ยืมล็อคอินเพื่อนมานะคะ สืบเนื่องจากเราเห็นกระทู้ที่ฝึกภาษาอังกฤษจากศูนย์อย่างไรให้ได้ไปเรียนต่อต่างประเทศ เราเลยอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเราเอง กระทู้นี้เหมาะกับผู้ที่อยากฝึกภาษาอังกฤษ ผู้ปกครองที่อยากให้ลูกได้ภาษาอังกฤษ และคนที่มีความใฝ่ฝันอยากไปเรียนต่อตปท.
เราเติบโตจากครอบครัวเกษตรกร สมัยประถมศึกษาเราเรียนโรงเรียนในวัด ครั้งหนึ่งครูเคยให้ไปทดสอบภาษาอังกฤษกับนักเรียนประจำจังหวัด เขาถามว่า 12 ภาษาอังกฤษว่าอะไร ด้วยความที่ไม่มีอะไรในหัวเลย ณ ตอนนั้น และก็ไม่เคยรับรู้ถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ ต้นทุนทางภาษาน้อย เด็กหญิงตอบไปว่า ten two ไม่เรียกว่าศูนย์ให้เรียกว่าติดลบ การประยุกต์ดีเยี่ยม แม้แต่ปัจจุบันนี้แม่ยังล้ออยู่เลยว่าเด็กหญิง ten two เลข 12 ในภาษาอังกฤษว่าอะไรเดี๋ยวนี้จำขึ้นใจเลยค่ะ 5555 สมัยประถมปลายพ่อบังคับให้เราท่องกริยาสามช่องให้ได้ ถ้าไม่ได้ไม่ให้กินข้าวเย็น เพื่อข้าวเย็นหนูทำได้ค่ะ และยังให้ท่องเดือนเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ ถ้างั้นไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อน เรารู้สึกว่าเราไม่ชอบที่พ่อบังคับ แต่ตอนนี้เราไม่รู้จะขอบคุณท่านยังไงดีที่ทำให้เรามีวันนี้ ถ้าพ่อไม่บังคับวันนั้นเราก็ไม่มีวันนี้ค่ะ เราคิดว่าผู้ปกครองควรให้เวลากับลูก ใส่ใจลูกมากกว่าการส่งลูกให้เรียนกวดวิชา หากมีเวลาสอนได้สอนเขาเถอะค่ะ
สมัยม.6 มีการสอบ 1 ทุน 1 อำเภอ เพื่อนสอบได้ไปสวิตเซอร์แลนด์และอังกฤษ เราติดตามเพื่อนอยู่เสมอ จนเกิดแรงบันดาลใจอยากไปเรียนต่อตปท. แบบเขา มีการสอบอีกครั้งตอนปี 1 เราเข้าสู่การสอบอีกครั้งแต่ก็ต้องผิดหวัง เราเริ่มพิจารณาว่าเราไม่พร้อมในด้านใดบ้าง การฝึกภาษาอังกฤษเริ่มจากตรงนั้น
หัวใจของการฝึกภาษาอังกฤษ
1.ค้นหาเป้าหมายในการฝึกภาษาของคุณ อย่างเราอยากไปเรียนต่างประเทศ หลายคนอาจอยากทำงานบริษัทต่างชาติ หลายคนหวังเงินเดือนเพิ่มชึ้น อยากพูดกับเจ้านายรู้เรื่อง ทำไมต้องหาเป้าหมาย เพราะวันไหนท้อจะได้รู้ว่าที่สู้ไปเพื่ออะไร
2.จินตนาการภาพความสำเร็จนั้นไว้ในใจให้บ่อยที่สุด เราจินตนาการภาพที่ได้ยืนอยู่ในตปท. สักแห่ง ทำบ่อยๆๆ จนวันนึงถึงเวลาที่ฉันต้องลงมือทำแล้ว
