[CR] Review Captain America:CIVIL WAR ...ถ้าIronman คือผู้บุกเบิกMCU Captain America ก็เป็นผู้เปลี่ยนแปลงMCU

คือว่าจะเขียนรีวิวตั้งนานแล้วล่ะ. แต่ผมใช้เวลานั่งเขียนนานมาก. ไปดูตั้งแต่วันแรกเลยเพิ่งเขียนเสร็จได้อัพลงตอนนี้ ยังไงซะก็จะใส่รูปไว้ให้ดูประกอบเยอะๆนะครับ

(นำเรียนก่อนว่าเนื้อหากระทู้ไม่อยู่ในขอบเขตของการสปอยล์ แต่ค่อนข้างที่จะละเอียดและเต็มไปด้วยความรู้สึกที่อาจมีผลต่อการชม ท่านใดกังวล ไปดูมาก่อนแล้วค่อยมาลองอ่านก็ได้ครับ)


ปีนี้ดูจะเป็นปีแห่งการตีกันของHEROจากทุกค่ายจริงๆ....ไม่ว่าจะเป็นBvSที่เพิ่งจะผ่านไปและX-Men Apocalypse ที่กำลังใกล้เข้ามา

แต่ ณ วินาทีนี้ ทั่วทั้งโลกต้องจับจ้องที่สังเวียนการตีกันของSuperHeroครั้งล่าสุด. และใหญ่ที่สุดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

ผมกำลังพูดถึงหนังMCUเรื่องล่าสุด Captain America:Civil War ภาคต่อภาคที่3ของกัปตันอเมริกา.....ที่ภาคนี้เขาไม่ได้กลับมาเดี่ยวๆ

เรื่องย่อ: Civil war เป็นเรื่องราวว่าด้วยความขัดแย้งที่ทำอเวนเจอร์แตกแยกระส่ำระสาย(อีกครั้ง) จากเหตุการณ์ภัยพิบัติที่พวกเขาสร้างไว้จากการปกป้องโลก โดยไม่มีการควบคุม ทั้งความเสียหายจาก นิวยอร์ก วอชิงตัน และความเสียดายครั้งใหญ่ที่สุดที่โซโคเวีย ทำให้ทั่วโลกเกิดความวิตกกังวลเป็นอย่างมาก....มิใช่กังวลในการควบคุมผู้ร้ายของพวกเขา แต่กังวลในอเวนเจอร์เอง ว่าที่แท้จริงแล้ว พวกเขาเองหรือเปล่า ที่อาจเป็นอันตรายต่อโลกใบนี้

ด้วยเหตุนี้ ทั้งโลกจึงยื่น"ข้อตกลงโซโคเวีย"ให้แก่อเวนเจอร์ เพื่อที่จะได้ควบคุมปฏิบัติการต่างๆของทีมได้

แน่นอนว่าต้องมีทั้งผู้เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับข้อตกลงดังกล่าว ด้วยเหตุผลที่ต่างคนต่างมี เกิดเป็น2ฝั่งที่ขัดแย้งกันขึ้น ฝั่งหนึ่งที่เห็นด้วยกับข้อตกลง นำโดย Ironman และอีกฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับข้อตกลง ที่นำโดย Captain America

Civil War จึงเป็นศึกของอเวนเจอร์ที่ศตรูคือตัวอเวนเจอร์เอง...

เอาตรงๆ แค่ จขกท.รู้ว่าสตีฟกับโทนี่จะมาตีกันก็อยากดูแล้ว...ผมจึงไม่รอช้าที่จะตีตั๋วไปดูตั้งแต่วันแรกเลย

จริงๆที่ดูวันแรก มีอีกเหตุผล คือผมไม่อยากจะโดนสปอยล์มาก่อน

แต่พอดูเสร็จแล้วมาย้อนดูตัวอย่างทุกฉบับที่ออกมา ก็จะพบว่ารู้เรื่องราวไปแล้ว50% แถมเป็น50%หลักซะด้วย

