Wonderful Turkey 2016







ทริปนี้ จขกท ใช้วันหยุดยาวช่วงสงกรานต์ในการไปเที่ยวตุรกี ตอนไปไม่ค่อยรู้จักประเทศตุรกีมากรู้แต่เพียงว่าเป็นประเทศมุสลิมแล้วก็ไม่ต้องขอวีซ่าก็เท่านั้นเอง พอตัดสินใจไปก็เลยซื้อตั๋วช่วงสิ้นเดือนมกราคมได้ราคาตั๋วมาที่ 735$ ก็เลยเริ่มมาศึกษาเกี่ยวกับประเทศนี้จากเพื่อนบ้าง พันทิปบ้าง แล้วก็จากข้อมูลออนไลน์ต่างๆนานาเลยทำให้รู้ว่าประเทศตุรกีเป็นประเทศที่มีสเน่ห์ไม่น้อยถึงแม้ว่าจะมีข่าวคราวความไม่สงบเกิดขึ้นก็ไม่ทำให้เปลี่ยนใจได้เลย ตั้งแต่วันนั้นจนวันนี้ ขอบคุณตัวเองที่ไม่เปลี่ยนใจเพราะทริปนี้วิเศษมากกลับมาที่ไทยได้เพื่อนใหม่อีกเพียบและยังได้มีโอกาสแพลนทริปเที่ยวกับเพื่อนใหม่อีกในอนาคต เดือนเมษายนเป็นหนึ่งในเดือนที่ดีที่สุดในการไปเที่ยวตุรกีเลยเพราะไม่ใช่ช่วง high season อากาศก็ไม่ร้อนมาก ไม่หนาวมาก แล้วก็คิดว่าจะต้องกลับไปใหม่ในฤดูเก็บเกี่ยว เพราะสวนผลไม้ที่ตุรกีในแบบที่บ้านเราไม่มีอย่างเช่น ลูกมะกอก แอพพลิคอต ส้ม ลูกแพร์ ลูกพีช ไร่องุ่น อื่นๆออกดอกออกผลรอการเก็บเกี่ยวเยอะแยะไปหมดแถมอากาศก็ยังดีมากๆอีกด้วย

ตารางเดินทางตามนี้เลยค่ะ
        
4/8/16 >> Istanbul to Keyseri        
4/9/16 >> Goreme,Capadocia        
4/10/16 >> Goreme,Capadocia        
4/11/16 >> Goreme,Capadocia        
4/12/16 >> Fethiye        
4/13/16 >> Fethiye to Pamukkale        
4/14/16 >> Pamukkale to Selcuk        
4/15/16 >> Selcuk to Istanbul        
4/16/16 >> Istanbul        
4/17/16 >> Istanbul to BKK        

4/8 :
จขกท เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิมุ่งหน้าสู่เมือง Istanbul โดยได้ต่อเครื่องที่สนามบินดูไบ จขกท เดินทางด้วยสายการบิน Emirate Airline ถึงสนามบิน Ataturk เวลา 19:25 ทานข้าวเย็นแล้วก็ต้องรอต่อเครื่องจาก Istanbul ด้วยสายการบิน Atlasglobal ไปลง สนามบิน Erkilet Airport ที่ Kayseri เพราะปลายทางแรกของทริปนี้คือเมือง Goreme, Capadocia นั่งเครื่องบินต่อไปอีก ชั่วโมงกว่าๆ ก็มาถึงจุดหมายปลายทางตอนเวลา 22:50 ออกมาจากสนามบินก็นั่งแท็กซี่ไปลงที่ Novotel Kayseri  ค้างคืนนึงเพราะตอนเช้าจะนั่งรถบัส จากเมือง Kayseri ไปลงที่เมือง Goreme ใน Capadocia ถือเป็นการเริ่มต้นทัวร์อย่างเป็นทางการในวันรุ่งขึ้นอย่างเป็นทางการ

