คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
รู้แต่ของ ม.1 ไม่รู้ จขกท สอบระดับไหน
มีสอบ 2 รอบค่ะ รอบ Gifted สอบ 3 วิชา อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดย gifted แยกเป็น
English program ม.1 รับ 60 คน (ปี 2559 มีคนสมัคร 186 คน) มีการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษในวันที่ไปสมัครสอบ คิดคะแนน 20 คะแนน วันสอบจริง 3 วิชา วิชาละ 1 ชั่วโมง คะแนนอังกฤษข้อเขียน 80 วิทย์และคณิตอย่างละ 50 รวมทั้งหมด 200 คะแนน ข้อสอบวิทย์และคณิตส่วนใหญ่เป็นภาษาไทย มีโจทย์ภาษาอังกฤษบ้างท้ายๆข้อสอบไม่น่าเกิน 10 ข้อ ส่วนข้อสอบอังกฤษส่วนใหญ่เป็นชอยส์ มีแบบฟังแล้วตอบด้วย และมีให้เขียน 3 ข้อ
ส่วน Gifted วิทย์ ม.1 แบ่งเป็น 2 กลุ่มรับ 72 คน กับ 30 คน ตรงนี้ไม่ทราบรายละเอียด เพราะลูกไม่ได้สอบ รู้แต่ว่าสอบ 3 วิชาเหมือนกัน อังกฤษ 1 ชั่วโมง (ไม่มีสัมภาษณ์) วิทย์ และ คณิต อย่างละ 1.5-2 ชั่วโมง (ไม่แน่ใจ แต่สอบถึงบ่ายแน่) เห็นเด็กที่ออกมา บ่นยากค่ะ
อีกรอบจะเป็นภาคปกติ รอบนี้สอบ 5 วิชา อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคม วิชาละ 1 ชั่วโมง และดูคะแนน O-net ด้วย รับเด็กความสามารถพิเศษวงโยธวาธิต 5 คน เงื่อนไขพิเศษ 65 พื้นที่บริการ 112 และทั่วไป 168 ความเห็นส่วนตัว รอบนี้จะยากเพราะคู่แข่งเยอะนี่แหละ เด็กที่พลาดรอบ gifted มักจะมาสอบรอบนี้ด้วย แล้วส่วนใหญ่จะไปตกกลุ่มเด็กทั่วไปที่รับแค่ 168 คน
เท่าที่ทราบ พื้นที่บริการต้องอยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่อย่างน้อย 2 ปีโดยต้องมีชื่อพ่อ หรือ แม่เป็นเจ้าบ้านด้วย แบบเอาชื่อเข้าเฉยๆไม่ได้
ในแง่ของการเตรียมตัว แนะนำว่าทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบเก่าเยอะๆค่ะ มันจะทำให้รู้แนวข้อสอบ อะไรที่เป็นสูตรสำเร็จ จำได้ให้จำไปเลย (เช่น ผลบวกของเลขคู่ที่เรียงกัน) หัดทำข้อสอบแบบตัดข้อที่ไม่ใช่ออก จะทำให้เสียเวลาน้อยลง
ข้อสอบเก่า สามารถหาได้ตามเวป หรือลงทุนซื้อหนังสือมาทำ ทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่หักโหม แต่ต้องกำหนดเวลาในการทำด้วย เช่น โจทย์ 60 ข้อ ให้เวลาทำ 60 นาที ถ้าวันนี้จะทำแค่ 20 ข้อ ต้องให้เสร็จใน 20 นาที
