พิพิธภัณฑ์เซ็กส์ในจีน คุณคิดอย่างไรกับภาษิตจีนที่ว่า ความอกตัญญูมี3ประการ ไร้ทายาทคืออตัญญูสูงสุด?

กระทู้คำถาม
ที่มา
http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9480000035473
tag ปัญหาสังคมเพราะว่าคนไทยเดี๋ยวนี้มีจำนวนมากตั้งใจจะไม่มีลูก  ก่อให้เกิดสังคมคนแก่และเกิดแรงงานขาดแคลนในอนาคต

"不孝有三,无后为大"
        "ปู๋เสี้ยวโหย่วซาน อู๋โฮ่วเหวยต้า"
        แปลเป็นไทยก็คือ "ความอกตัญญูนั้นมีอยู่สามประการ ที่หนักหนาสาหัสที่สุดก็คือการไม่มีทายาท"***
      
        คำสอนดังกล่าว ได้ถูกชาวจีนบันทึกและถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น มายาวนานกว่า 2,300 ปี แล้ว และแม้ลัทธิขงจื๊อจะล่มสลายไปพร้อมๆ กับการปฏิวัติล้มล้างระบบศักดินา แต่คำสอนและปรัชญาของลัทธิขงจื๊อก็ยังคงทรงอิทธิพลอย่างสูงในสังคมจีน และประเทศในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทยจนถึงปัจจุบัน
      
        ที่ยกคำสอนของลัทธิขงจื๊อขึ้นมาก็ไม่ใช่ว่า ผมคิดจะมากล่าวถึง เรื่อง 'ความกตัญญู' ในคำสอนของปราชญ์ชาวจีนอะไรหรอกครับ เพียงแต่ต้องการจะชี้ให้เห็นว่า คำสอนดังกล่าวนี้ นอกจากจะมีนัยยะทางด้านความเชื่อของชาวจีนแล้ว ยังมีความเกี่ยวพันไปถึง ความอยู่รอดของมนุษยชาติ อีกด้วย
      
        สังเกตเห็นได้ชัดว่า คนจีน นั้นเชื่อฟังในคำสอนดังกล่าวของเมิ่งจื่ออย่างมาก ทั้งยังสามารถปฏิบัติตามได้อย่างดีเยี่ยม เนื่องจาก ถึงปัจจุบันตัวเลขประชากรชาวจีนอย่างเป็นทางการนั้นได้ทะลุจำนวน 1,300 ล้านคนไปเรียบร้อยโรงเรียนจีนแล้ว
      
        สถิติดังกล่าวเป็นข้อพิสูจน์ได้อย่างดีว่า จีน นอกจากจะเป็นอู่อารยธรรมของโลกในความรู้ เกษตรกรรม ภาษาศาสตร์ รัฐศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ และอื่นๆ อีกมากมายหลายศาสตร์แล้ว จีนยังถือว่าเป็นสังคมที่สะสมความรู้ 'ทางเพศ' หรือ 'เพศศาสตร์' ไว้อย่างมากมายมหาศาลอีกด้วย
      
        จะว่าไป ความรู้ในศาสตร์ด้านเพศของ จีน ก็คงจะสูสีกับประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินเดีย ที่เมื่อพิจารณาจากผลลัพธ์ คือจำนวนประชากรแล้ว จะเห็นได้ว่ามีมากมายพอๆ กัน โดยสถิตินับถึงปี 2547 ระบุว่า ประเทศจีนมีประชากรมากเป็นอันดับหนึ่งของโลก คือ ราว 1,300 ล้านคน ขณะที่ประเทศอินเดียนั้นก็ตามจี้มาเป็นอันดับสองด้วยตัวเลข 1,087 ล้านคน แล้วก็คงไม่มีใครปฏิเสธ : )
      
        ตั้งแต่โบร่ำโบราณ คำสอนของชาวจีนเรื่องปัจจัยพื้นฐานในการดำรงอยู่ของมนุษย์ นั้น อาจจะแตกต่างจากชาวไทยเสียหน่อย เพราะ ขณะที่เราสอนให้เด็กๆ ท่องจำเรื่องปัจจัย 4 ซึ่งประกอบด้วย อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค นั้น ชาวจีนเขาก็สอนเช่นกันว่า ปัจจัยพื้นฐานในการดำรงอยู่ของมนุษย์นั้นมีอยู่สองอย่างเท่านั้น คือ หนึ่งคือ อาหาร อีกหนึ่งคือ เพศสัมพันธ์ (一是食,一是性)
      
        กล่าวมาถึงตอนนี้ ผู้อ่านบางท่านอาจจะกล่าวว่า ไอ้นักเขียนคนนี้ หาข้ออ้างมาเขียนเรื่องลามกอีกแล้ว!
      
        อ่านต่อไปสิครับ แล้วจะรู้ว่าเรื่องราวไม่ 'ติดเรท' อย่างที่ท่านระแวงแน่นอน หรือดีไม่ดี อาจจะเป็นวิชาการมาก ถึงขั้นที่ว่า ท่านๆ ทั้งหลายอาจจะนำไปดัดแปลงเพื่อใช้สั่งลูกสอนหลานได้อีกต่างหาก
      
        เรื่องราวก็มีอยู่ตามที่ผมเกริ่นไปกับท่านผู้อ่านตั้งแต่ตอนที่แล้วว่า ผมเพิ่งไป 'ซิ่ง' (ความหมายแรก) ที่ พิพิธภัณฑ์เซ็กส์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศจีนมา
      
        พิพิธภัณฑ์ซิ่ง หรือ พิพิธภัณฑ์เซ็กส์ แห่งนี้มีชื่อเสียงเรียงนามอย่างเป็นทางการว่า พิพิธภัณฑ์วัฒนธรรมทางเพศโบราณของจีน (中国古代性文化博物馆:The Museum of Ancient Chinese Sex Culture) เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่มีเจ้าของคือ หลิวต๋าหลิน (刘达临) และ หูหงเสีย (胡宏霞) โดยท่านแรกนั้นเป็นนักวิชาการด้านเพศศึกษาที่มีชื่อเสียงมากในประเทศจีน โดยในอดีตนั้นเขาดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ ด้านสังคมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้



รณรงค์คนไทยร้อยล้าน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่