เ ค ย ไ ห ม . . . เวลาเราผูกพันกับใครสักคน เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกจากกัน เราก็อยากมีสักที่ ที่เราจะได้สร้างความทรงจำร่วมกันและเราก็เลือกให้ ที่แห่งนั้น คือ " ล า ว "
เรียนจบแล้ว ทำอะไรก็ได้ . . .
ทริปนี้เป็นทริปของ 2 สาวรูมเมทที่รักว่าที่คุณหมอและว่าที่คุณครูที่เพิ่งเรียนจบสดใหม่พร้อมกัน เราอยู่หอพักห้องเดียวกันมาตลอด 5 ปี
เรียนจบทั้งทีก็ต้องหาทริปเลี้ยงส่งกันซะหน่อย จากตอนแรกที่วางแผนไว้ว่าจะไป ไต้หวันบ้างล่ะ ญี่ปุ่นบ้างล่ะ เกาหลีบ้างล่ะ แต่ท้ายที่สุดด้วยเหตุผลหลายประการโดยเฉพาะงบประมาณที่ไม่น่าจะเพียงพอจึงตัดสินใจ จบที่ ไป ล า ว กันเถอะ
เขียนซะยืดยาวเลย ปกติเป็นคนขี้บ่นและพูดไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยอะ5555
ฝากด้วยนะ
เริ่มต้นการเดินทางจากวิ่งตามรถเมล์สาย 29 นั่งมาลง บีทีเอส จตุจักร แล้วนั่งวินมอไซค์มาลงหมอชิตคนละ 50 บาท พอมาถึงก็เดินตรงไปที่ซื้อตั๋ว กรุงเทพ-เวียงจันทร์ ปรากฎว่าเหลือตั๋วแค่ใบเดียว! แต่มากัน 2 คน คือเงิบเลย ไม่คิดว่าจะมีคนไปเยอะขนาดนี้คงเป็นเพราะว่า มันมีรอบเดียวต่อวันเท่านั้นคือรอบ 20.00 น. สุดท้ายเลยตัดสินใจซื้อตั๋วไปหนองคายแทน แล้วเปลี่ยนแผนใหม่ โดยจะไปลงรถที่หนองคายแล้วรอรถสาย อุดร-หนองคาย-วังเวียง ตอน 10 โมงแทน
ระหว่างนั่งรถทัวร์ แอร์รถก็หนาวมาก พี่ชายชั้นหนาว และชั้นไม่ได้เอาอะไรมาเลย ชั้นนึกว่านี่เข้าหน้าร้อนแล้ว และชั้นต้องทนหนาวสั่นอยู่ทั้งคืน เพราะที่ปรับแอร์ของที่นั่งชั้นมันเสีย มีเพียงผ้าห่มฟรีอันบางเบาผืนเดียวเท่านั้น ก๊อดด แล้วคืนอันเหน็บหนาวก็ผ่านไป
พอมาถึงหนองคายตอน 6 โมงเช้า ลงรถด้วยความมึนงงและง่วงนอนมากเพราะเมื่อคืนเนี่ย นอนแทบไม่หลับเลย ลงรถปุ๊ปบรรดาตุ๊กๆ ทัวร์ต่างๆก็แห่กันมาชักชวนเต็มเลยจากที่เคยวางแผนว่าจะรอรถตอน 10 โมง คุยไปคุยมาสุดท้ายก็ขึ้นตุ๊กๆเพื่อไปที่สะพานข้ามไทยลาวด้วยความมึนงงคนละ 80 บาทต่อราคามาได้เหลือคนละ 75 บาท โถววววลด 5 บาทก็ยังดี แผนที่ไม่เคยเป็นแผน
พอมาถึงก็เขียนใบเข้าประเทศลาว ตรวจpassport และนั่งรถข้ามสะพานไป 20 บาท มาถึงจุดผ่านอีกจุดซึ่งต้องซื้อบัตรผ่าน ราคาวันธรรมดา 8.00 ขึ้นไป จะเก็บเงิน 5 บาท ถ้ายังไม่ 8โมงและวันเสาร์อาทิตย์จะเก็บค่าบัตร 50 บาท เพิ่มขึ้นเป็น10เท่าเลยทีเดียว พอข้ามได้จะมีจุดแลกเงินเป็นธนาคาร แต่จะเปิดเวลา 8.30 ถ้ารีบในตัวเมืองจะมีที่ให้แลกอีกเช่นกัน ซึ่งเรามากันเช้ามากเลยโดนค่าบัตรผ่านไปคนละ 50 บาท เพราะว่ารีบไป มีเวลาเที่ยวจำกัด
