คำถามตามชื่อกระทู้ดังก้องอยู่ในหัวหลังจากได้รับการติดต่อจากทีมงาน Pantip ให้ไปร่วมทริป Pantip Review
“สระแก้ว !! มีอะไรให้เที่ยววะ ???”
Pantip Review Project
การเดินทางในครั้งนี้เป็นทริป 2 วัน 1 คืน
เริ่มต้นจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เจ้าภาพใหญ่ของงานนี้
มีเพื่อนร่วมเดินทางเป็นทีมงาน Pantip กับ 2 สาวเจ้าหน้าที่จาก ททท.
และ อีก 3 เจ่เจ๊ ผู้ถูกเลือกมาเผชิญชะตากรรมร่วมกัน
แล้วความคิดของทุกคนก็เปลี่ยนไป ...
เพราะอย่างนี้นี่เองถึงได้เป็นหนึ่งใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด Plus !!
พวกเราออกเดินทางจาก ททท. ตั้งแต่เวลาประมาณ 7 นาฬิกา
ระหว่างทางก็มีแวะตุนเสบียงหาขนมกินตลอดทาง และเรื่องราวความ "ป๋า" ก็เกิดขึ้น
ขณะที่กำลังลงไปซื้อช็อกโกแลตเย็นจากร้านกาแฟยี่ห้อลุ่มแม่น้ำแห่งหนึ่ง และกำลังจะยื่นเงินจ่ายแคชเชียร์
เจ้าหน้าที่จาก ททท. ก็เข้ามาแทรกและจ่ายเงินให้ ... จ่ายให้ทุกอย่างตลอดการเดินทาง
สกิลการแย่งจ่ายระดับเทพที่ว่า คุณไม่สามารถหาโอกาสควักเงินในกระเป๋าตัวเองชิงจ่ายก่อนได้เลย
สรุปว่าทริปนี้คือ "ทริปไปฟรี มีของแจก" ฟรีจริงๆ ฟรียันน้ำเปล่าร้านริมทาง !!
หลังจากเติมของใส่พุงเสร็จก็ออกเดินทางต่อ ...
รถตู้สุดหรูพาพวกเราเดินทางมาถึงที่หมายแรกของทริปนี้ “โรงเรียนกาสรกสิวิทย์”
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
ตั้งอยู่ที่ ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว
อยู่บนถนนสาย กบินทร์บุรี - สระแก้ว ห่างจากตัวเมืองสระแก้วประมาณ 5 กิโลเมตร
มองเผินๆ คงจะคิดว่าเอ๊ะ !! มาเที่ยวโรงเรียน โรงเรียนมีอะไรให้เที่ยว
แต่ถ้าแปลความหมายของชื่อแล้วก็จะร้อง ... อ๋อ ... “โรงเรียนสอนกระบือทำการเกษตร”
แปลอีกทีเป็นภาษาบ้านๆ ก็คือ “โรงเรียนสอนน้องควายทำนา” นี่เอง
โรงเรียนสอนน้องกระบือแห่งนี้เป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมป์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
โปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาจัดตั้งขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ของน้องกระบือรุ่นใหม่
จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 บนเนื้อที่กว่า 110 ไร่
ที่นี่มีการอบรมสอนการทำนาและทำการเกษตรแบบดั้งเดิม ไม่ได้สอนแค่น้องกระบือนะจ๊ะ ... สอนคนด้วย
สอนให้คนทำงานร่วมกับน้องกระบือ ช่วยกันทำนา ทำการเกษตร อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ
มีระบบการเรียนการสอนและมีการสอบวัดผลอย่างเป็นรูปธรรม
น้องกระบือหรือคนที่สอบตกก็จะอดกลับบ้าน ต้องสอบซ่อมจนกว่านะผ่านนะเออ
กลุ่มเป้าหมายของนักเรียนกระบือ คือ กระบือในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและใกล้เคียง
ส่วนใครที่อยากจะมาศึกษาหรือจะมาเรียนรู้แบบเต็มหลักสูตรสามารถมาเรียนได้ทุกคนครับ
มาแต่ตัวนะ ไม่ต้องลำบากขนน้องกระบือที่บ้านมา
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์จะมีการสาธิตการทำนาให้ชม ทุกวันที่ 1 – 10 ของเดือน มีทุกเดือน
