หลังจากทริปหลงสุดๆที่ขุนสมุทรจีน และทริปขุนด่านใจเกินร้อยผ่านไป ด้วยภาระหน้าที่ของหลายๆคน เลยทำให้ชาวเราห่างหายจากการออกทริปไปนาน ครั้งนี้มาให้แล้วกับ ทริปขำขำ “รู้เท่าถึงกาญจน์” กันค่ะ
ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนอบอ้าวขนาดนี้ เวลาอยู่บนรถแล้วเห็นนักปั่นที่ปั่นจักรยานท่ามกลางอุณหภูมิ 40 กว่าองศา คุณเคยคิดว่าเขาบ้าไหม เชื่อว่านักปั่นอย่างเราๆก็คิดเช่นกัน แต่พออยู่บนหลังอานแล้ว ทำไมมันปั่นไปได้ มันเป็นเรื่องที่นักปั่นหลายคนได้แต่พูดกันขำขำ แต่มันคือเรื่องจริง
ว่ากันด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ชือนี้มีแต่ของอร่อย เอ้ย ไม่ใช่แล้ว รู้ๆกันอยู่ว่าจังหวัดนี้ หนาวก็หนาวจัด ร้อน ก็ ร้อนมาก ระยะทางไปกลับ สำหรับนักปั่นแล้วก็ สองร้อยกว่าโล ธรรมดามากนะ ถ้าไม่ใช่สภาพอากาศแบบนี้!!! และแม้ว่าเส้นทางที่ไหนจะคุ้นๆ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า ร้านค้าต่างๆที่เคยจอดนั้น จะยังเปิดปิจการอยู่หรือเปล่า การตุนอาหารและน้ำที่เหมาะสมจึงจำเป็นมากสำหรับการปั่นท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนแรงอย่างนี้
เอาละ เวลามีจำกัด นัดแนะเวลากันได้ สรุปมีคนไปได้สองคน เอาสิ เวลาไม่รอใคร เริ่มวางแผนเส้นทาง กรุงเทพ – ถนนตัดใหม่แยกไฟฉาย – ศาลายา – ท่านา – นครปฐม – ราชบุรี – กาญจนบุรี เส้นทางขาไป ราวๆ 150 กิโล สำหรับทัวร์ริ่งขาอ่อน ถือว่าพอไหว จะว่าไปก็เริ่มการเดินทาง เส้นทางการปั่นเส้นนี้ เราเลือกที่จะตามรอยเส้นทาง test run ของ Audex Thailand ที่ปีที่แล้วบ้าระห่ำ เพราะคิดว่าเส้นทางนักปั่นมือใหม่ต้องไป Audex พอไปแล้วเลยรู้ว่ามันไม่ใช่แนว แถมเส้นทางที่ไปนั้นสวยมากๆ แต่เรากลับไม่ได้ เที่ยวระหว่างทางเลย ครั้งนี้เลยจะลองไปตามเส้นทางดังกล่าวเลย
05.30 นัดแนะเจอพี่ที่สามเสนปั่นไปข้ามเรือข้ามฟาก ท่าพระจันทร์ มุ่งสู่ ท่าศิริราช
แล้วปั่นยิงตรงไปแยกไฟฉาย เส้นนี้ถนนยังไม่เปิดใช้ทำให้ชาวจักรยานที่ต้องการยิงตรงไปย่านพุทธมณฑลสาย 2 จึงง่ายนิดเดียว แต่เมื่อถนนเปิด 100 % น่าจะห้ามปั่นแน่ๆ เพราะถนนใหญ่รถวิ่งเร็ว (ความจริงมีเลนจักรยานแต่ไม่มีสะพานสำหรับชาวจักรยานแห๊ะ ทางยกระดับคู่กับถนนใหญ่แบบที่บางขุนเทียน)
07.00 น. ณ ศาลายา เส้นทางจากกรุงเทพ ไป ศาลายา เส้นนี้พอเข้าเส้นถนนอุทยาน ว่าจะไม่หลงแล้ว ก็หลงกันจนได้ แทนที่จะเลี้ยวขวาตัดเข้าถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ดันปั่นไปทะลุเกือบพุทธมณฑลสาย 4 การปั่นกลับมาทาง ศาลายาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้กลับไปในทางที่คุ้นชิน แวะเติมพลังที่ ศาลายา ของกินยามเช้า อร่อยมว๊าก