ภาพ: สะพานข้ามไทย-ลาว
จากนั้นก็นั่งบัสสีเขียวเพื่อไปที่ตลาดเช้าเวียงจันทร์ราคา 6000 กีบ แต่ถ้ายังไม่มีเงินลาวจ่ายเป็นเงินไทยได้ 40 บาท (อัตราแลก 233กีบ/1บาท) ถ้าคิด6000กีบเป็นเงินไทยจะ 25 บาท ก๊อดดด รู้สึกเหมือนถูกโกงงงง และผิดจากแผนที่วางไว้ ว่าจะรอรถบัสที่หนองคายเข้าวังเวียงเลยอีกด้วย แผนที่ไม่เคยเป็นแผน
พอถึงตลาดเวียงจันทร์ ที่ตลาดก็จะมีผักสด ท่ารถ ของใช้เล็กน้อยขายประมาณ 1 แยก ร้านอาหารมีอยู่ 1-2 ร้าน เรานั่งกินอาหารตามสั่งที่ร้าน ข้าวจานละ 20000 กีบ แต่เรายังไม่ได้แลกเงิน เลยให้แบงค์ 100 ไป เค้าทอนมา 2000 กีบ เท่ากับทอนมา 8 บาท พระเจ้า ข้าวจานละ 92 บาท นึกว่าที่ลาวของจะถูกกก
ภาพ: บรรยากาศตลาด
กินเสร็จก็ถามทางไปที่แลกเงินเราแลกเงินมา 3500 บาท ได้มา 816,000 กีบ รู้สึกสวยและรวยมากก จากนั้นเราก็เดินไปเข้าห้องน้ำค่าเข้า 2000 กีบ (8บาท) ก๊อดดดดดด แพงอะไรปานนั้น อยู่กทม.เสียค่าเข้า 5 บาท ก็ว่าแพงแล้วนะ เข้าไปจึงรู้สึกว่าต้องทำให้คุ้ม เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน น้องเมทที่มาด้วยก็เข้าไปถ่ายหนักซะเลย 555
จากนั้นก็เดินทางออกมาหารถตู้ไปวังเวียง เคยอ่านรีวิว เค้าบอกว่ามีรถตู้ไปวังเวียงในตลาดเช้าเหมือนกัน 240 บาท แต่เราเดินทางไม่เจอ เดินไปทางไหนก็มีแต่พวกนายหน้ามาคุยให้ไปรถเขา และด้วยที่เรายังไม่แข็งแกร่งพอคุยไปคุยมา เราก็หลงกลไปกับคนขับตุ๊กๆคนหนึ่ง บอกว่าพอไปขึ้นรถตู้ค่าไปส่ง 10000 กีบ ค่ารถตู้ 70000 กีบ รถออกเลยรถตู้อย่างดี เราก็เลยไป ผิดแผนอีกตามเคย
ปรากฎว่า ขับวนอ้อมไปนิดเดียวถึงรถตู้ ที่จอดรถตู้ จอดเลยตลาดมาประมาณ 1 ซอย ถ้าเดินขึ้นไปตรงๆ ประมาณ 1-2 ป้ายรถเมล์ ก็ถึงแล้ว ขึ้นไปบนรถตู้ที่สภาพดูดี มีคนอยู่ในรถแค่คนเดียวและเค้าไม่ได้ไปวังเวียงด้วย พอนั่งรอสักพัก เค้าก็ให้เปลี่ยนรถ ไปอีกคันที่เล็กกว่า เก่ากว่า ร้อนกว่า แล้วรถก็ออกพร้อมขับวนมาในตลาด 1 รอบ วนกลับมาที่เดิมรับผู้โดยสารมา 1 คน โอ้วววววววมายยยยยก๊อดดดดดดดดดดดด รู้ไปขึ้นรถบัสประจำทาง ไปที่ บขส สายเหนือ แล้วต่อ รถบัส ไปวังเวียงเนี่ย น่าจะดีกว่า แต่พวกเราอยากรีบไปให้ถึงเร็วๆก็เลยคิดว่าไปรถตู้น่าจะเร็วกว่า คิดซะว่าเสียเงินซื้อเวลา คิดงี้มาตลอดเลย แทนที่จะใช้ชีวิตแบบ slowlife แต่ก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ พยายามคิดปลอบใจตัวเองอยู่
ภาพสุดท้ายก่อนรถตู้ออกเดินทาง
