กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องผองเพื่อนทุกท่านครับ
วันนี้ เจ้าหญิงน้อยฯ รับอาสามารีวิว โทรศัพท์ 2 รุ่นคือ
ASUS ZenFone 2 Laser จอ 6 ‏(ZE601KL) และเจ้า  ZenFone 2 ตัวแรม4 (ZE551ML)



เกริ่นก่อนรีวิว
คือปีที่แล้วผมเปลี่ยนโทรศัพท์ มาลองใช้ ASUS ZenFone2 ตัว RAM 4 ค่ำ เอ้ย RAM 4 จิ๊ก
ทั้งนี้เดิมผมเป็นสาวก ยี่ห้อนึง  แต่อยากได้โทรศัพท์ 2 ซิม ที่เร็วๆ และคิดว่าเริ่มมีปัญหาจุกจิกกับยี่ห้อเดิมที่ใช้
เลยตัดสินใจซื้อ ZenFone2 มาลองใช้

หลังจากการใช้งาน ASUS ZenFone2 RAM4 มาประมาณ 7-8 เดือน สรุปสั้นๆเลย
ผม ”โอเค” กับมันมาก ถ้าสรุปในบรรทัดเดียวคือ

“เร็วจริง เปิดโปรแกรมพร้อมๆกันได้เยอะ งอแงน้อย จอใหญ่ ถ่ายรูปโอเค แบตเพียงพอกับการใช้งานต่อวัน”

แต่เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ผมหกล้มแล้วโทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อกระเด็นตกพื้นถนน
จึงทำให้ เจ้า RAM 4 ของผมจอแตกซึ่งมันยังสามารถใช้งานได้เพราะเป็นจอนอกที่แตก
(โชคดีที่ติดฟิล์มไว้) และผมไม่มีโทรศัพท์สำรอง เลยต้องใช้ไปก่อน


(ดูน่าเกลียดไปนิดนึง พอดีเอาเทปใสแปะไว้ตั้งแต่วันที่แตกเลยไม่ได้แกะออกเลยตั้งแต่วันนั้น)

ผ่านไปเดือนกว่าๆ ทาง ASUS THAILAND ติดต่อเข้ามาอยากให้ผมช่วยรีวิวมือถือให้
ซึ่งตอนแรกผมคิดว่าไม่รับ เพราะผมไม่ใช่คนมีความรู้มากมายเกี่ยวกับมือถือ
(แต่เคยรีวิว เรดาร์ GPS ระบบติดตามพาหนะ)
ผมเป็นแค่ผู้ใช้ระดับ USER ธรรมดาคนนึง แต่ด้วยสถานการณ์จอที่แตก
และผมที่เริ่มประทับใจใน ASUS และทาง ASUS บอกให้รีวิวตรงๆได้
จึงตกลงรับรีวิว (จริงๆตอนแรกกะจะเอามาใช้แทนเจ้า RAM4 ที่จะเอาไปซ่อมจอนี่แหละ)

ซึ่งจากวันที่ได้รับเครื่องมาผมก็ใช้คู่กัน สลับกันใช้บ้าง ถ่ายภาพเดียวกันทั้ง 2 กล้องบ้าง
ทั้งไปทำงาน ไปเที่ยว ไปต่างจังหวัด ยกเว้นตอนไปเล่นน้ำสงกรานต์
เนื่องจากไม่ได้รับอนุญาตให้โทรศัพท์เปียกน้ำ

ดังนั้นนี่จึงเป็นการรีวิว แบบ SR ปะทะ CR ตามมาตรฐานการใช้งานจริงของผมครับ

อนึ่ง
การรีวิวของผมรูปถ่ายประกอบรีวิวจะไม่มีการปรับแต่งค่าแสง ค่าสี
หรือผ่านแอพใดใดนะครับ พูดว่าดิบๆเลย  


เอาล่ะไปดูกันเลย
ก่อนอื่นมาดู สเปคของทั้ง 2 รุ่นกันก่อน


เอาแค่นี้พอ สเปคเต็มๆ ไปดูกันในลิ๊งนี้
https://www.asus.com/th/Phone/ZenFone-2-Laser-ZE550KL/