07.30 น. ออกจากศาลายา ปั่นยิงยาวผ่านมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อมุ่งหน้าสู่ตลาดท่านา นครชัยศรี เส้นทางนี้แม้ว่าถนนจะกว้าง แต่การปั่นเรียกได้ว่า ปั่นสบายๆ เลย เพราะว่าไหล่ทางเอื้อต่อการปั่นจักรยานมาก มีเพื่อนร่วมทางที่ปั่นซ้อมบนถนนเส้นนี้เช่นกัน ระหว่างทางได้เวลาของนักปั่นสายกาแฟ ตามล่าหา โอเอซิส สำหรับชาวจักรยาน สายตาเหลือบพลันมองไปเห็นร้านกาแฟ จึงแวะเติมพลังกันที่ร้าน ease@caffe ถือได้ว่าระหว่างทางปั่นจากศาลายา ไปท่านา แนะนำร้านนี้นะคะ ส่วนบรรยากาศ ขอเอาจากการ รีวิว ใน web มาให้ดูละกันค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.wongnai.com/restaurants/220383Rf-ease-caffe/reviews
นี่เป็นภาพที่ถ่ายมา อยากบอกว่าการปั่นระยะทางไกล กระบอกน้ำดีดี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเดินทางจริงๆค่ะ
จากนครชัยศรีสู่ นครปฐม การปั่นตามรอย Audex ครั้งนี้บางเส้นทางเรียกได้เลยว่า เป็นภาพตัด บางทางจำได้ บางทางจำไม่ได้ จุดที่ทำให้เราจำได้คือ ร้านค้าข้างทาง เพื่อยืนยันว่าเรามาถูกทางแล้ว เทียบว่าเวลา 9.00 – 11.00 น. ยังรับกับสภาพอากาศแบบนี้ได้ หลังจากนั้นใกล้เที่ยงก็ควรเติมพลัง ทำได้แค่แวะร้านค้าข้างทาง สั่งอาหารสิรออะไร จัดก๋วยเตี๋ยว และ ผัดซีอิ้ว ผัก
ไปเบาๆระหว่างกินไป
คนที่แวะทานอาหารที่ร้านก็ได้แต่ถามว่า ปั่นไปไหนกัน พอบอกกาญจนบุรี เท่านั้น มีแต่คนถามว่า ไม่ร้อนหรอ อยากเอาป้ายติดจักรยานค่ะ ร้อนมาก ร้อนแบบวัวตายความล้ม แต่พวกเราหลังอานไม่ล้มนะครัช
หลังจากนั้น ก็ปั่นตัดเข้าทางเลียบคลองชลประทาน ลัดเลาะยิงยาว เข้าเมืองราชบุรี ถนนเส้นนี้ดีตรงที่เราจะไม่ค่อยเจอรถใหญ่เท่าไรนัก ถึงแม้ว่าจะเจอก็สามารถหลบได้ ตลอดทาง ที่ปั่น จะมีร้านค้าข้างทาง ถามมาตลอดทางว่า “ไม่ร้อนหรือ” คำตอบในใจตะโกนออกไปดังดัง “ร้อนมว๊าก”
ปั่นไปสักพัก เข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว สภาพร่างกายเริ่มไม่ไหว เจอร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง และใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มมาก แต่ไม่คิดว่าจะได้รับน้ำใจ จากพี่สาวร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เชื่อไหมว่า เสน่ห์ของการเดินทางแบบ ทัวร์ริ่งก็คือ “ระหว่างทาง” ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ข้างร้านพี่เขามีร่มไม้ที่ใหญ่มาก เราจอดจักรยานแล้วถามว่ามีน้ำเปล่าขายไหมคะ พี่เขาบอกว่ามี จากนั้นเลยมานั่งพักที่โต๊ะใต้ร่มไม้ ปรากฏพี่เขาบอกว่า