นั่งรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระหว่างทางเป็นดินแดง ลูกรัง มีถนนสลับอยู่บ้าง อารมณ์แบบทางม้าลาย สีดำเป็นลูกรัง สีขาวเป็นถนน ระหว่างทางก็มีบ้าน ต้นไม้เยอะแยะ มีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก เวลาพักกลางวันเด็กๆก็จะเดิน ปั่นจักรยานกลับบ้านมากินอาหารกลางวัน พอบ่ายก็กลับไปเรียนต่อ นักเรียนจะใส่เสื้อนักเรียนกับกระโปรงผ้าซิ่นสีดำ น่ารักมากๆ แต่ถ่ายไม่ทัน
ต้นไม้กลายเป็นสีดินแดงไปล่ะ
พอมาถึงวังเวียง เราก็เดินหาที่พักซึ่งตั้งใจว่าจะไป เวียงธาราเกสเฮ้าต์ ก็เลยถามทางคนแถวนั้น เดินไปเรื่อยๆ เจอร้านไข่ปิ้งด้วยความหิวหนักเลยซื้อมากินราคา 5000 กีบ (20 บาท) 1 ไม้มี 3 ลูก อร่อยมากกกก อร่อยจนน้ำตาแทบจะไหล เพราะหิวมากกกกก
เดินเหนื่อยหนัก เราจึงตัดสินใจเช่ามอไซค์ไปตามหาที่พักดีกว่า ร้านแรกคิดค่าเช่า 100,000 กีบ เราเลยเดินไปก่อนละกัน โชคดีมาเจอร้านที่ 2 คิดค่าเช่า 60,000 เอาร้านนี้เลยค่ะ และซื้อน้ำมันประมาณ 1ลิตรครึ่งราคา 15,000 กีบ เติมพร้อมขับไปหาที่พัก จากที่ถามชาวบ้านเค้าให้ข้ามสะพานไปจะเจอเวียงธาราอยู่ทางขวามือ เราก็ไปตามนั้นเลยค่ะ แต่พอถึงสะพานเท่านั้นแหละ ต้องเสียค่าผ่านทาง 2 คนรวมมอไซค์ 10,000 กีบ สำหรับข้ามไป-กลับ ถือว่าแพงมากกกก ก็ยอมจ่าย
สะพานไม้สวยดี แต่จะดีกว่าถ้าข้ามฟรี เก็บโหดมาก
พอข้ามตามทางเราก็เจอเวียงธาราดูสวยมากแต่ราคาก็แพงมากเช่นกัน ห้องคืนละเป็นพันบาทจากการสอบถามพบว่าที่นี่คือเวียงธารา วิลล่า แต่ที่เราจะไปคือ เวียงธาราเกสเฮ้าส์ ผิดที่!! โอ้ววว เสียค่าข้ามสะพานมาทำไมฟ่ะ ขับกลับออกมาอีก ซึ่งที่จริงแล้วเราขับเลย เวียงธาราเกสเฮ้าส์ไป แต่มองไม่เห็นเพราะหน้าเกสเฮ้าส์เป็นร้านกาแฟเล็กๆ คุณลุงเจ้าของแลดู slowlife มากๆตอนไปติดต่อเราเรียกตั้งนานไม่มีคนตอบเลย จนนั่งรอและไปซื้อเป๊ปซี่ใส่ถุงฝั่งตรงข้ามมากินถุงละ 5000 กีบ น้องเขาเลยโทรหาคุณลุงเจ้าของให้ คุณลุงเดินออกมาจากห้องพัก สงสัยเมื่อกี้หลับอยู่ในห้องพักแน่ๆเลย เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน เราก็ได้ห้องพักเตียงคู่ ห้องแอร์ 1 คืน 100,000 กีบ ถ้าไม่แอร์ 80,000 กีบ ที่นี่ไม่ค่อยเหมือนรูปที่รีวิวในเน็ตซักเท่าไหร่ แต่ก็โอเค ห้องพักสะอาด ห้องน้ำก็สะอาด คุณลุงเจ้าของพูดน้อยแต่ถามอะไรก็แนะนำได้ดี
จากนั้นเราก็เดินทางไปถ้ำจัง แต่ไปถึงตอน 17.30 ถ้ำปิด 17.00 เลยเข้าไปถ่ายรูปแค่สะพานส้ม ได้ไปแค่สะพานส้มก็รู้สึกพอใจแล้ว บรรยากาศดีมาก สะพานสีสดใส ข้างหลังเป็นภูเขา ข้างล่างเป็นแม่น้ำ ข้างบนมีบอลลูนลอย ถ่ายรูปกันจนเพลินและคุ้มกับค่าเข้ามากก ค่าเข้า 2 คนรวมมอไซค์ 7000 กีบ