เพราะทางโรงเรียนมีแปลงนาสาธิต 12 แปลงให้ได้ใช้หมุนเวียนกันตลอดปี
หน้าทางเข้ามีทุ่งปอเทืองสีเหลืองอร่ามโบกปลิวพลิ้วลมรออยู่ให้พุ่งตัวลงไปถ่ายรูปเล่น
ทุ่งนี้เป็นหนึ่งในแปลงนาที่กำลังพักแปลง แล้วปอเทืองเหล่านี้ก็จะถูกทำเป็นปุ๋ยให้แปลงนาสำหรับการทำนาครั้งต่อไป
พอพวกเรามาถึงก็ถูกพามาเข้าเรียนคลาสไถนาเลย
เอ๊ย! .. ไม่ใช่ .. พามานั่งฟังข้อมูลของที่นี่และฟังคำแนะนำจากวิทยากรคนเก่งประจำโรงเรียนต่างหาก
พรีเซนเตอร์สุดหล่อ “คุณบุญนำ” กระบือทรงเลี้ยง มาสาธิตการไถนาให้พวกเราดู
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน คุณบุญนำเลยรีบกลับที่พักเร็วหน่อย เดี๋ยวผิวเสีย ^ ^
นอกจากการสาธิตวิธีการทำนาแล้ว ยังมีการจัดแสดงเครื่องมือเกษตรแบบดั้งเดิม
หลายอุปกรณ์ หลายชิ้น ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักมาก่อน ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องใช้จากภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างแท้จริง
เสร็จจากโซนเกษตรกรรม เจ้าหน้าที่ก็พาเราเดินลัดเลาะริมน้ำมาดูโซนบ้านดิน
ระหว่างทางที่เดินไป เม้าท์ไป ก็สังเกตเห็นว่าต้นไม้ของที่นี่ออกผลดกกันแทบทุกต้นเลย
บ้านดินของที่นี่ นักท่องเที่ยวสามารถมาพักค้างคืนได้ในราคาหลักร้อย
บ้านดินจะถูกสร้างขึ้นจากโครงไม่ไผ่ และนำดินมาโปะประกอบกันจนเป็นตัวเรือน
ดินที่ใช้มี 3 ชนิดแตกต่างกันไป คือ ดินผสมสมุนไพร ดินผสมแกลบ และดินผสมมูลของน้องกระบือ (ขี้ควาย)
ข้อดีของบ้านดินคือใช้งบประมาณน้อย และเป็นห้องที่มีอากาศเย็นสบาย แม้ข้างนอกจะอากาศร้อนตับระเบิดก็ตาม
[Cr: อมยิ้ม Raisin Cheese Pie]
เดินชมบ้านดินซักพักก็ถึงเวลาเที่ยง ผู้ร่วมทริปต่างก็บ่นว่าหิวๆๆ ตลอดทาง
จึงรีบพากันเร่งฝีเท้าไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่สวนอาหาร "ควายคะนอง"
โซนควายคะนองก็คือบริเวณด้านหน้าทางเข้าโรงเรียนกาสรกสิกรณ์นั่นเอง
นอกจากจะมีร้านอาหารยังมีร้านเครื่องดื่ม ของทานเล่น ผลไม้ และมีของที่ระลึก ครบครันมาก
มีคนบอกว่าของเด็ดที่นี่ คือ กาแฟควายคะนอง แต่ผมไม่ดื่มกาแฟ ขอเลี่ยงมาดื่มนมเย็นๆ แทนละกัน สดชื่นเหมือนกัน
และนี่คือมื้อเที่ยงจากควายคะนองเรสตัวรองท์ (เอคโค่ซาวด์)
บรรยากาศริมน้ำ ลมเย็นสบาย อาหารอร่อย ... อร่อยทุกเมนูแบบผิดคาดมากทีเดียว
รสชาติจัดว่าเด็ด ... ถึงว่าทำไมมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาทานข้าวที่นี่แบบโต๊ะไม่ได้ว่างเลย
ระหว่างนี้ก็ได้เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมทาง ที่สนิทกันรวดเร็วเหมือนรู้จักกันมา 10 ปี ภายใน 10 นาที เท่านั้น !!!
ในส่วนของจานบนโต๊ะนั้น ... เจ้ามาจากแถวนี้ใช่มั้ย ?
หลังจากทานกันอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ ไปยังสถานที่ๆ สอง
ระหว่างนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะแอบงีบบนรถ ตามสำนวน หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน zZzZ
[SR] ไปเที่ยวกับ Pantip ทั้งที ... ทำไมได้ไปแค่ “สระแก้ว” ?
“สระแก้ว !! มีอะไรให้เที่ยววะ ???”