3.ลงมือทำ อย่ารอช้าค่ะ เดี๋ยวนี้เขาไปภาษาที่ 3 ยิ่งช้ากว่าคนอื่น โอกาสก็หายไป จงทำตัวให้พร้อมเพื่อรอรับกับโอกาสที่ผ่านมา
4.อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยสุดจากการฝึก ขณะที่เราเริ่มฝึกภาษาอังกฤษเรากำลังเรียนปริญญาตรี 2 ใบนเวลาเดียวกัน ทั้งยังรับสอนพิเศษตามบ้านอีกด้วย เอาเป็นว่าช่วงนั้นเวลาน้อยกว่าเพื่อนแต่เรามีเป้าหมายที่แน่วแน่ ดังนั้นข้ออ้างทั้งหลายทำอะไรเราไม่ได้ อย่าให้ข้ออ้างชนะใจเรานะคะ
5.วิธีการฝึกภาษาอังกฤษ 4 ทักษะ สำหรับเรา เรียงตามลำดับเลยนะคะ
การอ่าน:
-แกรมมาร์ หลายคนโฆษณาว่าพูดอังกฤษโดยไม่ใช้แกรมมาร์ ทำให้หลายคนคิดว่าแกรมมาร์ไม่สำคัญ วิธีนี้เหมาะกับการจำไปพูดเลย จำประโยคในหนังแล้วไปพูด หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นภาษาอังกฤษ อย่างหนังเรื่อง the terminal ตัวเอกไม่รู้แกรมมาร์ พูดตามคนอื่น แบบนี้ไม่ต้องใช้แกรมมาร์ กลับมาบนพื้นฐานความจริง วันนึงจะมีใครภาษาอังกฤษกับเราสักกี่คน ไหนจะสถานการณ์ใหม่ที่ต้องเผชิญเราจะประกอบประโยคขึ้นมาอย่างไรหากไม่ใช้แกรมมาร์
เราเปิดเพจ เป็นโค้ชสอนวิธีฝึกภาษาอังกฤษฟรีในเฟสบุค ทำให้เรารับรู้ปัญหาว่า หลายคนบอกว่าอ่านแกรมมาร์แล้ว แต่จำไม่ได้ วิธีการฝึกคืออ่านแล้วทำแบบฝึกหัด สร้างประโยคหรือจำประโยคในเรื่องแกรมมาร์นั้นขึ้นมา จะทำให้เราจำได้และใช้อย่างถูกต้องในครั้งต่อไป เช่น If clause แบบ first conditonal เราจำโครงสร้างไม่ได้
เราแต่งประโยค If you come,I will go. เพียงแค่ประโยคง่ายก็ทำให้เราเข้าใจ If clause ได้ไม่ต้อง advance เรื่องง่ายๆทำได้แล้วค่อยพัฒนาแต่ประโยคที่ซับซ้อนขึ้น
**หลายคนอาจฝึกจากการอ่านข่าว สำหรับเราเราถูกใจเพจ quote ภาษาอังกฤษที่เป็นแรงบันดาลใจไว้ แล้วนิวฟีดจะเด้งขึ้นให้เราอ่านอัตโนมัติทุกวัน ตอนนี้หน้าเฟสเรามีภาษาอังกฤษ มากกว่าภาษาไทยแล้ว นอกจากนั้นเพจสอนภาษาอังกฤษของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันกวดวิชาต่างๆที่พยา่ยามโปรโมทสถาบันจากการทำรูปภาพสอนภาษาอังกฤษ เราถูกใจไว้หมด และเอาไปแชร์ในกรุ๊ปที่เราสร้างขึ้นเพื่อให้คนนกรุ๊ปได้ช่วยกันแชร์ และได้ความรู้ไปพร้อมๆกัน
-คำศัพท์
***ทริคในการท่องคำศัพท์
-เราท่องเป็นกลุ่ม แต่งเป็นเรื่อง เช่น เปิด refrigerator และเราเห็น yogurt ,carrot ขณะท่องก็จินตนาการภาพไปว่าเราอยู่ในครัวเปิดตู้เย็น ......