จากนั้นก็ขี่รถเล่นรอบเมือง อากาศเย็นสบาย ผู้คนไม่พลุกพล่าน รู้สึกชอบที่นี่แล้ว เราก็มาจอดที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง ขับวนเลือกอยู่ตั้งนาน มื้อนี้เรียกว่า แกงหมี่เหลืองหมู รสชาติ อร่อย อูมามิ คล้ายกินข้าวต้มทรงเครื่องแต่เป็นเส้น 20,000 กีบ กับน้ำแตงโมปั่น รสชาติพอใช้ได้ บ้านเราอร่อยหวานกว่า 6000 กีบ จากนั้นก็กลับที่พัก ติดต่อจองตั๋วรถไปหลวงพระบางที่เกสเฮาส์ราคา 90,000 กีบ จากนั้นอาบน้ำ นอน เตรียมไปต่อสำหรับพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้น เราก็ขี่มอไซด์ มากินข้าวเช้า และขี่รถไป จุดชมวิว ผาเงิน และ บลูลากูน
การจะไป จุดชมวิว ผาเงิน และ บลูลากูน นั้น เราต้องขับข้ามสะพานที่เสียเงินไปก่อน และแน่นอนว่าเราได้หาสะพานที่ไม่เสียตังค์เจอแล้ว 555 ทางไปสะพานฟรีนั้นให้ถามเจ้าของที่พักเลย เราจะเจอร้านแซนวิช เป็นทาง 3 แยก ให้เลี้ยวเข้าไปทางลาดลงแล้วก็จะเจอสะพาน ข้ามสะพานเลี้ยวซ้ายไปตามทางริมแม่น้ำ ไปเรื่อยๆจะเจอทางออกตรงเวียงธารา วิลล่า ทางค่อยข้างวิบากเล็กน้อย สำหรับผู้หญิงขี่นะแต่ก็พอขี่ได้ พอขึ้นบนถนนตรงเวียงธาราวิลล่าแล้ว เราก็ขี่เบียงไปทางขวาแล้วขับตรงไปได้เลย แนะนำว่า จักรยานเนี่ยไปถึงนะ แต่คงใช้เวลาและขาอาจหลุดได้ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายและไม่ใช่นักปั่น เพราะมันไกลมากโขอยู่นะ
ภาพระหว่างทาง
อันดับแรกเราจะไปที่ จุดชมวิว ผาเงินก่อน ถ้าขาไป ทางเข้าจะอยู่ทางขวามือ เป็นป้ายสีเหลืองๆ ต้องสังเกตให้ดี เพราะเราขี่เลยไปจนเกือบถึงบลูลากูนอยู่ล่ะ ขี่เข้าไปจะเจอศาลา เค้าให้จอดมอไซค์ มีคนเก็บค่าผ่านทาง คนละ 10,000 กีบ จากนี้ต้องเดินเท้าแล้วล่ะ มีทางราบไปขึ้นเขา และก็เป็นทางชึ้นเขาของจริง ลาด ชัด หินเรียงเลย มีเป็นขั้นบันไดบ้าง พอเจอป้าย อีก 400 เมตร ดีใจมากคิดว่าใกล้แล้ว แต่จริงๆ ยังอีกไกล รู้สึกว่าไกลอะ เหนื่อยเลย หัวใจเต้นแรงมากแทบจะหลุดออกมา
พอขึ้นมาเห็นศาลานึกว่าถึงแล้ว แต่วิวยังไม่สวยเลย พอเห็นว่ามีทางให้เดินต่อก็ลองเดินไปคราวนี้ถึงจุดชมวิวของจริง พอเห็นแล้วก็หายเหนื่อยเลย สูงและสวยมาก ถ้ามาตอนที่ไม่ใช่ฤดูแล้งคงจะสวยเขียวมากกว่านี้ ระยะทางขึ้นก็ใช้เวลาประมาณ 25 - 30 นาที ถึงจุดสูงสุด ขาลงก็จะเร็วกว่าหน่อย แต่ก็ต้องระวัง ทางมันชัด เราลื่นไป 2-3 รอบได้
[CR] แพ็คกระเป๋า ไป : ลาว : กัน
เรียนจบแล้ว ทำอะไรก็ได้ . . .