4/9 :
เวลาที่ตุรกีช้ากว่าเวลาที่ประเทศไทย 4 ชม ทำให้วันนี้ตื่นเร็วเป็นพิเศษ ประมานตี 4 แต่ก็กลิ้งไปกลิ้งมากระทั่ง 6 โมงครึ่งก็ตัดสินใจตื่นแล้วลงมาทานอาหารเช้าของโรงแรม อาหารหน้าตาแปลกประหลาดมาก ถึงแม้ว่าจะชอบทานอาหารยุโรปเป็นเดิมทุนแต่อาหารยุโรปสไตล์ตุรกีแท้ๆทานยากมาก อาหารเช้าก็จะมีแยมต่างๆนานา(อันนี้ชอบ อร่อยมากๆๆ) ขนมปังเป็นร้อยชนิดแล้วก็ชี๊สเป็นพันๆๆอย่าง กลิ่นชี๊สนมแพะแรงมากไปหน่อยแล้วก็เค็มมาก ไม่มักซักเท่าไหร่ วันนี้เลยทานขนมปังทาแยมกะชี๊สชนิดอ่อนๆ    

อีกอย่างนึงที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับอาหารเช้าของคนตุรกีคือ โยเกริต, แตงกวา, พริกชีฟ้า, ผักสดต่างๆ แล้วก็มะเขือเทศ ไปเจอแรกๆก็ทานไม่เป็นแต่พอวันหลังๆเริ่มชิน เริ่มอร่อย เลยเริ่มหม่ำหนักไปหน่อย น้ำหนักเลยเริ่มค่อยๆขึ้น


Traditional Turkish Breakfast


แยมที่นี่อร่อยมาก...แบบเนื้อผลไม้เยอะมาก แล้วเขาทำกันเองเหมือนแม่ครัวไทยทำพริกแกงเลย ทำทีเป็นโหลใหญ่ๆกินกันเป็นปีเลย


แก้วน้ำส้มทรงดอก ทิวลิป วัฒนธรรมตุรกีมากๆๆ ปกติแล้วเป็นแก้วใส่น้ำชา

หลังเวลาอาหารเช้า ประมาณ 7 โมง ก็ได้จัดแจงเก็บกระเป๋าแล้วเช็คเอ๊าท์ เรียกแท็กซี่หน้าโรงแรมไปส่งที่สถานีรถบัส ค่าแท็กซี่ไม่แพงเลย เพื่อความสะดวกสะบายแนะนำให้ใช้บริการแท็กซี่โลด ระหว่างทางจากโรงแรม ไปสถานีรถบัสประมาณแค่ 10 นาทีก็ถึงสถานีรถบัส จขกท เลือกใช้บริการของ Metro ใช้เวลาเดินทางประมาณชั่วโมงกว่าๆก็ถึงเมือง Capadocia หรือเมืองถ้ำของเรานี่แหละ พอไปถึงแล้วก็เดินเข้าไปที่ Information center office ใจกลางเมืองแล้วขอความช่วยเหลือให้เขาช่วยโทรให้โรงแรมเอารถมารับ ทีประเทศตุรกี ออฟฟิซที่ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวดีมาก ทางรัฐบาลเขาส่งเสริมให้ดูแลนักท่างเที่ยวอย่างดี เพราะรายได้ส่วนมากจากเมืองนี้คือมาจากการท่องเที่ยว


ใจกลางเมืองที่มาถึงตรงข้ามกับสถานีรถบัส

แทบทุกโรงแรมในตุรกี เจ้าของโรงแรมจะเอารถมารับที่สถานีรถบัสเสมอ สะดวกมาก บริการดี ทุกคนเป็นมิตรมากๆ Goreme เป็นเมืองเล็กๆ เล็กมากๆๆเป็นเมืองที่มีถ้ำ, Fairly chimney เต็มไปหมด สวยงามตระกาลตาอย่างที่เขาว่า one of God’s great wonders อากาศที่ Goreme ดีมากแต่ติดแห้งไปหน่อย ประมาณ 16-20 องศาในตอนกลางวัน สภาพภูมิประเทศคล้ายๆทะเลทราย เพียงแต่ว่าเดือนเมษา ไม่ร้อนจัดในตอนกลางวันแล้วก็ไม่ก็ไม่หนาวจัดตอนกลางคืนเท่านั้นเอง    

จขกท นั่งแหง่วที่ Information center ซักพักหนุ่มน้อยรูปงามจากโรงแรมก็มารับ ขับออกไปจาก Information center ไม่นานก็ถึงโรงแรมแต่ถ้าให้จขกท ลากกระเป๋ามาเองคงไม่ไหว เพราะโรงแรมที่จองไว้เป็นลักษณะถ้ำที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ซึ่งชันและก็เดินเท้ายากมาก โรงแรมที่พักเป็นโรงแรมชื่อดังของที่นี่ ชื่อ Kelebek Special Cave Hotel http://www.kelebekhotel.com/index.php