เอาละ ทีนี้มาดูสิ่งที่ “สเปคไม่ได้บอกคุณ” กัน
จากการใช้งานจริงของผม ผมคัดหัวข้อที่ผมเห็นข้อแตกต่างและข้อดีจากการใช้งานไว้แล้ว ดังนี้

1. ลำโพง ZenFone 2 Laser
ในส่วนลำโพงนี้ แตกต่างกันมากๆ ด้วย ASUS จอ 6 นิ้ว ตามสเปกคือ ลำโพงคู่เพิ่มแม่เหล็กเป็น 5 ชิ้น
ซึ่งจากการลองเปิดฟังเทียบกัน ทั้งเพลง หนัง เกมส์ ASUS จอ 6 นิ้ว เสียงดังกว่ามากๆ

(ลำโพงด้านหลัง หน้าตาเหมือนตัว RAM4เปี๊ยบ แต่เสียงดังกว่ามาก)

จากที่ลองใช้ ลำโพงคู่ของ ASUS จอ 6 นิ้ว เหมาะมากสำหรับดูกีฬา อาทิฟุตบอล
จากที่ผมลองเทสด้วยการเปิดคลิปฟุตบอลทีมชาติไทย เทียบกัน พบว่าเสียงจากลำโพงคู่
กระหึ่มกว่า ดังกว่า ตัว RAM 4 เยอะ


2. ZenUI ของทั้ง 2 รุ่น
อันนี้ต้องบอกก่อนว่า ผมใช้แอนดรอยส์มา ไม่กี่เครื่อง เลยไม่แน่ใจว่า ระบบของยี่ห้ออื่นเป็นอย่างไร
แต่เท่าที่ใช้ ZenUI ก็เป็นระบบที่เข้าใจง่าย ปรับแต่งได้เยอะพอสมควร

อาทิ การปิดโปรแกรมที่ใช้งานที่กดง่ายปิดไว, วางไอคอนใช้งานบ่อยได้เข้าใจง่าย
โดยรวมระบบทำได้ดีพอสมควร นอกจากนั้นยังปรับ สี ธีม ตัวอักษรบนจอได้ง่าย
และมี EASY MODE สำหรับคนเน้นใช้งานง่ายๆ โดยรวมดีครับ ปรับแต่งได้มากกว่าที่เคยคิดเยอะ


นอกจากนั้นยังมี Icon Pack, Launcher Theme สามารถเข้าไปดาวน์โหลดในสโตร์ของ Asus ได้ด้วย
โดยเฉพาะ Launcher Theme นี่ถือว่าปรับแต่งทั้ง ICON THEME การจัดเรียงแอพ หน้าจอ ได้เยอะมาก
ซึ่งระบบจะเซทให้ปรับได้ทันทีไม่ต้องหาด้วยการ ปัดหน้าจอจากด้านล่างขึ้นบน
เมนู Launcher Theme ก็จะโผล่มาให้ปรับแต่งเปลี่ยนแปลงได้ตามใจทุกเมื่อ

ซึ่งเป็นทางเลือกสำหรับคนที่ชอบเปลี่ยนนู่นนี่นั่นเหมือน Line Deco หรือ Go Launcher

มีตินิดนึง จากการใช้งานจริง ทั้ง 2 เครื่อง(จริงๆก็ถือเป็น USER ERROR นะ)
ตรง TO DO TASK หรือ TO DO LIST เวลาใช้อย่าปรับให้บันทึกแบบเขย่า(เขย่าเครื่องเพื่อให้แคปหน้าจอ)
อย่างผมทำกิจกรรม เช่นขี่จักรยาน บางทีเครื่องเข้าใจว่าเราเขย่าเพื่อให้เก็บภาพ(แคป)
ไว้ใน TO DO TASK ซึ่งพอวันนึงเปิดมาดู โห เป็น 100 งานเลย