ทริปนี้เป็นทริปของ 2 สาวรูมเมทที่รักว่าที่คุณหมอและว่าที่คุณครูที่เพิ่งเรียนจบสดใหม่พร้อมกัน เราอยู่หอพักห้องเดียวกันมาตลอด 5 ปี
เรียนจบทั้งทีก็ต้องหาทริปเลี้ยงส่งกันซะหน่อย จากตอนแรกที่วางแผนไว้ว่าจะไป ไต้หวันบ้างล่ะ ญี่ปุ่นบ้างล่ะ เกาหลีบ้างล่ะ แต่ท้ายที่สุดด้วยเหตุผลหลายประการโดยเฉพาะงบประมาณที่ไม่น่าจะเพียงพอจึงตัดสินใจ จบที่ ไป ล า ว กันเถอะ
เขียนซะยืดยาวเลย ปกติเป็นคนขี้บ่นและพูดไม่ค่อยรู้เรื่องด้วยอะ5555
ฝากด้วยนะ
เริ่มต้นการเดินทางจากวิ่งตามรถเมล์สาย 29 นั่งมาลง บีทีเอส จตุจักร แล้วนั่งวินมอไซค์มาลงหมอชิตคนละ 50 บาท พอมาถึงก็เดินตรงไปที่ซื้อตั๋ว กรุงเทพ-เวียงจันทร์ ปรากฎว่าเหลือตั๋วแค่ใบเดียว! แต่มากัน 2 คน คือเงิบเลย ไม่คิดว่าจะมีคนไปเยอะขนาดนี้คงเป็นเพราะว่า มันมีรอบเดียวต่อวันเท่านั้นคือรอบ 20.00 น. สุดท้ายเลยตัดสินใจซื้อตั๋วไปหนองคายแทน แล้วเปลี่ยนแผนใหม่ โดยจะไปลงรถที่หนองคายแล้วรอรถสาย อุดร-หนองคาย-วังเวียง ตอน 10 โมงแทน
ระหว่างนั่งรถทัวร์ แอร์รถก็หนาวมาก พี่ชายชั้นหนาว และชั้นไม่ได้เอาอะไรมาเลย ชั้นนึกว่านี่เข้าหน้าร้อนแล้ว และชั้นต้องทนหนาวสั่นอยู่ทั้งคืน เพราะที่ปรับแอร์ของที่นั่งชั้นมันเสีย มีเพียงผ้าห่มฟรีอันบางเบาผืนเดียวเท่านั้น ก๊อดด แล้วคืนอันเหน็บหนาวก็ผ่านไป
พอมาถึงหนองคายตอน 6 โมงเช้า ลงรถด้วยความมึนงงและง่วงนอนมากเพราะเมื่อคืนเนี่ย นอนแทบไม่หลับเลย ลงรถปุ๊ปบรรดาตุ๊กๆ ทัวร์ต่างๆก็แห่กันมาชักชวนเต็มเลยจากที่เคยวางแผนว่าจะรอรถตอน 10 โมง คุยไปคุยมาสุดท้ายก็ขึ้นตุ๊กๆเพื่อไปที่สะพานข้ามไทยลาวด้วยความมึนงงคนละ 80 บาทต่อราคามาได้เหลือคนละ 75 บาท โถววววลด 5 บาทก็ยังดี แผนที่ไม่เคยเป็นแผน
พอมาถึงก็เขียนใบเข้าประเทศลาว ตรวจpassport และนั่งรถข้ามสะพานไป 20 บาท มาถึงจุดผ่านอีกจุดซึ่งต้องซื้อบัตรผ่าน ราคาวันธรรมดา 8.00 ขึ้นไป จะเก็บเงิน 5 บาท ถ้ายังไม่ 8โมงและวันเสาร์อาทิตย์จะเก็บค่าบัตร 50 บาท เพิ่มขึ้นเป็น10เท่าเลยทีเดียว พอข้ามได้จะมีจุดแลกเงินเป็นธนาคาร แต่จะเปิดเวลา 8.30 ถ้ารีบในตัวเมืองจะมีที่ให้แลกอีกเช่นกัน ซึ่งเรามากันเช้ามากเลยโดนค่าบัตรผ่านไปคนละ 50 บาท เพราะว่ารีบไป มีเวลาเที่ยวจำกัด
ภาพ: สะพานข้ามไทย-ลาว