วิวหน้าห้อง




จขกท นอนห้องนี้

    
ห้องนอนน่ารักมาก


มีส่วนแยกของห้องแต่งตัวออกมา


มีห้องนั่งเล่นเล็กๆถ้าหนาวก็มีเตาผิงไว้เพิ่มความอุ่น มีบริการจุดไฟด้วยแต่ขอผ่านเพราะอากาศไม่หนาวขนาดนั้นประมาณ12องศาตอนกลางคืน


ห้องน้ำก็ทันสมัยมีสุขภัณฑ์ครบครัน


อุปกรณ์ทองเหลืองทั้งห้องแลดูคลาสสิคมาก

แนะนำให้ไปพักเลยนะคะ ไม่แพงมากแต่ได้บรรยากาศโรงแรมถ้ำที่มีมาตั้งหลายร้อยปี ห้องของ จขกท ยังมีรังนกพิราบอยู่เลยค่ะ ข้อดีของโรงแรมนี้คือ ถ้าพักเดี่ยวได้ลดค่าห้อง20%ถ้าจ่ายด้วยเงินสดอีกก็ลดอีก 5% ห้องที่นอนคือห้องหมายเลขที่ 115 ซึ่งเป็นถ้ำแบบ Fairly Chimney มีระเบียงส่วนตัวด้วย ถ้าอยากรู้ว่าราคาต่อคืนเท่าไหร่ก็ไปแอบดูwebsite เค๊าได้ เพราะห้องนี้ดูวิวบอลลูนได้ชัดมากๆ

9 โมงกว่าๆก็มาถึงโรงแรมเจ้าหน้าที่ใจดีมากๆไม่ยอมให้เราเช็คอินก่อนแต่บอกให้ไปหาอาหารเช้าทานก่อนเพราะอาหารเช้าจะปิดบริการตอน 10 โมง จขกท ยังอิ่มมาจากNovotelเลยไม่ได้ไปหม่ำต่อแต่ขอกาแฟมาแก้วนึง เพราะว่าง่วงมากจากเมื่อคืนก่อน เสร็จแล้วก็ไปเช็คอินทร์ มีเจ้าหน้าพาไป ดูสถานที่ต่างๆในโรงแรม ไม่ว่าจะเป็น Spa หรือว่า Hamman หรือห้องอาบน้ำโนราณแบบ Ottoman หลังจากตรวจตราดูทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเลยคิดว่าจะไปเดินเล่นที่ Open Air Museum เพราะว่าทางโรงแรมบริการรถไปส่งฟรี 1 รอบแต่เวลาขากลับต้องหาทางกลับเอง เจ้าหน้าที่ของโรงแรมช่วยเหลือแล้วก็แนะนำเรื่องการไปเที่ยวดีมากๆๆ พร้อมทั้งให้แผนที่มาด้วย



รักทุกคนในโรงแรมนี้เลยพอเสร็จจขกทเลยตกลงเอากระเป๋าไปเก็บในห้องแต่พอก้าวเข้าห้องเท่านั้นแหละเจอเจ้าถิ่นมาป้วนเปี้ยน ที่ห้องเพราะทางเจ้าหน้าที่เปิดหน้าต่างทิ้งไว้เพื่อระบายอากาศ โชคดีที่เอาขนมแมวมาจากเมืองไทย เลยกะว่าคืนนี้นอนไม่เหงาแล้ว มีเพื่อนเป็นcomplimentary from hotel     





เจ้าหน้าที่ขับรถมาได้แป๊บนึงก็มาส่งที่จุดหมายถึงด่านเก็บตังค์ของ Open Air Museum จขกท จัดการจ่ายค่าตั๋วเรียบร้อยก็เดินเล่นเข้าไปได้เลยจ้า


ข้างหลังของด่านเก็บตังค์มีร้านน้ำทับทิมคั้นสด อยู่ข้างหน้าร้านขายของชำร่วย

สภาพ open air museum ก็จะเป็นแบบถ้ำๆให้มุดนู่น นี่ นั่น อากาศดี เดินไม่เหนื่อย    


ขี่อูฐ  5 นาที = 20 eur เจ็บมาก





    