Pantip Review Project
การเดินทางในครั้งนี้เป็นทริป 2 วัน 1 คืน
เริ่มต้นจากสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เจ้าภาพใหญ่ของงานนี้
มีเพื่อนร่วมเดินทางเป็นทีมงาน Pantip กับ 2 สาวเจ้าหน้าที่จาก ททท.
และ อีก 3 เจ่เจ๊ ผู้ถูกเลือกมาเผชิญชะตากรรมร่วมกัน
แล้วความคิดของทุกคนก็เปลี่ยนไป ...
เพราะอย่างนี้นี่เองถึงได้เป็นหนึ่งใน 12 เมืองต้องห้ามพลาด Plus !!
พวกเราออกเดินทางจาก ททท. ตั้งแต่เวลาประมาณ 7 นาฬิกา
ระหว่างทางก็มีแวะตุนเสบียงหาขนมกินตลอดทาง และเรื่องราวความ "ป๋า" ก็เกิดขึ้น
ขณะที่กำลังลงไปซื้อช็อกโกแลตเย็นจากร้านกาแฟยี่ห้อลุ่มแม่น้ำแห่งหนึ่ง และกำลังจะยื่นเงินจ่ายแคชเชียร์
เจ้าหน้าที่จาก ททท. ก็เข้ามาแทรกและจ่ายเงินให้ ... จ่ายให้ทุกอย่างตลอดการเดินทาง
สกิลการแย่งจ่ายระดับเทพที่ว่า คุณไม่สามารถหาโอกาสควักเงินในกระเป๋าตัวเองชิงจ่ายก่อนได้เลย
สรุปว่าทริปนี้คือ "ทริปไปฟรี มีของแจก" ฟรีจริงๆ ฟรียันน้ำเปล่าร้านริมทาง !!
หลังจากเติมของใส่พุงเสร็จก็ออกเดินทางต่อ ...
รถตู้สุดหรูพาพวกเราเดินทางมาถึงที่หมายแรกของทริปนี้ “โรงเรียนกาสรกสิวิทย์”
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์
ตั้งอยู่ที่ ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว
อยู่บนถนนสาย กบินทร์บุรี - สระแก้ว ห่างจากตัวเมืองสระแก้วประมาณ 5 กิโลเมตร
มองเผินๆ คงจะคิดว่าเอ๊ะ !! มาเที่ยวโรงเรียน โรงเรียนมีอะไรให้เที่ยว
แต่ถ้าแปลความหมายของชื่อแล้วก็จะร้อง ... อ๋อ ... “โรงเรียนสอนกระบือทำการเกษตร”
แปลอีกทีเป็นภาษาบ้านๆ ก็คือ “โรงเรียนสอนน้องควายทำนา” นี่เอง
โรงเรียนสอนน้องกระบือแห่งนี้เป็นโรงเรียนในพระราชูปถัมป์ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
โปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาจัดตั้งขึ้นเป็นแหล่งเรียนรู้ของน้องกระบือรุ่นใหม่
จัดตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการครั้งแรก เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2552 บนเนื้อที่กว่า 110 ไร่
ที่นี่มีการอบรมสอนการทำนาและทำการเกษตรแบบดั้งเดิม ไม่ได้สอนแค่น้องกระบือนะจ๊ะ ... สอนคนด้วย
สอนให้คนทำงานร่วมกับน้องกระบือ ช่วยกันทำนา ทำการเกษตร อย่างถูกวิธีและมีประสิทธิภาพ
มีระบบการเรียนการสอนและมีการสอบวัดผลอย่างเป็นรูปธรรม
น้องกระบือหรือคนที่สอบตกก็จะอดกลับบ้าน ต้องสอบซ่อมจนกว่านะผ่านนะเออ
กลุ่มเป้าหมายของนักเรียนกระบือ คือ กระบือในพื้นที่จังหวัดสระแก้วและใกล้เคียง
ส่วนใครที่อยากจะมาศึกษาหรือจะมาเรียนรู้แบบเต็มหลักสูตรสามารถมาเรียนได้ทุกคนครับ
มาแต่ตัวนะ ไม่ต้องลำบากขนน้องกระบือที่บ้านมา
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์จะมีการสาธิตการทำนาให้ชม ทุกวันที่ 1 – 10 ของเดือน มีทุกเดือน
