ไม่มีเงิน ชนไม่จ่าย #อย่างงี้ก็ได้หรอแก

สวัสดีค่ะ ทุกท่านที่เข้ามาให้ความสนใจกระทู้ของเรา ครั้งแรกในการเขียน ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ เป็นกระทู้ที่ต้องการคำตอบ ความเห็นใจ แนวทางการแก้ไข และบอกเล่าอุทาหรณ์ สำหรับผู้ใช้รถทุกท่านค่ะ
Facepalm


“เหตุ วัยรุ่นอายุ 20 ซ้อนสาม ไม่สวมหมวก ทะเบียนรถหมด รถไม่มีเบรกมือ ชนรถเก๋งพัง แต่อ้างไม่มีเงิน ก็ไม่ต้องจ่ายค่าเสียหายได้”
“ เราควรฟ้องเพื่อดำเนินคดีหรือไม่ ”
“ไม่มีเงิน ชนไม่จ่าย ไม่ได้รับโทษ”

    เรื่องเกิดขึ้นในวันที่ 19 เมษายน 2559 ขณะที่เจ้าของกระทู้รถยนต์ Toyota vios กำลังขับออกจากแยกไฟแดง พอพ้นแยกได้ประมาณ 100 เมตร ซึ่งการจราจรมีการติดขัด ทำให้ต้องมีการชะลอและเบรก ในขณะเบรกรถได้ถูกชนกระแทกจากด้านหลัง ตอนแรกเจ้าของกระทู้นึกว่าแก๊สรถระเบิด (ตายๆ แน่ๆ คิดในใจฉันยังไม่มีสามีเลย เอ้ย! รับปริญญาเลย #วันที่โดนชนคือวันที่ไปถ่ายนอกรอบรับปริญญาพอดี) พอตั้งสติได้ก็มองกระจกหลัง ปรากฏว่า รถมอเตอร์ไซค์ล้มอยู่ข้างหลัง เจ้าของกระทู้เลยบอกให้พี่ที่นั่งมาด้วยไปดูคนเจ็บ ก่อนจะขับรถจอดเข้าข้างทาง แล้วก็ลงไปถามน้องว่าเป็นอะไรไหม ไหวรึเปล่า น้องบอกเจ็บเข่า เราก็รีบโทรแจ้งตำรวจ ในระหว่างที่โทรน้อง 3 คนนั้น อันประกอบไปด้วย ผู้ชายอายุ 20 เป็นคนขับ ผู้หญิงร่างท้วม อายุ 20 และเด็กหญิงอายุ 15 ซ้อนสามกำลังจะขับรถออกไป เราก็เลยบอกว่ายังไปไม่ได้ รอตำรวจมาก่อน พอตำรวจมา พร้อมกับรถพยาบาลซึ่งเราแจ้งไปว่าน้องเค้าเจ็บเข่า แต่น้องเค้าก็อบอกไม่ไปโรงพยาบาล เพราะไม่เป็นอะไรมาก

    จากนั้น ตำรวจก็ลงมาสอบที่เกิดเหตุ ทั้งเราและฝ่ายซ้อน 3 เราก็บอกไปว่าเราขับรถมาจากแยกเพื่อไปทำธุระ แล้วรถคันหน้าเบรกต่อกันมา ทำให้เราต้องเบรก น้องเค้าก็บอกว่าก็พี่เบรกกะทันหัน ผมไม่ผิด ตอนแรกสายตรวจมาก่อนก็มาสอบถาม น้องเค้าอัดสาม  หมวกกันน็อคไม่สวม  ทะเบียนรถหมดอายุ รถไม่มีเบรกมือ แล้วลุงสายตรวจก็จากไปพร้อมกับบอกว่า “รอร้อยเวรสักพัก เดี๋ยวกลับมา” แล้วเค้าก็จากไป เรางี้ก็รอ ร้อ รอ

