[CR] โตเกียว..คนเดียวไหว

สวัสดีค่ะ ครั้งแรกในชีวิตกับการไปญี่ปุ่นคนเดียว แต่ไม่ใช่ครั้งแรกของการไปญี่ปุ่น เราเคยไปเมษายนปีที่แล้วแต่ไปกันหลายคน แทบไม่ต้องทำการบ้านหรือศึกษาอะไรเลย มีคนนำทางให้ในทริปนั้น เรามีหน้าที่แค่ไปเที่ยวตาม มีซิมเน็ตใช้งานครบ กินดีอยู่ดี ซึ่งต่างจากครั้งนี้มาก


ทริปนี้เราไปคนเดียว 20-26 เมษายน 2559 ที่ผ่านมา เลือกเมืองใหญ่และวุ่นวายที่สุดเลยคือโตเกียว เราไม่ซื้อซิม ไม่ใช้พ๊อคเกตไวฟาย ใช้อินเตอร์เน็ตแค่ที่พักเท่านั้น เพราะเราเชื่อว่ายังไงมันก็ไหว ทำการบ้านมาเยอะๆหรือถ้าจะหลงทางยังไง ถามคนอื่นเอามันไม่ตายแน่ๆ 555

ทริปนี้เรามีอุปกรณ์ช่วยในการถ่ายรูปแบบนี้ กล้อง Fuji Xa2 เลนส์ Kit / 35 mm f1.4  + ทริกเกอร์เพื่อใช้เป็นเหมือนรีโมตชัตเตอร์ + ขาตั้งกล้อง Goriila Tripod

*เสริมอีกนิดนะคะ เวลาจะขอให้ใครถ่ายรูปให้ พยายามดูที่เค้าถือกล้องมาด้วยนะคะ เพราะเค้าน่าจะถ่ายได้โอเค พอรู้หลักหน่อย**

แล้วก็ต้องบอกว่าฟูจิไม่ใช่กล้องฟรุ้งฟริ้งนาจาาา อย่าเอามาถ่ายแค่ฟรุ้งฟริ้งเลย 5555

การเดินทางครั้งนี้ค่าตั๋วเครื่องบินรวมไปกลับประมาน 18500 บาท จองผ่าน Skyscanner เป็นทริปด่วนที่จองก่อนไปแค่ไม่ถึงเดือนได้ราคานี้สำหรับเราโอเคอยู่ ที่พักเราเลือกนอนโฮสเทล จองผ่าน Booking ดูหลายที่มากจองไว้ก่อนหลายที่มาก แล้วค่อยมายกเลิกเอาทีหลังเพราะจองเอาราคาก่อนแล้วดูรีวิว ดูที่ๆจะไปว่าใกล้ไกลที่พักขนาดไหน สุดท้ายเราได้ที่นี่ Tokyo Hikari Guesthouse ในราคา 4 คืน รวม 3700 บาท จริงๆเราต้องนอนที่ญี่ปุ่น 6 คืนอีกสองคืนที่หายไปคือนอนสนามบินฮาเนดะ 555555 เพราะไฟล์ทคืนแรกที่ญี่ปุ่นถึงสนามบินประมาน 5 ทุ่ม ส่วนไฟล์ทกลับก็บิน 06.30 เช้ามากต้องรอเช็คอินตี 4 เป็นอันว่าแบ็คแพ็คของจริง

ต้องบอกก่อนนะว่าใครที่หวังจะเจอรีวิวอาหารญี่ปุ่น ของกงของกิน ผ่านไปได้เลยค่ะ ออกตัวเลยว่าเราไม่ค่อยชอบกินอาหารญี่ปุ่นเลยเพราะเรากินรสจัด ชอบกินเส้นไม่ค่อยกินข้าว ซึ่งร้านราเมนหรืออุด้งในญี่ปุ่นหารสจัดได้ยากมาก ส่วนมากเราเลยกินมาม่าที่ดูสีแดงๆเอา 555 พยายามกินที่คิดว่าจัดจ้านที่สุดแล้วหาซื้อกิมจิ 7-11 เพิ่มอีกที ซูชิซาชิมิไม่ชอบเลยค่ะ กินได้แต่เลือกได้ก็ไม่กิน 55555 แต่ก็มีกินข้าวหน้าต่างๆบ้าง แต่ส่วนมากเราเพลินกับการเดินเที่ยว เดินถ่ายรูปมากกว่าค่ะ กลับมาน้ำหนักลง 2 โล คือเดินไกลมากจริงๆ แล้วก็ไม่ได้กินอะไรหนักๆด้วย