-ท่องเลียนแบบภาษาไทย affable แปลว่า สุภาพ เราจำไม่ได้แต่จำบุคลิกแอฟ ทักษอรได้ ว่าเป็นคนสุภาพเรียบร้อย
-คำศัพท์เชิง negative ให้พยายามใส่อารมณ์เยอะๆ ท่องแบบมี feeling เราจะท่องได้
-ทำบัตรคำศัพท์ ท่องกับเพื่อน
-เล่นเกมส์ แอพในโทรศัพท์
-หาคำศัพท์ใหม่ ดูหนัง กด pause แล้วจด สมัยก่อนกด แบบ 20 รอบ /เรื่อง ตอนนี้ชิวแล้ว จดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือน้อยลง คำศัพท์มันเยอะมาก มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
-คำศัพท์ไม่รู้ ให้จด อย่าอาย ถ้าไม่จด ไม่ท่อง จำไม่ได้ แล้วต้องเปิด dictionary กับคำเดิมๆ ไปอีกกี่รอบ แม่กระทั่งป้ายโฆษณาก็เรียนอังกฤษได้
-จดทั้งคำอ่านและความหมาย ลองออกเสียง ตาม dictionary ลองแต่งประโยคตัวอย่างการใช้คำนั้นจะได้รู้บริบทการใช้
การฟัง:
-ดูหนัง มี 3 step
1.ยังฟังไม่รู้เรื่อง เปิด ซับไทย พากย์ Eng
2.ฟังออกเป็นคำๆ เป็นนิมิตรหมายที่ดีทำต่อไป
3.ฟังออก จำใจความว่าประโยคนั้นหมายถึงอะไร เปิด sub Eng พากย์ Eng เมื่อมีความมั่นใจแล้วก็แบบไม่เปิด Sub เลยค่า
**** ทำไมควรอ่านก่อนฟัง มันยังไม่มีคลังคำศัพท์ในสมอง เดาไม่ได้ว่าพูดอะไร คำไหน สะกดยังไง ดังนั้นก็สะสมศัพท์ไปเรื่อยๆ
-ฟังเพลง อย่าฟังแบบผ่านๆ ดูเนื้อเพลงเพื่อเรียนรู้ศัพท์สแลงได้อีกด้วย มีเพจเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง และ เว็บ aelitaxtranslate ที่เราใช้บ่อยๆ
การเขียน :
อยากเรียนฟรี ก็หาชาวต่างชาติคุยด้วย สำหรับเว็บทั่วไปอย่าบอกว่ามาฝึกภาษา ไม่มีใครมานั่งฝึกกับเราหรอก บอกหาเพื่อนใหม่อะไรก็ว่าไป เว็บแลกเปลี่ยนภาษาที่เคยใช้คือ mylangageexchange และ conversationexchange สองเว็บนี้เราสอนภาษาไทยให้เขา เขาสอนอังกฤษให้เรา การแชทกับชาวต่างชาติทำให้เราคิดเป็นภาษาอังกฤษ โดยไม่ผ่านภาษาไทย ไม่อ้ำๆอึ้งๆเพราะคิดเร็วขึ้นแล้ว ช่วงแรกอาจมีการหาคำศัพท์ใน google บ้าง แต่ฝึกวนต่อไปค่ะ เดี๋ยวคล่องขึ้นเอง
----อยากฝึกการเขียนแบบจริงจัง เขียน essay สอบควรมีคนตรวจจภาษาให้ ไม่อยากใช้ . เยอะให้ศึกษาการใช้คำเชื่อม เช่น because of กับ because มีวิธีใช้ต่างกันอย่างไร เป็นต้น
** เว็บทั่วไประวังตัวด้วย โรคจิตก็มี อยู่ที่เวรกรรมที่ทำมา 555
การพูด:
