯได้แชมป์ ฤดูกาล 1993-1994 ภาพนี้ถ่ายเมื่อวันที่ 1 พ.ค. 1994 ครับ

วิดิโอ ตอนที่ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล (7 ขวบ) ออกทีวีครั้งแรก เขาเล่นฟุตบอล กับ ทอม อินซ์ (เด็กน้อยผิวสี วัย 2ขวบ) ลูกชายของ พอล อินซ์ และ อเล็ก บรูซ (เด็กตัวสูงใส่ชุดดำ วัย10ขวบ) ลูกชายของ สตีฟ บรูซ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอyoutube

...สิ่งที่ผมสัมผัส จากการเป็นแฟนบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แมนยูฯ ในยุคฉลองแชมป์พรีเมียร์ลีคครั้งแรก ในช่วงยุค ’90 สมัยนั้น มีผู้รักษาประตูที่มีบุคคลิคทรงอิทธิพล สามารถสร้างความครั่มคร้าม ต่อกองหลัง และกองหน้าฝั่งตรงข้าม ในยุโรปยุคนั้น สำหรับผมก็มีเพียง 2 คน คือ ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล และ โอลิเวอร์ คาห์น ของ บาเยิร์น เท่านั้น และ ในเหตุการณ์สำคัญแมตช์หยุดโลกที่ ชไมเคิ่ล และ คาห์น ลงเตะในสนามพร้อมกัน ก็คือ นัดชิงยูฟ่าแชมป์เปี้ยนลีค ปี 1999 นั่นเอง

วิดิโอ ตอนที่ ชไมเคิ่ล & คาห์น นั่ง วิจารณ์เกมส์ UCL นัดชิง 1999 ทั้งคู่ วิจารณ์การเล่น และตัวผู้เล่นในแมตช์นั้น
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
...ซึ่งสำหรับผม และหลายๆคน การได้แชมป์ UCL 1999 แถมเป็นทริปเปิ้ลแชมป์ซะด้วย นั่นคือความสำเร็จแบบสูงสุดแล้วสำหรับนักฟุตบอลตนนึง นั่นรวมไปถึง ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ผู้พ่อด้วย คือว่ากันง่ายๆ สมัยนั้นไม่ว่าใครได้แชมป์ขนาดนั้นก็ถือว่าพีคสุดๆแล้วล่ะสำหรับชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ
…ถ้าผมจำไม่ผิด ชไมเคิ่ลผู้พ่อกับสภาพร่างกายที่เชื่องช้าลง รวมไปถึง อายุอานามย่าง 36 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่ย่างเข้าสู่ช่วงท้ายๆของการเป็นผู้รักษาประตูอาชีพแล้ว กับกระแสความสำเร็จที่ดำเนินมาถึงจุดสูงสุดในปีนั้น ทำให้กระแส การเลิกเล่น ของชไมเคิ่ล มีออกมาเป็นระยะๆ บ้างก็ว่า ถ้าจะเลิกเล่น ก็ควรจะเลิกเล่นช่วงที่ได้แชมป์สูงสุดแล้ว นั่นรวมไปถึงกระแสข่าวการยุให้ อเล็ก เฟอร์กุสัน วางมือ ตามหน้าหนังสือพิมพ์ต่างๆด้วย เคสเดียวกันเป๊ะ บ้างก็ว่า ถ้าแมนยูฯควรใช้ชไมเคิ่ล เอาไว้เป็นสำรอง แล้วหาผู้รักษาประตูหนุ่มๆเข้ามาเล่นให้ยูไนเต็ดแทนที่ และแน่นอนเฟอร์กี้ไม่ฟังเสียงวิจารณ์อะไรพวกนั้น และยังคงเชื่อมั่นในตัว ชไมเคิ่ล เสมอ …ก่อนที่ทุกอย่างจะจบลง ด้วยการขอย้ายทีมไปเล่นให้กับ สปอร์ตติ้ง ลิสบอน ด้วยเหตุผลว่า ต้องการความท้าทายใหม่ๆ ซึ่งในขณะนั้นผมคิดว่า ชไมเคิ่ลก็รู้ตัวดีว่า ฟอร์มการเล่น และ สังขารของตัวเอง อาจจะไม่เหมาะ หรือ ดีพอสำหรับ ยูไนเต็ดอีกต่อไปแล้ว และเขาก็ไม่พร้อมที่จะลงจากจุดสูงสุดมาเป็นเพียงแค่ตัวสำรอง สู้จากไปโดยหลงเหลือความยิ่งใหญ่ในคราบทริปเปิ้ลแชมป์จะดีซะกว่า
…ส่วนตัวผมคิดว่านะ จริงๆ ถ้าทู่ซี้เล่นไปจนแขวนสตั๊ด แม้ว่าฟอร์มจะดรอปลงไปบ้าง แต่ยังไงซะชไมเคิ่ลผู้พ่อก็เป็นตำนานที่ทุกคนต้องจดจำอยู่ดีอยู่แล้ว และน่าจะดีกว่าการไปตะลอนทัวร์อีกแค่4ปี แล้วก็แขวนสตี๊ด โดยเฉพาะการแขวนสตั๊ดกับ แมนฯ ซิตี้ คู่อริร่วมเมืองตลอดกาลของ ยูไนเต็ด หลายๆคนที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ก็คงคิดนะ ว่าทีมไหนก็ได้ ทำไมต้องทีมนี้ แต่ถึงยังงั้น แฟนแมนยูฯ ทุกคนก็เคารพสิทธิการตัดสินใจของตำนานยักษ์เดนส์ของพวกเขา เสมอ


