สวัสดีค่ะก่อนจะเข้าสู่รีวิวทริป เราขอแนะนำตัวเองก่อนนะคะ เราชื่อ หนูนา เริ่มเป็นภาวะร่างกายติดเที่ยวได้ประมาณ 4 ปี ก่อนหน้านี้ใช้ชีวิตแบบคนปกติทั่วไปกิน เที่ยวบ้าง และก็เรียน ไม่ค่อยมีโอกาสได้เที่ยวกับเพื่อนๆสักเท่าไหร่ เพราะที่บ้านมีกฎว่าอยากไปไหน อยากได้อะไรต้องเก็บตังค์เอง(มีหลายครั้งที่เก็บได้จำนวนนึงแล้วพ่อ-แม่จะเติมให้) แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราแทบไม่เหลือเงินเงินเก็บสำหรับท่องเที่ยวเลยเพราะหมดไปกับการ “กิน” จนเริ่มทำงานถึงจะพอมีเหลือบ้าง เจอเพื่อนเที่ยวที่ถูกใจ ไปแล้วประทับใจนั่นแหละค่ะคุณจุดเริ่มต้นของ “โรคติดเที่ยว” แรกๆก็เที่ยวกับเพื่อน พอเพื่อนเริ่มไม่ว่างก็เที่ยวคนเดียวแบบไปเช้า-เย็นกลับ จนตอนนี้จะกลายเป็นโรคติดเที่ยวเรื้อรัง ลามไปจนการไปต่างประเทศคนเดียว ทริปแรกที่เที่ยวคนเดียวคือนั่งรถไฟไปปีนัง(เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟังอีกที ไต้หวันเพิ่งกลับมาได้ไม่นานยังคงอินอยู่) และนี่ก็เป็นทริปที่ 2 ของการเที่ยวต่างประเทศคนเดียว ดูรีวิวในพันทิปเปิดไปเรื่อยก็ไปสะดุดกับไต้หวันกับนิยามที่ว่า “เหมือนเที่ยวญี่ปุ่นในราคาคนไทย” นั่นแหละค่ะจุดเริ่มต้นทริป เกริ่นนำไปแล้วมาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ บอกก่อนนะคะว่ารูปเยอะมาก กระทู้แรกของเราหากผิดพลาดปะการใดขออภัยมา ณ โอกาสนี้ และยินดีให้คำแนะนำนะคะ
พอได้ปลายทางแล้วเรื่องราวของการไปให้ถึงก็เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว เราเริ่มตามเพจต่างๆที่บอกโปรตั๋วเครื่องบิน ประจวบเหมาะเจอโปรโมชั่นของสายการบิน V Air เที่ยวละ 990 บาท หน้ามืดตามัวกดจองโดยไม่ปรึกษาใครคือกูจะไปท่าเดียว ได้ตั๋วมาในราคาพร้อมน้ำหนักกระเป๋าไป(10Kg)-กลับ(20Kg) 5,152 บาท เราเดินทางวันที่ 30 มีนาคม-4 เมษายน
ไต้หวันเป็นประเทศที่ต้องขอวีซ่า รายละเอียดการกรอกขอวีซ่า การขอวีซ่า และค่าธรรมเนียม ตามนี้เลยค่ะ
http://www.flymetotaiwan.com/taiwanvisa
ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/35090297 ค่ะ
Day 1 วันแห่งการเดินทาง เครื่องบิน-รถบัส-รถไฟ-รถบัส-พักที่ SML
และแล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึงนั่นคือวันเดินทาง ทุกอย่างราบรื่นจนเราหวั่นใจ ปกติเราเป็นคนสะเพร่ามากและมักจะสะเพร่าในเรื่องของการจองตั๋วโน่นนี่ เกือบวิ่งขึ้นเครื่องไม่ทันตอนไปฮ่องกง เกือบตกเครื่องตอนไปเกาหลี ตกรถไฟตอนไปปีนัง ดีที่ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นแค่เกือบ อาจจะเพราะโชคช่วย หรือครั้งนี้จะเป็นการเดินทางครั้งแรกที่ไม่มีเรื่องตื่นเต้น หรือการเที่ยวหลายๆครั้งทำให้เรารอบคอบขึ้นเอาละไปเที่ยวกันดีกว่า เครื่องบินถึงสนามบินเถาหยวนเวลา 15.35 น. (ไต้หวันเวลาเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
หลับไป 1 ตื่นถึงแล้วค่ะ สนามบินเถาหยวน อารมณ์เดียวกับสนามบินดอนเมืองบ้านเราเลยค่ะ พอถึงปุ๊บเดินตามป้าย Immigration ไปก็เจอกับบูธขายซิมโทรศัพท์ เราจัดการซื้อซิม Internet แบบ 5 วัน ราคา 300 NT จุดซื้อซิมที่สนามบินเถาหยวนมีดังนี้
1. เลี้ยวขวา มีเคาน์เตอร์ขายซิมครบทุกเจ้า คือ Chunghwa Telecom / Far Eastone และ Taiwan Mobile เปิดบริการ 08.00-22.00 น. (แต่บางเจ้าเปิดประมาณ 07.30 น.)