คุยไปสักพัก ก็ต้องมีกล้า เปลี่ยนมาพูด อย่าหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างถ้ายังทำวิธีการเดิมๆ กลัวฝรั่งรำคาญ ก็หาคนคุยใหม่ คนที่อยากจะคุยเรา เขาก็จะอยากช่วย การดูหนังฝรั่งช่วยเสริมความมั่นใจไปในตัว
คนไทยกลัวผิด คนเก่งแค่ไหนก็เคยผิด ผิดแล้วก็จำไว้ จุดมุ่งหมายของภาษา คือสื่อสารให้เข้าใจ ช่วงแรกๆของการพูดอย่ากังวลกับแกรมมาร์มากนัก ดูหนังฝรั่งบางทีก็ไม่ได้พูดแบบแกรมมาร์เป๊ะ ฉะนั้น ออกจาก comfort zone เถอะค่า อย่ากลัวว่าใครจะกระแหนะกระแหน จำไว้ว่าเรากำลังทำชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีคำพูดถากถางของใครจะหยุดเราได้
ต่อด้วยเรื่องทุน ตอนเรียนปี 3 มีโอกาสสัมภาษณ์ไปฝึกงานต่างประเทศ ในคณะมีทุนแต่ละสาขาให้ไปฝึกงาน สาขาละ 1 ทุน เราเป็นตัวแทนของสาขาวิชาเราค่ะ และได้รับทุนไปเรียนต่อป.โท ต่างประเทศแล้วค่ะตอนนี้
ปล.อีกเรื่องที่อยากฝากคือ ภาษาวัดโดยอายุไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่การฝึกฝนและให้เวลา วัดไม่ได้ว่ามีปริญญาแล้ว ภาษาอังกฤษคุณจะเก่งกว่าประถม อย่าเป็นน้ำเต็มแก้วเสมอ ใครที่ให้ความรู้เราได้ไม่ว่าเขาอายุเท่าไร เราก็ควรจะรับมันไว้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เราเชื่อเสมอว่าไม่ว่าพิ้นฐานแค่ไหน เราสามารถพัฒนากันได้เสมอ
ฝึกภาษาอังกฤษฟรีอย่างไร จากเด็กโรงเรียนวัดสู่นักเรียนทุนต่างประเทศ
เราเติบโตจากครอบครัวเกษตรกร สมัยประถมศึกษาเราเรียนโรงเรียนในวัด ครั้งหนึ่งครูเคยให้ไปทดสอบภาษาอังกฤษกับนักเรียนประจำจังหวัด เขาถามว่า 12 ภาษาอังกฤษว่าอะไร ด้วยความที่ไม่มีอะไรในหัวเลย ณ ตอนนั้น และก็ไม่เคยรับรู้ถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษ ต้นทุนทางภาษาน้อย เด็กหญิงตอบไปว่า ten two ไม่เรียกว่าศูนย์ให้เรียกว่าติดลบ การประยุกต์ดีเยี่ยม แม้แต่ปัจจุบันนี้แม่ยังล้ออยู่เลยว่าเด็กหญิง ten two เลข 12 ในภาษาอังกฤษว่าอะไรเดี๋ยวนี้จำขึ้นใจเลยค่ะ 5555 สมัยประถมปลายพ่อบังคับให้เราท่องกริยาสามช่องให้ได้ ถ้าไม่ได้ไม่ให้กินข้าวเย็น เพื่อข้าวเย็นหนูทำได้ค่ะ และยังให้ท่องเดือนเป็นภาษาอังกฤษให้ได้ ถ้างั้นไม่ได้ไปเล่นกับเพื่อน เรารู้สึกว่าเราไม่ชอบที่พ่อบังคับ แต่ตอนนี้เราไม่รู้จะขอบคุณท่านยังไงดีที่ทำให้เรามีวันนี้ ถ้าพ่อไม่บังคับวันนั้นเราก็ไม่มีวันนี้ค่ะ เราคิดว่าผู้ปกครองควรให้เวลากับลูก ใส่ใจลูกมากกว่าการส่งลูกให้เรียนกวดวิชา หากมีเวลาสอนได้สอนเขาเถอะค่ะ
