จุดเด่นหลักๆของ Captain America: Civil War (ต่อไปขอเรียกแค่ Civil War) คือ
“การสร้างความคาดไม่ถึง” ให้กับผู้ชม ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็อยากให้หาทางหลบสปอยล์เนื้อเรื่องหรือตัวละครใดๆให้มากที่สุดก่อนเข้าไปดูเอง รีวิวนี้ก็เช่นกัน เนื้อหาด้านล่างจะ...
#ไม่สปอยล์ และหลีกเลี่ยงการพูดถึงตัวละครหรือเนื้อหาที่ยังไม่ถูกทางสตูดิโอโปรโมทอย่างเป็นทางการก่อนครับ
…
จาก Comic EVENT ในตำนาน
หากย้อนกลับไปหลายปีก่อน ผมมักแนะนำคนที่มาถามเกี่ยวกับคอมิคซุเปอร์ฮีโร่ ถ้าอยากเริ่มอ่านคอมิคของมาเวลให้ลองอ่านจาก Event “Civil War” เพราะมีจุดเด่นในการรวมตัวกันของซุเปอร์ฮีโร่ที่คุ้นเคยจำนวนมาก นำเสนอด้วยประเด็นการเมืองอย่างเข้มข้น แต่ยังคงสนุกน่าติดตาม ตอนนั้นใครจะคิดว่า Event ระดับมาสเตอร์พีซของ Marvel Comic จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงในจอภาพยนตร์ แต่ก็อย่างที่ทุกคนเห็น อะไรก็เกิดขึ้นได้แล้วในจักรวาลซุเปอร์ฮีโร่ค่ายนี้ ภายใต้จังหวะเวลาที่เหมาะสม และด้วยสัญญาที่เหลืออยู่ของบรรดานักแสดง นี่น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วหละสำหรับโอกาสในการสร้างสรรค์เนื้อเรื่องที่หลายคนเฝ้ารอ
เชื่อว่าหลายคนคงมีโอกาสได้ผ่านตาอ่านอีเว้นท์นี้มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่อย่าคาดหวังว่า Civil War ที่หลายคนอาจเคยได้อ่านจะเหมือนกับสิ่งที่อยู่ในจอขนาดนั้น ประเด็นนำเสนอของ Civil War ในฉบับภาพยนตร์จะค่อนข้างต่างจากฉบับคอมิคอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่เราได้เห็นจะเป็นเพียงกลิ่นอายของ element บางอย่างเท่านั้นที่ยังสามารถนำมาผสมกับเนื้อหาฉบับภาพยนตร์ได้ แน่นอนว่าการปะทะกันของอุดมการณ์ที่แตกต่างของฮีโร่ทั้งสอง ก็ยังคงมีอยู่และมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน
ต้องเป็น Captain America ไม่ใช่ The Avengers: Civil War
แม้จะมีตัวละครที่ปรากฎในหนังเรื่องนี้จะมากล้นยิ่งกว่า
“Avengers: Age of Ultron” แต่ Civil War ฉบับนี้เหมาะสมอย่างที่สุดในการตามหลังชื่อ Captain America
ไม่ใช่ “The Avengers” หนังไม่ได้พูดถึงความเป็นทีมเวิร์คหรือการรวมพลังอย่างที่สไตล์ของหนังตระกูลรวมญาติของค่ายนี้มักนำเสนอ แต่กลับเป็นว่าภาพความเป็นส่วนตัว การนำเสนอตัวตนอย่างลึกซึ้ง ตามฉบับหนังฮีโร่เดี่ยวๆที่มาเวลถนัด ยังคงมีอยู่อย่างไม่ถูกบดบัง Civil War ถูกขับเคลื่อนหลักโดยสองตัวละครหลักอย่างกัปตันสตีฟ โรเจอร์ และโทนี่ สตาร์ค