3. READING MODE จอ 5.5 นิ้ว เทียบกับ จอใหญ่ 6 นิ้ว
ในโหมดนี้ เราสามารถปรับแสงของจอได้หลายแบบ ทั้งลดเฉดสีก็ทำได้

ซึ่งพออัพระบบให้เท่ากันแล้ว ก็ทำได้เหมือนกัน ซึ่งจากการลองอ่านผ่านจอทั้ง 2 รุ่นแล้ว
พอกัน แต่ก็ต้องให้ จอใหญ่ชนะไป เพราะจอยิ่งใหญ่ก็ยิ่งอ่านง่ายขึ้น ทั้งนิยาย ทั้งการ์ตูน
เดิมผมมีหนังสือใน KINDLE ดองอยู่แล้ว จึงนำมาลองอ่านนิยายดู
ซึ่งก็อ่านได้ง่ายขึ้น (ปกติอ่านผ่านไอแพด) และพอมาใช้ 6 นิ้ว สามารถนอนอ่านโดยถือมือถือมือเดียวได้




4. ZenFone 2 Laser's หน้าจอกระจกกันรอบขีดข่วนใหม่ล่าสุด
ZenFone 2 Laser's (ZE601KL) มีการปรับมาใช้ จอ Corning® Gorillla® Glass 4


ซึ่งจากสเปกเคลมว่าแข็งแกร่งกว่าเดิม 2.5 เท่า ส่วน เจ้า RAM4 จะใช้ Corning® Gorillla® Glass 3
(ที่แกร่งน้อยกว่าตัว 6 นิ้ว 2.5 เท่าตามสเปก) ซึ่งน่าเสียดายที่ในเงื่อนไขการรีวิว
ไม่อนุญาตให้ผม DROPTEST แต่ก็เชื่อว่าจอน่าจะแข็งแรงขึ้น

ซึ่งตัว RAM4 ของผมจริงๆ ตกมาแล้ว 4 ครั้ง แต่ตอนที่จอแตกคือ
โทรศัพท์มันกระเด็นออกจากกระเป๋า กระแทกฟุตบาธในมุมที่ขอบจอลงกระแทกเลยแตกครับ  


5. Laser Auto-focus ในกล้อง
ลองดูภาพเปรียบเทียบกันก่อน

ZenFone 2 Laser's



ZenFone 2 RAM4

จากภาพจะเห็นว่าตำแหน่งของแฟลช เปลี่ยนตำแหน่งไป และเพิ่มเลเซอร์เข้ามา
อันนี้ ตอนใช้จริง ไม่ได้มีแสงเลเซอร์ยิงออกมาให้เห็นแบบเลเซอร์พ๊อยเตอร์นะ

แต่เป็นเลเซอร์ที่ช่วยในการโฟกัสภาพตอนถ่ายให้ดีขึ้น
จากการใช้ถ่ายรูปทั่วไปคู่กับตัว RAM 4 หลังจากเทียบและเทสแล้ว พบว่าการจับโฟกัสในการถ่ายภาพจะเร็วกว่าตัว RAM 4 จริงๆ
ซึ่งปัญหาเล็กๆ ของ ZenFone2 RAM4 ที่ผมใช้อยู่คือ “การโฟกัสภาพช้า” บางทีเราถ่ายมือเดียว มือสั่นเล็กๆ
หรือโฟกัสหาไม่เจอจุดที่เราจะโฟกัส มันจะช้านิดนึงในการหาโฟกัส แต่ตัว LASER ปัญหานี้ลดลง การจับโฟกัสไวขึ้น
การเน้นภาพหน้าชัดหลังเบลอ-หน้าเบลอหลังชัด ทำได้ไวกว่า RAM4 พอสมควรเลย  

ในส่วนของการถ่ายภาพ ผมลองถ่ายมาเปรียบเทียบด้วยดังนี้
ภาพจะไม่เหมือนกันเป๊ะ 100 % นะ สลับกันถ่ายทีละเครื่อง


ZenFone 2 Laser's


ZenFone 2 RAM4


ZenFone 2 Laser's


ZenFone 2 RAM4


ZenFone 2 Laser's


ZenFone 2 RAM4

สำหรับแฟลชให้สว่างเท่ากันเพราะเป็น แฟลช Dual-LED เหมือนกัน


6. โหมดแสงน้อย ทั้ง 3 แบบ
เป็นอีก 1 จุดขายที่ ZenFone 2 โฆษณาในหลายๆรุ่น ซึ่งระบบช่วยในการปรับแต่งและถ่ายภาพของ
ZenFone เน้นมาให้ ทั้ง HDR, แสงน้อย, กลางคืน จะขอแยกคร่าวๆดังนี้