สมัยม.6 มีการสอบ 1 ทุน 1 อำเภอ เพื่อนสอบได้ไปสวิตเซอร์แลนด์และอังกฤษ เราติดตามเพื่อนอยู่เสมอ จนเกิดแรงบันดาลใจอยากไปเรียนต่อตปท. แบบเขา มีการสอบอีกครั้งตอนปี 1 เราเข้าสู่การสอบอีกครั้งแต่ก็ต้องผิดหวัง เราเริ่มพิจารณาว่าเราไม่พร้อมในด้านใดบ้าง การฝึกภาษาอังกฤษเริ่มจากตรงนั้น
หัวใจของการฝึกภาษาอังกฤษ
1.ค้นหาเป้าหมายในการฝึกภาษาของคุณ อย่างเราอยากไปเรียนต่างประเทศ หลายคนอาจอยากทำงานบริษัทต่างชาติ หลายคนหวังเงินเดือนเพิ่มชึ้น อยากพูดกับเจ้านายรู้เรื่อง ทำไมต้องหาเป้าหมาย เพราะวันไหนท้อจะได้รู้ว่าที่สู้ไปเพื่ออะไร
2.จินตนาการภาพความสำเร็จนั้นไว้ในใจให้บ่อยที่สุด เราจินตนาการภาพที่ได้ยืนอยู่ในตปท. สักแห่ง ทำบ่อยๆๆ จนวันนึงถึงเวลาที่ฉันต้องลงมือทำแล้ว
3.ลงมือทำ อย่ารอช้าค่ะ เดี๋ยวนี้เขาไปภาษาที่ 3 ยิ่งช้ากว่าคนอื่น โอกาสก็หายไป จงทำตัวให้พร้อมเพื่อรอรับกับโอกาสที่ผ่านมา
4.อย่าอ้างว่าไม่มีเวลา เป็นประโยคที่ได้ยินบ่อยสุดจากการฝึก ขณะที่เราเริ่มฝึกภาษาอังกฤษเรากำลังเรียนปริญญาตรี 2 ใบนเวลาเดียวกัน ทั้งยังรับสอนพิเศษตามบ้านอีกด้วย เอาเป็นว่าช่วงนั้นเวลาน้อยกว่าเพื่อนแต่เรามีเป้าหมายที่แน่วแน่ ดังนั้นข้ออ้างทั้งหลายทำอะไรเราไม่ได้ อย่าให้ข้ออ้างชนะใจเรานะคะ
5.วิธีการฝึกภาษาอังกฤษ 4 ทักษะ สำหรับเรา เรียงตามลำดับเลยนะคะ
การอ่าน:
-แกรมมาร์ หลายคนโฆษณาว่าพูดอังกฤษโดยไม่ใช้แกรมมาร์ ทำให้หลายคนคิดว่าแกรมมาร์ไม่สำคัญ วิธีนี้เหมาะกับการจำไปพูดเลย จำประโยคในหนังแล้วไปพูด หรืออยู่ในสิ่งแวดล้อมที่เป็นภาษาอังกฤษ อย่างหนังเรื่อง the terminal ตัวเอกไม่รู้แกรมมาร์ พูดตามคนอื่น แบบนี้ไม่ต้องใช้แกรมมาร์ กลับมาบนพื้นฐานความจริง วันนึงจะมีใครภาษาอังกฤษกับเราสักกี่คน ไหนจะสถานการณ์ใหม่ที่ต้องเผชิญเราจะประกอบประโยคขึ้นมาอย่างไรหากไม่ใช้แกรมมาร์
เราเปิดเพจ เป็นโค้ชสอนวิธีฝึกภาษาอังกฤษฟรีในเฟสบุค ทำให้เรารับรู้ปัญหาว่า หลายคนบอกว่าอ่านแกรมมาร์แล้ว แต่จำไม่ได้ วิธีการฝึกคืออ่านแล้วทำแบบฝึกหัด สร้างประโยคหรือจำประโยคในเรื่องแกรมมาร์นั้นขึ้นมา จะทำให้เราจำได้และใช้อย่างถูกต้องในครั้งต่อไป เช่น If clause แบบ first conditonal เราจำโครงสร้างไม่ได้