    จนร้อยเวรมา ก็มาสอบแล้วก็บันทึกที่เกิดเหตุ ร้อยเวรก็สั่งให้เอามอเตอร์ไซค์ขึ้นรถตำรวจแล้วไปคุยกันที่โรงพัก เด็ก 3 คนนั้นก็บอกว่าเอารถหนูไปแล้วจะไปยังไง ตำรวจก็บอกให้แจ้งผู้ปกครอง  หญิง20 (เราขอใช้คำแทนชื่อเค้าว่าอย่างงี้แล้วกันนะคะ) คนนั้น ก็อ้างว่าโทรศัพท์แบตหมด เราก็ให้นางยืม นางก็บอกโทรแล้ว เราก็บอกว่างั้นไปเจอกันโรงพัก นางก็เดินมาหาเราบอกว่า แม่น้องไปรอที่โรงพักแล้ว น้องไม่รู้จะไปยังไง เราก็บอกว่างั้นขึ้นรถกระบะพ่อพี่ไป ส่วนพี่จะขับรถไปให้ศูนย์ประเมินราคาค่าเสียหายแล้วจะตามไปโรงพัก
    ณ สถานีตำรวจภูธร (โรงพัก) เราก็เข้าไปคุยกับตำรวจ และน้อง 3 คน ไร้เงาผู้ปกครองของนาง (โกหกครั้งที่ 1) เราก็คุยกับตำรวจและน้อง 3 คนนั้น เราต้องการให้นางจ่ายค่าซ่อมรถให้เรา จำนวน 26,585 บาท นี่คือประเมินราคาจากศูนย์ น้องก็บอกว่าไม่มีเงินจ่าย แต่จะรับผิดชอบขอเวลา 15 วัน จะทำงานหาเงินมาให้ แต่ตอนนี้ขออย่ายึดรถ เพราะเป็นรถของแม่ต้องใช้ทำงาน (คือตำรวจจะยึดรถนางไว้) ถ้าไม่มีรถก็ทำงานไม่ได้ เอาเงินมาคืนพี่ไม่ได้ น้องเค้าพูดด้วยน้ำเสียงแบบ (นี่ฉันทำร้ายเธอหรอ) เรานี่เงียบ นางเถียง ฉะ กะเราเยอะมาก แต่เราไม่อยากจะพิมลงในนี้เพราะ เดี๋ยวมันคลาดเคลื่อนจะกลายเป็นว่าเราใส่ไข่ไปอีก เรางี้โกรธจนหน้าสั่น ทนทนทน เราก็ถาม ถ้าน้องเบี้ยวล่ะ นางบอกไม่เบี้ยว น้องอยู่บ้านนี้ๆ พี่ไปดูบ้านน้องก็ได้ จนเราโอเค เข้าใจน้องไม่มีเงิน นางก็เสนอว่า 5 วัน จะจ่าย 10,000 บาท ในวันที่ 23 เมษายน  2559 ครั้งที่ 2 วันที่ 28 เมษายน 2559 อีก 10,000 บาท ครั้งที่ 3 อีก 6,585 บาทที่เหลือ เราก็ขอเบอร์ ขอสำเนาบัตรประชาชนนางมา เซ็นบันทึกประจำวัน ก่อนจะกลับบ้าน (แอบแปลกใจเล็กๆ ว่า ทำไมตำรวจปล่อยไปง่ายจังไม่ปรับสักนิดหรอ ทีเราขี่มอเตอร์ไซค์ไม่สวมหมวกนะ ขี่รถตามยังกับโจรค้ายาบ้า เพลียใจ แต่ตำรวจเค้าคงมีเหตุผลของเค้าแหล่ะ)