บรรยายใต้ภาพ : แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ในวัย 13 ปี เคียงข้างพ่อของเขา ในสนามซ้อม ของสปอร์ติ้ง ลิสบอน

...และแน่นอนจุดเปลี่ยนชีวิต ของ แคส เปอร์ ชไมเคิ่ลน้อย ก็เริ่มมาจากจุดที่ พ่อของเขา ย้ายไปอยู่ โปรตุเกส นั่นเอง  …ขอแทรกด้วยความทรงจำสมัยนั้นของผมนิดนึง จริงๆแล้ว ถ้าผมตามข่าวไม่ผิดนะ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล เคยเข้าร่วมทดสอบฝีเท้ากับ แมนยูฯ แต่ไม่ผ่านการทดสอบ หรือ อีกประเด็นนึง คือข่าวกระแสการย้ายทีมของ ชไมเคิ่ลผู้พ่อแรงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ข่าวของเจ้าหนูน้อย แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล กับ แมน ยูไนเต็ด นั้นจบลงไป ซึ่งผมในขณะนั้นก็ตามข่าวเด็กคนนี้อยู่เหมือนกันนะ และลุ้นว่าจะเก่งเหมือนพ่อเขามั้ย แต่ถ้าภาพจากความทรงจำของผมจำไม่ผิด เจ้าหนูชไมเคิ่ลตอนเด็กๆ นั้น ตัวเล็กครับ และไม่เหมาะที่จะเป็นผู้รักษาประตูเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าหน้าตา สีผม จะถอดพิมพ์ คุณพ่อมาซะทุกอย่าง แต่ความสูง นี่ไม่ได้ก๊อปปี้ ชไมเคิ่ลผู้พ่อมาด้วยเลย เหมือนเจ้าแคสเปอร์ ชไมเคิ่ลในตอนเด็กที่ผมเห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือ เวปไซต์ต่างประเทศ คือ รูปร่างตัวเล็กครับ อาจจะไม่เป็นที่พิศมัยของ แมนยูฯ ในขณะนั้น …จนกระทั่งในปี 1999 ก่อนที่ฤดูกาลใหม่จะเริ่ม ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล ผู้พ่อก็เซ็นสัญญา2ปี กับ สปอร์ตติ้ง ลิสบอน ในโปรตุเกส ทำให้ แคสเปอร์ ต้องย้ายไปอยู่โปรตุเกส ต้องเข้าโรงเรียนนานาชาติ สอนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งในกรุงลิสบอน จากตรงนี้ผมก็ไม่ได้ติดตามข่าวของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล อีกเลย ทราบแต่เพียงว่า เขาได้เข้าไปร่วมทีมเยาวชนทีมหนึ่ง ในลีคโปรตุเกสชื่อ เอสโตรีล เท่านั้น

บรรยายใต้ภาพ : คงไม่ต้องบอกนะว่า แคสเปอร์ คือ คนไหน ... แถวนั่งซ้ายมือ เด่นสุดๆ เมื่ออยู่ในทีมเยาวชน Estoril Praia