น่าแปลกที่ถึงตัวอย่างมันจะสปอยล์ตัวเองไปมากขนาดนี้ ความสนุกของมันก็ไม่ลดลงเลยแม้แต่นิดเดียว
เรายังรู้สึกใจเต็นตึกๆ สั่นระรัว และประทับใจในฉากหลายๆฉาก. ถึงแม้จะเห็นมันมาแล้วแว๊บๆในตัวอย่างก็ตาม
ผมบอกเลย ความรู้สึกพีคในตัวอย่างนั่นมันเป็นแค่ระดับเบบี๋

ก่อนอื่นเรามาพูดถึงบทหนังครับ....ผมยกให้มันเป็นบทที่ดีมากๆบทหนึ่งของMCUเลยนะ ด้วยความที่ ในสายตาของผม มันค่อนข้างเป็นบทที่มีประเด็นจับต้องได้ สามารถผสานความโอเว่อร์ของฮีโร่และสิ่งที่มีอยู่จริงเข้าอย่างสมเหตุสมผล และสร้างตัวละครออกมาได้ลึกขึ้น...ทั้งๆที่แต่ละตัวไม่ได้มีคาแรคเตอร์ที่เปลี่ยนไปเลย

ตัวอย่างที่ชัดเจนเลยคือไอร่อนแมน...มันยังคงเป็นโทนี่ สตาร์ค คนเดิมกับกับที่เรารู้จัก...เป็นคนที่ขวางโลกด้วยตรรกะเดิมๆ แบบที่มันเคยทำ แต่สิ่งที่มีมากขึ้นคือเรื่องราวเชิงลึกของบาดแผลในใจโทนี่. ที่ภาคนี้เราจะได้เห็นและเข้าใจตัวละครนี้มากขึ้นไปอีก

ตัวละครอีกตัวที่ค่อนข้างจะมีมิติอย่างไม่น่าเชื่อเลยก็คือ วันด้า...หรือสการ์เลต วิทซ์ อเวนเจอร์ป้ายแดงคนล่าสุด ที่รู้สึกผิดกับการกระทำบางอย่างของตน จริงๆบทของนางก็ไม่ได้มีอะไรมากนะ แต่มันทำให้เราเห็นถึงชีวิตจิตใจของนางได้และรู้สึกสงสารนางจริงๆ

อีกคนที่ผมจะไม่กล่าวถึงไม่ได้คือ ทิ'ชาล่า หรือ black panther ....กษัตริย์แห่งวาคันด้าที่มาปรากฎตัวที่นี่เป็นครั้งแรก...ซึ่งหากเราเรียงลำดับในใจแล้ว เขาคือตัวละครที่น่าสงสารที่สุดในเรื่องด้วยความรู้สึกของผู้เคราะห์ร้าย. อันถูกย้ำแล้วย้ำอีกด้วยชะตากรรมของตัวเขาเอง วาคันด้า และคนรอบข้างในตัวเขา

ความชอบในตัวละครยังไม่หมด
เพราะดันมีอีกตัวที่ผมชอบมากๆทั้งที่ไม่คิดว่าจะชอบ. นั่นคือบัคกี้ หรือ winter soldier ที่ภาคนี้เขาเป็นตัวละครดูมีเลือดมีเนื้อ มีจิตใจและความเป็นคนมากกว่าในCap2 รวมถึงยังมีเรื่องราวมากขึ้นกว่าเดิม แถมสำคัญจนกลายเป็นแกนหลักของเรื่องไปเลย(อาจจะไม่ชอบตรงมันพลิกบุคลิกได้งงนิดหน่อยก็เท่านั้น)

ที่ผมไม่คิดว่าจะชอบตัวละครนี้ก็เพราะว่าใน Cap2 มันเป็นตัวละครที่ผมไม่ชอบที่สุด ทั้งๆที่มันเป็นตัวหลัก