จากนั้นก็นั่งบัสสีเขียวเพื่อไปที่ตลาดเช้าเวียงจันทร์ราคา 6000 กีบ แต่ถ้ายังไม่มีเงินลาวจ่ายเป็นเงินไทยได้ 40 บาท (อัตราแลก 233กีบ/1บาท) ถ้าคิด6000กีบเป็นเงินไทยจะ 25 บาท ก๊อดดด รู้สึกเหมือนถูกโกงงงง และผิดจากแผนที่วางไว้ ว่าจะรอรถบัสที่หนองคายเข้าวังเวียงเลยอีกด้วย แผนที่ไม่เคยเป็นแผน
พอถึงตลาดเวียงจันทร์ ที่ตลาดก็จะมีผักสด ท่ารถ ของใช้เล็กน้อยขายประมาณ 1 แยก ร้านอาหารมีอยู่ 1-2 ร้าน เรานั่งกินอาหารตามสั่งที่ร้าน ข้าวจานละ 20000 กีบ แต่เรายังไม่ได้แลกเงิน เลยให้แบงค์ 100 ไป เค้าทอนมา 2000 กีบ เท่ากับทอนมา 8 บาท พระเจ้า ข้าวจานละ 92 บาท นึกว่าที่ลาวของจะถูกกก
ภาพ: บรรยากาศตลาด
กินเสร็จก็ถามทางไปที่แลกเงินเราแลกเงินมา 3500 บาท ได้มา 816,000 กีบ รู้สึกสวยและรวยมากก จากนั้นเราก็เดินไปเข้าห้องน้ำค่าเข้า 2000 กีบ (8บาท) ก๊อดดดดดด แพงอะไรปานนั้น อยู่กทม.เสียค่าเข้า 5 บาท ก็ว่าแพงแล้วนะ เข้าไปจึงรู้สึกว่าต้องทำให้คุ้ม เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน น้องเมทที่มาด้วยก็เข้าไปถ่ายหนักซะเลย 555
จากนั้นก็เดินทางออกมาหารถตู้ไปวังเวียง เคยอ่านรีวิว เค้าบอกว่ามีรถตู้ไปวังเวียงในตลาดเช้าเหมือนกัน 240 บาท แต่เราเดินทางไม่เจอ เดินไปทางไหนก็มีแต่พวกนายหน้ามาคุยให้ไปรถเขา และด้วยที่เรายังไม่แข็งแกร่งพอคุยไปคุยมา เราก็หลงกลไปกับคนขับตุ๊กๆคนหนึ่ง บอกว่าพอไปขึ้นรถตู้ค่าไปส่ง 10000 กีบ ค่ารถตู้ 70000 กีบ รถออกเลยรถตู้อย่างดี เราก็เลยไป ผิดแผนอีกตามเคย
ปรากฎว่า ขับวนอ้อมไปนิดเดียวถึงรถตู้ ที่จอดรถตู้ จอดเลยตลาดมาประมาณ 1 ซอย ถ้าเดินขึ้นไปตรงๆ ประมาณ 1-2 ป้ายรถเมล์ ก็ถึงแล้ว ขึ้นไปบนรถตู้ที่สภาพดูดี มีคนอยู่ในรถแค่คนเดียวและเค้าไม่ได้ไปวังเวียงด้วย พอนั่งรอสักพัก เค้าก็ให้เปลี่ยนรถ ไปอีกคันที่เล็กกว่า เก่ากว่า ร้อนกว่า แล้วรถก็ออกพร้อมขับวนมาในตลาด 1 รอบ วนกลับมาที่เดิมรับผู้โดยสารมา 1 คน โอ้วววววววมายยยยยก๊อดดดดดดดดดดดด รู้ไปขึ้นรถบัสประจำทาง ไปที่ บขส สายเหนือ แล้วต่อ รถบัส ไปวังเวียงเนี่ย น่าจะดีกว่า แต่พวกเราอยากรีบไปให้ถึงเร็วๆก็เลยคิดว่าไปรถตู้น่าจะเร็วกว่า คิดซะว่าเสียเงินซื้อเวลา คิดงี้มาตลอดเลย แทนที่จะใช้ชีวิตแบบ slowlife แต่ก็ได้ประสบการณ์ไปอีกแบบ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วสิ่งนั้นดีเสมอ พยายามคิดปลอบใจตัวเองอยู่
ภาพสุดท้ายก่อนรถตู้ออกเดินทาง