**เทคนิคที่แนะนำการใช้รถไฟเลยคือ เราทำการบ้านแบบว่า จดเลขสถานีของแต่ละสถานที่มา เช่นที่พักเรา คือ Kuramae คือ Asakusa A 18 และ Oedo อีกสาย E 11 เวลาเราไปไหนเราจะจดแบบนี้ เช่นไป Tokyo Skytree จะอยู่ที่ สถานี Oshiage ของสาย Asakusa ( A 20 )

เราจดแค่นี้คือไป Tokyo Skytree A18 --> A20 ออก A 5 เวลาดูดูแค่นี้เพื่อความรวดเร็ว แต่อีกมือต้องพก แผนที่รถไฟใต้ดินไปด้วยเพื่อเช็คชื่อสถานีอีกที
เพราะฉะนั้นการบ้านห้ามผิดค่ะ ว่าสถานที่ๆเราจะไปอยู่สถานีไหน โหลดแอพ Tokyo Subway มาดูก่อนเลยค่ะ จดให้ดี ให้ถูกแค่นี้หลักง่ายๆของเรา

จำแค่ตัวเลขแบบนี้จะง่ายเวลาดูเส้นรถไฟว่าเราจะไปทางไหน ซ้ายหรือขวา มันจะมีเลขบอกว่า A1-A19 ชานชาลา 1 A20-A22 ชานฃาลา 2 แบบนี้เร็วมากนะคะ เราวิ่งขึ้นรถไฟแบบกำลังจะออกสบายๆไม่เคยผิดค่ะ

การเดินทางวันแรก เครื่องออกสนามบินเชียงใหม่ 9.10 น.ถึง kl 11.55 น.






บนเครื่องเราได้เจอเพื่อนใหม่ชาวอินโดเป็นผู้ชาย ชื่อวีนส์ เคยไปเรียนที่โตเกียวมาช่วงหนึ่ง คุยกันไปเรื่อยเปื่อยเสมือนเห็นเราไม่มีคนคบ 55



ขาต่อเครื่องไปที่ฮาเนดะ ก็เจอเพื่อนใหม่อีกคนจากอินโดเหมือนกัน คนอินโดนี่ก็เที่ยวกันเยอะไม่เบา เธอชื่อ gigi เป็นครั้งแรกที่เธอมาเที่ยวโตเกียวมากับเพื่อนๆ



แล้วแอร์คนสวยก็แจกใบสำคัญในการกรอกข้อมูล มันไม่เห็นเหมือนแบบใหม่ที่เค้ารีวิวกันเลยอ่ะ


ในช่วงเปลี่ยนเครื่องด้วยที่เข้าใจว่าจะมีเวลา 1.30 ชั่วโมงตามที่ตั๋วแจ้ง เอาง่ายๆลืมว่าเวลามันเร็วกว่าบ้านเรา เลยไปนั่งสั่งก๋วยเตี๋ยวสไตล์มาเลเซีย แต่บังเอิญดูนาฬิกาที่สนามบิน KL คือมัน 13.30 แล้ว ไฟลต์ต่อเครื่องไปฮาเนดะคือ 13.50 โกยเกียร์หมาเท่านั้น ขอแคนเซิลเมนู แล้ววิ่งไปแลกเงินคืนเป็นเงินบาท แล้วก็รีบหาเกทขึ้นเครื่อง
สรุปไม่ได้กินข้าวเที่ยงเลยทีนี้ ผอมกันทันตา ตรงนี้ไม่แน่ใจว่าบนเครื่องรับเงินบาทมั้ย แต่คิดว่าไม่ และด้วยความที่เก่งอังกฤษมากเสมือนเกิดเมืองนอกเลยไม่อยากสื่อสารอะไรที่มันจะทำลายความมั่นใจในการใช้ชีวิตทริปนี้ นั่งอยู่เงียบๆคนเดียวต่อไป ไหนๆทริปนี้จะสตรองมาขนาดนี้ละ หิวข้าวนี่ก็อีกประสบการณ์ไปละกัน รอให้ถึงฮาเนดะสิ่งแรกที่จะทำคือ หาคอนวิเนี่ยนเท่านั้น 55 ปล.ที่ตัดสินใจไม่สั่งอาหารบนเครื่องเพราะเราชอบกินรสจัด ไม่ชอบกินข้าว กะไว้ว่าหากินตอนต่อเครื่องเอา คราวหน้าจะจำไว้ กินอะไรก็กินไปเหอะดีกว่าไม่ได้กินอ่ะ หิวมากๆ 555