ถือว่าทีมบทสามารถแก้ตัวได้อย่างยอดเยี่ยม...เพราะนอกจากผมจะชอบตัวละครนี้มากขึ้น มันยังเป็นหนึ่งในตัวละครที่มีการออกแบบได้อย่างพิเศษที่สุด ฝั่งหนึ่งมันมีความเย็นชาแบบวินเทอร์ แต่ก็ยังมีความมีเลือดมีเนื้อเป็นบัคกี้อยู่....ซึ่งในcap2นั้นตัวละครอยู่ในอารมณ์ที่ทื่อกว่านี้ ไม่ได้เห็นบุคลิกทั้ง2แยกกันชัดเจน...บัคกี้จากcivil war จึงเป็นบัคกี้ที่ดีที่สุด

อวยมาหลายคน คงไม่คิดว่าเราจะลืมเจ้าของเรื่องหรอกนะครับ captain America ของเรานั่นเอง
ภาคนี้ก็ไม่ค่อยต่างจากเดิมเท่าไหร่หรอก พี่แกมีบุคลิกคาแรคเตอร์ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษสูงเป็นซิกเนเจอร์

สิ่งที่แปลกใหม่คือ ในภาคก่อนๆเราได้เห็นแค่บุคลิกของCapเท่านั้น บางครั้งเราพูดได้ว่ามันเป็นตัวละครเอกที่ดูมีมิติเดียว เถรตรงและทื่อที่สุดในบรรดาตัวนำ แต่civil war นำเราไปพบกับปูมหลังของเหตุและผลในพฤติกรรมของCap ที่จะทำให้เราเข้าใจตัวละครที่ดูจะทื่อๆตัวนี้ให้มากขึ้น. ว่าอะไรที่ทำให้จิตใจเขาแตกต่างจากคนธรรมดา ทำให้เขาเชื่อมั่นในบางสิ่ง และมีความทนงในสิ่งที่ตนเชื่อ(ส่วนนี้ผมมีfeel in มาก เพราะเหตุผลที่สตีฟเลือกข้างนั้นเป็นเพราะสิ่งที่สำคัญกับเขามากพอสมควร)

ถึงอย่างไร cap ก็ยังคงเป็น cap อยู่....ผมชอบที่พวกเขายังไม่ทิ้งจุดที่ว่าCivil war เป็นหนังของกัปตัน มันมีความต่อเนื่องจากทั้งภาค1 และภาค2 แม้เส้นเวลาจะผ่านไปนานมากๆก็ตาม มันยังคงย้อนกลับมามีผลกับภาคที่3ได้อย่างน่าพอใจ

ตัวละครตัวอื่นๆ ถึงแม้จะไม่ได้เด่นขนาดต้องเล่าเป็นคนๆในส่วนของบท. แต่ทั้งหมดไม่ได้แย่เลย

การเฉลี่ยบทไปสู่ทุกตัวละครใน civil war นั้น ไม่ได้ทำด้วยวิธีการเดียวกับอเวนเจอร์...แต่มันมีสูตรที่แตกต่างออกไป หลักๆคือการยกเรื่องราวcapมาเป็นแกนเรื่องแล้วเสริมตัวละครอื่นๆเข้าไป
มันมีตัวละครหลักที่มีมิติลึกมากจำนวนหนึ่ง และตัวละครที่เป็นตัวประกอบสมทบจำนวนมาก เพื่อให้มันเป็นสงครามระหว่างฮีโร่
แน่นอนว่ามันไม่สามารถแบ่งให้ทุกตัวละครมีปริมาณบทเท่าๆกัน แต่ทีมบทมีวิธีที่ทำให้เราจดจำตัวละครได้ทุกตัว

ไม่ว่าจะเป็น. ฟัลคอน(เป็นทั้งสายฮาและตัวดราม่าหลักที่ดี) บาร์ตัน(ภาคนี้มาเบาๆเป็นสายฮา) แนท(ชอบวีรกรรมของแนทที่สนามบินมาก) วิชั่น(มีผลต่อความรู้สึกอย่างแรงกล้า) war machine (สะเทือนใจในชะตากรรม) ที่ถึงมันจะไม่ได้มีคาแรคเตอร์ละเอียดแบบตัวละครหลัก แต่ทุกตัวถือว่าสมทบได้ยอดเยี่ยม...สามารถสร้างอารมณ์ความรู้สึกร่วมในการเข้าข้างและต่อต้านตัวละครนั้นเป็นอย่างดี