น้ำเปล่าฟรี ไปตักเอาเลย นั่งพักก่อนเจ๊ มันร้อน (สะดุ้งตรงพี่เขาเรียกเราเจ๊ ลูกชายพี่อายุเท่าหนูเลยนะ) เราเลยสั่งน้ำอัดลมดับกระหายมาหนึ่งขวด จากนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนา พี่เขาถามว่าปั่นมาจากไหน พอบอกกรุงเทพพี่เขาก็ตกใจ ร้อนนะ ปั่นมากันได้อย่างไง ลูกชายฉันก็ปั่น แลกเปลี่ยนให้ความรู้เรื่องจักรยานกันไป พี่เขาของดูหมวก จับจักรยาน ถามเรื่องชุดปั่นสารพัดจะคุย คุยกันสักพัก เติมน้ำ พี่แกก็เอาน้ำแข็งมาใส่กระบอกน้ำให้ พร้อมน้ำเปล่า 1 ขวด แถมบอกว่า น้ำเปล่าไม่ขายนะขวดนี้ให้ คนต่างจังหวัดจริงใจ ให้คือให้ไม่คิดอะไร เอาน้ำติดไป เผื่อหิว พี่รู้ไหมคะ น้ำขวดหนึ่งขอพี่เนี่ยะ คือ น้ำใจมหาศาลเลยย นะคะ ก่อนออกจากร้านขอถ่ายรูปสักนิด ตอนแรกแกไม่ยอมให้ถ่าย สุดท้ายก็อ้อนจนได้ ใครผ่านเส้นเลียบคลองประปาจากราชบุรี เข้าสู่ กาญจนบุรี แวะทานก๋วยเตี๋ยวร้านแกได้นะคะ ดื่มน้ำ ชวนคุยก็ได้ จุดสังเกต จะเลยช่วง โรงงานย่านราชบุรีเข้าสู่กาญจนบุรี ร้านพี่แกอยู่ซ้ายมือหัวมุมเลยค่ะ
ออกจากร้านแกมาเราคิดว่า เราเติมน้ำมาเต็มที่ แต่บอกตามตรง ร่างการ ฮีท ขึ้น ปั่นได้ สองสามโล ก็ต้องพักเติมน้ำ เอาน้ำราดตัวเป็นระยะแล้ว เรียกได้ว่า สภาพอากาศช่วงนั้น แย่มากแม้ว่าแรงขาเรายังไหว
แต่ต้องเตือนตัวเองให้พักใต้ร่มเงา และเติมน้ำ หรือ เกลือแร่ให้ร่างกายเยอะๆ เพราะถ้าความร้อนมีมากไป จะเป็นการทำร้ายตัวเองนะครัช
ถึงแล้วกาญจนบุรี มุมคุ้นตา ที่นี่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ถึงราวๆ หกโมงเย็นค่ะ พอถึงกาญจน์ ทำให้เรา รู้เท่าถึงกาญจน์
ตั้งชื่อทริป แบบงง ตามประสา คิดชื่อไม่ออก ก็มาแบบนี้ตรงๆละกันนะคะ
จริงๆ จากที่ร้อนๆ สภาพอากาศก็แปรปรวน อยู่ๆ ฟ้าฝนก็ ร้องระงม ทุกชีวิตที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ต่างหันมามองหน้ากัน เลิกลัก แยกย้ายหาที่พัก
คืนนี้พักกาญจน์ 1 คืน
อรุณเบิกฟ้า นกกา โบยบิน ออกหา กิน ตื่นสายทันควัน ออกจากที่พักช้าไปมาก จากที่คิดไว้ว่า จะออกตีห้าครึ่ง กลับออก 6.15 น. โดยยังไม่ได้เตรียมอะไรให้ตกถึงท้อง ปั่นออกจากที่พัก เติมพลังด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้ง เจอคุณลุงยืนปิ้งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ จอดหยิบหมูปิ้งกิน แบบนับไม้