เราแต่งประโยค If you come,I will go. เพียงแค่ประโยคง่ายก็ทำให้เราเข้าใจ If clause ได้ไม่ต้อง advance เรื่องง่ายๆทำได้แล้วค่อยพัฒนาแต่ประโยคที่ซับซ้อนขึ้น
**หลายคนอาจฝึกจากการอ่านข่าว สำหรับเราเราถูกใจเพจ quote ภาษาอังกฤษที่เป็นแรงบันดาลใจไว้ แล้วนิวฟีดจะเด้งขึ้นให้เราอ่านอัตโนมัติทุกวัน ตอนนี้หน้าเฟสเรามีภาษาอังกฤษ มากกว่าภาษาไทยแล้ว นอกจากนั้นเพจสอนภาษาอังกฤษของคนไทย ไม่ว่าจะเป็นสถาบันกวดวิชาต่างๆที่พยา่ยามโปรโมทสถาบันจากการทำรูปภาพสอนภาษาอังกฤษ เราถูกใจไว้หมด และเอาไปแชร์ในกรุ๊ปที่เราสร้างขึ้นเพื่อให้คนนกรุ๊ปได้ช่วยกันแชร์ และได้ความรู้ไปพร้อมๆกัน
-คำศัพท์
***ทริคในการท่องคำศัพท์
-เราท่องเป็นกลุ่ม แต่งเป็นเรื่อง เช่น เปิด refrigerator และเราเห็น yogurt ,carrot ขณะท่องก็จินตนาการภาพไปว่าเราอยู่ในครัวเปิดตู้เย็น ......
-ท่องเลียนแบบภาษาไทย affable แปลว่า สุภาพ เราจำไม่ได้แต่จำบุคลิกแอฟ ทักษอรได้ ว่าเป็นคนสุภาพเรียบร้อย
-คำศัพท์เชิง negative ให้พยายามใส่อารมณ์เยอะๆ ท่องแบบมี feeling เราจะท่องได้
-ทำบัตรคำศัพท์ ท่องกับเพื่อน
-เล่นเกมส์ แอพในโทรศัพท์
-หาคำศัพท์ใหม่ ดูหนัง กด pause แล้วจด สมัยก่อนกด แบบ 20 รอบ /เรื่อง ตอนนี้ชิวแล้ว จดเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือน้อยลง คำศัพท์มันเยอะมาก มีอะไรให้เรียนรู้อีกเยอะ อย่าทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว
-คำศัพท์ไม่รู้ ให้จด อย่าอาย ถ้าไม่จด ไม่ท่อง จำไม่ได้ แล้วต้องเปิด dictionary กับคำเดิมๆ ไปอีกกี่รอบ แม่กระทั่งป้ายโฆษณาก็เรียนอังกฤษได้
-จดทั้งคำอ่านและความหมาย ลองออกเสียง ตาม dictionary ลองแต่งประโยคตัวอย่างการใช้คำนั้นจะได้รู้บริบทการใช้
การฟัง:
-ดูหนัง มี 3 step
1.ยังฟังไม่รู้เรื่อง เปิด ซับไทย พากย์ Eng
2.ฟังออกเป็นคำๆ เป็นนิมิตรหมายที่ดีทำต่อไป
3.ฟังออก จำใจความว่าประโยคนั้นหมายถึงอะไร เปิด sub Eng พากย์ Eng เมื่อมีความมั่นใจแล้วก็แบบไม่เปิด Sub เลยค่า
