ว่าด้วยการเที่ยวยุโรปเองด้วยรถไฟ (Eurail Pass) และอื่นๆที่ควรรู้ (ทริป Austria Swiss Germany 11 วัน)

สวัสดีค่ะ เนื่องจากมีผู้สนใจเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองมาก ส่วนตัวก็เที่ยวมาหลายครั้งแล้ว และชอบมากๆ เลยจะมาแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเดินทาง เช่นเรื่องรถไฟ เรื่องที่เที่ยวต่างๆ และอื่นๆ  เผื่อจะเป็นประโยชน์ค่ะ



          ขอเท้าความนิดนึงก่อนนะคะ ปกติไปเที่ยวยุโรปจะไปทีละประเทศ และใช้รถไฟอย่างเดียว ไม่เช่ารถ (เพราะไม่อยากปวดหัวเรื่องที่จอด ค่าจอด กฎจราจร ขับเมื่อย ฯลฯ) ทั้งนี้ ในการเดินทางเดิมทีจะใช้วิธีจองรถไฟแบบ point-to-point แต่จองล่วงหน้ามาจากเมืองไทย โดยแต่ละประเทศจะมีเว็บไซต์หลักในการจองตั๋ว เช่นที่สเปนก็จะเป็น Renfe ตามที่เคยเล่าไปแล้วไปปีที่แล้วนะคะ (http://ppantip.com/topic/33865440)  แต่คราวนี้เนื่องจากวางแผนไปสามประเทศ คือออสเตรีย สวิส เยอรมัน การจะไปจองตั๋วในเว็บไซต์นั้น จะให้ถูกและดีต้องจองจากหลายแหล่ง ทำให้เพิ่มงานโดยใช่เหตุ ก็เลยหาทางออกด้วยการหาตั๋วที่ใช้ได้กับทั้งสามประเทศ ศึกษาไปมาก็สนใจ Eurail Pass ซึ่งเป็นตั๋วที่มีคุณสมบัติที่ดีก็คือ

-   ใช้เดินทางรถไฟระหว่างเมืองเที่ยวไหนก็ได้ในยุโรปเกือบทุกประเทศ ไม่จำกัดจำนวนเที่ยวต่อวัน (แต่มีบางเที่ยวอาจต้องจองที่ล่วงหน้า เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังค่ะ) ดังนั้นจึงมีความยืดหยุ่นสูงกว่าแบบ point-to-point ที่บังคับเวลา ราคาจะแปรผันตามจำนวนประเทศที่เลือกและจำนวนวันที่ใช้ โดยของเราเลือกแบบ 3 ประเทศ 8 วันได้แถม 1 วันเป็น 9 วัน ซึ่งจริงๆเราเที่ยว 11 วัน แต่วันที่เราไม่ได้ขึ้นรถไฟออกนอกเมืองเราก็ไม่นับ จะได้ไม่แพงมาก
-   ใช้ขึ้นเรือและรถเมล์ที่ร่วมรายการได้ด้วย เช่นการล่องเรือในทะเลสาบ
-   ใช้ง่ายมาก คือซื้อทีเดียวจบ ไม่ว่าขึ้นรถไฟกี่เที่ยว ก็เอาตั๋วให้เจ้าหน้าที่ดูบนรถไฟ ไม่ต้องพกตั๋วหลายใบ เพียงแต่เรามีหน้าที่ต้องรู้ว่ารถที่จะไปเมืองที่ต้องการออกกี่โมงและชานชาลาไหนเท่านั้น ซึ่งสามารถเช็คใน app ได้ตลอดเวลา หรือจะถามที่สถานีก็ได้
-   ได้นั่ง First Class ตลอด ซึ่งสะดวกสบายกว่า Second Class และ Economy Class ก็คือจะที่นั่งใหญ่กว่า บางขบวนจะมี Free Wifi ให้ มีขนมแจก มีอาหารเสิร์ฟ และแน่นอนคือมีช่องเสียบที่ชาร์ตไฟ

