[CR] Ireland - Road Trip 10วัน กับดินแดนยุคกลาง

Ireland เป็นหนึ่งในประเทศที่ยังคงความเป็น Medieval อยู่สูงและถูกนำมาใช้เป็นฉากในหนังหลายๆเรื่อง เช่น Harry Potter and the Half-Blood Prince, A Game of Thrones โดยเฉพาะฉากฝั่ง Winterfell, Braveheart, King Arthur หรือแม้แต่ หนังฟอร์มใหญ่ล่าสุด Starwars EP7. แม้ชื่อที่กล่าวมานั้น บางส่วนถ่ายทำที่ฝั่ง Northern Ireland แต่หลายๆท่านคงจะพอเห็นภาพว่า Ireland โดยรวมๆนั้นมีความเป็นธรรมชาติและเมืองในรูปแบบยุโรปยุคกลางอยู่มากขนาดไหน ถ้าใครสนใจแนวนี้ เรามาดูกันเลยครับ ว่าไปยังไงและมีอะไรอีกบ้าง


ประเทศ Republic of Ireland หรือที่คนไทยเรียกง่ายๆว่า ประเทศไอร์แลนด์ (ไม่ใช่ ประเทศไอซ์แลนด์ที่กำลังฮิตนะครับ) นั้นคือคนละประเทศกันกับ Northern Ireland ครับ Northern Ireland นั้นเป็นส่วนหนึ่งของ United Kingdom ซึ่งที่มาที่ไปคือสมัยก่อนนั้นทั้งเกาะ Ireland ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษมาจนกระทั่งปี 1921 หลังจากมีสงครามต่อสู้กันระหว่างสองฝ่ายเป็นเวลาหลายปี ในปี 1921 ได้มีการทำข้อตกลงกับทางอังกฤษ และมีการประกาศอิสระภาพเป็น Republic of Ireland และบางส่วนที่ยังต้องการอยู่กับทางอังกฤษ ได้แยกออกมาเป็น Northern Ireland ซึ่งได้เข้าไปอยู่ในกลุ่ม United Kingkom ซึ่งการแยกตัวนี้หลักๆเกิดจากเชื้อชาติ และศาสนาที่ค่อนข้างแตกต่างกัน เชื้อชาติใน Northern Ireland ส่วนใหญ่จะเป็นชาวอังกฤษและสก๊อตแลนด์อพยพมา และนับถือโปรแตสแตนท์ แต่ในส่วนของ Republic of Ireland นั้นจะเป็น เชื้อชาติไอริช และนับถือคาทอลิกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งความขัดแย้งหลังจากมีการแบ่งแยกแล้วก็มีให้เห็นได้เรื่อยๆ ซึ่งหลายๆคนน่าจะคุ้นชื่อ IRA อยู่พอสมควรถ้าเกิดทันยุค 80s-90s แต่สุดท้ายแล้วความขัดแย้งต่างๆนี้ก็ค่อยๆลดลงไปและทาง IRA เองก็ยอมวางอาวุธและต่อสู้ในทางการเมืองแทน ซึ่งทำให้การท่องเที่ยวในทั้งสองประเทศนี้ เข้าถึงกันได้ง่ายขึ้นครับ

ภาษาที่ใช้ในประเทศ Republic of Ireland นั้นจะเป็นภาษาอังกฤษและภาษา Irish ครับ แต่คนพูดภาษา Irish จริงๆนั้นไม่ค่อยมีครับ เขาใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักนั้นแหละ ส่วนใหญ่จะเห็นภาษา Irish ตามป้ายแต่ก็จะมีภาษาอังกฤษเขียนกำกับด้วยเสมอ ซึ่งทางรัฐบาลเองก็ต้องการรักษาภาษา Irish ไว้ไม่ให้ตายจากไปจึงมี เพิ่ม class ให้เรียนในโรงเรียนครับ แต่ในทางปฎิบัติแทบไม่มีใครใช้ในชีวิตประจำวันเลย



การขอ VISA - Republic of Ireland

สำหรับ Northern Ireland นะครับ อันนั้นคือส่วนหนึ่งของ United Kingdom ซึ่งใช้ VISA ของ United Kingdom ในการเข้าประเทศ
ส่วน Republic of Ireland นั้นใช้ VISA เฉพาะของประเทศตัวเองซึ่งไม่สามารถใช้พ่วงกับ เชงเก้นวีซ่าหรือ UK VISA ได้ แต่มีข้อแม้พิเศษสำหรับบางประเทศและรวมถึงประเทศไทยเราด้วย คือ Visa waiver programme หากมี VISA ของ UK แบบ multiple และได้รับ stamp เข้าประเทศในเครือ UK แล้วสามารถใช้เพื่อผ่านเข้าประเทศ Republic of Ireland และอยู่ได้ไม่เกิน 90วัน (หรือไม่เกินอายุของ UK VISA ที่เหลืออยู่) สามารถดูรายละเอียดได้ที่ https://www.dfa.ie/media/dfa/alldfawebsitemedia/travel/Information-Note---Visa-Waiver-Programme-October-2014.pdf