นั่งรถประมาณ 4-5 ชั่วโมง ระหว่างทางเป็นดินแดง ลูกรัง มีถนนสลับอยู่บ้าง อารมณ์แบบทางม้าลาย สีดำเป็นลูกรัง สีขาวเป็นถนน ระหว่างทางก็มีบ้าน ต้นไม้เยอะแยะ มีโรงเรียนเป็นจำนวนมาก เวลาพักกลางวันเด็กๆก็จะเดิน ปั่นจักรยานกลับบ้านมากินอาหารกลางวัน พอบ่ายก็กลับไปเรียนต่อ นักเรียนจะใส่เสื้อนักเรียนกับกระโปรงผ้าซิ่นสีดำ น่ารักมากๆ แต่ถ่ายไม่ทัน
ต้นไม้กลายเป็นสีดินแดงไปล่ะ
พอมาถึงวังเวียง เราก็เดินหาที่พักซึ่งตั้งใจว่าจะไป เวียงธาราเกสเฮ้าต์ ก็เลยถามทางคนแถวนั้น เดินไปเรื่อยๆ เจอร้านไข่ปิ้งด้วยความหิวหนักเลยซื้อมากินราคา 5000 กีบ (20 บาท) 1 ไม้มี 3 ลูก อร่อยมากกกก อร่อยจนน้ำตาแทบจะไหล เพราะหิวมากกกกก
เดินเหนื่อยหนัก เราจึงตัดสินใจเช่ามอไซค์ไปตามหาที่พักดีกว่า ร้านแรกคิดค่าเช่า 100,000 กีบ เราเลยเดินไปก่อนละกัน โชคดีมาเจอร้านที่ 2 คิดค่าเช่า 60,000 เอาร้านนี้เลยค่ะ และซื้อน้ำมันประมาณ 1ลิตรครึ่งราคา 15,000 กีบ เติมพร้อมขับไปหาที่พัก จากที่ถามชาวบ้านเค้าให้ข้ามสะพานไปจะเจอเวียงธาราอยู่ทางขวามือ เราก็ไปตามนั้นเลยค่ะ แต่พอถึงสะพานเท่านั้นแหละ ต้องเสียค่าผ่านทาง 2 คนรวมมอไซค์ 10,000 กีบ สำหรับข้ามไป-กลับ ถือว่าแพงมากกกก ก็ยอมจ่าย
สะพานไม้สวยดี แต่จะดีกว่าถ้าข้ามฟรี เก็บโหดมาก
พอข้ามตามทางเราก็เจอเวียงธาราดูสวยมากแต่ราคาก็แพงมากเช่นกัน ห้องคืนละเป็นพันบาทจากการสอบถามพบว่าที่นี่คือเวียงธารา วิลล่า แต่ที่เราจะไปคือ เวียงธาราเกสเฮ้าส์ ผิดที่!! โอ้ววว เสียค่าข้ามสะพานมาทำไมฟ่ะ ขับกลับออกมาอีก ซึ่งที่จริงแล้วเราขับเลย เวียงธาราเกสเฮ้าส์ไป แต่มองไม่เห็นเพราะหน้าเกสเฮ้าส์เป็นร้านกาแฟเล็กๆ คุณลุงเจ้าของแลดู slowlife มากๆตอนไปติดต่อเราเรียกตั้งนานไม่มีคนตอบเลย จนนั่งรอและไปซื้อเป๊ปซี่ใส่ถุงฝั่งตรงข้ามมากินถุงละ 5000 กีบ น้องเขาเลยโทรหาคุณลุงเจ้าของให้ คุณลุงเดินออกมาจากห้องพัก สงสัยเมื่อกี้หลับอยู่ในห้องพักแน่ๆเลย เรียกตั้งนานไม่ได้ยิน เราก็ได้ห้องพักเตียงคู่ ห้องแอร์ 1 คืน 100,000 กีบ ถ้าไม่แอร์ 80,000 กีบ ที่นี่ไม่ค่อยเหมือนรูปที่รีวิวในเน็ตซักเท่าไหร่ แต่ก็โอเค ห้องพักสะอาด ห้องน้ำก็สะอาด คุณลุงเจ้าของพูดน้อยแต่ถามอะไรก็แนะนำได้ดี
จากนั้นเราก็เดินทางไปถ้ำจัง แต่ไปถึงตอน 17.30 ถ้ำปิด 17.00 เลยเข้าไปถ่ายรูปแค่สะพานส้ม ได้ไปแค่สะพานส้มก็รู้สึกพอใจแล้ว บรรยากาศดีมาก สะพานสีสดใส ข้างหลังเป็นภูเขา ข้างล่างเป็นแม่น้ำ ข้างบนมีบอลลูนลอย ถ่ายรูปกันจนเพลินและคุ้มกับค่าเข้ามากก ค่าเข้า 2 คนรวมมอไซค์ 7000 กีบ