          มาถึงตอนนี้ อาจจะมีคำถามว่า มันมีข้อเสียบ้างไหม ข้อเสียที่คนมักพูดถึงหลักๆก็คือราคา คนส่วนใหญ่มักคิดว่า Eurail Pass มันเปลือง มันแพง ในส่วนนี้ ขอบอกว่าอาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้ ขึ้นอยู่กับแผนการเที่ยวและเส้นทาง (Route เราคือ Vienna->Salzburg->Munich->Fussen->Innsbruck->Zurich->Interlaken->Heidelburg->Frankfurt->Cologne)  ส่วนตัวเราใช้วิธีเปรียบเทียบกับค่าจองแบบ point-to-point ว่ารวมเป็นเท่าไหร่ ปรากฏว่าถูกกว่า Eurail แค่พันกว่าบาท ซึ่งคุ้มมากที่จะจ่ายเพิ่มให้ Eurail สำหรับค่าความยืดหยุ่นในการเที่ยวและการได้นั่งสบาย อันนี้ไม่ใช่เพราะฟุ่มเฟือย แต่คำนวณมาอย่างดีแล้ว คือจากประสบการณ์เคยจอง point-to-point แต่พอเที่ยวจริงๆแล้วมีบางครั้งต้องทิ้งตั๋วด้วยความที่เที่ยวไม่ทันรถไฟขากลับ พอมาถึงสถานีแล้วก็ต้องซื้อตั๋วใหม่เพราะตั๋วที่ซื้อมาใช้ไม่ได้แล้ว เกิดเหตุแบบนี้เพียงครั้งเดียวก็อาจเกินพันกว่าบาทแล้ว คราวนี้ก็อาจจะมีคนคิดว่าก็กะเวลาเที่ยวให้มันทันตามที่จองไว้สิ จะขอตอบว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะเราจองล่วงหน้าไปจากเมืองไทยเพื่อให้ได้ราคาประหยัด ซึ่งเราต้องมโนเอาว่าแต่ละเมืองที่ไปเที่ยวนั้นมีที่เที่ยวเยอะแค่ไหน จะจองเที่ยวกลับกี่โมงดี พอเอาเข้าจริงๆบางทีนึกว่าเร็วกลับเที่ยวช้า บางทีนึกว่าจะเที่ยวช้ากลับเสร็จเร็ว ทำให้ต้องมานั่งรอรถไฟที่สถานีเป็นนานสองนาน ซึ่งปัญหาพวกนี้ไม่มีแน่ๆถ้าใช้ Eurail เพราะไปเที่ยวไหนกลับเที่ยวไหนก็ได้ ตกรถไฟหรือนั่งเลยป้ายนั่งผิดขบวนก็ขึ้นเที่ยวต่อไป ไม่ต้องซื้อใหม่ ยิ่งเดินทางเยอะก็ยิ่งคุ้ม ตามประสาการเหมาจ่าย