2. เลี้ยวซ้าย ทางไป Departure Hall (หัวมุมร้าน Sub Way) เป็นออฟฟิศของ Chunghwa Telecom เปิดบริการ 08.00-18.00 น.
3. เลี้ยวซ้ายลงบันไดเลื่อน หน้าร้าน Hi-Life ของ Chunghwa Telecom
เปิดบริการ 06.00-15.00 น. (ข้อมูลเมื่อ 15/11/15)
ถ้าเลี้ยวขวาลงบันไดเลื่อน เจอร้าน Hi-Life เหมือนกัน แต่ไม่มีเคาน์เตอร์ขายซิม ให้เดินทะลุมาตรงฝั่งขายตั๋วรถบัสเข้าเมืองแล้วเลี้ยวซ้ายก็เจอ
4. ก่อนผ่านด่านตม. เปิดบริการ 11.00 น.
พอเราผ่าน ตม. รับกระเป๋า เราก็ตามหาป้าย High Speed Rail Trian/Bus Station เดินตามป้าย ลงบันไดเลื่อนไปก็จะเจอช่องขายตั๋วรถบัสค่ะ
มองหาเค้าเตอร์ Ubus นะคะ สังเกตุง่ายๆคนต่อแถวเยอะๆนั่นแหละค่ะใช่เลย ค่ารถจากสนามบินเถาหยวนไปสถานี THSR เถาหยวน ราคา 30 NT
ตั๋วหน้าตาแบบนี้ค่ะ ก่อนขึ้นรถจะมีคนฉีกตั๋วและนับจำนวนคนค่ะ ประมาณ 20 นาที ก็ถึงสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวนแล้วค่ะ
ถึงแล้วค่ะ แลกตั๋วเรียบร้อยเราก็ซื้อของกิน เพื่อไปกินบนรถ เราจองตั๋วออนไลน์มาจากไทยนะคะ มาถึงก็ต้องเข้าคิวแลกตั๋วอยู่ดี แต่ข้อดีคือเราจะมีที่นั่งแน่นอนและจะมีส่วนลดด้วย ตั๋วสามารถปรับเปลี่ยนเวลาได้ค่ะ แต่อาจจะต้องจ่ายเพิ่มตามเวลาที่เดินทาง ตั๋วรถไฟที่นี่ราคาถูก แพงตามเวลาค่ะ ถ้าแพงขึ้นก็ต้องจ่ายเพิ่ม แต่ถ้าถูกลงอันนี้ไม่แน่ใจว่าจะได้เงินคืนมั้ยนะคะ จองตั๋วล่วงหน้าได้ 3 เดือน ที่เว็บนี้ค่ะ
http://www5.thsrc.com.tw/en/
ตั๋วรถไฟหน้าตาแบบนี้ค่ะ จะบอกเลขขบวนรถไฟ เวลาออก เวลาถึง ขึ้นโบกี้ที่เท่าไหร่(Car 3) และเลขที่นั่งอะไร รถไฟตรงเวลาค่ะ ควรไปรอที่ชานชาลาล่วงหน้านะคะ
Sushi Express ถูกและสดค่ะ พบได้ทั่วไปในไทเปนะคะ ตามต่างจังหวัดที่เราไปไม่ค่อยเจอค่ะ
ในซุปเปอร์มีเครื่องดื่มมากมาย ชานมเยอะมากอันนี้แค่ยี่ห้อเดียวนะคะ และสามารถใช้บัตร Easy Card แตะเพื่อจ่ายสินค้าได้ค่ะ เรื่องราวของบัตรนี้สามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ
http://ppantip.com/topic/34288482 กระทู้นี้อธิบายไว้ละเอียดยิบเลย
มาแล้วค่ะรถไฟความเร็วสูงหรือรถไฟหัวกระสุน
พอถึงสถานี Taichung เดินตามป้าย Bus Station Exit 5.6 นะคะ ลงบันไดเลื่อนปุ๊บก็จะเจอเค้าเตอร์ขายตั๋วของ Nantou ซื้อตั๋วรถบัส 1 เที่ยวขาไป ราคา 189 NT และซื้อ Pass เที่ยว Sun Moon Lake ด้วยเลย ราคา 390 NT (พอถึงที่พักเค้าเสนอขาย Pass ราคา 350 NT ยังไงลองเชคกับที่พักดูนะคะว่ามีขายมั้ยเพราะอาจจะถูกกว่า)