สำหรับคนที่อยากไปเน้นๆที่เดียวหรือบินลงที่ Republic of Ireland ก่อนก็ต้องไปทำ VISA Ireland
ซึ่งการเตรียมตัวนั้นเริ่มจากไปกรอกฟอร์มขอ VISA online ได้ที่ https://www.visas.inis.gov.ie/AVATS/OnlineHome.aspx
ซึ่งกรอกไม่เสร็จไม่เป็นไรครับ จดเลขฟอร์มของเราไว้ให้ดี เอาไว้ใช้กลับมากรอกต่อวันหลังได้เขาจะเก็บฟอร์มเราไว้ไม่เกิน 30วัน พอกรอกเสร็จหมดก็ print ออกมาครับ จากนั้นก็เตรียมเอกสารคร่าวๆตามนี้เลย

-จดหมายแนะนำตัวเป็นภาษาอังกฤษ
-passport เล่มปัจจุบันที่เหลืออายุอย่างน้อย 6เดือน นับจากวันเดินทาง ไม่ใช่วันที่ทำ VISA นะครับ
-copy passport เล่มเก่าทุกหน้าที่มี stamp หรือ visa
-รูปถ่ายสี 2รูป passport size
-กำหนดการเที่ยว ใบจองโรงแรม ใบจองตั๋วเครื่องบิน(ใช้ใบจองตั๋วเครื่องได้ครับ ไม่จำเป็นต้องเป็นตั๋วจริงๆ แต่ต้องระวังเรื่องเวลาขอ VISA นะครับเพราะใช้เวลานานมาก อาจทำให้ใบจองตั๋วหมดอายุก่อนได้เดี๋ยวจะกลายเป็นได้ VISA แต่ไม่มีตั๋วบินไปนะครับ)
-เอกสารรับรองเงินเดือนและการทำงาน หรือถ้าทำงานส่วนตัว ก็ใช้เอกสารทะเบียนการค้าครับ
-หลักฐานทางการเงินต่างๆ เช่น Statement ธนาคาร ต้องใช้เอกสารที่มีหัวของธนาคารนะครับ เขาเขียนไว้ว่าไม่รับแบบ internet print out (ปกติเชงเก้นใช้ print จาก internet banking + หน้า book bank ได้ครับ)
-หลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันว่าเรากลับประเทศแน่ๆ เช่น ทะเบียนสมรส โฉนดที่ดิน
-ประกันการท่องเที่ยวครับ แต่เขาไม่ required แต่ต้องทำเผื่อเวลาเจ้าหน้าที่ขอเรียกดูครับ (อ่านมาก็งงๆ สรุปทำไปก่อนแหละครับ)
-สุดท้าย เอกสารทุกอย่างที่เป็นภาษาไทย ต้องให้แปลไปครับและมีตราประทับรับรองจาก บริษัทที่แปลด้วย (ซึ่งตอนขอเชงเก้นสามารถเซ็นรับรองการแปลด้วยตัวเองได้ อันนี้ผมก็งงๆเหมือนกัน เอาว่าผมทำตาม ที่เวปสถานฑูตแนะนำครับ เสียเงินเอาชัวร์ดีกว่า)
-เงิน 3,100บาท จ่ายสด
-และเผื่อเวลาไว้ยาวๆครับ ประมาณ 8สัปดาห์ อ้างอิงจากเวปนะครับ (ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า Passport สามารถเอากลับไปก่อนได้ครับ เผื่อจำเป็นต้องใช้ระหว่างรอ approve ซึ่ง passport เราจะเอามาให้เขาอีกทีวันรับ VISA ครับเพื่อเอาไปติด sticker ลงในเล่มเท่านั้น ซึ่งสามารถเอา passport ไปขอ VISA ประเทศอื่นเพิ่มเติมระหว่างรอ approved VISA Ireland อันยาวนานนี้ได้ครับ)

รวบรวมเอกสารทั้งหมด และไปยื่นได้ที่ สถานฑูตไอร์แลนด์ตามที่อยู่

Embassy of Ireland Thailand
Embassy of Ireland
208 Wireless Road
12th floor, Unit 1201
Lumphini, Pathumwan
Bangkok 10330
Tel: +66 2 016 1360
Fax: +66 2 675 3933