เรื่องเรียนพิเศษ จำเป็นมั้ย ขึ้นกับคนค่ะ ตอนพาลูกไปสมัครเรียนพิเศษปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว (จบ ป.5) บอกเขาว่าอยากไปเข้าสตรีวิทยา เจอไป 2-3 แห่ง บอกช้าไปแล้วค่ะ ทำไมมาตอนนี้ อย่างช้าต้องเริ่มตั้งแต่ขึ้น ป.5 บางคนติวตั้งแต่ ป.4 อย่างนี้ต้องเรียนหลักสูตรเข้มข้น Intensive ค่าเรียนวิชาละ 2-3 หมื่น เรียน 3 วิชาเป็นแสน แถมเวลาเรียนโหดหิน เล่นเอาลูกสาวถอยเลย เพราะเรียนทั้งเสาร์-อาทิตย์ บางวิชาจะสอนรอบเย็น เลยกลับมาคิดกันใหม่ แล้วตัดสินใจเลือกสถาบันที่สอนแบบปกติ คอร์สธรรมดานี่แหละ เรียนวันเสาร์ 3 ชั่วโมง เน้นเลขเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง ให้เขาไปเรียนรู้แนวข้อสอบ วิธีตัดข้อที่ไม่ใช่ทิ้ง ติวเตอร์เขาจะมีสูตรสำเร็จให้มาเพียบเลย สรุปจ่ายค่าเรียนพิเศษทั้งปีไปไม่ถึงหมื่น นอกนั้นให้เขาทำแบบฝึกหัด/ข้อสอบเก่าทุกวัน เลขอย่างน้อยวันละ 5 ข้อ วิชาอื่นอีกครึ่งชั่วโมง วันไหนการบ้านเยอะ ก็ข้ามไป ให้ไปชดเชยวันหยุด ข้อไหนผิด ก็อธิบายว่าข้อถูกคืออะไร ทำไมตอบแบบนี้
คุยกับเพื่อนๆที่มีลูกสอบปีนี้เหมือนกัน ก็รู้สึกว่าลูกเราติวน้อย เขาเรียนกันหนักๆทั้งนั้นเลย เรียนกัน 7 วัน พ่อ-แม่ก็เครียด บ่นกันเอง
ลูกไม่ได้เตรียมตัวหนักค่ะ ยอมรับ เพราะไม่ได้กดดันว่าต้องเข้าให้ได้ บอกเขาเสมอว่า มีที่เรียนแน่ ยังไงก็จะหาโรงเรียนให้เรียน เรียงลำดับไว้เลย 1-2-3 เพราะเขาขอสอบแค่ 3 ที่ (แห่งที่ 3 มั่นใจว่าได้แน่ เก็บไว้ทีหลัง) ก็ติดทั้ง 2 รร ค่ะ เลือกเรียนสตรีวิทยา
มีสอบ 2 รอบค่ะ รอบ Gifted สอบ 3 วิชา อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ โดย gifted แยกเป็น
English program ม.1 รับ 60 คน (ปี 2559 มีคนสมัคร 186 คน) มีการสอบสัมภาษณ์เป็นภาษาอังกฤษในวันที่ไปสมัครสอบ คิดคะแนน 20 คะแนน วันสอบจริง 3 วิชา วิชาละ 1 ชั่วโมง คะแนนอังกฤษข้อเขียน 80 วิทย์และคณิตอย่างละ 50 รวมทั้งหมด 200 คะแนน ข้อสอบวิทย์และคณิตส่วนใหญ่เป็นภาษาไทย มีโจทย์ภาษาอังกฤษบ้างท้ายๆข้อสอบไม่น่าเกิน 10 ข้อ ส่วนข้อสอบอังกฤษส่วนใหญ่เป็นชอยส์ มีแบบฟังแล้วตอบด้วย และมีให้เขียน 3 ข้อ
ส่วน Gifted วิทย์ ม.1 แบ่งเป็น 2 กลุ่มรับ 72 คน กับ 30 คน ตรงนี้ไม่ทราบรายละเอียด เพราะลูกไม่ได้สอบ รู้แต่ว่าสอบ 3 วิชาเหมือนกัน อังกฤษ 1 ชั่วโมง (ไม่มีสัมภาษณ์) วิทย์ และ คณิต อย่างละ 1.5-2 ชั่วโมง (ไม่แน่ใจ แต่สอบถึงบ่ายแน่) เห็นเด็กที่ออกมา บ่นยากค่ะ
