เที่ยวอิตาลีแบบพังๆ สังคัง กะละมัง

หนีไปสวีกันที่อิตาลี


วันนี้คันปากอยากจะเล่า จะพาชาวพันทิพบินลัดฟ้าไปเที่ยวประเทศอิตาลีกัน ไปติดตามกันเลยค่ะ

ทริปอิตาลีเป็นทริปที่เต็มไปด้วยความพัง สังคังกะละมังมาก เราสองคนตกลงกันว่าจะไปเที่ยวหลังจากที่อินี่ต้องกลับมาอยู่ไทยเมื่อต้นปีที่แล้ว ห่างกันสามเดือนแทบจะขาดใจ ได้ฤกษ์งามยามดีไปเที่ยวอิตาลีกันสัก 10 วัน ด้วยความชื่นชอบและสอนประวัติศาสตร์ทำให้อินี่ตื่นเต้นมากกกกกกก  กับการได้ไปเยือนอาณาจักรที่เก่าแก่หลายพันปีแห่งนี้ แหมอยากจะเหยียบพื้นหินทุกก้อนในโรมแบบที่ซีซาร์ เคยเหยียบมา เก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เตรียมเสื้อผ้าประเภทนุ่งสั้น แหวกเว้า ปิดหน้าเปิดหลัง ตามสไตล์เพราะช่วงที่เดินทางคือมิถุนายน ร้อนๆใสๆ เหมือนประเทศไทยไม่ผิดกัน บวกกับความตั้งใจจะไปประชันแฟชั่นในเวทีระดับโลก เสื้อผ้าทุกตัวจึงต้องแหวกแหกไว้ก่อนเป็นยอดดี

ออกเดินทางลัดฟ้าไปกับสายการบินแห่งชาติตุรกี สายการบิน Turkish Airline ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพไปอิสตันบูลประมาณ 10 ชั่วโมงนิดๆแล้วต่อเครื่องไปยังกรุงโรมา โดยปรกติอินี่เป็นคนบินสะเปะสะปะ เรื่องสะสมไมล์ไม่เคยเเคร์ เปลี่ยนสายการบินไปเรื่อยเปื่อยเพราะชอบลองของ และคิดเรื่องอะไรแบบนี้ไม่ค่อยเป็น

เที่ยวบินนี้เรียบง่าย หลับสบาย อาหารถูกปาก หึ  ที่เล่ามานั้นไม่จริงเลย โอ๊ย หน้าตาแบบนี้หุ่นแบบนี้ ออกตัวได้เลยว่าสวยมาก ทุกๆครั้งที่ต้องเดินทางคนเดียว มันจะต้องมีปัญหามีเหตุอยู่ตลอดตลอด อาจจะเป็นเพราะความสวยสะพรึง ไม่ก็เป็นเพราะ อินี่เป็นนางฟ้าในดงแขก จึงโดนข่มขืนทางสายตาเป็นว่าเล่น  เอาไปเลยค่ะนมทั้งสองข้าง ขาพี่ท่านก็ค่อยๆเเทะ ค่อยๆโลมๆไปเรื่อย ถ้าถามว่านอนหลับลงมั๊ย คงบอกเลยว่ายาก สายตาที่มองมา อยากจะตีให้ตาแตก เหยก็ให้เกียรติกันบ้างเห้ย ยิ่งระหว่างรอเปลี่ยนเครื่องยิ่งหนักเพราะที่นั่งรอเป็นแบบหันหน้าเข้าหากัน เอาเป็นว่าอินี่ไม่สบตาใครทั้งนั้น ตีมึนไปได้เลย อีกสิ่งที่ขัดข้องหมองใจคงเป็นเรื่องของกลิ่น ที่มันตีกันเหมือนสงครามน้ำหอม มามันแทบจะทุกยี่ห้อที่มีบนโลกแห่งนี้ 12 ชั่วโมงแลกมากับเยื่อโพรงจมูกพัง เค้าไม่ได้เหม็นนะ แต่ด้วยความที่กลิ่นมันตีกันมากเลยกลายเป็นว่าเหม็นไปโดยปริยาย

แผนการเดินทางคืออยุ่ในโรม 3 วัน จากนั้นเราจะลงใต้เลียบชายหาดไปที่ Almafi Coast เที่ยวเเถวนั้นและค่อยกลับมาโรมอีกวันเเล้วบินกลับ จริงๆก็อยากไปหลายเมืองแต่ด้วยความที่เราเช่ารถกัน ตลอดทั้งทริปเราคงอยู่กันแต่ในรถ เลยปลงใจกันที่ 2 - 3ที่เป็นกระสัย

10 โมงเช้ามาถึงสนามบิน Fiumicino ในกรุงโรม จากสนามบินมีรถไฟนั่งเข้ามาในเมืองได้เลย โรงเเรมที่จองไว้ต้องลงที่ Roma Termini เป็นสถานีใหญ่ของเมือง มีร้านค้าร้านอาหารเยอะแยะ ผู้คนเดินไปมาควักไขว่