        อย่างไรก็ตาม มีข้อควรระวังเกี่ยวกับตั๋ว Eurail Pass นี้คือเรื่องของการจองที่นั่งล่วงหน้า หรือที่เรียกว่าการ Reserve Seat เนื่องจากเราหัดใช้เป็นทริปแรก เราเลยไปซื้อ Eurail Pass ที่เอเจนซี่แห่งหนึ่งแถวถนนวิทยุ ซึ่งเป็นเอเจนซี่ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายโดยตรง จริงๆแล้วจะซื้อผ่าน Web Site ของ Eurail ก็ได้ (http://www.eurail.com/eurail-passes) แต่เพราะเราใช้ครั้งแรกเลยจะไปรับคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่ก่อน และจะได้สอบถามเรื่องการ Reserve seat ด้วย ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่บอกว่าที่เราจะเที่ยว 11 เมืองนั้น มี 5 เที่ยวที่ต้องจองที่นั่ง โดยค่าจองจะอยู่ที่ประมาณ 4-9 Euro ต่อเที่ยวต่อคน และค่าธรรมเนียมอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นเราก็เชื่อเต็มที่ให้เค้าจองไป เพราะโดนขู่ว่าไม่จองเค้าอาจจะไม่ให้ขึ้น เลยเสียตังเพิ่มจากค่าตั๋วไปพอสมควร… แต่ที่บอกว่าควรระวังก็คือ ***อย่าไปเชื่อเอเจนซี่ค่ะ*** มันมั่ว 555 เที่ยวที่คนแน่นไม่บอกให้จอง เที่ยวที่คนว่างบอกให้จองเฉยเลย เสียเงินฟรีอย่างแรงเลยค่ะ แอบแค้นใจตะหงิดๆว่ามาให้เราจองทำไม พอขึ้นรถไฟเราแค่เลือกที่นั่งที่ว่างใน First Class  (ที่ไม่มีชื่อติดอยู่) ก็นั่งได้สบายๆทุกเที่ยวเลย ส่วนใหญ่ First Class จะว่างมากอยู่แล้ว คนที่จองน่าจะเป็นพวกอยากได้ห้องส่วนตัว หรือไปหลายคนแล้วอยากได้เก้าอี้ที่หันหน้าเข้าหากันมากกว่า โดยจากการเดินทาง 11 วัน คนตรวจตั๋วไม่เคยขอดูใบจองแม้แต่ครั้งเดียว มี Eurail Pass ก็จบแล้ว และต่อให้ First Class เต็มจริงๆ ก็ไปนั่ง Second Class หรือ Economy Class ที่ว่างก็ได้อีกนั่นแหละ จะกลัวอะไร ดังนั้น ถ้าจะดูว่าจะจองเที่ยวไหนให้เช็คกับทาง Eurail และอย่าเชื่อข้อมูลเอเจนซี่เมืองไทยนะคะ

         ภาพด้านล่างคือหน้าตาของตั๋ว Eurail Pass นะคะ โดยก่อนใช้ในวันแรกต้องไปให้เจ้าหน้าที่ Stamp วันที่ก่อน (ที่สถานีรถไฟที่จะใช้ครั้งแรก) ตั๋วก็จะใช้งานได้ทันที ตราประทับจะอยู่ช่องสี่เหลี่ยมใหญ่ด้านขวานะคะ ในส่วนช่องเล็กๆที่มีตัวเลขลายมือนั้นคือวันที่ที่เราใช้ตั๋ว ต้องเขียนไว้ให้คนตรวจตั๋วดูวันต่อวันค่ะ



        ส่วนภาพต่อมาคือหน้าตาของ app ของ Eurail ที่เรียกว่า Rail Planner โดยใส่เมืองต้นทางและปลายทาง จะสามารถ search ตารางเวลารถไฟได้เลย ถ้าต้องต่อรถไฟก็จะมีแจ้งไว้เสร็จสรรพ โดยคลิกเข้าไปจะมีรายละเอียดให้อีก นอกจากนี้ยังมี app ของแต่ละประเทศสามารถโหลดได้เช่นกัน ฟรีทุก app ค่ะ ข้อมูลตารางเวลาจะเหมือนกันเพียงแต่อาจจะเพิ่มข้อมูลชานชาลา ฯลฯ ให้ด้วย


      
       สรุป ถ้าให้รีวิวตั๋วนี้ ก็ถือว่าชอบค่ะ ใช้ง่ายสะดวกมากจริงๆ แค่ห้ามทำหายเด็ดขาดนะคะ เพราะไม่สามารถออกตั๋วทดแทนได้ ส่วนตัวคิดว่าคราวหน้าจะใช้อีกถ้าไปมากกว่า 1 ประเทศ เพียงแต่จะจองที่นั่งล่วงหน้าเฉพาะเที่ยวที่คนเยอะๆจริงๆซึ่งจะเช็คกับทาง Eurail ไม่ใช่ทางเอเจนซี่ในเมืองไทยค่ะ

        ในส่วนต่อไป จะขอเพิ่มเติมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการเที่ยวเองในสามประเทศ (Austria Swiss Germany) นี้อีกหน่อยแล้วกันนะคะ โดยจะเสนอเป็นข้อมูลเชิงเปรียบเทียบค่ะ (เขียนจากประสบการณ์ในฐานะนักท่องเที่ยวนะคะ ท่านใดไม่เห็นด้วยไม่เป็นไรค่ะ)