นั่งรถบัสประมาณ 2 ชั่วโมง รถบัสนี้ไม่ระบุที่นั่งนะคะ นั่งที่ว่างได้เลย พอถึงก็ดึกแล้วเราเช็คอิน เก็บกระเป๋าก็ลงมาหาของกินค่ะ ที่พักที่ SML ราคาห้องละ 800 NT เราจองผ่าน booking.com แล้วไปจ่ายเงินตอนเข้าพัก ห้องกว้าง สะอาด ถือว่าโอเคและไม่แพง Tanxiang Resort Hotel Sun Moon Lake Harbour - Sun Moon Lake Pier
อาจจะเพราะดึกแล้วร้านค้า ร้านอาหารก็ปิดหมดแล้ว เปิดอยู่ไม่กี่ร้านก็สุ่มๆไปค่ะ ได้เป็นบะหมี่ซี่โครงหมู อร่อยดีค่ะหรืออาจจะเพราะหิวก็เป็นได้ กินอิ่มแล้วก็เดินย่อยนิดหน่อยแล้วก็พักผ่อนค่ะ พรุ่งนี้เราจะเที่ยว SML กันแล้วไปนอนที่ Cingjing ค่ะ
Day 2 Cable Car ชมวิวทะเลสาบสุริยันจันทรา - วัด Wen Wu -วัด Syuanguang/Xuanguang(หรือวัดพระถังซัมจั๋ง)
เราตื่นเช้าพบว่ามีแซนวิชและชาเขียวแขวนอยู่หน้าห้อง(ในใจคิดว่าหนุ่มที่ไหนมาแอบพิศวาสมั้ย แต่เปล่าเลยนี่คือมื้อเช้าของที่พัก) แล้วก็เริ่มต้นเที่ยวด้วย Pass ที่ซื้อมา ในราคา 390 NT Pass นี้เราสามารถนั่งเรือกี่รอบก็ได้ นั่งรถรอบทะเลสาบ และขึ้น Cable Car ไป-กลับคุ้มมากเพราะเฉพาะค่าเรือและ Cable Car ถ้าซื้อแยกก็อย่างละ 300 NT SML จะมี 3 ท่าเรือ ที่พักของเราอยู่ท่าเรือที่ 3 Shuishe Pier เรือรอบแรก 9.00 น. การเดินทางไปแต่ละท่าใช้เวลาประมาณ 15 นาที เรือจะจอดรอที่ท่าประมาณ 5 นาที จากท่าเรือ Shuishe ไปที่ท่าเรือ Xuanguang Temple Pier(ท่าเรือที่1) จะผ่านเกาะกลางน้ำเล็กชื่อเกาะ Naru ไกด์ก็จะเล่าให้ฟัง แต่เป็นภาษาจีนเราเลยไม่รู้ว่าประวัติเป็นยังไง ทีท่าเรือนี้สามารถเดินขึ้นไปสักการะอัฐิของพระถังซัมจั๋งได้นะคะ แต่เราเลือกที่จะไปขึ้นกระเช้าก่อน เพราะกลัวว่าสายแล้วจะเจอทัวร์จีน กระเช้าชมวิวทะเลสาบอยู่ที่ท่าเรือ ITAO(ท่าเรือที่2)
เกาะ Naru
ท่าเรือ ITAO มีคนมานั่งตกปลาดูชิลดี
สมชื่อทะเลสาบสุริยันจันทรา มีสัญลักษณ์นี้เต็มไปหมด พอถึงท่าเรือแล้วไห้เดินไปทางซ้ายนะคะตามป้าย Cable Car Center
ตึกนั้นเป็น Cable Car Center ค่ะ เดินตามป้ายไปเรื่อยๆจะไปเจอสะพานไม้ยาวๆเลียบชายฝั่ง วิวสบายตาดีค่ะ