    วันที่ 23 เมษายน 2559 เราติดอบรมที่กรุงเทพฯ เราเลยให้พ่อกับแม่เราไปรับเงินที่สถานีตำรวจ นางนัดให้เรามาเอาเงินเวลา 16.30 น. (โกหกเรื่องที่ 2 ไม่มาตามนัด) พ่อกับแม่เรารอนางจนเวลา 18.00 น. ก่อนจะโทรหานาง โทรเบอร์แรก เบอร์ของนาง ติดต่อไม่ได้ (งานเข้าล่ะ) เบอร์ที่ 2 เบอร์แม่ของผู้ชาย ซึ่งแม่ของผู้ชายซึ่งเป็นคนขี่ไม่รู้เรื่องว่าลูกเอารถไปชนคนอื่น จนเราขอนัดเจออีกครั้งผ่านแม่ของเด็กคนนั้น
    และนัดครั้งที่ 2 ก็มาถึง วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559 เวลา 13.00 น. เราไปโรงพัก เราก็คุยกับแม่ของเด็กผู้ชาย แม่เค้าบอกว่าเป็นคนหาเช้ากินค่ำ (จริงรึเปล่าไม่รู้) ทำงานรับจ้างเป็นวันๆ ไป เลี้ยงเด็กสามคนนี้ ซึ่งชาย20 เป็นลูกชาย และหญิง20 ลูกสะใภ้ พร้อมอีกหญิง15 อีกคนที่ซ้อน 3 วันนั้น แม่เค้าก็มาร้องไห้ขอความเห็นใจ เราก็บอกว่า เราต้องการแค่ค่าเสียหาย แต่น้องเค้ารับปากว่าจะหามาให้ แต่น้องเค้าเบี้ยวไม่มา ติดต่อไม่ได้ เหมือนจงใจหนี หาไม่ได้ทำไมโทรมาบอก ให้พ่อแม่เราไปนั่งรอคืออะไร เราก็เลยยื่นคำขาด วันนี้เราต้องได้เงิน อย่างน้อย 5,000 ก็ยังดี หรือยังไงก็ได้ แม่เค้าบอกไม่มียังไงก็หาไม่ได้แน่ๆ ตอนนี้ ร้อยนึงยังไม่มีเลย เราก็บอกงั้นเราดำเนินคดีนะ เพราะเราไม่มีเวลามาโรงพัก เราทำงานต่างจังหวัด ให้ไปกลับๆ ไม่ไหว นางก็บอกขอเวลา งั้นถ้าไม่มีเงินต้องเอาคนมาค้ำประกันนางบอกไม่มี ไม่รู้จักใคร เราก็แบบ คือ อันนั้นก็ไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ได้ จะให้กุทำยังไงงงงง แล้วเราก็ถามน้องว่าทำงานอะไร วันนั้นทำไมไม่มา นางบอกหาเงินไม่ได้เลยไม่มา (โกหกเรื่องที่3 นางไม่ได้ทำงานเกาะแม่กินไปวันๆ) เราปรี้ดเลยจ้า แล้วทำไมไม่บอก ให้พ่อแม่ฉันมานั่งรอเพื่อ (อิสาระ) นางย้อนมาจ้า แล้วทำไมพี่ไม่โทรมาล่ะคะ (#$#$%#%) โทรแล้วค่ะ แต่น้องปิดเครื่อง (เดือดปรอทแทบแตก)
    จนสุดท้าย ฉันยืนคำขาด พรุ่งนี้ ต้องเอาเงินมาจ่าย 5,000 บาท ที่เหลือค่อยผ่อนจ่าย เท่าที่ทำได้ล่ะกัน เดือนเท่าไหร่ก็ว่ามา ไม่งั้นจะดำเนินคดีตามกฎหมาย แล้ววันนี้หมวดก็เพิ่งระลึกได้ว่าควรปรับนาง บอกนางให้เอามาจ่าย 1,000 บาท ทุกอย่างโอเค แม่ของพวกนางจะเอารถไปจำนำ ไปขายไรสักอย่าง เพื่อเอาเงินมาให้เรา อยู่ๆ หญิง20 บอกว่า พรุ่งนี้มีตังจ่ายแค่ค่าปรับนะ 1,000 บาท (อ้าว ไหนบอกว่าหาไม่ได้ ทีค่าปรับหาได้เนอะ) 5,000 อาจจะไม่มี ไปฟ้องเลย แล้วไปคุยกันที่ศาล (ดูมันพูด ท้าทาย อีเลวววววว) ยอมถึงขนาดนี้ล่ะ ตำรวจซึ่งไม่รู้จะทำไง เลยบอกให้กลับเจอกันพรุ่งนี้
              และท้ายที่สุด เราได้ลองไปคุยกับทนายความเรื่องฟ้อง เพราะเราคิดว่าเราคงไม่ได้เงินมาแน่ๆ เราทำใจคงต้องจ่ายเอง แต่เราไม่อยากจะปล่อยเค้าไปง่ายๆ เค้าไม่มีสำนึกเลย ไม่พยายามหาเงิน หรือทำอะไรเลย ไม่ทุกข์ร้อน พูดจาไม่ดี ท้าเราให้ไปฟ้อง ทนายความบอกว่าเป็นคดีแพ่ง เราสามารถฟ้องได้ แต่ถ้าเค้าไม่มีเงินหรือสมบัติอะไรที่ยึดได้ เราก็จะได้มาแค่กระดาษแผ่นเดียวที่บอกว่าเราถูกต้อง อีกฝ่ายผิดเท่านั้น (เสียเงินค่ารถ + ค่าทนาย + เสียเวลา แต่ไม่ได้อะไรเลย) #ไว้อาลัยกฎหมายไทย #โรงพักก็คือโรงพัก #ถ้าเป็นแบบนี้คนทำผิดก็ไม่ต้องได้รับโทษอ่ะสิ
“เราควรฟ้องเพื่อดำเนินคดีหรือไม่” (สู้เพื่อความถูกต้อง)
“ไม่มีเงิน ชนไม่จ่าย ไม่ได้รับโทษ”
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 15
ชีวิตผม เคยไม่มี ไม่หนี และไม่มีปัญญาหามาจ่ายเหมือนกัน เลยเสนอคู่กรณีไปว่า ขอผ่อน (เดือนละพัน) ถ้าไม่โอเคก็ไม่รู้จะทำไงแล้วเหมือนกัน เพราะช่วงนั้นแย่จริงๆไหนจะเรียนไหนจะงานรุมเต็มไปหมด