หนังมีโทนการเล่าเรื่องที่หม่นกว่าที่คิด แน่นอนว่าไม่ได้เป็นโทนการเมือง/จารกรรม จ๋าๆอย่าง Winter Soldier ภาคก่อน ประเด็นถูกต่อยอดมากจาก Age of Ultron ว่าด้วยความถูกต้องในหน้าที่ของการเป็นยอดมนุษย์ สองแนวคิดที่แตกต่างต้องมาปะทะกัน ซึ่งที่เราชอบมากคือหนังตั้งใจนำเสนอมุมมองจากทั้งสองตัวละครหลักอย่างสมดุลย์ บทถูกเกลี่ยออกมาได้อย่างลื่นไหล น่าติดตาม ไม่มีฮีโร่คนไหนรู้สึกถูกทอดทิ้ง และไม่รู้สึกว่าส่วนหนึ่งส่วนใด ขาดหรือเกินจนดูน่าเกลียด โทนี่ สตาร์คมาในภาพที่เราไม่ค่อยเห็นเขาบ่อยนักในหนังเรื่องอื่นๆ และสตีฟ โรเจอร์ก็แสดงเหตุผลส่วนตัวมาให้เราเห็นอย่างน่าเห็นใจ เราไม่สามารถปักใจเลือกข้างได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูกต้อง
Spider-Man และ Black Panther คือตัวขโมยซีนอย่างแท้จริง
Black Panther มาในภาพที่น่าเกรงขาม ตอนแรกก็กลัวๆอยู่ว่าภาพจะซ้ำกับตัวละครแนวที่คล้ายๆกันไหม ถึงแม้ว่าเราอาจยังไม่มีโอกาสได้รู้จักเขามากนักในหนังเรื่องนี้ แต่ Chadwick Boseman ก็นำเสนอ T’Challa ที่หนุ่มขึ้นและมีพื้นที่ใหม่ๆให้ได้ลองตีความ ส่วน Spider-Man มาในภาพที่เราจะไปเปรียบเทียบปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ภาคก่อนๆไม่ได้แน่นอน
Tom Holland มีเคมีที่ดีมากๆในการเข้าคู่กับโทนี่ สตาร์ค และอยู่ร่วมกับบรรดา Avengers รุ่นพี่ได้อย่างไม่แปลกแยก คุณจะหลงรักปีเตอร์ภาควัยรุ่นได้อย่างไม่ยาก และป้าเมย์ในแบบฉบับ Marisa Tomei ก็สวยมาก งานดี แต่บางซีนเราก็รู้สึกได้เลยว่า เห้ย นี่ถูกถ่ายมาเพิ่มที่หลังแล้วถูกแทรกเข้ามานะ ยังดีที่ผู้กำกับพี่น้องรุสโซ่ หาทางเกลี่ยเข้ามาได้อย่างเรียบเนียน และส่งผลบวกกับตัวหนัง
ฉากแอคชั่นไคลแมกคือฉากสนามบิน อย่างที่เห็นในตัวอย่างแต่สิ่งที่มีมากกว่านั้นคือ มันมีอะไรกว่านั้นเยอะมาก มันสนุกมาก! สนุกมากๆ นี่น่าจะเป็นซีนแอคชั่นที่สนุกที่สุดอันดับต้นๆเท่าที่มาเวลเคยสร้างขึ้นมา ฉากเต็มไปด้วยการปล่อยของ ถ้าคุณไม่ได้ติดตามอ่านสปอยล์อะไรมาก่อน จะได้เจอกับความตลกและความคาดไม่ถึงมากมาย ส่วนตัวซีนนี้อาจจะเป็นซีนที่ตอบโจทย์ความบันเทิงก็จริง แต่ในแง่ภาพรวมของฉากแล้ว เรายังไม่ได้ชอบมันขนาดนั้น ซีนแอคชั่นอาจได้มุมมองที่สดใหม่จากการช่วยเหลือของผู้กำกับ John Wick แต่เรายังรู้สึกว่าในแง่ภาพรวมการนำเสนออาจยังเป็นรองซีนต่อสู้ในนิวยอร์คจาก The Avengers ซึ่งนี่น่าจะเป็นหนึ่งในซีนที่น่าจดจำของหนังฮีโร่ยุคหลังๆ แต่ยังย้ำเหมือนเดิมว่า ซีนสนามบินใน Civil War สนุกจริงๆ
นี่ไม่ใช่หนังมาเวลที่ดีที่สุด