คุยไปคุยมา ทราบมาว่าคุณลุงเคยเป็น ตำรวจตระเวนชายแดน ที่สังขละบุรีมาก่อน แถมเป็นผู้บุกเบิก สอนนักเรียน ในโรงเรียนของตำรวจตระเวนชายแดน แห่งแรกของจังหวัดกาญจนบุรี บทสนทนา เริ่มสนุกเพราะการเล่าเรื่องของคุณลุง ที่บอกว่าแกลาออกจากราชการเพียงเพราะ ระบบกลางได้เปลี่ยนเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ เด็กใหม่ที่มีคุณวุฒิสูงกว่าตามมาตรฐานเริ่มเข้ามาแทนที่ และแกก็รับไม่ได้กับระบบต่างๆที่เข้ามาจัดการ แม้ว่าจะเป็นการพัฒนา แต่สิ่งสำคัญของคนสองคนที่บุกเบิกมา คงมองเรื่องของความมีตัวตน จนทนกับระบบรัฐไม่ได้ ระบบเก่าไป ระบบใหม่ พร้อมคนใหม่ๆเข้ามา ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณลุงบอกว่า แกอยู่กาญจน์มาเกือบๆ สามสิบปี มีคนบอกแกไว้ว่า ใครมาอยู่กาญนจ์ กลับบ้านได้ก็เพียงผ้าห่อกระดูก เพราะจังหวัดนี้ ไข้มาลาเรียเยอะมาก แต่แกก็ยืนหยัดจนถึงปัจจุบัน จากตำรวจตระเวนชายแดนมาสู่พ่อค้าขายหมูปิ้ง นับเป็นเรื่องเล่า ระหว่างทาง ที่แทบหาไม่ได้บนเส้นถนนเลียบแม่น้ำแควที่ปัจจุบันกลายสภาพในยามค่ำคืนไม่ต่างจากถนนบางสายในกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย
เส้นทางกลับ ลัดเลาะเลียบแม่น้ำแคว ด้านหลังมาทะลุสสานสัมพันธมิตรด้านหลัง
ปั่นลัดเลาะ เพื่อเข้าสู่เขื่อนแม่กลองที่อำเภอท่าม่วง
แต่เส้นทางที่ต้องปั่นผ่านไปนั้น ต้องจะพบกับพิพิธภัณฑ์สงคราม และ สุสานจีนริมเขื่อนแม่กลอง
จากนั้นปั่นเข้าแยกมิราเคิ้ลท่าม่วง และปั่นกลับเส้นทางหลัก เนื่องจากพบว่า การปั่นเส้นทางหลัก จะมีร้านค้า ให้ได้พักมากกว่า เส้นเลียบคลองชลประทาน บอกได้เลยว่าขากลับปั่นสบายในทางหลักมากกว่า เพราะเรียนรู้ว่าการเดินทางในเส้นหลักนั้น รับประกันได้เลยว่าเราจะมีอาหาร น้ำ กาแฟ ให้ได้ทานตลอดทาง วันที่สองนนี่ตั้งใจปั่นกลับกรุงเทพรวดเดียว แต่พอเกือบเที่ยง สภาพอากาศวันนี้ เรียกได้ว่าแย่กว่าวันแรกมาก อาจจะเพราะจากความร้อน และ ความล้า จึงอดทนปั่นกลับมาถึงนครปฐมและขึ้นรถไฟกลับ ความโชคดีอย่างนึงคือ มีรถไฟฟรี เที่ยว บ่ายสามโมงครึ่งจึงยังพอมีเวลาให้เราหาข้าวกลางวันกินที่นครปฐม จากนั้นก็เดินทางทางกลับมาที่สถานีรถไฟธนบุรีค่ะ จบทริป “รู้เท่าถึงกาญจน์” ไประยะทาง สองร้อยกว่ากิโล และ ท่ามกลางอุณหภูมิกว่า 40 - 47 องศา เจ็บใจอะไรไม่เท่า .... เมื่อวัน ศุกร์ เสาร์ ที่ผ่านมา อากาศ ดีไปไหม ... สำหรับใครที่สนใจเส้นทางปั่นไปกาญจบุรี ถือว่าเส้นทางดีนะคะ สวยงามมาก ถ้าปั่นหน้า หนาว(ที่ไม่ค่อยมีจริง) หรือ หน้าฝน ถ้าใจกล้าจริง กับการปั่นฝ่าลมฝน ถือเป็นอีกเส้นทางที่ปั่นสู่จังหวัดนครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี ที่สวยงามตามท้องเรื่องมากๆ นะคะ
ท่านที่สนใจเราแชร์เส้นทางไว้ใน spoil นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เส้นทางขาไปhttps://drive.google.com/file/d/0B4bUgxZQnh-uNlBsTW5ia25uX2s/view?usp=sharing