-    ในส่วนของ Visa เราเลือกทำกับออสเตรียเพราะคิดว่าคิวน้อย แล้วก็ไม่ผิดหวังค่ะ ทำง่ายและรวดเร็วมากเพียงไม่ถึงสองอาทิตย์ก็ได้แล้ว
-    เรื่องคน และการสื่อสาร ในบรรดาสามประเทศนี้ที่ออสเตรียจะพูดภาษาอังกฤษมากที่สุด รองลงมาเป็นสวิส และเยอรมันตามลำดับ โดยส่วนตัวมองว่าคนออสเตรียน่ารักยิ้มแย้มและช่วยเหลือดีมากด้วยค่ะ
-    ที่เที่ยว สำหรับออสเตรีย เราไป Vienna Salzburg Hallstatt Innsbruck ชอบทุกเมืองนะแต่ Hallstatt จะชอบที่สุด แนะนำให้ขึ้น Cable Car ไปชมวิวและเที่ยวเหมืองบนเขานะคะ มันดีงามมาก (ดูรูปด้านล่างนะจ๊ะ) รองมาก็ Salzburg ซึ่งแนะนำเช่นกันให้ขึ้นไปบน Castle จะเห็นวิวเมืองและแม่น้ำสวยมาก
-    สำหรับ Swiss เราไป Zurich กับ Interlaken (ขึ้นจุงเฟรา) ที่ไปน้อยเพราะทริปก่อนหน้านี้เคยไป Luzern และขึ้นทิตลิสแล้ว โดยในฐานะที่เป็นประเทศที่เด่นภูเขาและทะเลสาบ มองว่าจุงเฟราคือที่สุดของความงามแล้ว เพียงแต่ต้องลุ้นให้อากาศเปิด ซึ่งเราถือว่าโชคดีมากค่ะที่แดดออกพอดีในวันนั้น (มีคนเขียนเกี่ยวกับจุงเฟราเยอะแล้วตรงนี้คงไม่ลงรายละเอียดนะคะ)
-    ส่วนเยอรมันนั้น อยากบอกว่าเค้ามีของดีอยู่เยอะทีเดียว แต่ดูเหมือนคนไทยไม่นิยมไปเที่ยวมากนัก ในทริปนี้เราไป Munich Fussen (ปราสาทนอยซ์ชวานสไตน์) Heidelburg Cologne Frankfurt โดยเมือง Munich แนะนำให้เข้า Munich Residenz ไปดูวังเก่าและสมบัติต่างๆ เลอค่ามากตระการตา ส่วน Heidelburg ปราสาทโบราณยิ่งใหญ่สวยมากจริงๆ ไม่ไปไม่ได้เช่นกัน โดย Cologne มีวิวแม่น้ำไรน์ที่สวยงามอยู่ติดกับวิหารซึ่งใหย๋และสวยงามมาก ใครอยากล่องเรือก็จัดไปนะคะ
-    การช็อปปิ้ง มองว่าใกล้เคียงกันทั้งสามประเทศ แต่สวิสของอาจจะแพงกว่าหน่อย (ยังไม่มีที่ไหนช๊อปมันส์เท่าสเปน) แต่ละเมืองจะ walking Street อันเต็มไปด้วยร้านค้า จากประสบการณ์นะ ถ้าเจอที่ชอบก็ซื้อไปค่ะ อย่าไปคิดว่ารอก่อน เพราะอาจจะไม่เจอแบบนั้นอีกแล้ว อีกอย่างที่ต้องโน้ตไว้คือในสวิสจะไม่ใช้ยูโรกันเท่าไหร่ค่ะ คือถ้าเราจะใช้จริงๆเค้าก็รับแต่ไม่มีตังทอนให้ก็จะทอนมาเป็นสวิสฟรังส์แบบเราขาดทุนเศษตัง (แป่ววว) ส่วนตัวเราใช้ Credit Card แทนค่ะ เพราะใช้กับสกุลไหนก็ได้ ร้านส่วนใหญ่จะรับ แต่ถ้าเค้าไม่รับบัตรจริงๆก็ยอมขาดทุนนิดหน่อย เพราะเราไม่ได้ไปหลายวัน แต่ถ้าใครไปสวิสหลายวันก็อาจจะต้องแลกสวิสฟรังส์ไปบ้างค่ะ