ไส้กรอกไต้หวัน อันละ 35 NT หน้าตาเหมือนกุนเชียง แต่รสชาติเหมือนกุนเชียงผสมไส้กรอกเยอรมัน อร่อยค่ะและไข่ต้มสมุนไพรเจอเยอะมากอันนี้ไม่ได้ซื้อลองนะคะ เพราะลองกินใน 7-11 แล้ว ก็อร่อยอยู่ค่ะ ของขึ้นชื่อเลยถ้ามาแล้วห้ามพลาดไส้กรอกกับไข่ต้มนะคะ
พอถึง Cable Car Center( Cable Car 10.30-16.00 ในวันธรรมดาและ 10.00-16.30 ในหยุด) ก็จะเจอเคาท์เตอร์ เราต้องนำ Pass ไปรับบัตรคิว แล้วนั่งรอเรียกตามเลขที่ เค้าจะให้เราไปรอตามคิวไม่ต้องไปยืนรอต่อแถว ถึงเลขค่อยไปรอ ค่อนข้างเร็วพอสมควรค่ะ
พอถึงสถานีก็จะมีหมู่บ้านวัฒนธรรม Formosa(Formosan Aboriginal Culture Village) ข้างในมีสวนสไตล์ยุโรปและเครื่องเล่นแต่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่มประมาณ 790 NT(ค่าเข้าไม่แน่ใจนะคะ) ด้วยเวลาที่จำกัดเราเลยไม่ได้เข้าไป แต่เลือกที่จะนั่งกระเช้าลงมาเลย ทำให้ขาลงเราครองกระเช้าคนเดียวค่ะ
วิวทะเลสาบมุมสูงค่ะ
ที่ลานจอดรถของ Cable Car Center มีปลูกต้นซากุระเยอะเลยค่ะ แต่ตอนเราไปเห็นบานอยู่ 2-3 ต้นเองค่ะ
ลงมาจากกระเช้าเราข้ามถนนไปรอรถบัสฝั่งตรงข้าม รถบัสสามารถใช้ Pass ได้ นั่งรถบัสเพื่อไปเที่ยววัด Wen Wu Temple ไหว้พระขอพร ถ่ายรูป วัดนี้มีกำแพงงานปั้นที่สวยมาก รายละเอียดดีมากจริงๆ มีจุดเซียมซีเยอะแต่เราไม่รู้ว่าเค้าเซียมซีกันยังไงเพราะมีแต่ภาษาจีน เลยทำได้แค่ถ่ายรูปแล้วกลับมารอรถบัสเพื่อกลับไปที่ท่าเรือ Shuishe Pier อีกครั้ง
[CR] ลากกระเป๋า Alone in Taiwan แบบสบายๆ เน้นเที่ยวไม่เน้นช้อป
พอได้ปลายทางแล้วเรื่องราวของการไปให้ถึงก็เริ่มต้นอย่างรวดเร็ว เราเริ่มตามเพจต่างๆที่บอกโปรตั๋วเครื่องบิน ประจวบเหมาะเจอโปรโมชั่นของสายการบิน V Air เที่ยวละ 990 บาท หน้ามืดตามัวกดจองโดยไม่ปรึกษาใครคือกูจะไปท่าเดียว ได้ตั๋วมาในราคาพร้อมน้ำหนักกระเป๋าไป(10Kg)-กลับ(20Kg) 5,152 บาท เราเดินทางวันที่ 30 มีนาคม-4 เมษายน
ไต้หวันเป็นประเทศที่ต้องขอวีซ่า รายละเอียดการกรอกขอวีซ่า การขอวีซ่า และค่าธรรมเนียม ตามนี้เลยค่ะ http://www.flymetotaiwan.com/taiwanvisa
ตอนที่ 2 http://ppantip.com/topic/35090297 ค่ะ
Day 1 วันแห่งการเดินทาง เครื่องบิน-รถบัส-รถไฟ-รถบัส-พักที่ SML