เส้นทางขากลับ https://drive.google.com/file/d/0B4bUgxZQnh-ueW9LQjZ2ZWJJLXM/view?usp=sharing
สรุป ทริปนี้จัดไปสองวันค่ะ ระยะทางราวๆ 200 กิโล+ ไม่นับรวมขึ้นรถไฟค่ะ
จักรยานที่ใช้ Colossi กับ Araya Fed-T ความจริงปั่นตามพี่ชายไม่ทันเพราะยานเขาสมรรถนะเร็วกว่ามาก
แต่มาแค่นี้ก็ถือว่า มาได้ไกลแล้ว เพราะสองคันนี้ปั่นจากกรุงเทพ ไปสามร้อยยอดที่ประจวบมาแล้ว รอบนึงค่ะ
{Touring ทัวร์หลง } ขอเสนอ รู้อะไรไม่สู้ "รู้เท่าถึงกาญจน์"
ในสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อนอบอ้าวขนาดนี้ เวลาอยู่บนรถแล้วเห็นนักปั่นที่ปั่นจักรยานท่ามกลางอุณหภูมิ 40 กว่าองศา คุณเคยคิดว่าเขาบ้าไหม เชื่อว่านักปั่นอย่างเราๆก็คิดเช่นกัน แต่พออยู่บนหลังอานแล้ว ทำไมมันปั่นไปได้ มันเป็นเรื่องที่นักปั่นหลายคนได้แต่พูดกันขำขำ แต่มันคือเรื่องจริง
ว่ากันด้วย จังหวัดกาญจนบุรี ชือนี้มีแต่ของอร่อย เอ้ย ไม่ใช่แล้ว รู้ๆกันอยู่ว่าจังหวัดนี้ หนาวก็หนาวจัด ร้อน ก็ ร้อนมาก ระยะทางไปกลับ สำหรับนักปั่นแล้วก็ สองร้อยกว่าโล ธรรมดามากนะ ถ้าไม่ใช่สภาพอากาศแบบนี้!!! และแม้ว่าเส้นทางที่ไหนจะคุ้นๆ แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า ร้านค้าต่างๆที่เคยจอดนั้น จะยังเปิดปิจการอยู่หรือเปล่า การตุนอาหารและน้ำที่เหมาะสมจึงจำเป็นมากสำหรับการปั่นท่ามกลางอุณหภูมิที่ร้อนแรงอย่างนี้
เอาละ เวลามีจำกัด นัดแนะเวลากันได้ สรุปมีคนไปได้สองคน เอาสิ เวลาไม่รอใคร เริ่มวางแผนเส้นทาง กรุงเทพ – ถนนตัดใหม่แยกไฟฉาย – ศาลายา – ท่านา – นครปฐม – ราชบุรี – กาญจนบุรี เส้นทางขาไป ราวๆ 150 กิโล สำหรับทัวร์ริ่งขาอ่อน ถือว่าพอไหว จะว่าไปก็เริ่มการเดินทาง เส้นทางการปั่นเส้นนี้ เราเลือกที่จะตามรอยเส้นทาง test run ของ Audex Thailand ที่ปีที่แล้วบ้าระห่ำ เพราะคิดว่าเส้นทางนักปั่นมือใหม่ต้องไป Audex พอไปแล้วเลยรู้ว่ามันไม่ใช่แนว แถมเส้นทางที่ไปนั้นสวยมากๆ แต่เรากลับไม่ได้ เที่ยวระหว่างทางเลย ครั้งนี้เลยจะลองไปตามเส้นทางดังกล่าวเลย
05.30 นัดแนะเจอพี่ที่สามเสนปั่นไปข้ามเรือข้ามฟาก ท่าพระจันทร์ มุ่งสู่ ท่าศิริราช
แล้วปั่นยิงตรงไปแยกไฟฉาย เส้นนี้ถนนยังไม่เปิดใช้ทำให้ชาวจักรยานที่ต้องการยิงตรงไปย่านพุทธมณฑลสาย 2 จึงง่ายนิดเดียว แต่เมื่อถนนเปิด 100 % น่าจะห้ามปั่นแน่ๆ เพราะถนนใหญ่รถวิ่งเร็ว (ความจริงมีเลนจักรยานแต่ไม่มีสะพานสำหรับชาวจักรยานแห๊ะ ทางยกระดับคู่กับถนนใหญ่แบบที่บางขุนเทียน)