อีกรอบจะเป็นภาคปกติ รอบนี้สอบ 5 วิชา อังกฤษ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาไทย สังคม วิชาละ 1 ชั่วโมง และดูคะแนน O-net ด้วย รับเด็กความสามารถพิเศษวงโยธวาธิต 5 คน เงื่อนไขพิเศษ 65 พื้นที่บริการ 112 และทั่วไป 168 ความเห็นส่วนตัว รอบนี้จะยากเพราะคู่แข่งเยอะนี่แหละ เด็กที่พลาดรอบ gifted มักจะมาสอบรอบนี้ด้วย แล้วส่วนใหญ่จะไปตกกลุ่มเด็กทั่วไปที่รับแค่ 168 คน
เท่าที่ทราบ พื้นที่บริการต้องอยู่ในทะเบียนบ้านในพื้นที่อย่างน้อย 2 ปีโดยต้องมีชื่อพ่อ หรือ แม่เป็นเจ้าบ้านด้วย แบบเอาชื่อเข้าเฉยๆไม่ได้
ในแง่ของการเตรียมตัว แนะนำว่าทำแบบฝึกหัดหรือข้อสอบเก่าเยอะๆค่ะ มันจะทำให้รู้แนวข้อสอบ อะไรที่เป็นสูตรสำเร็จ จำได้ให้จำไปเลย (เช่น ผลบวกของเลขคู่ที่เรียงกัน) หัดทำข้อสอบแบบตัดข้อที่ไม่ใช่ออก จะทำให้เสียเวลาน้อยลง
ข้อสอบเก่า สามารถหาได้ตามเวป หรือลงทุนซื้อหนังสือมาทำ ทำอย่างสม่ำเสมอ ไม่หักโหม แต่ต้องกำหนดเวลาในการทำด้วย เช่น โจทย์ 60 ข้อ ให้เวลาทำ 60 นาที ถ้าวันนี้จะทำแค่ 20 ข้อ ต้องให้เสร็จใน 20 นาที
เรื่องเรียนพิเศษ จำเป็นมั้ย ขึ้นกับคนค่ะ ตอนพาลูกไปสมัครเรียนพิเศษปิดเทอมใหญ่ปีที่แล้ว (จบ ป.5) บอกเขาว่าอยากไปเข้าสตรีวิทยา เจอไป 2-3 แห่ง บอกช้าไปแล้วค่ะ ทำไมมาตอนนี้ อย่างช้าต้องเริ่มตั้งแต่ขึ้น ป.5 บางคนติวตั้งแต่ ป.4 อย่างนี้ต้องเรียนหลักสูตรเข้มข้น Intensive ค่าเรียนวิชาละ 2-3 หมื่น เรียน 3 วิชาเป็นแสน แถมเวลาเรียนโหดหิน เล่นเอาลูกสาวถอยเลย เพราะเรียนทั้งเสาร์-อาทิตย์ บางวิชาจะสอนรอบเย็น เลยกลับมาคิดกันใหม่ แล้วตัดสินใจเลือกสถาบันที่สอนแบบปกติ คอร์สธรรมดานี่แหละ เรียนวันเสาร์ 3 ชั่วโมง เน้นเลขเพิ่มอีก 1 ชั่วโมง ให้เขาไปเรียนรู้แนวข้อสอบ วิธีตัดข้อที่ไม่ใช่ทิ้ง ติวเตอร์เขาจะมีสูตรสำเร็จให้มาเพียบเลย สรุปจ่ายค่าเรียนพิเศษทั้งปีไปไม่ถึงหมื่น นอกนั้นให้เขาทำแบบฝึกหัด/ข้อสอบเก่าทุกวัน เลขอย่างน้อยวันละ 5 ข้อ วิชาอื่นอีกครึ่งชั่วโมง วันไหนการบ้านเยอะ ก็ข้ามไป ให้ไปชดเชยวันหยุด ข้อไหนผิด ก็อธิบายว่าข้อถูกคืออะไร ทำไมตอบแบบนี้
คุยกับเพื่อนๆที่มีลูกสอบปีนี้เหมือนกัน ก็รู้สึกว่าลูกเราติวน้อย เขาเรียนกันหนักๆทั้งนั้นเลย เรียนกัน 7 วัน พ่อ-แม่ก็เครียด บ่นกันเอง
ลูกไม่ได้เตรียมตัวหนักค่ะ ยอมรับ เพราะไม่ได้กดดันว่าต้องเข้าให้ได้ บอกเขาเสมอว่า มีที่เรียนแน่ ยังไงก็จะหาโรงเรียนให้เรียน เรียงลำดับไว้เลย 1-2-3 เพราะเขาขอสอบแค่ 3 ที่ (แห่งที่ 3 มั่นใจว่าได้แน่ เก็บไว้ทีหลัง) ก็ติดทั้ง 2 รร ค่ะ เลือกเรียนสตรีวิทยา
แสดงความคิดเห็น
อยากเข้าสตรีวิทยา
เขาจะสอบอะไรบ้าง ใครรู้บอกหน่อยค่ะ