และแล้ววันที่เรารอคอยก็มาถึงนั่นคือวันเดินทาง ทุกอย่างราบรื่นจนเราหวั่นใจ ปกติเราเป็นคนสะเพร่ามากและมักจะสะเพร่าในเรื่องของการจองตั๋วโน่นนี่ เกือบวิ่งขึ้นเครื่องไม่ทันตอนไปฮ่องกง เกือบตกเครื่องตอนไปเกาหลี ตกรถไฟตอนไปปีนัง ดีที่ทุกอย่างที่กล่าวมานั้นแค่เกือบ อาจจะเพราะโชคช่วย หรือครั้งนี้จะเป็นการเดินทางครั้งแรกที่ไม่มีเรื่องตื่นเต้น หรือการเที่ยวหลายๆครั้งทำให้เรารอบคอบขึ้นเอาละไปเที่ยวกันดีกว่า เครื่องบินถึงสนามบินเถาหยวนเวลา 15.35 น. (ไต้หวันเวลาเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมง)
หลับไป 1 ตื่นถึงแล้วค่ะ สนามบินเถาหยวน อารมณ์เดียวกับสนามบินดอนเมืองบ้านเราเลยค่ะ พอถึงปุ๊บเดินตามป้าย Immigration ไปก็เจอกับบูธขายซิมโทรศัพท์ เราจัดการซื้อซิม Internet แบบ 5 วัน ราคา 300 NT จุดซื้อซิมที่สนามบินเถาหยวนมีดังนี้
1. เลี้ยวขวา มีเคาน์เตอร์ขายซิมครบทุกเจ้า คือ Chunghwa Telecom / Far Eastone และ Taiwan Mobile เปิดบริการ 08.00-22.00 น. (แต่บางเจ้าเปิดประมาณ 07.30 น.)
2. เลี้ยวซ้าย ทางไป Departure Hall (หัวมุมร้าน Sub Way) เป็นออฟฟิศของ Chunghwa Telecom เปิดบริการ 08.00-18.00 น.
3. เลี้ยวซ้ายลงบันไดเลื่อน หน้าร้าน Hi-Life ของ Chunghwa Telecom
เปิดบริการ 06.00-15.00 น. (ข้อมูลเมื่อ 15/11/15)
ถ้าเลี้ยวขวาลงบันไดเลื่อน เจอร้าน Hi-Life เหมือนกัน แต่ไม่มีเคาน์เตอร์ขายซิม ให้เดินทะลุมาตรงฝั่งขายตั๋วรถบัสเข้าเมืองแล้วเลี้ยวซ้ายก็เจอ
4. ก่อนผ่านด่านตม. เปิดบริการ 11.00 น.
พอเราผ่าน ตม. รับกระเป๋า เราก็ตามหาป้าย High Speed Rail Trian/Bus Station เดินตามป้าย ลงบันไดเลื่อนไปก็จะเจอช่องขายตั๋วรถบัสค่ะ
มองหาเค้าเตอร์ Ubus นะคะ สังเกตุง่ายๆคนต่อแถวเยอะๆนั่นแหละค่ะใช่เลย ค่ารถจากสนามบินเถาหยวนไปสถานี THSR เถาหยวน ราคา 30 NT
ตั๋วหน้าตาแบบนี้ค่ะ ก่อนขึ้นรถจะมีคนฉีกตั๋วและนับจำนวนคนค่ะ ประมาณ 20 นาที ก็ถึงสถานีรถไฟความเร็วสูงเถาหยวนแล้วค่ะ
ถึงแล้วค่ะ แลกตั๋วเรียบร้อยเราก็ซื้อของกิน เพื่อไปกินบนรถ เราจองตั๋วออนไลน์มาจากไทยนะคะ มาถึงก็ต้องเข้าคิวแลกตั๋วอยู่ดี แต่ข้อดีคือเราจะมีที่นั่งแน่นอนและจะมีส่วนลดด้วย ตั๋วสามารถปรับเปลี่ยนเวลาได้ค่ะ แต่อาจจะต้องจ่ายเพิ่มตามเวลาที่เดินทาง ตั๋วรถไฟที่นี่ราคาถูก แพงตามเวลาค่ะ ถ้าแพงขึ้นก็ต้องจ่ายเพิ่ม แต่ถ้าถูกลงอันนี้ไม่แน่ใจว่าจะได้เงินคืนมั้ยนะคะ จองตั๋วล่วงหน้าได้ 3 เดือน ที่เว็บนี้ค่ะ http://www5.thsrc.com.tw/en/