คู่กรณีก็อึ้งไปพักใหญ่ ก็สรุปโอเค พนง.สอบสวนก็ไม่มีปัญหา ก็เลยลงบันทึกเหมือนเป็นสัญญาใจว่าเราจะจ่าย จำนวนเท่านี้เป็นระยะเวลาเท่านี้บลาๆ

ก็จบ ไม่มีอะไร คู่กรณีเค้าอุตส่าห์ให้โอกาสผ่อน
เงินเท่านี้เราก็พอมีปัญญาผ่อน เราก็ผ่อนไปเรื่อยๆสุดท้ายมันก็จบเข้าซักวัน

แต่เชื่อมะ ถ้าถามคนรอบข้างญาติพี่น้อง มีแต่ยุปล่อยให้คู่กรณีฟ้อง เพราะเค้าคงเห็นว่าวงเงินมันไม่สูงมาก อีกอย่าง มันไม่ใช่ชีวิตเค้านี่...คนเดือดร้อนมันเรา ไม่ใช่เค้า

แต่เราไม่อยากทำแบบนั้น ถึงไม่ดีเด่อะไรมากมาย แต่ก็ไม่อยากเลว ถ้ามีหนทางให้เดินถึงมันจะลำบากตัวเองหน่อย
ก็ดีกว่าทำตัวสบายๆเป็นศรีธนนชัย...หน้ามึน ไม่มี ไม่หนีไม่จ่ายอะไรแบบนั้น