"208" นี่คือชื่อตึกนะครับ ไม่ต้องนัดหมายล่วงหน้าครับ เข้าไปยื่นเอกสารได้เลยเมื่อพร้อม หลังจาก submit online application form ไปแล้ว และยังสามารถฝากคนอื่นไปยื่นแทนได้ครับ ไม่ต้องไปด้วยตนเองแต่ต้องมั่นใจว่าเซ็นต์เอกสารครบถ้วนนะครับ ที่ process นานเพราะได้ยินว่าต้องส่งไปให้สถานฑูตไอร์แลนด์ที่มาเลเซียเป็นคน approve ครับ

ของผมเองไปยื่นเมื่อวันที่ 15/2/2016 ต้องมีโทรตามไปเช็ค update ครับหลังจากยื่นไปประมาณ 4สัปดาห์ (ขอ comment ไว้เลยว่า สถานฑูตนี้ติดต่อยากมากกกกกก ... บางวันโทรติดแต่ไม่มีคนรับ บางวันเหมือนระบบล่ม โอกาสติดต่อได้แล้วได้คุยกับเจ้าหน้าที่จากประสบการณ์ ประมาณ 1ใน4 แต่เจ้าหน้าที่เองบริการดีครับคุยง่ายเป็นคนไทยครับ เข้าใจว่าน่าจะเป็นที่เจ้าหน้าที่มีไม่เยอะ) สุดท้าย VISA ได้มาวันที่ 24/3/2016 ครับ แอบเกือบเฉียดฉิววันเดินทาง ถ้าใครทำเรื่องแค่จองตั๋วไว้แต่ยังไม่จ่ายเงินไป น่าจะพลาดกันได้ง่ายๆเลย


ค่าใช้จ่ายแพงไหม?

ทริปนี้ผมค่อนข้างใช้จ่ายกินนอนตามใจเยอะ ไม่อยาก declare budget เดี๋ยวหลายๆคนจะไม่อยากไปเอา 555 เอาว่าผมจะแจงคร่าวๆและวิธีประหยัดบ้างอย่างให้แล้วกันครับ
1. อาหาร ถูกสุดที่ทานอยู่ที่ 7.5Euros นั้นคืออาหารเช้าง่ายๆ 1set ส่วนกินร้านอาหารมีเบียร์ด้วยตกหัวละประมาณ 15-25Euros ราคาเบียร์ตกประมาณ pint ละ 2.5-5Euros ถ้ามีบริการถึงโต๊ะควรเผื่อทิปให้เขาประมาณ 10% ด้วยครับ
2. ตั๋วเครื่องบินตามแต่จะหาโปรมาได้เลยครับ ผมได้ตั๋วมา ไป-กลับอยู่ที่ 32,000บาท ครับของ KLM ไป Ireland ไม่มีบินตรงจากไทยครับ ถ้าเป็น KLM via Amsterdam ครับ
3. ค่าเดินทาง รถเมล์จะประมาณ 2.5-3Euros ครับ ถ้าเดินทางบ่อยลองดู Leap Card ได้ครับจะเหมือน Oyster ของทาง London เขาคือเป็น pre-paid card ครับ https://www.leapcard.ie
เดินทางจากสนามบินเข้าเมือง สามารถเดินทางด้วยรถเมล์ปกติจะอยู่ที่ 3.1Euros หรือซื้อแบบเหมาไปกลับแล้วนั่ง Airlink http://www.dublinbus.ie/Your-Journey1/Timetables/Airport-Services/ ไปกลับอยู่ที่ 10Euros ครับ สามารถดูรายละเอียดตาม link ได้เลยครับ อ่อ รถเมล์ที่นี่รับแต่เหรียญและไม่มีทอนนะครับ ลงเครื่องมาหาแลกเหรียญไว้ก่อนเลยหรือไม่งั้นลองเดินไปที่ป้ายรอรถเมล์จะมีเครื่องขายอัตโนมัติครับสามารถใช้บัตรเครดิตได้ (ถาม B&B ที่พักมาบอกว่าเครื่องขายบัตรอัตโนมัตินี่มีที่สนามบินที่เดียว ในเมืองไม่มีเพราะฉะนั้นถ้าเดินทางเยอะแน่ๆซื้อ Leap Card จากสนามบินน่าจะคุ้มกว่าครับ)
4. ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจะอยู่ที่ 4-7Euros แล้วแต่ที่ครับ ถ้าเน้นไปทาง Heritage Sites ภายใน Republic of Ireland แนะนำให้ซื้อ HERITAGE CARD เลยครับคุ้มค่าคนละ 25Euros เข้าชมประมาณ 5-6ที่ก็คุ้มแล้วครับ แต่ถ้าไม่นิยมเที่ยวแนวนี้ก็เลือกจ่ายแบบ เป็นที่ๆเฉพาะที่สนใจไปก็ได้ครับ มีบอกราคาค่าเข้าอยู่ตาม Link เลยครับ http://www.heritageireland.ie/media/English%20Site%20Map.pdf
5. ส่วนถ้าแน้นเที่ยวใน Dublin เป็นหลัก ลองดู https://www.dublinpass.com/ ครับมีจ่ายเหมาที่เที่ยวหลักๆใน Dublin แถมด้วยค่ารถ Aircoach สำหรับไปกลับสนามบินมาด้วย แต่ตัวผมเองไม่ได้ซื้อนะครับ เพราะอยู่ Dublin แค่ วันครึ่งเอง