หาทิศที่จะเดินไปโรงเเรมไม่เจอก็เลยต้องถามทาง โอ้ววว อิตาเลียนโน บวกภาษามือคุยกันให้เมื่อยกว่าจะรู้ว่าต้องไปไหน จากสถานีออกมาเดินตรงๆๆๆๆๆๆ มุ่งหน้าไปยัง Colosseumิเดินไปประมาณ 40 นาที ด้วยความที่แดดดีลมเย็นพัดเบ้าหน้า เลยไม่รีบร้อนเดินชมวิวสวยๆไปตามทาง เพราะความโรคจิตเดิมที่มีกับการชอบสอดส่องบ้านคน การเดินชมเมืองครั้งนี้เลยเพลิดเพลินมาก แต่สิ่งที่สังเกตุได้คือ โรมก็คงเหมือนเมืองใหญ่เมืองอื่นๆคือความสับสนวุ่นวาย ผู้คนเยอะเเยะ คนต่างชาติ นักท่องเที่ยว คนทำงาน เดินชนกันตาย ไม่พอ ยังจะต้องระวังรถอีก คนที่นี่ขับรถนึกว่าอยู่สนาม F1 เหย เร็วไปป่ะ เสียงรถดังโหวกแหวกผสมกับเสียงแตรที่บีบกันยับดังสนั่นหวั่นไหว คาดว่ารถที่นี่คงต้องทำแตรเป็นขนาดใหญ่พิเศษ รถยนต์ที่นี่จะเป็นคันเล็กไซส์มินิแบบสองที่นั่งก็มี เนื่องจากถนนในโรมค่อนข้างเล็ก ตรอกซอกซอยย้วยเยี้ย เล็กมาชนิดที่เรียกว่า พุ่งเอาหน้าเข้าจอดตูดก็พ้น รถมอเตอร์ไซเยอะมาก นึกว่าอยู่แยกสาทร นราธิวาส เสียงแตรและเสียงเบิ้นเครื่องเลยกลายเป็นเสียงบรรเลงขับเคลื่อนให้เมืองนี้ไม่เหงาเลย


เหงื่อเริ่มแตกก็มาถึงโรงเเรมพอดี เป็นตึกสูง 6 ชั้น ภายในก็จะเป็นทั้งบ้านคน สำนักงาน และโรงเเรมด้วย โรงเเรมที่จองอยู่บนชั้น 5 กรี๊ดสลบกับลิฟท์ที่มีความเก๋ไก๋แบบหนังสไตล์ยุโนปคือเป็นประตูลูกกรงเปิดปิดเองขนาดยืนได้สองคน เอาจริงๆอินี่วนเวียนถ่ายรูปอยู่ในลิฟท์นานมาก กว่าจะมาถึงชั้น 5 เเอบกดลงไปข้างล่างอีกรอบเพื่อจะได้มีเวลาถ่ายรูป ยิ้ม



โรงเเรมที่อยู่ชื่อ Tourist House B&B มีประมาณ 6-7 ห้องได้ เป็นห้องเตียงใหญ่ขนาดกำลังพอดี มีระเบียงปลอมเล็กๆ ให้พอยื่นหัวออกไปดูวิวได้ วิวสวยเพราะได้มองเห็นห้องตรงข้าม และได้ยินเสียงจอแจตลอด อาบน้ำอาบท่าอยากจะออกไปเดินเล่นใจจะขาดเพราะอากาศดีมากมายได้มีโอกาศอยู่คนเดียวจะออกไปเดินส่องหนุ่มอิตาเลียนโนที่ว่าหล่อบาดใจซะหน่อย กว่าจินจะถึงก็คง 3 -4 ทุ่ม ด้วยความเพลียเพราะไม่ได้นอนตลอดไฟลท์อาบน้ำเสร็จแต่งหน้าครบเครื่องพร้อมลุย แต่ตัดสินใจอ่ะของีบนึง จะได้ออมแรงไว้ เพื่อต้องสู้ศึกในเมืองใหญ่ หลับไปสามชั่วโมง ตื่นมาตอนบ่ายๆ อ้าวฝนตก เเหม มิน่าหลับสบายเลย เลยต้องรอให้ฝนหยุดเเล้วลงมาเดินเล่น



เดินออกมาจากโรงเเรม ถนนสองข้างทางเต็มไปด้วยร้านอาหารอิตาเลี่ยน หิวโหยมาเลยโฉบเข้าไปจัดซะหน่อย นั่งจิบไวน์ มองดูคนเดินผ่านไปผ่านมาเปียกกันเป็นลูกหมาเลย นั่งกินไปซักพักมีชายหนุ่มหัวไข่ดาว หน้าตาราว 40 กว่าเข้ามาทักทายถามไถ่เรื่องอาหาร คุยไปคุยมานางบอกเป็นเจ้าของร้าน เอ้า งั้นเชิญนั่ง ออตโต้พูดภาษาอังกฤษสำเนียงอิตาเลียน คุยเสียงดังโวยวาย บอกว่าร้านเค้านี่อิตาเลียนแท้ อยู่มานานมากอร่อยที่สุดในย่านนี้ อ่ะๆอร่อยจริงแหมของอย่างนี้ให้ลูกค้าพูดก่อนก้ได้มั้ง ชวยให้ลองกินนั่นกินนี่ ขยิบตาให้สองทีเป็นอันรู้กันว่า อินี่กินฟรีแน่นอน กิกิ ของแบบนี้มันขึ้นอยู่กับชั้นเชิงและประสบการณ์ ออตโต้เอามาให้ลองแทบจะหมดร้าน ชวนคุยยาวเรื่อยเปื่อยเป็นหลายชั่วโมง ตัดภาพมาอีกทีก้อเกือบทุ่ม เย็นย่ำค่ำมืด ขอตัวกลับ ขอบคุณสวยๆ นางถามวันนี้ยูจะไปไหน จะพาไปซิ่งเอามั๊ย อ๋อ เสยผมหนึ่งที "ไม่ได้อ่ะยู เนี่ยรอสามีอยู่ เดี๋ยวบินมาจากลอนดอน " คงไม่ต้องถามว่าหน้าอีออตโต้เป็นงัย เสียดายค่าอาหารล่ะสิมุง เก็บย้อนหลังไม่ได้นะ ไปและ ยิ้ม

เดี๋ยวมาต่อนะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  บันทึกนักเดินทาง เที่ยวต่างประเทศ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่