หนังยังคงมีจุดบอด และจุดที่หนังต้องเลือกเสียสละไปเพื่อรักษาภาพรวมไว้ แต่ Civil War ประสบความสำเร็จกับโจทย์ของตัวเอง ภายใต้การเปิดตัว Phase 3 ของ Marvel Cinematic Universe หนังสามารถถ่ายทอดความบันเทิง เอาใจสาวกหนังและสาวกคอมิคได้อย่างสมดุลย์ พร้อมทั้งส่งไม้ต่อให้กับนักวิ่งหน้าใหม่ ที่จะเข้ามามีบทบาทแทน Avengers รุ่นพี่ ได้อย่างน่าติดตาม ในแง่บท ส่วนตัวเรายังชอบ Captain America: Winter Soldier หรือ Iron Man3 มากกว่า แต่ข้อดีคือภายใต้ condition ที่มากมายจากสตูดิโอ หนังยังสามารถรักษาจิตวิญญาณของการเป็น “หนังเดี่ยว” ของกัปตันอเมริกาเอาไว้ได้ นี่คือสัญญาณที่ดีว่า Avengers: Infinity War จะถูกนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ และเอาอยู่แน่ๆ ภายใต้การกำกับของพี่น้องรุสโซ่
(A-)
ปล. Audi น่าจะเป็นสปอนเซอร์ที่ Tie-in แรงที่สุดในเรื่องนี้ แต่ความดีงามก็คือถูกออกแบบมาให้ไม่รู้สึกว่าโดนยัดเยียดเลย ซีนสปอนเซอร์เข้ากับตัวหนังมาก ไม่ฮาร์ดเซลล์ แต่ยังรู้สึกว่า รถของ Audi นี่ดีจริง ทนจริง ถูกถล่มขนาดนั้นยังดูขับต่อได้แบบไม่ได้ดูโอเวอร์
ปล2. กระทู้ที่สองในพันทิป แต่เป็นรีวิวหนังครั้งแรก ผิดถูกยังไง แนะนำได้เลยนะครับ
——————————
ฝากติดตาม blog ของผมด้วยนะครับ ^^
facebook blog:
www.facebook.com/Aomtimator
ไปดูมาแล้ว | Captain America: CIVIL WAR ..ไม่เพอร์เฟค แต่เกินคาดหมาย (ไม่สปอยล์)
จุดเด่นหลักๆของ Captain America: Civil War (ต่อไปขอเรียกแค่ Civil War) คือ “การสร้างความคาดไม่ถึง” ให้กับผู้ชม ดังนั้นทางที่ดีที่สุดก็อยากให้หาทางหลบสปอยล์เนื้อเรื่องหรือตัวละครใดๆให้มากที่สุดก่อนเข้าไปดูเอง รีวิวนี้ก็เช่นกัน เนื้อหาด้านล่างจะ...
#ไม่สปอยล์ และหลีกเลี่ยงการพูดถึงตัวละครหรือเนื้อหาที่ยังไม่ถูกทางสตูดิโอโปรโมทอย่างเป็นทางการก่อนครับ
…
จาก Comic EVENT ในตำนาน
หากย้อนกลับไปหลายปีก่อน ผมมักแนะนำคนที่มาถามเกี่ยวกับคอมิคซุเปอร์ฮีโร่ ถ้าอยากเริ่มอ่านคอมิคของมาเวลให้ลองอ่านจาก Event “Civil War” เพราะมีจุดเด่นในการรวมตัวกันของซุเปอร์ฮีโร่ที่คุ้นเคยจำนวนมาก นำเสนอด้วยประเด็นการเมืองอย่างเข้มข้น แต่ยังคงสนุกน่าติดตาม ตอนนั้นใครจะคิดว่า Event ระดับมาสเตอร์พีซของ Marvel Comic จะสามารถเกิดขึ้นได้จริงในจอภาพยนตร์ แต่ก็อย่างที่ทุกคนเห็น อะไรก็เกิดขึ้นได้แล้วในจักรวาลซุเปอร์ฮีโร่ค่ายนี้ ภายใต้จังหวะเวลาที่เหมาะสม และด้วยสัญญาที่เหลืออยู่ของบรรดานักแสดง นี่น่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้วหละสำหรับโอกาสในการสร้างสรรค์เนื้อเรื่องที่หลายคนเฝ้ารอ