จากนั้นก็ขี่รถเล่นรอบเมือง อากาศเย็นสบาย ผู้คนไม่พลุกพล่าน รู้สึกชอบที่นี่แล้ว เราก็มาจอดที่ร้านอาหารร้านหนึ่ง ขับวนเลือกอยู่ตั้งนาน มื้อนี้เรียกว่า แกงหมี่เหลืองหมู รสชาติ อร่อย อูมามิ คล้ายกินข้าวต้มทรงเครื่องแต่เป็นเส้น 20,000 กีบ กับน้ำแตงโมปั่น รสชาติพอใช้ได้ บ้านเราอร่อยหวานกว่า 6000 กีบ จากนั้นก็กลับที่พัก ติดต่อจองตั๋วรถไปหลวงพระบางที่เกสเฮาส์ราคา 90,000 กีบ จากนั้นอาบน้ำ นอน เตรียมไปต่อสำหรับพรุ่งนี้
วันรุ่งขึ้น เราก็ขี่มอไซด์ มากินข้าวเช้า และขี่รถไป จุดชมวิว ผาเงิน และ บลูลากูน
การจะไป จุดชมวิว ผาเงิน และ บลูลากูน นั้น เราต้องขับข้ามสะพานที่เสียเงินไปก่อน และแน่นอนว่าเราได้หาสะพานที่ไม่เสียตังค์เจอแล้ว 555 ทางไปสะพานฟรีนั้นให้ถามเจ้าของที่พักเลย เราจะเจอร้านแซนวิช เป็นทาง 3 แยก ให้เลี้ยวเข้าไปทางลาดลงแล้วก็จะเจอสะพาน ข้ามสะพานเลี้ยวซ้ายไปตามทางริมแม่น้ำ ไปเรื่อยๆจะเจอทางออกตรงเวียงธารา วิลล่า ทางค่อยข้างวิบากเล็กน้อย สำหรับผู้หญิงขี่นะแต่ก็พอขี่ได้ พอขึ้นบนถนนตรงเวียงธาราวิลล่าแล้ว เราก็ขี่เบียงไปทางขวาแล้วขับตรงไปได้เลย แนะนำว่า จักรยานเนี่ยไปถึงนะ แต่คงใช้เวลาและขาอาจหลุดได้ สำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายและไม่ใช่นักปั่น เพราะมันไกลมากโขอยู่นะ
ภาพระหว่างทาง
อันดับแรกเราจะไปที่ จุดชมวิว ผาเงินก่อน ถ้าขาไป ทางเข้าจะอยู่ทางขวามือ เป็นป้ายสีเหลืองๆ ต้องสังเกตให้ดี เพราะเราขี่เลยไปจนเกือบถึงบลูลากูนอยู่ล่ะ ขี่เข้าไปจะเจอศาลา เค้าให้จอดมอไซค์ มีคนเก็บค่าผ่านทาง คนละ 10,000 กีบ จากนี้ต้องเดินเท้าแล้วล่ะ มีทางราบไปขึ้นเขา และก็เป็นทางชึ้นเขาของจริง ลาด ชัด หินเรียงเลย มีเป็นขั้นบันไดบ้าง พอเจอป้าย อีก 400 เมตร ดีใจมากคิดว่าใกล้แล้ว แต่จริงๆ ยังอีกไกล รู้สึกว่าไกลอะ เหนื่อยเลย หัวใจเต้นแรงมากแทบจะหลุดออกมา
พอขึ้นมาเห็นศาลานึกว่าถึงแล้ว แต่วิวยังไม่สวยเลย พอเห็นว่ามีทางให้เดินต่อก็ลองเดินไปคราวนี้ถึงจุดชมวิวของจริง พอเห็นแล้วก็หายเหนื่อยเลย สูงและสวยมาก ถ้ามาตอนที่ไม่ใช่ฤดูแล้งคงจะสวยเขียวมากกว่านี้ ระยะทางขึ้นก็ใช้เวลาประมาณ 25 - 30 นาที ถึงจุดสูงสุด ขาลงก็จะเร็วกว่าหน่อย แต่ก็ต้องระวัง ทางมันชัด เราลื่นไป 2-3 รอบได้