ตั๋วรถไฟหน้าตาแบบนี้ค่ะ จะบอกเลขขบวนรถไฟ เวลาออก เวลาถึง ขึ้นโบกี้ที่เท่าไหร่(Car 3) และเลขที่นั่งอะไร รถไฟตรงเวลาค่ะ ควรไปรอที่ชานชาลาล่วงหน้านะคะ
Sushi Express ถูกและสดค่ะ พบได้ทั่วไปในไทเปนะคะ ตามต่างจังหวัดที่เราไปไม่ค่อยเจอค่ะ
ในซุปเปอร์มีเครื่องดื่มมากมาย ชานมเยอะมากอันนี้แค่ยี่ห้อเดียวนะคะ และสามารถใช้บัตร Easy Card แตะเพื่อจ่ายสินค้าได้ค่ะ เรื่องราวของบัตรนี้สามารถอ่านได้ที่นี่ค่ะ http://ppantip.com/topic/34288482 กระทู้นี้อธิบายไว้ละเอียดยิบเลย
มาแล้วค่ะรถไฟความเร็วสูงหรือรถไฟหัวกระสุน
พอถึงสถานี Taichung เดินตามป้าย Bus Station Exit 5.6 นะคะ ลงบันไดเลื่อนปุ๊บก็จะเจอเค้าเตอร์ขายตั๋วของ Nantou ซื้อตั๋วรถบัส 1 เที่ยวขาไป ราคา 189 NT และซื้อ Pass เที่ยว Sun Moon Lake ด้วยเลย ราคา 390 NT (พอถึงที่พักเค้าเสนอขาย Pass ราคา 350 NT ยังไงลองเชคกับที่พักดูนะคะว่ามีขายมั้ยเพราะอาจจะถูกกว่า)
นั่งรถบัสประมาณ 2 ชั่วโมง รถบัสนี้ไม่ระบุที่นั่งนะคะ นั่งที่ว่างได้เลย พอถึงก็ดึกแล้วเราเช็คอิน เก็บกระเป๋าก็ลงมาหาของกินค่ะ ที่พักที่ SML ราคาห้องละ 800 NT เราจองผ่าน booking.com แล้วไปจ่ายเงินตอนเข้าพัก ห้องกว้าง สะอาด ถือว่าโอเคและไม่แพง Tanxiang Resort Hotel Sun Moon Lake Harbour - Sun Moon Lake Pier
อาจจะเพราะดึกแล้วร้านค้า ร้านอาหารก็ปิดหมดแล้ว เปิดอยู่ไม่กี่ร้านก็สุ่มๆไปค่ะ ได้เป็นบะหมี่ซี่โครงหมู อร่อยดีค่ะหรืออาจจะเพราะหิวก็เป็นได้ กินอิ่มแล้วก็เดินย่อยนิดหน่อยแล้วก็พักผ่อนค่ะ พรุ่งนี้เราจะเที่ยว SML กันแล้วไปนอนที่ Cingjing ค่ะ
Day 2 Cable Car ชมวิวทะเลสาบสุริยันจันทรา - วัด Wen Wu -วัด Syuanguang/Xuanguang(หรือวัดพระถังซัมจั๋ง)
เราตื่นเช้าพบว่ามีแซนวิชและชาเขียวแขวนอยู่หน้าห้อง(ในใจคิดว่าหนุ่มที่ไหนมาแอบพิศวาสมั้ย แต่เปล่าเลยนี่คือมื้อเช้าของที่พัก) แล้วก็เริ่มต้นเที่ยวด้วย Pass ที่ซื้อมา ในราคา 390 NT Pass นี้เราสามารถนั่งเรือกี่รอบก็ได้ นั่งรถรอบทะเลสาบ และขึ้น Cable Car ไป-กลับคุ้มมากเพราะเฉพาะค่าเรือและ Cable Car ถ้าซื้อแยกก็อย่างละ 300 NT SML จะมี 3 ท่าเรือ ที่พักของเราอยู่ท่าเรือที่ 