สวัสดี ค่ะ “ป้าเงาะ” นะค่ะ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ นี้ ป้าเงาะ จะเดินทาง ไป ลาว ตะลุย ถ้ำเซบั้งไฟ หลังจากที่รู้ตัวว่า ไม่เหมาะที่จะเดินทางกับ หนุ่มสาว รุ่น ๆ ชาวแบกเป้ สักเท่าไหร่ ป้าเงาะ จะกินอิ่ม นอนเร็ว และชอบเดินทอด อารมณ์ มากกว่า ไม่ต้องการเดินเร็ว หรือ รีบเดิน เพื่อให้ได้ตำแหน่ง ที่ดี ที่สุดในการกางเต็นท์ หรือ ได้ภาพ ที่สวย จากการเดินทาง กลุ่ม 10 คน มาเดินทาง แบบ กลุ่มละ 3-5 คนค่ะ น่าจะสนิท สนม มากกว่า หรือไม่ก้อ ทะเลาะ กันไปเลย ป้าเงาะ จะหัดเขียน “รีวิว” จริงจังเสียที เวลามันเยอะ ไม่รู้จะทำอะไร เริ่มเลย แล้วกันนะค่ะ..... ก่อนอื่น ต้องขออนุญาต เพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 ท่าน ชิงตัดหน้า รีวิว ก่อน วันนี้เป็นวันที่จะต้อง ซื้อตั๋ว เดินทาง วันที่ 29 พค. 58 เวลา สองทุ่ม ไปนครพนม ผ่านทางด่านท่าแขก เข้าไป สปป ลาว นะค่ะ ถึงนครพนม ประมาณ 7 โมง ( กะเอง ) ไปต่อ รถโฟร์วิวโคลัมเบีย เข้าไป ถ้ำเซบั้งไฟ คร่าว ๆ ก่อนแล้วกัน นะค่ะ
วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ป้าเงาะได้ฝาก แอน ซื้อตั๋ว เดินทางไปนครพนม นครชัยแอร์ เรียบร้อยแล้วค่ะ
หลังจากได้เริ่มทำการชักชวน เพื่อนร่วมเดินทางประมาณ 7-8 ท่าน ก็มาจบ ที่ 3 คน เอง (ต้นทุนคงสูงน่าดู) สงสัยคงเป็นโชคชะตา ให้ไปกันแค่สามคน สำหรับทริปนี้
ก็มี ป้าเงาะ แอน หนึ่ง....ชายหนึ่ง หญิงสอง เข้าตำรา พอดี๊ พอดี เมื่อก่อนป้าเงาะ จะเที่ยวเพื่อหนี อะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ จะเป็นการเดินทางเพื่อตามหาลมหายใจของตัวเอง ที่มันซ่อนอยู่ตามเหลือบเขา ท้องฟ้า สายน้ำ และได้ฟังเสียงหัวใจชัด ๆ เสียที ที่ไหนก็ได้ ที่ๆ เป็นของฉัน
การเดินทางแต่ละครั้ง ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น ขอเปรียบเทียบ ตัวเอง เป็น พระจันทร์ นะค่ะ ซึ่งมีความนิ่ง เรียบง่าย เรื่อย ๆ เฉี่อย ๆ และ แอน เพื่อนร่วมเดินทางคนนี้เธอ ร้อนแรง มากเลย ถึงขนาด มาร์ก สั่งปิดเฟสบุ๊ค เธอมาแล้ว.....เปรียบเสมือนพระอาทิตย์แล้วกัน ส่วน หนึ่ง ชายหนึ่ง เปรียบ เสมือนโลกใบนี้ ที่ทำให้โลกน่าอยู่ ขึ้น พระจันทร์ พระอาทิตย์ และ โลก โคจร มาพบกันจะมันขนาดไหน โปรดติดตาม ตอนต่อไป
วันนี้วันศุกร์ ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันนี้เงินเดือนออก ค่ะ ที่ทำงานรับเป็นเงินสด ยังคงต้อง ทำงานเพื่อรอตอกบัตร ตอน 4.30 น.