ตัวประกอบในระดับนี้ที่ทรงพลังที่สุดนั้นไม่ใช่ใคร นอกจากตัวร้ายของเรื่อง(ที่ผมไม่คิดว่าจะมีด้วยซ้ำ...)อย่างซีโม่
ซึ่งผมแปลกใจมากๆที่ มันไม่ได้เหมือนในcomic เลยแม้แต่น้อย ในด้านของรูปลักษณ์และความสามารถ
ซีโม่อาจจะเป็นตัวละครที่ไม่สามารถลบล้างคำสาปตัวร้ายกากของMCUได้. แต่มันคือตัวร้ายที่เอาพลังที่มีมาใช้ได้ทรงพลังที่สุด
ส่วนตัวผมว่าซีโม่เป็นตัวร้ายที่ให้ความรู้สึกเหมือนผี...มันไม่ได้ปรากฎตัวมาชัดเจน แทบไม่ปรากฎตัวให้เราเห็นเลยด้วยซ้ำจากทุกๆตัวอย่าง

ถึงอย่างนั้นซีโม่ก็เป็นตัวละครสมทบ ที่มีผลต่อเนื้อเรื่องมากเลยทีเดียว
สิ่งที่ผมชอบในตัวซีโม่คือถึงเราจะรู้ว่าเขาคือตัวร้าย แต่เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเรากลับเห็นใจในตัวละครตัวนี้ แทนที่จะจงเกลียดจงชังมัน เพราะเหตุผลของมันนั้นหนักแน่นและน่าสงสาร
โดยรวมคงกล่าวไม่ผิดว่านี่คือตัวร้ายที่ลุ่มลึกและลึกลับที่สุดในจักรวาลมาร์เวล

หนังยังเสริมทัพด้วยกลุ่มตัวละครขโมยซีน. ที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา
นอกจากตัวละครเหล่านี้จะเด่นมากทั้งๆที่ได้โลดแล่นในจอเพียงไม่กี่นาทีแล้ว หนังยังทำได้ดีในการใส่ตัวละครสายฮาที่ไม่ค่อยจะมีมิติให้เข้าไปสร้างสีสันได้อย่างลงตัว...ทั้งSpidy ที่เป็นเด็กเกรียนแตกมาก และAnt Man ที่ภาคนี้มาก็เอาฮาล้วนๆ. อีกอันที่ต้องมาทุกภาคคือ Cameoของสแตน ลี ภาคนี้มาแบบขโมยซีนดี ถึงมุขที่เล่นจะไม่ค่อยฮาเท่าไหร่
โดยรวมทุกตัวละครถูกออกแบบมาได้ok และมีผลต่อความรู้สึกเราทุกตัวเลย

Toneและการเล่าเรื่อง: Civil war เป็นหนังที่คงเอกลักษณ์ของMCUไว้ อารมณ์และการดำเนินของมันยังลื่นไหลจนเราไม่รู้สึกสะดุดอะไรมาก รู้ตัวอีกที โทนของหนังจากที่มืดๆก็มาสว่างซะแล้ว

แม้บทหนังจะมีประเด็นที่ค่อนข้างจริงจังตามฉบับของสองพี่น้องRusso เกี่ยวกับจุดเริ่มต้นความขัดแย้งของกัปตันและไอร่อนแมน ที่สาเหตุนั้นเป็นปริศนา...แต่นำไปสู่การที่อเวนเจอร์แบ่งแยกกันออกเป็น2ฝั่ง
ถึงจะเป็นเช่นนั้น เราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าตัวละครจะอยู่ฝั่งนั้นไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า
เพราะตัวละครแต่ละตัวต่างมีเหตุผลและการตัดสินใจที่ไม่เหมือนกัน ไปตามความต้องการของตัวเอง มีโอกาสจะบลัฟทีมตัวเองได้ตลอดเวลา

