ของถูกขโมย มีหลักฐานเป็นกล้องวงจรปิดชัดเจน แต่ทนายบอกว่าหลักฐานจากกล้องใช้ไม่ได้?

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 6/2/59 ที่ผ่านมา ร้านของพี่ชายถูกขโมยของไปเป็นมูลค่าประมาณ 700 กว่าบาท โดยคนที่ขโมยเป็นเด็กชายสองคนคาดว่าจะเป็นพี่น้องกัน มีการแท็คทีมร่วมมือกันขโมยอย่างเป็นระบบ โดยกล้องวงจรปิดของทางร้านสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ได้ทั้งหมด โดยเราได้สอบถามพนักงานที่ทำการขายในวันนั้นว่าเด็กที่ขโมยมีลักษณะพิเศษอย่างไรบ้างไหม ถ้ามาอีกจะได้สังเกตุได้ พนักงานบอกกับเราว่าเด็กผู้ชายคนพี่ มีลักษณะพิเศษคือหูพับข้างนึง

    จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พี่ชายเราไม่อยากเอาความเพราะเห็นยังเป็นเด็ก ถ้าเจออีกครั้งก็อยากจะคุยกับพ่อแม่เด็กให้เข้าใจ และหวังว่าเด็กจะไม่ไปทำพฤติกรรมแบบนี้อีก เลยไม่ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวัน แต่ยังเก็บภาพจากกล้องวงจรปิดไว้เท่านั้น  

    จนกระทั่งวันนี้ (23/4/59) ตัวเราเองได้มาทำหน้าขายที่สาขานี้พอดี และเจอกับเด็กคนดังกล่าว เด็กทำทีเข้ามาถามเราว่า พนักงานที่ขายของในวันที่เกิดเหตุหายไปไหน แต่เราไม่ได้ตอบอะไรไป แต่เราถามกลับไปว่า แล้วน้องชายเราไปไหนไม่ได้มาด้วยกันเหรอ เด็กมีท่าทางตกใจชัดเจน และเดินออกจากร้านไป แต่ยังมีการเดินวนเวียนหน้าร้าน เราเลยแอบถ่ายรูปเด็กส่งไปให้น้องพนักงานคนนั้นดู น้องพนักงานยืนยันว่า "ใช่" เด็กคนนี้แน่นอน

    หลังจากแน่ใจเราเลยเดินไปหาพ่อแม่เด็ก ถามว่าเด็กในคลิปใช่น้องสองคนนี้หรือไม่ ทางพ่อเด็กบอกว่าเราพูดแบบนี้เขาเสียหาย เขามีทนายมาด้วยให้เราคุยกับทนาย ซึ่งทนายโวยวายมากกกกกกกกค่ะ บอกให้เอาพนักงานคนนั้นมายืนยันอย่างเดียว หลักฐานจากกล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ เราเลยถามเขาว่าหลักฐานจากกล้องจะใช้ไม่ได้ยังไง อย่างนี้คนจะติดกล้องไปทำไม ทางทนายก็โวยวายอย่างเดียวให้เอาคนมายืนยัน ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม น้องพนักงานคนนั้นไม่มีรถ มาไม่ได้อยู่แล้ว พี่เราเองพอเราโทรหาเขาก็ไม่ได้อยากมีเรื่องก็เลยบอกว่าถ้าเขาไม่รอก็ให้เขากลับไปเถอะ (ซึ่งเราเซ็งมาก เพราะเราต้องยอมขอโทษทางฝ่ายนั้นด้วย ว่าคงเป็นการเข้าใจผิด)

    ตลอดเหตุการณ์เด็กคนพี่พูดวกไปวนมา แต่คนน้องหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด แม่เด็กดูคลิปเขาก็ดูไม่ค่อยแน่ใจ แต่ยืนยันว่าไม่ใช่ลูกเขา (แต่เราส่งโทรศัพท์ให้คุยกับพี่เราก็ไม่ยอมคุยนะคะ ทนายก็ไม่ยอมคุย แปลกดี)

    สุดท้ายก่อนเขากลับเราได้คุยกับพ่อแม่เขา
พ่อเขาบอกว่าถ้าลูกเขาผิดจริงเขายินดีชดใช้อยู่แล้ว เขากับภรรยามีธุรกิจเข้าออกทุกธนาคาร ส่วนคนเป็นแม่พูดกับเราว่า พี่พูดตรงๆ พี่เลี้ยงเขาด้วยเงิน มาห้างพี่ก็ให้เงินไว้ เขาอยากได้อะไรก็ซื้อ ลูกพี่ไม่มีพฤติกรรมอย่างนี้แน่นอน

    ฟังแล้วก็ได้แต่เงิบในใจ ฝากไว้เป็นอุทธาหรณ์แล้วกันนะคะ สำหรับคนที่มีครอบครัว เลี้ยงเขาดูแลเขา เอาใจใส่เขาให้ดี คุณเลี้ยงลูกด้วยเงินได้ แต่เงินสร้างจิตสำนึกที่ดีให้เขาไม่ได้ สำหรับน้องสองคนพี่เชื่อว่าเรารู้ดีว่าเราทำอะไรลงไป ตัวน้องย่อมรู้แก่ใจ ถึงวันนี้น้องจะรอดตัวจากสิ่งที่ทำไปได้ แต่วันหน้าถ้ายังทำอีกอาจไม่โชคดีแบบนี้ก็ได้  

    แต่ยังติดใจคำพูดทนายค่ะ ถ้าหลักฐานจากกล้องวงจรปิดใช้ไม่ได้ แล้วคนเราจะขวนขวายติดกันไปทำไมทั้งตามร้าน ตามบ้าน ตามรถ ละคะเนี่ย?
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่