อาชีพครู (ทุน สควค.) vs อาจารย์มหาลัย(ทุน พสวท) อาชีพไหนมีความมั่นคงมากกว่ากันคะ

ถ้าอยากเป็นอาจารย์มหาลัย ได้ทุนพสวท แน่นอนว่า ได้รับทุนจนเรียนจบปริญญาเอก แต่ขนาดทำงานต้องตีเปเปอร์ให้ได้ทุกปี และเงินก็ได้รับตามตำแหน่งวิชาการ ต้องแบ่งเวลาสอนและทำวิจัยด้วย

ส่วนครู ถ้าได้ทุน สควค เรียนต่อ 1 ปี ได้รับการบรรจุเลย แล้วก็เป็นข้าราชการ สามารถเบิกค่าต่างๆได้ การสอน ก็ไม่น่าจะเหนื่อยเท่า อ.มหาลัย

อันนี้เป็นความเข้าใจคร่าวๆในแต่ละทุนแล้วก็แต่ละอาชีพ ท่านไหนมีประสบการณ์หรือความคิดเห็นอย่างไร รบกวนแชร์หน่อยค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 10
ตอบในฐานะที่เป็นนักเรียนทุน สควค. และเป็นอาจารย์มหาลัย นะครับ
สมัยของผม เป็น ป.บัณฑิต ใช้ทุน 2 เท่าของเวลาเรียน
ปัจจุบันนี้ ทุนสควค. จะเป็นระดับปริญญาโทแล้วครับ (Premium) เรียนทั้งหมด 2 ปี โดยจะเรียนอัด 1 ปีแรก แล้วปี2 ฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู
โดยทุน สควค นี้ จะต้องจบด้วยผลการเรียน 3.75 พร้อมกับอังกฤษ 2 ตัว คือ TOEFL 500, IELTS 5.5 ถ้าผลอิงสูง TOEFL 550+, IELTS 6.0+
ก็จะได้ทุนไป ต่างประเทศ 1 ปี เช่น สหรัฐ, ฟินแลนด์ เป็นต้น
ส่วนเรื่องการใช้ทุน ก็ ใช้ตามจำนวนปี เช่น เรียนในไทย 2 ปี ก็ ต้องทำงานห้ามลาออก 2 ปี โดยได้เงินเดือนตามเกณท์ ข้าราชการปกติครับ
(บรรจุ 17,690 ขั้น 4.5) สำหรับเด็กกลุ่มนี้ ป.โท
ส่วน อาจารย์มหาลัยนั้น ปัจจุบัน เป็นพนักงาน แทนข้าราชการ สวัสดิการจึงถูกลดลงไปมาก แถมต้องมีการต่อสัญญา ทุกๆ 3, 5 ปี
(ตาม พรบ. มหาลัย) โดยอาจารย์มหาลัยต้องทำงานวิจัยทุกๆปี ปีละ 1-2 เรื่องแล้วแต่ตามมหาลัย แถมต้องทำตำแหน่งวิชาการ ไม่งั้นไม่ต่อสัญญา

ถ้าถามความมั่นคง ตอบได้เลยว่าเป็นข้าราชการครู มั่นคงกว่ามาก ถึงเงินเดือนจะน้อย แต่ขึ้นปีละ 2 ครั้ง..
ส่วนชีวิตในครู ก็แล้วแต่คนว่าจะใช้ชีวิตยังไง บ้างคนอาจว่าครูเช้าชามเย็นชาม ก็เพราะเรื่องศักยภาพของคนๆ นั้นเอง โดยที่ครู โรงเรียนก็สามารถขอทุนวิจัย ในการทำงานต่างๆ ได้เช่นเดียวกับอาจารย์มหาลัย สามารถทำตำแหน่งวิชาการได้เช่นกัน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
อาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัยทุกวันนี้ไม่มีความมั่นคง สวัสดิการแย่กว่าเอกชนเสียอีก มีแต่ประกันสังคม
งานหนักไม่ว่า ยังต้องต่อสู้กับข้าราชการยุคหินหัวโบราณดั้งเดิม อันเป็นเศษซากเหลือจากอารยธรรม
ระบบราชการยุคเก่าสมัยก่อนเปลี่ยนมาบรรจุเป็นพนักงานมหาวิทยาลัย ที่ทำตัวกร่างเป็น "หมาอำนาจ"
คิดว่าตนเองสูงส่งอยู่เหนือพนักงานมหาวิทยาลัยทั้งหลายทั้งปวง คิดว่าตนเองทรงภูมิมีความรู้มากอยู่
มานาน แต่กลับขาดการพัฒนาและดักดานจมอยู่กับอดีตที่เป็นภาพความสำเร็จเดิม ๆ แต่กลับไม่มีการ
พัฒนาอัปเดตหรือปรับปรุงตนเองให้ก้าวทันตามโลก คุณเก่งไปก็เท่านั้น หลายที่คุณขึ้นมาเป็นผู้บริหาร
ไม่ได้ดอก แม้ว่าตามระบบแล้ว พนง. จะสามารถขึ้นเป็น ผบห. ได้ก็ตามหากข้าราชการเก่าแก่สมองทึบ
ที่ไม่มีปัญญาก้าวทันตามโลกพวกนี้ตายไปหมดเสียก่อน

ทุกวันนี้ พนง. มหาวิทยาลัยตำแหน่งอาจารย์วุฒิปริญญาเอกเงินเดือนเริ่มต้นประมาณ 33,XXX เท่านั้น
ทั้ง ๆ ที่ทำหน้าที่เพื่อสั่งสอนเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้จบออกมาเป็นบัณฑิต เป็นกำลังสำคัญ เป็นทรัพยากร
มนุษย์ที่มีคุณภาพ เป็นกำลังสำคัญของชาติในการพัฒนาประเทศ แต่เงินเดือนกลับไม่ดึงดูดใจคนรุ่นใหม่
ไฟแรงที่พร้อมจะสอนให้มาเป็นอาจารย์ได้

คนเก่งจำนวนมากบรรจุแล้วอยู่ไม่ได้ เพราะทนกับความห่วยแตกของระบบราชการดึกดำบรรพ์ในมหา-
วิทยาลัยไม่ไหวก็ออกไปประกอบอาชีพส่วนตัว ค้าขายอิสระ หรือแม้กระทั่งทำงานเอกชนได้เงินเดือน
มากกว่านี้ 4-5 เท่าด้วยวุฒิเดียวกัน หลายคนร่ำเรียนจนจบปริญญาเอกจากต่างประเทศ ลาออกแม้ว่าจะ
ต้องใช้ทุน ไปทำอาชีพอิสระเพียงปีเดียวก็ใช้ทุนได้หมด เสร็จสิ้นได้อิสระภาพ

ลักลั่นย้อนแย้ง อาชีพอาจารย์มหาวิทยาลัย เป็นอาชีพที่มีความสำคัญมากในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
อันเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ แต่กลับเป็นอาชีพที่มีความมั่นคงต่ำมาก และไม่ดึงดูดให้คน
เก่งเข้ามาทำงาน เหมือนมีพลังงานบางอย่างไม่อยากให้คนไทยพัฒนา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่