-    อาหาร ออสเตรียจะนิยมพาสต้ากับพิซซ่า ซึ่งร้านส่วนใหญ่ก็ทำอร่อยทีเดียว ส่วนเยอรมันก็ไส้กรอกกับขาหมู ส่วนตัวคิดว่าไส้กรอกอร่อยเลย แต่ขาหมูอร่อยหรือไม่ก็แล้วแต่ร้านค่ะ สิ่งที่ต้องจำในการสั่งอาหารก็คือขนาดจานจะใหญ่มาก สำหรับเรากับเพื่อนซึ่งเป็นคนกินเก่งพอสมควรยังต้องสั่งมาแชร์กันเป็นส่วนใหญ่ ถ้าสั่งสองรายการมักจะเหลือก็ต้องเอากลับไปกินที่โรงแรมเพราะเสียดาย
-    ขนม ขนมที่ยุโรปอร่อยมากตลอดๆ กินเกือบทุกวัน เลอค่าจริงๆ..  ถ้าใครจะซื้อช็อคโกแลตโมสาร์ทเป็นของฝาก แนะให้รอมาซื้อนอกเขตท่องเที่ยวหน่อยนะคะ ตาม Supermarket ก็มี ราคาจะถูกกว่า.. อ้อ! ถ้าไปเยอรมันให้ลองกิน Pretzels นะคะ อร่อยมาก (ดูรูปด้านล่างค่ะ)
-    งบประมาณ 11 วัน 86,000 บาทค่ะ (รวมทุกอย่างยกเว้นชอปปิ้ง) โดยจองตั๋วเครื่องบินและโรงแรมล่วงหน้าประมาณสามเดือน ส่วน Eurail ซื้อก่อนเดินทางประมาณสามอาทิตย์
-    โรงแรม ในยุโรปโดยทั่วไปมาตรฐานใกล้เคียงกัน ส่วนตัวเลือกที่ใกล้สถานีหลัก Main Station ของแต่ละเมือง เพราะเราเดินทางด้วยรถไฟ นอกจากนั้น จะดู Review เรื่องความปลอดภัยและความสะอาดเป็นหลัก ส่วน Breakfast ไม่แคร์เท่าไหร่ โรงแรมไหนไม่แถมให้เราก็ซื้อของที่ Supermarket มาเตรียมไว้ค่ะ
-    สายการบิน เราบิน Etihad กับ Emirates มาก่อน แต่คราวนี้ได้ลองบิน Srilankan Airlines ปรากฏว่าเครื่องบินดี ใหม่และทันสมัย อาหารอร่อย มาตรฐานเดียวกันหรือดีกว่าสองสายการบินนั้น ราคาถูกกว่าด้วย แต่มีคนไทยบินด้วยน้อยมาก คงมองว่าแบรนด์ไม่เป็นที่รู้จัก ข้อเสียอย่างเดียวคือสนามบินที่โคลัมโบจะเล็กๆเชยๆหน่อย ไม่ค่อยมีอะไรเลย แต่มีชาซีลอนให้ช็อป ซึ่งชาที่ซื้อมาชอบมากค่ะ ก็ถือเป็นเอกลักษณ์นึงของเค้า เอาไปเป็นของฝากได้ด้วย ในเรื่องสายการบินนี้แล้วแต่คนชอบและงบประมาณค่ะ ให้เป็นข้อมูลไว้นะคะ

.....โอเคค่ะ กระทู้ยาวมากแล้ว คาดว่าข้อมูลที่ให้ไปคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะคะ เดี๋ยวจะลงภาพที่เที่ยวและของกินใน Comment ด้านล่างนะคะ ขอให้ทุกคนโชคดีค่ะ



แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่