เรามาถึงสนามบินฮาเนดะประมาน 22.30 ต้องไปผ่าน ตม รอกระเป๋าอีก ** ตรงนี้เรากังวลมากกลัวไม่ผ่านเพราะ 1.เราไม่มีงานประจำ เราเป็นพิธีกร MC 2.เรามาคนเดียว กลัว ตม ไม่ให้ผ่านเพราะจะแอบหนีมาทำงานรึเปล่า เราเตรียมเอกสารเยอะมาก ตั๋วไปกลับ แผนการเที่ยวพิมพ์ 5 วันมาเลย เตรียมคำตอบถ้าโดนเข้าห้องด้วย 555 แต่ก็ผ่านมาได้ปกติดี ตอน ตม จุดแรกชิงบอกเค้าเลยว่า มาครั้งที่สองละนะคะ ชอบญี่ปุ่นค่ะ 555 อาจด้วยคนเยอะ เที่ยวบินมาลงเยอะมากช่วงนั้น ผ่านสบายๆค่ะ เสร็จจริงๆออกมาที่ตึกอินเตอร์ประมาน 5 ทุ่ม


เดินไปหาร้านคอนวิเนี่ยนซื้อของกินก่อนเลยจ้า


จริงๆรสเผ็ดอยู่นะ ทำเครื่องปรุงหายอีก TT

กินเสร็จหาต่อไวฟายฟรี คอลบอกแม่ว่าปลอดภัยละนะ

เดินหาที่นอนตั้งแต่ชั้นล่างสุด ไปที่ชั้น 4,5 ถูกจับจองไปเกือบหมดละ 555

สุดท้ายไปได้เก้าอี้หวายชั้น 4 นอนไปปวดเนื้อปวดตัวไปแต่โอเคอยู่ นอนข้ามคืนพร้อมกับเสียงกรน เสียงดังของป้าเจ๊กทั้งหลาย สุดจริง ยอมเลยแมงหมู่นี้

6 โมงเช้าตื่นทำธุระ เราใช้ทิชชู่เปียกทำความสะอาดตัวไปก่อน ก็โอเคนะ รู้สึกสดชื่นแล้วก็ไม่มีกลิ่นเหงื่อกลิ่นตัวอะไรเลย สงสัยเพราะอากาศมันไม่ได้ร้อนแค่นี้สำหรับเราโอเคนะ อย่าพึ่งยี้กันหลังอ่านจบ 555 เรียบร้อยแล้วก็ไปหาซื้อมื้อเช้ากิน