หลังจากมุดถ้ำจนเหนื่อยแล้วก็เดินออกมาที่ตัวเมืองเพื่อทานมื้อกลางวัน มาเจอร้านเล็กๆ 2 ชั้น จขกท ขึ้นไปทานบนชั้น 2 เพราะเห็นวิวเมืองได้ชัดมากๆ มื้อกลางวันของวันนี้คือสะโพกแกะอบรู้สึกว่าสาปไปหน่อยแล้วก็มันแต่โดยรวมก็อร่อยดี ทานได้  



วันนั้นโชคไม่ดีเลยฝนกระหน่ำ โดนฝนสาดมั่ง รัยมั่ง กร่อยนิดหน่อยแต่ก็ยังเดินเที่ยวแบบแอบๆฝน เดินไปตามร้านขายของที่ระลึกซึ่งมีเยอะมากๆเลยแล้วก็ได้ของฝากชิ้นเล็กๆมา 2-3 ชิ้น





เดินๆถ่ายรูปก็พบกับเพื่อนใหม่เป็น 1 หนุ่มจาก อเมริกา 1 หนุ่มคนพื้นที่ตุรกีและก็สาวจากIndonesia ซึ่งตอนนี้กลายมาเป็นเพื่อนสนิทกันไปแล้ว เพราะสาวน้อยคนนี้ทำงานอยู่ที่ กทม แล้วนางก็ชอบท่องโลกกว้างเลยไม่ยากที่จะสนิทกัน


หลังจากนั้นเราก็มาดื่มชาแอ๊ปเปิ้ลกันแล้วก็เมาท์มอยเกี่ยวกับการงานของกันและกัน แถมตอนเย็นยังนัดกันไปหม่ำดินเนอร์ด้วยกันด้วย

คุยกับเพื่อนใหม่ซักพัก จขกท ก็เหลือบไปเห็นคู่บ่าวสาวมาถ่าย pre wedding คนตุรกีเขาเชื่อกันว่าถ้าเจอเจ้าสาวแล้วเราจะโชคดีอาจได้แต่งงานเป็นรายต่อไปด้วย เลยรีบวิ่งแจ้นไปขออนุญาติถ่ายรูป


เจ้าสาวสวยคมเข้มมากเป็นคู่ที่น่ารักเหมาะสมมากๆ

หลังจากทานอาหารเย็นเพื่อนใหม่ชาวตุรกีชวนไปทานกาแฟที่โรงแรมที่เขาทำงานอยู่ โดยชวนพวกเราไปทุกคนเขาจะสอนวิธีทำTurkish Coffeeซึ่งสมัยก่อนนั้นถ้าลูกสาวบ้านไหนชงกาแฟตุรกีแบบดั้งเดิมไม่เป็นก็ไม่พร้อมที่จะแต่งงาน



การชงกาแฟเตอร์กิชคือการที่ใช้น้ำเย็นชงกับกาแฟผงละเอียดที่ยังมีกากอยู่ ต้องตีกาแฟบนเตาไฟจนกว่าฟองจะขึ้น พอเสร็จก็ให้ดื่มฟองก่อนแล้วตามด้วยดื่มกาแฟ พอดื่มเสร็จก็คว่ำแก้วแล้วหงายแก้วมาเพื่อดูกาก แล้วเอามาทำนายเป็นเรื่องเป็นราว มันเป็นกุศโลบายในการสนทนา วันนั้นสนุกมากกว่าจะเสร็จครบทั้ง4คน ก็ปาเข้าไปเที่ยงคืน ดื่มกาแฟเข้าไปอีกจะได้นอนไม่นี่เพราะต้องตื่นตี4เพื่อไปขึ้นบอลลูนพอกลับมาที่พักของตัวเองเท่านั้น เจอไอ้อ้วนมาแสดงตัวเป็นเจ้าของ นอนกลางเตียงเลย ว่าก็ไม่ลง เอามือไปดันนิด นางงับ เลยต้องเขยิบมานอนที่ปลายเท้าเดี๋ยวนางตื่น คือ...อัลลัย  จ่ายตังค์เพื่อนอนคนเดียวแต่เจอเจ้าถิ่นมานอนฟรีซะงั้น

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่