ไปเที่ยวช่วงไหนดี อากาศเป็นยังไง?

โดยรวมๆเป็นประเทศที่อากาศไม่หนาวโหดร้ายในช่วงหน้าหนาว (average ประมาณ 5C จากเวปต่างๆ) และไม่ร้อนจัดในหน้าร้อน (ประมาณ 25C จากที่ถามคน local มา) แต่ด้วยสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะทำให้มีอากาศแปรปรวนได้ง่ายและมีลมแรงเเป็นครั้งคราว สามารถเห็นแดดออกอยู่ได้ไม่กี่นาทีแล้วก็มีความมืดปกคลุม ฝนตกส่วนใหญ่จะออกไปทางปรอยๆ อากาศทะมึนๆ ตาม style คล้ายๆอังกฤษครับ อากาศต้องเช็คค่อนข้างวันต่อวันเลย และ “ฝน” จะเป็นสิ่งที่เจอได้แทบทุกฤดูครับ (จากที่ไปมาเจอได้แทบทุกวัน 555) ส่วนถ้าจะขับรถอย่าลืมเอาแว่นกันแดดติดตัวไปด้วยนะครับ ยิ้ม


ควรเตรียมพร้อมทั้งเสื้อหนาวที่สามารถกันน้ำได้และมีฮู้ด ร่มก็ใช้ได้ในเขตเมืองครับ นอกเมืองอาจสู้ลมไม่ไหวได้ ถ้าดวงไม่เลวร้ายจริงๆ ฝนตกแล้วแวะหากาแฟร้อนๆกินหมดแก้วก็แดดออกเดินต่อได้ครับ ค่าเฉลี่ยของฝนน้อยสุดจะอยู่ที่เดือนเมษายนครับ และช่วงที่ผมไปในบางเมืองยังแอบมีหิมะลงให้เห็นได้ ซึ่งโดยปกติเดือนนี้จะไม่มีหิมะแล้วครับ อากาศโดยเฉลี่ยที่เจอเลยหนาวกว่าที่คิดไว้ จากตั้งใจไปสู้ราวๆอุณหภูมิเกือบๆ 10C แต่ที่ไปเจอถึงขั้น 0C ได้ในบางคืน (ถามคน local เขาว่าปีนี้หนาวผิดปรกติ) และเนื่องด้วยคนที่นี่นิยมกิจกรรม outdoor พอสมควร เรื่องเสื้อกันหนาวแฟชั่นอาจไม่ค่อยได้เห็นเยอะครับ ใส่แบบลุยๆหรือแนว sport ไปก็ไม่น่าเกลียดครับผม แนะนำเสื้อผ้าแบบไม่หนามา แต่ใส่เป็นชั้นๆครับ เช่น เสื้อสเวตเตอร์แขนยาวตัวในและ มี Jacket กันลมกันฝนเป็นตัวนอก เผื่ออากาศร้อนแดดออกก็ถอดตัวนอกได้ ฝนตกก็เอาเสื้อ Jacket ใส่ adjust ได้ตามสภาพอากาศครับ และสำคัญมากถ้าเน้นไปเที่ยวสถานที่นอกเมือง ขอแนะนำถ้ามีรองเท้ากันน้ำจะช่วยได้ครับเวลาต้องเดินลุยแอ่งน้ำ ขนาดสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังเจอฝนตกเข้าไปทั้งคืน ก็มีบางส่วนของสถานที่ท่วมได้ครับ (ขาเข้าไปยังแค่ปริ่มๆ ขากลับท่วม T-T) นักท่องเที่ยงบางท่านต้องถอดรองเท้าลุยแอ่งน้ำที่ลึกประมาณตาตุ่มเลยครับ รองเท้าแบบกันน้ำหรือ Gore-Tex ช่วยได้มากครับ ผมใส่เดินลุยแอ่งที่ว่านี้มาแล้ว ยิ้ม


www.facebook.com/catwannago
ชื่อสินค้า:   IRELAND
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่