ทุกวันนี้ผ่านมาได้ก็ภูมิใจนะ...ถึงใครจะเที่ยวตราหน้าว่าโง่ก็เถอะ

ก็เล่าให้ฟังเป็นอุทาหรณ์ เผื่อเป็นประโยชน์กับคนที่ไม่มีทางออกฮะ
ความคิดเห็นที่ 82
ขออนุญาตเล่าประสบการณ์ให้จขกท.ฟังนะคะ
เราเคยเลี้ยวเข้าซอย แล้วมีมอเตอร์ไซวิ่งไหล่ทางมาทำให้เราชนค่ะ รถเราประกันชั้น3ซึ่งแน่นอนถ้าเราไม่ผิดประกันไม่เรียกร้องอะไรให้อยู่แล้ว เราก็ไปโรงพักตามระเบียบค่ะส่วนคุณตำรวจก็ทำหน้าที่ไม่ต่างกันค่ะ แค่ปรับมอ'ไซข้อหาประมาท แค่นั้นจบ ส่วนค่าเสียหายเค้าไม่ยอมจ่ายค่ะ(พร้อมกับทำท่าทางมั่นใจนั่งเล่นโทรศัพท์กระดิกเท้าสวยๆบอกอย่าเดียวคือชั้นไม่จ่ายอยากได้ไปฟ้องเอา ชั้นมีทนาย)ตำรวจก็ต้องให้เราไปฟ้องเรียกค่าเสียหายเอาเองเนื่องจากเค้ายอมรับผิดกับทางตำรวจยอมเสียค่าปรับส่วนค่าเสียหายไม่ใช่หน้าทีตำรวจแล้ว(งงแตกค่ะ)
หลังจากนั้นเราเลือกจะฟ้องค่ะ ยอมรับว่าเพราะความหมั่นไส้ล้วนๆเลยค่ะ อยากสั่งสอนคนแบบนี้ซะบ้าง
มาถึงเรื่องฟ้องจขกท.สามารถไปฟ้องได้โดยไม่ต้องใช้ทนายค่ะ เราไปที่ศาลธัญบุรีค่ะ(เหตุเกิดที่ลำลูกกา) ไปปรึกษาว่าเราจะทำการฟ้องปากเปล่า(ถ้าเรียกผิดขออภัยค่ะ) เราแค่ร่างเรื่องราวไปคร่าวๆเล่าเหตุการณ์ให้ละเอียด และก็เตรียมหลักฐานไว้ให้พร้อมค่ะ เช่นพวกรูปความเสียหาย และสำเนาบันทึกประจำวันของตำรวจถ้ามีอะไรที่เป็นหลักฐานได้ขนไปให้หมดค่ะ หลังจากที่เราส่งเอกสารพวกนี้แล้วทางศาลจะช่วยเราเขียนสำนวนให้ดูดีและถูกต้องขึ้น หลังจากนี้เค้าจะนัดวันให้เราไปสอบปากคำกับศาลพร้อมคู่กรณีค่ะ เราจะมีค่าใช้จ่ายอยู่บ้างนะคะพวกค่าส่งเอกสารเรียกตัวคู่กรณีนิดหน่อยค่ะ
วันไต่สวนคดี คู่กรณีเรามาคนเดียวค่ะไม่เห็นเงาทนายที่ว่า ศาลก็จะสอบถามข้อเท็จจริงก็เล่าเรื่องไปตามความเป็นจริงค่ะ พร้อมกันเอาพวกรูปหลักฐานไปให้ศาลอีกที่เพื่อความแน่ใจว่าศาลต้องได้เห็นค่ะ ศาลก็ถามว่าจะไกล่เกลี่ยหรือไม่ เราไม่ไกล่เกลี่ยค่ะเราต้องการสั่งสอนจริงๆเพราะระหว่างช่วงเวลาเกือบ4เดือนกว่าเราจะว่างไปทำเรื่องฟ้องไร้เงาการแสดงความรับผิดชอบใดๆ เราจึงให้ศาลท่านเป็นผู้ตัดสินเลยค่ะ
วันตัดสินอีกวันที่ต้องขึ้นศาลค่ะศาลจะตัดสินจากความเป็นจริงหลายๆอย่างของพวกหลักฐานประกอบค่ะทั้งค่าเสียหายศาลจะมีอู่กลางที่เป็นผู้ประเมินราคามาค่ะ เราก็ได้ค่าเสียหายตามที่ท่านตัดสินค่ะ  ส่วนค่าใช้จ่ายอื่นๆที่ทางศาลจะมีคู่กรญี(ฝ่ายผิด)ก็รับผิดชอบไปค่ะ
เราได้เงินมาไม่มากนะคะ เพราะรถเราก็เสียหายไม่มาก แต่คนแบบนี้ต้องมีบทเรียนค่ะ
>>>ทำการฟ้องจะค่อนข้างเสียเวลาไปบ้างนะคะ แต่เชื่อเถอะค่ะว่าคุ้ม ^^<<<
>>>ถ้ามีข้อมูลตรงไหนผิดพลาดขออภัยค่ะ<<<
ความคิดเห็นที่ 4
ฟ้องร้องแบบนี้มันคดีแพ่ง ดูแล้วส่งหมายศาลไป ถ้าโชคโชน เค้าก็คงไม่กลัว

เป็นผมคงทำใจ  ตีเป็นหนี้ศูนย์

แต่ประสบการณ์จะบอกเจ้าของกระทู้ คราวหน้าแจ้งความ เล่นพวกข้อหาหนักๆ ก่อนครับ ขับขี่ไม่มี พรบ.  ไม่สวมหมวกกันน๊อค ซ้อนสาม. ขู่ลงบันทึกแจ้งความ ถ้าไม่ยอมก็แจ้งความต่อหน้าพนักงานเลยครับ

คดีเหล่านี้ เค้าต้องจ่ายค่าปรับ (ซึ่งเรื่องพรบ.ค่าปรับจะแพงมาก) บอกเค้าไม่หามาจ่าย เราแจ้งตำรวจเรื่องพวกนี้  (ขู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไปเลย) น้องไม่มีค่าปรับ ติดคุกนะครับ --  อาจจะทำให้พวกหัวหมอ จนมุม

ถ้าเค้าติดคุก เราโดนเบี้ยวหนี้ ก็ยังถือว่าได้สั่งสอนให้เข็ดหลาบนะครับ

**แก้ไจคำผิด
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่