07.00 น. ณ ศาลายา เส้นทางจากกรุงเทพ ไป ศาลายา เส้นนี้พอเข้าเส้นถนนอุทยาน ว่าจะไม่หลงแล้ว ก็หลงกันจนได้ แทนที่จะเลี้ยวขวาตัดเข้าถนนเลียบคลองทวีวัฒนา ดันปั่นไปทะลุเกือบพุทธมณฑลสาย 4 การปั่นกลับมาทาง ศาลายาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อให้กลับไปในทางที่คุ้นชิน แวะเติมพลังที่ ศาลายา ของกินยามเช้า อร่อยมว๊าก
07.30 น. ออกจากศาลายา ปั่นยิงยาวผ่านมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อมุ่งหน้าสู่ตลาดท่านา นครชัยศรี เส้นทางนี้แม้ว่าถนนจะกว้าง แต่การปั่นเรียกได้ว่า ปั่นสบายๆ เลย เพราะว่าไหล่ทางเอื้อต่อการปั่นจักรยานมาก มีเพื่อนร่วมทางที่ปั่นซ้อมบนถนนเส้นนี้เช่นกัน ระหว่างทางได้เวลาของนักปั่นสายกาแฟ ตามล่าหา โอเอซิส สำหรับชาวจักรยาน สายตาเหลือบพลันมองไปเห็นร้านกาแฟ จึงแวะเติมพลังกันที่ร้าน ease@caffe ถือได้ว่าระหว่างทางปั่นจากศาลายา ไปท่านา แนะนำร้านนี้นะคะ ส่วนบรรยากาศ ขอเอาจากการ รีวิว ใน web มาให้ดูละกันค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นี่เป็นภาพที่ถ่ายมา อยากบอกว่าการปั่นระยะทางไกล กระบอกน้ำดีดี เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเดินทางจริงๆค่ะ
จากนครชัยศรีสู่ นครปฐม การปั่นตามรอย Audex ครั้งนี้บางเส้นทางเรียกได้เลยว่า เป็นภาพตัด บางทางจำได้ บางทางจำไม่ได้ จุดที่ทำให้เราจำได้คือ ร้านค้าข้างทาง เพื่อยืนยันว่าเรามาถูกทางแล้ว เทียบว่าเวลา 9.00 – 11.00 น. ยังรับกับสภาพอากาศแบบนี้ได้ หลังจากนั้นใกล้เที่ยงก็ควรเติมพลัง ทำได้แค่แวะร้านค้าข้างทาง สั่งอาหารสิรออะไร จัดก๋วยเตี๋ยว และ ผัดซีอิ้ว ผักไปเบาๆระหว่างกินไป
คนที่แวะทานอาหารที่ร้านก็ได้แต่ถามว่า ปั่นไปไหนกัน พอบอกกาญจนบุรี เท่านั้น มีแต่คนถามว่า ไม่ร้อนหรอ อยากเอาป้ายติดจักรยานค่ะ ร้อนมาก ร้อนแบบวัวตายความล้ม แต่พวกเราหลังอานไม่ล้มนะครัช
หลังจากนั้น ก็ปั่นตัดเข้าทางเลียบคลองชลประทาน ลัดเลาะยิงยาว เข้าเมืองราชบุรี ถนนเส้นนี้ดีตรงที่เราจะไม่ค่อยเจอรถใหญ่เท่าไรนัก ถึงแม้ว่าจะเจอก็สามารถหลบได้ ตลอดทาง ที่ปั่น จะมีร้านค้าข้างทาง ถามมาตลอดทางว่า “ไม่ร้อนหรือ” คำตอบในใจตะโกนออกไปดังดัง “ร้อนมว๊าก”
ปั่นไปสักพัก เข้าสู่จังหวัดกาญจนบุรีแล้ว สภาพร่างกายเริ่มไม่ไหว เจอร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง และใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ร่มมาก แต่ไม่คิดว่าจะได้รับน้ำใจ จากพี่สาวร้านก๋วยเตี๋ยวข้างทาง เชื่อไหมว่า เสน่ห์ของการเดินทางแบบ ทัวร์ริ่งก็คือ “ระหว่างทาง” ร้านก๋วยเตี๋ยวเล็กๆ ข้างร้านพี่เขามีร่มไม้ที่ใหญ่มาก เราจอดจักรยานแล้วถามว่ามีน้ำเปล่าขายไหมคะ พี่เขาบอกว่ามี จากนั้นเลยมานั่งพักที่โต๊ะใต้ร่มไม้ ปรากฏพี่เขาบอกว่า