โหมดปกติ


โหมด HDR คือระบบชดเชยแสงในการถ่ายภาพย้อนแสง


โหมดแสงน้อย เป็นระบบที่เหมาะสำหรับถ่ายในพื้นที่แสงน้อย ไฟสลัว ในอาคารที่ไฟไม่สว่างมาก


โหมดกลางคืน คือโหมดที่ปรับความสว่างโดยรวมช่วย ซึ่งสามารถใช้แฟลชได้


ซึ่งบางทีเราจะถ่ายภาพกับเพื่อนๆทั้งกลุ่ม ในร้านอาหารตอนกลางคืนที่แสงน้อย
เราอาจจะต้องนึกว่า

“เอ๊ะ นี่ชั้นควรใช้โหมดไหนในการถ่ายภาพกันนะ ?”

จากการใช้งานจริงของผมเป็นแบบนี้ครับ
สมมติว่าเราเริ่มที่ โหมดกลางคืน แล้วภาพที่ปรากฏในจอแสงน้อยไป
ระบบจะทำการแนะนำด้วยการขึ้น ไอคอนที่เหมาะสมมาให้ อาทิ เราเริ่มต้นด้วยโหมดกลางคืน

แต่ภาพออกมามืด ระบบจะขึ้นข้อความให้ลองเปลี่ยนเป็นโหมด HDR เป็นต้น

ซึ่งถ้าเรายังไม่โอเค ก็สามารถเลือกเองได้เช่นกัน


เพื่อภาพที่ดีที่สุดที่ต้องการ

ซึ่งตรงนี้เป็นความฉลาดของโปรแกรม ซึ่งเท่าที่ลองใช้ ถือว่าเชื่อถือได้พอสมควรเลย

อนึ่ง ในโหมดกลางคืนภาพถ่ายจะถูกลดคุณภาพของภาพลง เหลือไม่เกิน 3 ล้านพิกเซลส์นะครับ
ถ้าต้องการภาพที่คุณภาพรายละเอียดดีดี ควรลองใช้ HDR จะดีกว่าครับ

ผมลองถ่ายเปรียบเทียบเพิ่มเติมมาด้วยดังนี้
(ไม่มีรูปเปรียบเทียบนะครับ เพราะระบบเท่ากัน ต่างกันแค่ความเร็วโฟกัส)

A. โฟกัส หน้าชัด-หลังเบลอ+แสงน้อย


B. โฟกัส หน้าเบลอ-หลังชัด+แสงน้อย


C. โหมด HDR ในพื้นที่ในอาคารแสงน้อย


D. โหมด HDR ในพื้นที่ในอาคารแสงสว่างแบบไฟเหลือง


E. โหมดกลางคืน ไม่ใช่แฟลช ถ่ายกลางคืน มีแสงไฟนีออน โฟกัสระยะไกล


F. โหมด HDR ถ่ายใกล้ๆวัตถุ เลือกโฟกัสกลางภาพ พื้นที่แสงน้อย


G. โหมด HDR ถ่ายปกติ ไม่โฟกัส พื้นที่แสงน้อย


H. โหมดวัตถุจิ๋ว พื้นที่แสงน้อย


I . โหมดปกติ ถ่ายในร่ม แสงเพียงพอ


J. โหมด HDR ถ่ายในร่ม แสงไม่สม่ำเสมอ (มีทั้งแสงขาวและแสงเหลือง)


ซึ่งแน่นอนในการถ่ายภาพ ถ้าเลือกโหมดไม่ดี รูปที่ออกมาก็จะดูไม่โอเคครับ
ดังนั้นควรเลือกใช้ให้เหมาะกับแต่ละสภาพแสงและ ภาพแบบที่เราต้องการครับ

พื้นที่ไม่พอไปต่อด้านล่างนะครับ