น่าแปลกที่ผมไม่ชอบจุดเริ่มต้นของความขัดแย้งนี่มากที่สุดในเนื้อเรื่อง ไม่รู้สิ ผมรับรู้เหตุผลที่หนังมันให้ แต่มองยังไงก็ไม่รู้สึกว่ามันเพียงพอ โดยเฉพาะเหตุผลของโทนี่ ที่ค่อนข้างจะเบาโหวงผิดปกติ ยิ่งกับตัวละครโทนี่ซึ่งฉลาดสุดในอเวนเจอร์แล้ว มันยิ่งไม่ใช่

ในศึกนี้คนดูส่วนมากจะเลือกทีมไว้ก่อนว่าตนจะเข้าข้างใครก่อนจะเข้าไปดู
ผมจึงอยากจะลองเข้าไปดูด้วยวิธีที่แตกต่าง คือการวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าข้างฝ่ายใด

หลังจากดู ผมได้ข้อพิสูจน์ว่านี่เป็นหนังของกัปตันอเมริกาอย่างแท้จริง
ไม่ใช่เพราะเขามีเหตุผลที่น่าเชื่อถือ หรือว่าเป็นตัวเอก แต่ทุกเรื่องราวและองค์ประกอบส่งพลังมาที่ตัวละครนี้ จนตัวอื่นๆที่มีเป็นโหล ไม่ได้บดบังเจ้าของหนังเลย ยิ่งจะไปเสริมความเด่นให้พ่อหนุ่มสตีฟด้วยซ้ำ บทมันส่งตัวcapขนาดที่ว่าถ้าใจอ่อนๆนี่อาจจะเชียร์แคปไปเลย
อย่างผมเองที่ว่าจะเป็นกลางก็ดันเผลอไปเข้าข้างกัปตันตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้

การดำเนินเรื่อง คือสิ่งที่ควรจะออกปากชมในภาพรวม ถึงแม้ผมจะไม่ชอบ20นาทีแรกของหนังที่ธรรมดาและไม่มีอะไรน่าสนใจก็ตาม

มันเหมือนเรื่องถูกเล่าด้วยสปีดเดียวกับความตึงเครียดในหนัง ขณะที่เริ่มต้นและผ่อนคลาย เหตุการณ์จะดำเนินไปอย่างเชื่องช้า และเร็วขึ้นทุกครั้งที่ใกล้จุดพีคของหนังเรื่องนี้
แต่พอถึงจุดพีค หนังไม่ได้เร่งทะลุจีดจนเร็วเกินไป มันกลับลดความเร็วในการเล่าเรื่องลงมาให้เราสามารถรับพลังทางการแสดงจากฉากนั้นได้อย่างเต็มที่...รับรู้ถึงความทรงพลังในองก์3

ความรู้สึกตัวเอง: เรื่องนี้ทำให้ผมเกลียดตัวละครโทนี่มากๆ มันเป็นตัวละครที่มีการกระทำฉลาด แต่บางอย่างมันก็งี่เง่าเกินไป...แต่นั่นไม่สำคัญเท่าการกระทำของโทนี่ที่เลือดร้อนอย่างกับสมชาย เข็มกลัด จนบางครั้งเราไม่รู้สึกเห็นใจอะไรมันเลย...นอกจากจะเลือดร้อน โทนี่ในCivil war มันมีEgoที่สูงมากๆ เป็นเผด็จการและโคตรเอาแต่ใจ...แบบบลัฟทุกอย่างที่คิดต่างจากมัน จนผมรู้สึกเกลียดไอร่อนแมนกว่าตัวร้ายเสียอีก

เช่นเดียวกันกับตัวละครวิชั่น
ในทีมนี้ ที่น่าหมั่นไส้ในความขวางโลกและเหตุผลของมันที่เราไม่อาจขัดได้ ทั้งที่ในใจจะอยากขัดมันแค่ไหนก็ตาม เหมือนวิชั่นกำลังขวางโลกด้วยการไม่เชื่อในความคิดที่ว่า4เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลัง มันยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่คำณวนได้โดยไม่คิดว่ามันจะผิดพลาด อาจจะเป็นผลจากอดีตที่มันเป็นจาวิสมาก่อน[คimg]http://f.ptcdn.i
ชื่อสินค้า:   Captain America Civil War
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่