3 Shuishe Pier เรือรอบแรก 9.00 น. การเดินทางไปแต่ละท่าใช้เวลาประมาณ 15 นาที เรือจะจอดรอที่ท่าประมาณ 5 นาที จากท่าเรือ Shuishe ไปที่ท่าเรือ Xuanguang Temple Pier(ท่าเรือที่1) จะผ่านเกาะกลางน้ำเล็กชื่อเกาะ Naru ไกด์ก็จะเล่าให้ฟัง แต่เป็นภาษาจีนเราเลยไม่รู้ว่าประวัติเป็นยังไง ทีท่าเรือนี้สามารถเดินขึ้นไปสักการะอัฐิของพระถังซัมจั๋งได้นะคะ แต่เราเลือกที่จะไปขึ้นกระเช้าก่อน เพราะกลัวว่าสายแล้วจะเจอทัวร์จีน กระเช้าชมวิวทะเลสาบอยู่ที่ท่าเรือ ITAO(ท่าเรือที่2)
เกาะ Naru
ท่าเรือ ITAO มีคนมานั่งตกปลาดูชิลดี
สมชื่อทะเลสาบสุริยันจันทรา มีสัญลักษณ์นี้เต็มไปหมด พอถึงท่าเรือแล้วไห้เดินไปทางซ้ายนะคะตามป้าย Cable Car Center
ตึกนั้นเป็น Cable Car Center ค่ะ เดินตามป้ายไปเรื่อยๆจะไปเจอสะพานไม้ยาวๆเลียบชายฝั่ง วิวสบายตาดีค่ะ
ไส้กรอกไต้หวัน อันละ 35 NT หน้าตาเหมือนกุนเชียง แต่รสชาติเหมือนกุนเชียงผสมไส้กรอกเยอรมัน อร่อยค่ะและไข่ต้มสมุนไพรเจอเยอะมากอันนี้ไม่ได้ซื้อลองนะคะ เพราะลองกินใน 7-11 แล้ว ก็อร่อยอยู่ค่ะ ของขึ้นชื่อเลยถ้ามาแล้วห้ามพลาดไส้กรอกกับไข่ต้มนะคะ
พอถึง Cable Car Center( Cable Car 10.30-16.00 ในวันธรรมดาและ 10.00-16.30 ในหยุด) ก็จะเจอเคาท์เตอร์ เราต้องนำ Pass ไปรับบัตรคิว แล้วนั่งรอเรียกตามเลขที่ เค้าจะให้เราไปรอตามคิวไม่ต้องไปยืนรอต่อแถว ถึงเลขค่อยไปรอ ค่อนข้างเร็วพอสมควรค่ะ
พอถึงสถานีก็จะมีหมู่บ้านวัฒนธรรม Formosa(Formosan Aboriginal Culture Village) ข้างในมีสวนสไตล์ยุโรปและเครื่องเล่นแต่ต้องเสียค่าเข้าเพิ่มประมาณ 790 NT(ค่าเข้าไม่แน่ใจนะคะ) ด้วยเวลาที่จำกัดเราเลยไม่ได้เข้าไป แต่เลือกที่จะนั่งกระเช้าลงมาเลย ทำให้ขาลงเราครองกระเช้าคนเดียวค่ะ
วิวทะเลสาบมุมสูงค่ะ
ที่ลานจอดรถของ Cable Car Center มีปลูกต้นซากุระเยอะเลยค่ะ แต่ตอนเราไปเห็นบานอยู่ 2-3 ต้นเองค่ะ
ลงมาจากกระเช้าเราข้ามถนนไปรอรถบัสฝั่งตรงข้าม รถบัสสามารถใช้ Pass ได้ นั่งรถบัสเพื่อไปเที่ยววัด Wen Wu Temple ไหว้พระขอพร ถ่ายรูป วัดนี้มีกำแพงงานปั้นที่สวยมาก รายละเอียดดีมากจริงๆ มีจุดเซียมซีเยอะแต่เราไม่รู้ว่าเค้าเซียมซีกันยังไงเพราะมีแต่ภาษาจีน เลยทำได้แค่ถ่ายรูปแล้วกลับมารอรถบัสเพื่อกลับไปที่ท่าเรือ Shuishe Pier อีกครั้ง