เชื่อว่าหลายคนคงมีโอกาสได้ผ่านตาอ่านอีเว้นท์นี้มาบ้างไม่มากก็น้อย แต่อย่าคาดหวังว่า Civil War ที่หลายคนอาจเคยได้อ่านจะเหมือนกับสิ่งที่อยู่ในจอขนาดนั้น ประเด็นนำเสนอของ Civil War ในฉบับภาพยนตร์จะค่อนข้างต่างจากฉบับคอมิคอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว สิ่งที่เราได้เห็นจะเป็นเพียงกลิ่นอายของ element บางอย่างเท่านั้นที่ยังสามารถนำมาผสมกับเนื้อหาฉบับภาพยนตร์ได้ แน่นอนว่าการปะทะกันของอุดมการณ์ที่แตกต่างของฮีโร่ทั้งสอง ก็ยังคงมีอยู่และมีความโดดเด่นไม่แพ้กัน
ต้องเป็น Captain America ไม่ใช่ The Avengers: Civil War
แม้จะมีตัวละครที่ปรากฎในหนังเรื่องนี้จะมากล้นยิ่งกว่า “Avengers: Age of Ultron” แต่ Civil War ฉบับนี้เหมาะสมอย่างที่สุดในการตามหลังชื่อ Captain America ไม่ใช่ “The Avengers” หนังไม่ได้พูดถึงความเป็นทีมเวิร์คหรือการรวมพลังอย่างที่สไตล์ของหนังตระกูลรวมญาติของค่ายนี้มักนำเสนอ แต่กลับเป็นว่าภาพความเป็นส่วนตัว การนำเสนอตัวตนอย่างลึกซึ้ง ตามฉบับหนังฮีโร่เดี่ยวๆที่มาเวลถนัด ยังคงมีอยู่อย่างไม่ถูกบดบัง Civil War ถูกขับเคลื่อนหลักโดยสองตัวละครหลักอย่างกัปตันสตีฟ โรเจอร์ และโทนี่ สตาร์ค
หนังมีโทนการเล่าเรื่องที่หม่นกว่าที่คิด แน่นอนว่าไม่ได้เป็นโทนการเมือง/จารกรรม จ๋าๆอย่าง Winter Soldier ภาคก่อน ประเด็นถูกต่อยอดมากจาก Age of Ultron ว่าด้วยความถูกต้องในหน้าที่ของการเป็นยอดมนุษย์ สองแนวคิดที่แตกต่างต้องมาปะทะกัน ซึ่งที่เราชอบมากคือหนังตั้งใจนำเสนอมุมมองจากทั้งสองตัวละครหลักอย่างสมดุลย์ บทถูกเกลี่ยออกมาได้อย่างลื่นไหล น่าติดตาม ไม่มีฮีโร่คนไหนรู้สึกถูกทอดทิ้ง และไม่รู้สึกว่าส่วนหนึ่งส่วนใด ขาดหรือเกินจนดูน่าเกลียด โทนี่ สตาร์คมาในภาพที่เราไม่ค่อยเห็นเขาบ่อยนักในหนังเรื่องอื่นๆ และสตีฟ โรเจอร์ก็แสดงเหตุผลส่วนตัวมาให้เราเห็นอย่างน่าเห็นใจ เราไม่สามารถปักใจเลือกข้างได้ว่าใครกันแน่ที่เป็นฝ่ายถูกต้อง
Spider-Man และ Black Panther คือตัวขโมยซีนอย่างแท้จริง
Black Panther มาในภาพที่น่าเกรงขาม ตอนแรกก็กลัวๆอยู่ว่าภาพจะซ้ำกับตัวละครแนวที่คล้ายๆกันไหม ถึงแม้ว่าเราอาจยังไม่มีโอกาสได้รู้จักเขามากนักในหนังเรื่องนี้ แต่ Chadwick Boseman ก็นำเสนอ T’Challa ที่หนุ่มขึ้นและมีพื้นที่ใหม่ๆให้ได้ลองตีความ ส่วน Spider-Man มาในภาพที่เราจะไปเปรียบเทียบปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ภาคก่อนๆไม่ได้แน่นอน Tom Holland มีเคมีที่ดีมากๆในการเข้าคู่กับโทนี่ สตาร์ค และอยู่ร่วมกับบรรดา Avengers รุ่นพี่ได้อย่างไม่แปลกแยก คุณจะหลงรักปีเตอร์ภาควัยรุ่นได้อย่างไม่ยาก และป้าเมย์ในแบบฉบับ Marisa Tomei ก็สวยมาก งานดี แต่บางซีนเราก็รู้สึกได้เลยว่า เห้ย นี่ถูกถ่ายมาเพิ่มที่หลังแล้วถูกแทรกเข้ามานะ ยังดีที่ผู้กำกับพี่น้องรุสโซ่ หาทางเกลี่ยเข้ามาได้อย่างเรียบเนียน และส่งผลบวกกับตัวหนัง
ฉากแอคชั่นไคลแมกคือฉากสนามบิน อย่างที่เห็นในตัวอย่างแต่สิ่งที่มีมากกว่านั้นคือ มันมีอะไรกว่านั้นเยอะมาก มันสนุกมาก! สนุกมากๆ นี่น่าจะเป็นซีนแอคชั่นที่สนุกที่สุดอันดับต้นๆเท่าที่มาเวลเคยสร้างขึ้นมา ฉากเต็มไปด้วยการปล่อยของ ถ้าคุณไม่ได้ติดตามอ่านสปอยล์อะไรมาก่อน จะได้เจอกับความตลกและความคาดไม่ถึงมากมาย ส่วนตัวซีนนี้อาจจะเป็นซีนที่ตอบโจทย์ความบันเทิงก็จริง แต่ในแง่ภาพรวมของฉากแล้ว เรายังไม่ได้ชอบมันขนาดนั้น ซีนแอคชั่นอาจได้มุมมองที่สดใหม่จากการช่วยเหลือของผู้กำกับ John Wick แต่เรายังรู้สึกว่าในแง่ภาพรวมการนำเสนออาจยังเป็นรองซีนต่อสู้ในนิวยอร์คจาก The Avengers ซึ่งนี่น่าจะเป็นหนึ่งในซีนที่น่าจดจำของหนังฮีโร่ยุคหลังๆ แต่ยังย้ำเหมือนเดิมว่า ซีนสนามบินใน Civil War สนุกจริงๆ
นี่ไม่ใช่หนังมาเวลที่ดีที่สุด
หนังยังคงมีจุดบอด และจุดที่หนังต้องเลือกเสียสละไปเพื่อรักษาภาพรวมไว้ แต่ Civil War ประสบความสำเร็จกับโจทย์ของตัวเอง ภายใต้การเปิดตัว Phase 3 ของ Marvel Cinematic Universe หนังสามารถถ่ายทอดความบันเทิง เอาใจสาวกหนังและสาวกคอมิคได้อย่างสมดุลย์ พร้อมทั้งส่งไม้ต่อให้กับนักวิ่งหน้าใหม่ ที่จะเข้ามามีบทบาทแทน Avengers รุ่นพี่ ได้อย่างน่าติดตาม ในแง่บท ส่วนตัวเรายังชอบ Captain America: Winter Soldier หรือ Iron Man3 มากกว่า แต่ข้อดีคือภายใต้ condition ที่มากมายจากสตูดิโอ หนังยังสามารถรักษาจิตวิญญาณของการเป็น “หนังเดี่ยว” ของกัปตันอเมริกาเอาไว้ได้ นี่คือสัญญาณที่ดีว่า Avengers: Infinity War จะถูกนำเสนอได้อย่างน่าสนใจ และเอาอยู่แน่ๆ ภายใต้การกำกับของพี่น้องรุสโซ่
(A-)
ปล. Audi น่าจะเป็นสปอนเซอร์ที่ Tie-in แรงที่สุดในเรื่องนี้ แต่ความดีงามก็คือถูกออกแบบมาให้ไม่รู้สึกว่าโดนยัดเยียดเลย ซีนสปอนเซอร์เข้ากับตัวหนังมาก ไม่ฮาร์ดเซลล์ แต่ยังรู้สึกว่า รถของ Audi นี่ดีจริง ทนจริง ถูกถล่มขนาดนั้นยังดูขับต่อได้แบบไม่ได้ดูโอเวอร์
ปล2. กระทู้ที่สองในพันทิป แต่เป็นรีวิวหนังครั้งแรก ผิดถูกยังไง แนะนำได้เลยนะครับ
——————————
ฝากติดตาม blog ของผมด้วยนะครับ ^^
facebook blog: www.facebook.com/Aomtimator