รอซื้อตั๋วไป-กลับรถไฟเคคิว เปิดเค้าท์เตอร์ตอน 7 โมง ที่หน้าเค้าท์เตอร์เขียนเป็นภาษาไทยด้วยว่า ถ้าเป็นคนไทยโชว์พาสปอร์ตมานะ เค้ามีของขวัญให้ ได้เป็นคิทแคทชาเขียวมาหนึ่งกล่องค่ะ ฮี่ๆ รอจนเค้าเปิดก็ซื้อตั๋วมา ได้เป็นแบบ ไป-กลับรถไฟเคคิวจากฮาเนดะถึงสถานีเชื่อมของซับเวย์ เราก็ซื้อเพิ่มสำหรับบัตรพาส 1 วันที่ใช้ได้ทั้งโทเอะ กับโตเกียวเมโทร คือแผนของเรา เราเที่ยว 5 วัน เราจะซื้อบัตรพาสสำหรับนักท่องเที่ยว 3 วัน 1500 y ที่เหลืออีกสองวันคือซื้อแยกวัน เป็นพาส 1 วันสองใบเพื่อใช้วันแรกกับวันสุดท้ายเพราะเราซื้อเป็นแบบ 2 วันไม่ได้ มันต้องใช้ต่อเนื่องกัน ไม่งงใช่มะ แต่ที่เคคิวเค้าขายบัตรพาส 1 วันอีกใบให้เราไม่ได้ เค้าขายได้แค่นักท่องเที่ยว 1 คนต่อหนึ่งคู่ คือตั๋วไป-กลับฮาเนดะ ใช้ไปหรือกลับวันไหนก็ได้ใน 14 วันไม่ต้องต่อเนื่องกัน + พาส 1 วัน หรือ ขาเดียว จากฮาเนดะ + พาสหนึ่งวัน
ต้องไปซื้อเพิ่มเองที่จุดบริการนักท่องเที่ยว

ได้ตั๋วครบ บัตรครบก็ออกเดินทางไปที่พักเลยจ้า เอากระเป๋าไปฝากก่อน

ถึงที่พักประมาน 8 โมงหน่อยๆ (เดี๋ยวเราค่อยมารีวิวที่พักอีกทีนะ)เดินไปเรื่อยตามภาพที่เคยดูมาก่อน หาไม่เจอจนไม่ไหวละถามเค้าเอาดีกว่า ซึ่งตรงที่ถามอ่ะ อยู่ก่อนถึงเกสเฮ้าส์ไปแค่ประมาน 10 เมตร 55555 Isa คือเจ้าของเห็นเราเงอะงะๆพอดี เลยเข้ามาถามว่าไปไหน เราเลยบอกว่า โตเกียวฮิคาริค่ะ เค้าบอกเนี่ยแหละมาๆ ของเค้าเองครับ 555 น่าอับอายจริงๆ เป็นเราคงเฟลมากนะ มีคนหาที่พักเราไม่เจอทั้งๆที่คืออยู่แถวหน้านั้นแหละ จัดการจ่ายเงินฝากกระเป๋าแล้วรีบออกมา
จากนั้นก็ไปแพลนแรกย่านอาซากุสะ เดินเล่นแถวริมแม่น้ำสุมิดะ วันนี้ลมแรงมาก ฟ้าครึ้ม ถ่ายรูปยังไงก็ไม่สวย

เดินไปตึกอาซาฮี โตเกียวทาวเวอร์ เดินเล่นไปตามทาง







แล้ววกกลับมาที่วัดเซนโซจิ ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่วัด สิ่งแรกที่เจอคือมวลหมู่นักท่องเที่ยว


แทบหามุมถ่ายรูปไม่ได้ คนล้นหลามจริงๆขนาดเป็นวันธรรมดานะ

รูปนี้ก็ขอเค้าถ่ายให้ไหนๆคนเยอะแล้วก็ดี มาช่วยถ่ายรูปเราได้เยอะ ที่สำคัญถ่ายเบี้ยว 55

เราพยามจัดแพลนเที่ยวที่คนเยอะๆไว้วันธรรมดาแต่ก็มิวาย -*-  

สังเกตว่าทุกคนจะพยายามมาโบกควันเข้าตัวกันตามความเชื่อ รมควันกันไป




วัดนี้เราหาเจ้าแม่กวนอิมไม่เจออ่ะ ตั้งใจจะมาสักการะแต่ไม่รู้อยู่ตรงไหน
จบจากวัดก็ออกมาเดินหาอะไรกินเล่นไป

ชื่อสินค้า:   ครั้งแรกกับการเที่ยวคนเดียวในโตเกียว แบ็คแพ็คเกอร์สุดมันส์ของเรา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่