เพราะทางโรงเรียนมีแปลงนาสาธิต 12 แปลงให้ได้ใช้หมุนเวียนกันตลอดปี
หน้าทางเข้ามีทุ่งปอเทืองสีเหลืองอร่ามโบกปลิวพลิ้วลมรออยู่ให้พุ่งตัวลงไปถ่ายรูปเล่น
ทุ่งนี้เป็นหนึ่งในแปลงนาที่กำลังพักแปลง แล้วปอเทืองเหล่านี้ก็จะถูกทำเป็นปุ๋ยให้แปลงนาสำหรับการทำนาครั้งต่อไป
พอพวกเรามาถึงก็ถูกพามาเข้าเรียนคลาสไถนาเลย
เอ๊ย! .. ไม่ใช่ .. พามานั่งฟังข้อมูลของที่นี่และฟังคำแนะนำจากวิทยากรคนเก่งประจำโรงเรียนต่างหาก
พรีเซนเตอร์สุดหล่อ “คุณบุญนำ” กระบือทรงเลี้ยง มาสาธิตการไถนาให้พวกเราดู
วันนี้อากาศค่อนข้างร้อน คุณบุญนำเลยรีบกลับที่พักเร็วหน่อย เดี๋ยวผิวเสีย ^ ^
นอกจากการสาธิตวิธีการทำนาแล้ว ยังมีการจัดแสดงเครื่องมือเกษตรแบบดั้งเดิม
หลายอุปกรณ์ หลายชิ้น ไม่เคยเห็น ไม่เคยรู้จักมาก่อน ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องใช้จากภูมิปัญญาชาวบ้านอย่างแท้จริง
เสร็จจากโซนเกษตรกรรม เจ้าหน้าที่ก็พาเราเดินลัดเลาะริมน้ำมาดูโซนบ้านดิน
ระหว่างทางที่เดินไป เม้าท์ไป ก็สังเกตเห็นว่าต้นไม้ของที่นี่ออกผลดกกันแทบทุกต้นเลย
บ้านดินของที่นี่ นักท่องเที่ยวสามารถมาพักค้างคืนได้ในราคาหลักร้อย
บ้านดินจะถูกสร้างขึ้นจากโครงไม่ไผ่ และนำดินมาโปะประกอบกันจนเป็นตัวเรือน
ดินที่ใช้มี 3 ชนิดแตกต่างกันไป คือ ดินผสมสมุนไพร ดินผสมแกลบ และดินผสมมูลของน้องกระบือ (ขี้ควาย)
ข้อดีของบ้านดินคือใช้งบประมาณน้อย และเป็นห้องที่มีอากาศเย็นสบาย แม้ข้างนอกจะอากาศร้อนตับระเบิดก็ตาม
[Cr: อมยิ้ม Raisin Cheese Pie]
เดินชมบ้านดินซักพักก็ถึงเวลาเที่ยง ผู้ร่วมทริปต่างก็บ่นว่าหิวๆๆ ตลอดทาง
จึงรีบพากันเร่งฝีเท้าไปรับประทานอาหารกลางวันกันที่สวนอาหาร "ควายคะนอง"
โซนควายคะนองก็คือบริเวณด้านหน้าทางเข้าโรงเรียนกาสรกสิกรณ์นั่นเอง
นอกจากจะมีร้านอาหารยังมีร้านเครื่องดื่ม ของทานเล่น ผลไม้ และมีของที่ระลึก ครบครันมาก
มีคนบอกว่าของเด็ดที่นี่ คือ กาแฟควายคะนอง แต่ผมไม่ดื่มกาแฟ ขอเลี่ยงมาดื่มนมเย็นๆ แทนละกัน สดชื่นเหมือนกัน
และนี่คือมื้อเที่ยงจากควายคะนองเรสตัวรองท์ (เอคโค่ซาวด์)
บรรยากาศริมน้ำ ลมเย็นสบาย อาหารอร่อย ... อร่อยทุกเมนูแบบผิดคาดมากทีเดียว
รสชาติจัดว่าเด็ด ... ถึงว่าทำไมมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนกันมาทานข้าวที่นี่แบบโต๊ะไม่ได้ว่างเลย
ระหว่างนี้ก็ได้เริ่มคุยกับเพื่อนร่วมทาง ที่สนิทกันรวดเร็วเหมือนรู้จักกันมา 10 ปี ภายใน 10 นาที เท่านั้น !!!
ในส่วนของจานบนโต๊ะนั้น ... เจ้ามาจากแถวนี้ใช่มั้ย ?
หลังจากทานกันอิ่มแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ ไปยังสถานที่ๆ สอง
ระหว่างนี้ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะแอบงีบบนรถ ตามสำนวน หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อน zZzZ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น