...ชื่อของชไมเคิ่ล กลับมาอยู่บนหน้าหนังสือพิมพ์อีกครั้ง เมื่อสามารถคว้าแชมป์ลีคสูงสุดของโปรตุเกส ได้ในปีถัดมา และชไมเคิ่ลผู้เป็นพ่อก็เดินทางกลับมาเยือนผืนหญ้าสนามฟุตบอลในอังกฤษอีกครั้งด้วยสีเสื้อแอสตัน วิลล่า …อ่าว ไหนว่า เฮียแก อยากมองหาความท้าทายในต่างแดน แต่ไปแค่2ปี เฮียแกกลับมาอยู่กับวิลล่าซะงั้น นี่ไงที่ผมบอกเอาไว้ว่า ถ้าทู่ซี้อยู่ต่อก็ไม่มีใครว่าอะไรหรอก แต่ตอนนั้นมีข่าวหลายกระแสว่าชไมเคิ่ลฟอร์มตก ควรจะเลิกตอนที่ยังดังอยู่ มีเยอะมาก แล้วไงล่ะ 38ปีแล้ว ยังเล่นไหว …แต่ อ่าว เฮ้ย ทำไมปีต่อมากลับมาเมืองแมนเชสเตอร์ ในสีเสื้อ ซิตี้ ซึ่งผมในตอนนั้นเริ่มเข้าสู่วัยทำงานแล้ว แต่ก็ยังดัดจริตติดนิสัยวัยรุ่นตามแฟชั่นว่า ยูไนเต็ด กับ ซิตี้ ไม่ถูกกัน แต่ทำไมอยู่ๆตำนานของ แมนยูฯ อย่าง ชไมเคิ่ล กลับยอมใส่เสื้อสีฟ้า ของซิตี้ได้ลง ซึ่งในตอนนั้นเปรียบปดุจ ไมเคิ่ล โอเว่น ย้ายมาอยู่ แมนยูฯ น่ะแหล่ะ อารมณ์เสียแบบเดียวกันเป๊ะเลย แต่มานั่งนึกนอนนึก คิดดูแล้วภาพพี่ก้องนูโวตะคอกใส่ผู้จัดการร้านในหนังลัดดาแลนด์ ตะโกนก้องออกมาว่า “ไม่ให้กรูเล่น แล้วกรูจะเอาอะไรแดร่ก” เออก็เลยเข้าใจวัฏจักรฟุตบอลของเฮียเขาอ่ะนะ -*-

บรรยายใต้รูป : ชไมเคิ่ลผู้พ่อย้ายมาอยู่เป็นพลพรรค สิงห์ ผยอง และ เรือใบ

วิดิโอ บ่งบอกได้ชัดเจน แกรี่ เนวิลล์ ไม่พอใจ ชไมเคิ่ล ... คหสต. ผมคิดว่า แกรี่ ไม่ค่อยสบอารมณ์นักที่ ชไมเคิ่ล ย้ายไปร่วมรังเรือใบ ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้น ชไมเคิ่ลบอกกับทุกๆคนว่า ต้องการย้ายไปหาความท้าทายใหม่ในต่างแดน แต่ไหงกลับมาอังกฤษ แถมวกมาแมนเชสเตอร์ด้วยการร่วมทีมอริร่วมเมือง อย่างเรือใบอีก
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

...แล้ว แคสเปอร์ ล่ะอยู่ไหน แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ย้ายออกจากเอสโตรีล มาเป็นนักเตะเยาวชนของ แมนซิตี้ ตามพ่อของเขา เอ่อ… ผมก็เงิบไปนิดนึง กลายเป็นว่า จากที่หวังเอาไว้ว่าซักวัน แคสเปอร์ผู้ลูกจะได้เปิดตำนานชไมเคิ่ล กับแมนยูฯ ตามรอยพ่อ กลับกลายเป็นว่า น้องเขาดันไปอยู่กับ แมนซิตี้ซะงั้น ผมผิดหวังนิดหน่อย แต่ก็ช่างมัน …นอกเรื่องนิดนึง สำหรับคนที่เล่น CM02-03 หรือ CM03-04 จะรู้ดีว่า ค่าพลังของ แคสเปอร์ ชไมเคิ่ล ในตอนแรกๆไม่เท่าไหร่หรอก แต่พอปั้นซัก 3-4 ปี ก็จะเหนียวขึ้นมาซะงั้น ผมซื้อเอามาปั้นในเกมส์แทน รอย แคร์โรซ์ ตลอดๆ

บรรยายใต้ภาพ : ค่าพลังของชไมเคิ่ลใน CM4 (03-04) แหม่ พลังขนาดนี้ อายุขนาดนี้ เป็นใครก็ต้องซื้อมาปั้น - -!

บรรยายใต้ภาพ : รูปนี้ชไมเคิ่ลในสีเสื้อแมนฯซิตี้ ปี 2007
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่