**** ทำไมควรอ่านก่อนฟัง มันยังไม่มีคลังคำศัพท์ในสมอง เดาไม่ได้ว่าพูดอะไร คำไหน สะกดยังไง ดังนั้นก็สะสมศัพท์ไปเรื่อยๆ
-ฟังเพลง อย่าฟังแบบผ่านๆ ดูเนื้อเพลงเพื่อเรียนรู้ศัพท์สแลงได้อีกด้วย มีเพจเรียนภาษาอังกฤษจากเพลง และ เว็บ aelitaxtranslate ที่เราใช้บ่อยๆ
การเขียน :
อยากเรียนฟรี ก็หาชาวต่างชาติคุยด้วย สำหรับเว็บทั่วไปอย่าบอกว่ามาฝึกภาษา ไม่มีใครมานั่งฝึกกับเราหรอก บอกหาเพื่อนใหม่อะไรก็ว่าไป เว็บแลกเปลี่ยนภาษาที่เคยใช้คือ mylangageexchange และ conversationexchange สองเว็บนี้เราสอนภาษาไทยให้เขา เขาสอนอังกฤษให้เรา การแชทกับชาวต่างชาติทำให้เราคิดเป็นภาษาอังกฤษ โดยไม่ผ่านภาษาไทย ไม่อ้ำๆอึ้งๆเพราะคิดเร็วขึ้นแล้ว ช่วงแรกอาจมีการหาคำศัพท์ใน google บ้าง แต่ฝึกวนต่อไปค่ะ เดี๋ยวคล่องขึ้นเอง
----อยากฝึกการเขียนแบบจริงจัง เขียน essay สอบควรมีคนตรวจจภาษาให้ ไม่อยากใช้ . เยอะให้ศึกษาการใช้คำเชื่อม เช่น because of กับ because มีวิธีใช้ต่างกันอย่างไร เป็นต้น
** เว็บทั่วไประวังตัวด้วย โรคจิตก็มี อยู่ที่เวรกรรมที่ทำมา 555
การพูด:
คุยไปสักพัก ก็ต้องมีกล้า เปลี่ยนมาพูด อย่าหวังผลลัพธ์ที่แตกต่างถ้ายังทำวิธีการเดิมๆ กลัวฝรั่งรำคาญ ก็หาคนคุยใหม่ คนที่อยากจะคุยเรา เขาก็จะอยากช่วย การดูหนังฝรั่งช่วยเสริมความมั่นใจไปในตัว
คนไทยกลัวผิด คนเก่งแค่ไหนก็เคยผิด ผิดแล้วก็จำไว้ จุดมุ่งหมายของภาษา คือสื่อสารให้เข้าใจ ช่วงแรกๆของการพูดอย่ากังวลกับแกรมมาร์มากนัก ดูหนังฝรั่งบางทีก็ไม่ได้พูดแบบแกรมมาร์เป๊ะ ฉะนั้น ออกจาก comfort zone เถอะค่า อย่ากลัวว่าใครจะกระแหนะกระแหน จำไว้ว่าเรากำลังทำชีวิตของตัวเองให้ดีขึ้นเรื่อยๆ และไม่มีคำพูดถากถางของใครจะหยุดเราได้
ต่อด้วยเรื่องทุน ตอนเรียนปี 3 มีโอกาสสัมภาษณ์ไปฝึกงานต่างประเทศ ในคณะมีทุนแต่ละสาขาให้ไปฝึกงาน สาขาละ 1 ทุน เราเป็นตัวแทนของสาขาวิชาเราค่ะ และได้รับทุนไปเรียนต่อป.โท ต่างประเทศแล้วค่ะตอนนี้
ปล.อีกเรื่องที่อยากฝากคือ ภาษาวัดโดยอายุไม่ได้ ทุกอย่างอยู่ที่การฝึกฝนและให้เวลา วัดไม่ได้ว่ามีปริญญาแล้ว ภาษาอังกฤษคุณจะเก่งกว่าประถม อย่าเป็นน้ำเต็มแก้วเสมอ ใครที่ให้ความรู้เราได้ไม่ว่าเขาอายุเท่าไร เราก็ควรจะรับมันไว้ และขอเป็นกำลังใจให้ทุกคน เราเชื่อเสมอว่าไม่ว่าพิ้นฐานแค่ไหน เราสามารถพัฒนากันได้เสมอ