น้ำเปล่าฟรี ไปตักเอาเลย นั่งพักก่อนเจ๊ มันร้อน (สะดุ้งตรงพี่เขาเรียกเราเจ๊ ลูกชายพี่อายุเท่าหนูเลยนะ) เราเลยสั่งน้ำอัดลมดับกระหายมาหนึ่งขวด จากนั้นก็เป็นจุดเริ่มต้นของการสนทนา พี่เขาถามว่าปั่นมาจากไหน พอบอกกรุงเทพพี่เขาก็ตกใจ ร้อนนะ ปั่นมากันได้อย่างไง ลูกชายฉันก็ปั่น แลกเปลี่ยนให้ความรู้เรื่องจักรยานกันไป พี่เขาของดูหมวก จับจักรยาน ถามเรื่องชุดปั่นสารพัดจะคุย คุยกันสักพัก เติมน้ำ พี่แกก็เอาน้ำแข็งมาใส่กระบอกน้ำให้ พร้อมน้ำเปล่า 1 ขวด แถมบอกว่า น้ำเปล่าไม่ขายนะขวดนี้ให้ คนต่างจังหวัดจริงใจ ให้คือให้ไม่คิดอะไร เอาน้ำติดไป เผื่อหิว พี่รู้ไหมคะ น้ำขวดหนึ่งขอพี่เนี่ยะ คือ น้ำใจมหาศาลเลยย นะคะ ก่อนออกจากร้านขอถ่ายรูปสักนิด ตอนแรกแกไม่ยอมให้ถ่าย สุดท้ายก็อ้อนจนได้ ใครผ่านเส้นเลียบคลองประปาจากราชบุรี เข้าสู่ กาญจนบุรี แวะทานก๋วยเตี๋ยวร้านแกได้นะคะ ดื่มน้ำ ชวนคุยก็ได้ จุดสังเกต จะเลยช่วง โรงงานย่านราชบุรีเข้าสู่กาญจนบุรี ร้านพี่แกอยู่ซ้ายมือหัวมุมเลยค่ะ
ออกจากร้านแกมาเราคิดว่า เราเติมน้ำมาเต็มที่ แต่บอกตามตรง ร่างการ ฮีท ขึ้น ปั่นได้ สองสามโล ก็ต้องพักเติมน้ำ เอาน้ำราดตัวเป็นระยะแล้ว เรียกได้ว่า สภาพอากาศช่วงนั้น แย่มากแม้ว่าแรงขาเรายังไหว
แต่ต้องเตือนตัวเองให้พักใต้ร่มเงา และเติมน้ำ หรือ เกลือแร่ให้ร่างกายเยอะๆ เพราะถ้าความร้อนมีมากไป จะเป็นการทำร้ายตัวเองนะครัช
ถึงแล้วกาญจนบุรี มุมคุ้นตา ที่นี่ สะพานข้ามแม่น้ำแคว ถึงราวๆ หกโมงเย็นค่ะ พอถึงกาญจน์ ทำให้เรา รู้เท่าถึงกาญจน์
ตั้งชื่อทริป แบบงง ตามประสา คิดชื่อไม่ออก ก็มาแบบนี้ตรงๆละกันนะคะ
จริงๆ จากที่ร้อนๆ สภาพอากาศก็แปรปรวน อยู่ๆ ฟ้าฝนก็ ร้องระงม ทุกชีวิตที่สะพานข้ามแม่น้ำแคว ต่างหันมามองหน้ากัน เลิกลัก แยกย้ายหาที่พัก
คืนนี้พักกาญจน์ 1 คืน
อรุณเบิกฟ้า นกกา โบยบิน ออกหา กิน ตื่นสายทันควัน ออกจากที่พักช้าไปมาก จากที่คิดไว้ว่า จะออกตีห้าครึ่ง กลับออก 6.15 น. โดยยังไม่ได้เตรียมอะไรให้ตกถึงท้อง ปั่นออกจากที่พัก เติมพลังด้วยข้าวเหนียวหมูปิ้ง เจอคุณลุงยืนปิ้งอยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ จอดหยิบหมูปิ้งกิน แบบนับไม้
คุยไปคุยมา ทราบมาว่าคุณลุงเคยเป็น ตำรวจตระเวนชายแดน ที่สังขละบุรีมาก่อน แถมเป็นผู้บุกเบิก สอนนักเรียน ในโรงเรียนของตำรวจตระเวนชายแดน แห่งแรกของจังหวัดกาญจนบุรี บทสนทนา เริ่มสนุกเพราะการเล่าเรื่องของคุณลุง ที่บอกว่าแกลาออกจากราชการเพียงเพราะ ระบบกลางได้เปลี่ยนเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ เด็กใหม่ที่มีคุณวุฒิสูงกว่าตามมาตรฐานเริ่มเข้ามาแทนที่ และแกก็รับไม่ได้กับระบบต่างๆที่เข้ามาจัดการ แม้ว่าจะเป็นการพัฒนา แต่สิ่งสำคัญของคนสองคนที่บุกเบิกมา คงมองเรื่องของความมีตัวตน จนทนกับระบบรัฐไม่ได้ ระบบเก่าไป ระบบใหม่ พร้อมคนใหม่ๆเข้ามา ย่อมเกิดการเปลี่ยนแปลง คุณลุงบอกว่า แกอยู่กาญจน์มาเกือบๆ สามสิบปี มีคนบอกแกไว้ว่า ใครมาอยู่กาญนจ์ กลับบ้านได้ก็เพียงผ้าห่อกระดูก เพราะจังหวัดนี้ ไข้มาลาเรียเยอะมาก แต่แกก็ยืนหยัดจนถึงปัจจุบัน จากตำรวจตระเวนชายแดนมาสู่พ่อค้าขายหมูปิ้ง นับเป็นเรื่องเล่า ระหว่างทาง ที่แทบหาไม่ได้บนเส้นถนนเลียบแม่น้ำแควที่ปัจจุบันกลายสภาพในยามค่ำคืนไม่ต่างจากถนนบางสายในกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทย
เส้นทางกลับ ลัดเลาะเลียบแม่น้ำแคว ด้านหลังมาทะลุสสานสัมพันธมิตรด้านหลัง
ปั่นลัดเลาะ เพื่อเข้าสู่เขื่อนแม่กลองที่อำเภอท่าม่วง
แต่เส้นทางที่ต้องปั่นผ่านไปนั้น ต้องจะพบกับพิพิธภัณฑ์สงคราม และ สุสานจีนริมเขื่อนแม่กลอง
จากนั้นปั่นเข้าแยกมิราเคิ้ลท่าม่วง และปั่นกลับเส้นทางหลัก เนื่องจากพบว่า การปั่นเส้นทางหลัก จะมีร้านค้า ให้ได้พักมากกว่า เส้นเลียบคลองชลประทาน บอกได้เลยว่าขากลับปั่นสบายในทางหลักมากกว่า เพราะเรียนรู้ว่าการเดินทางในเส้นหลักนั้น รับประกันได้เลยว่าเราจะมีอาหาร น้ำ กาแฟ ให้ได้ทานตลอดทาง วันที่สองนนี่ตั้งใจปั่นกลับกรุงเทพรวดเดียว แต่พอเกือบเที่ยง สภาพอากาศวันนี้ เรียกได้ว่าแย่กว่าวันแรกมาก อาจจะเพราะจากความร้อน และ ความล้า จึงอดทนปั่นกลับมาถึงนครปฐมและขึ้นรถไฟกลับ ความโชคดีอย่างนึงคือ มีรถไฟฟรี เที่ยว บ่ายสามโมงครึ่งจึงยังพอมีเวลาให้เราหาข้าวกลางวันกินที่นครปฐม จากนั้นก็เดินทางทางกลับมาที่สถานีรถไฟธนบุรีค่ะ จบทริป “รู้เท่าถึงกาญจน์” ไประยะทาง สองร้อยกว่ากิโล และ ท่ามกลางอุณหภูมิกว่า 40 - 47 องศา เจ็บใจอะไรไม่เท่า .... เมื่อวัน ศุกร์ เสาร์ ที่ผ่านมา อากาศ ดีไปไหม ... สำหรับใครที่สนใจเส้นทางปั่นไปกาญจบุรี ถือว่าเส้นทางดีนะคะ สวยงามมาก ถ้าปั่นหน้า หนาว(ที่ไม่ค่อยมีจริง) หรือ หน้าฝน ถ้าใจกล้าจริง กับการปั่นฝ่าลมฝน ถือเป็นอีกเส้นทางที่ปั่นสู่จังหวัดนครปฐม ราชบุรี กาญจนบุรี ที่สวยงามตามท้องเรื่องมากๆ นะคะ
ท่านที่สนใจเราแชร์เส้นทางไว้ใน spoil นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สรุป ทริปนี้จัดไปสองวันค่ะ ระยะทางราวๆ 200 กิโล+ ไม่นับรวมขึ้นรถไฟค่ะ
จักรยานที่ใช้ Colossi กับ Araya Fed-T ความจริงปั่นตามพี่ชายไม่ทันเพราะยานเขาสมรรถนะเร็วกว่ามาก
แต่มาแค่นี้ก็ถือว่า มาได้ไกลแล้ว เพราะสองคันนี้ปั่นจากกรุงเทพ ไปสามร้อยยอดที่ประจวบมาแล้ว รอบนึงค่ะ