หลังจากนั้น กลับบ้าน นำเงินไปให้แม่ก่อน แล้วบอกตรง ๆ ว่า weekend นี้ไม่อยู่บ้านนะ ไปเที่ยวเหมือนเดิม กล้าบ่น ซะที่ไหน เพราะเงินสด ยังคงอยู่ในมือ ( ใครจะเอาไม้นี้ไปใช้บ้างก็ได้นะ )
อาบน้ำอาบท่า เตรียมชุด ที่ขาดไม่ได้เลยคือ “ผ้าถุง” “แว่น” แล้วก็ “หมวก” ตามลำดับ
แต่จะใช้เป็น Straw Hat หมวกฟาง หรือหมวกสาน นะค่ะ ใบนี้ ซื้อตอนที่ไป เสียมเรียบ ซึ่งเราซื้อกัน 4 ใบ สี่คน ยังคิดถึงตอนไป นครวัด อยู่เลย ใส่หมวก ปิดผมหงอก ร่ำไร ๆ ซะหน่อย เสื้อยืด กางเกง ยีน แล้วก็เป้ เก่า ๆ ใบหนึ่ง นัดกับ แอน ที่ท่ารถ นครชัยแอร์ วิภาวดี 19 คิดว่าจะไปรอที่ร้านกาแฟ หาอะไรกินรองท้องซะหน่อย ถึงนครพนม เช้า หนึ่ง... (โลกทั้งใบให้เธอคนเดียว) จะมารับเรา ด้วยรถโฟรวิว คันนี้ หลังจากนี้ ก็คงต้องกลับมาก่อน ค่ะ ถึง จะมาแชร์ การท่องเที่ยวออกแนวผจญภัย ต่อไป มันดีตรงนี้ค่ะ เที่ยวแบบผจญภัย ไม่มีการจัดฉาก ลุยอย่าง
เดียว....
แบกเป้ออกจากบ้าน ที่พระนั่งกล้า 6 โมงเย็น เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ นครชัยแอร์ ก็เจอมหัตภัยร้ายที่คร่าวเวลาเรา ไป 3 ชั่วโมงเต็ม ๆ นั่นคือรถติด ติด ติด ติด แล้วก็ติด มิเตอร์ขึ้น 103 บาท ยังอยู่ที่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ยังไม่ถึงแครายเลย งานนี้จ่ายค่าแท็กซี่ไป 205 บาท + ค่าทางด่วน 15 บาท เป็น 220 บาท เจ็บปวดมาก อยากร้องให้ พอมาถึงศูนย์ นครชัย ก็หาที่นั่งร้านกาแฟ นั่งสักพัก ก็เจอน้อง ดิว ที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน ที่ม่อนจอง และ ลำคลองงู แอนก็มาสบทบอีกที คราวนี้ เม้าส์ กันกระจาย ค่ะ ความสนุกสนานก็บังเกิดขึ้น พี่เงาะ ชวนน้องดิว ไปเที่ยวกับเราเพราะว่ายังนั่งได้อีกที่หนึ่ง อย่ากลับมันเลยบ้านที่ลำปางนะ ปรากกฎว่าหลอกเด็กไม่สำเร็จ พอได้เวลาเราก็แยกกันขึ้นรถ สองทุ่ม สี่สิบห้า “พระเจ้าช่วย” กว่าจะออกจากหมอชิต ก็เที่ยงคืนถึงนครพนม 10 โมงเช้า น้องหนึ่ง นั่งรอเรา อย่างน่าสงสาร พี่เงาะ ไม่เคย ปล่อยให้ผู้ชายนั่งรอนานขนาดนี้เลย เพราะถ้าเจอผู้ชายพี่เงาะจะรีบสอย รีบเก็บ ค่ะ
วันเสาร์ ที่ 30 พ.ค.58
ท่ารถนครพนม เวลาประมาณ 10.00 น
เนื่องจากเราไม่ได้ตีตั๋วกลับ กรุงเทพ เราจึงไปซื้อตั๋วกลับ ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่ามีรถกลับแน่ ๆ อันนี้ เราซื้อตัว รอบ 19.30 น.กลับกรุงเทพ ราคา 641 บาทไว้แล้ว เป็นเที่ยวสุดท้ายของวันจันทร์ ที่ 1 มิ.ย. 58 หลังจากนั้นก็ ซื้อของที่จำเป็นฝั่งนี้เพิ่มเติม แล้วก็ขับรถไปที่สะพานด่านท่าแขกเลย ตัดสินใจไปหาข้าวทานฝั่งลาว
เราข้ามผ่านแดนที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 นครพนม เพื่อไปยังแขวงคำม่วน สปป.ลาว โดยมีจุดหมายปลายทางที่ เมืองบัวละพา
ท่าแขก-- 44 กม. --เมืองมะหาไซ --26 กม. – บ้านป่าหนาม(วงเวียนต้นไม้) --64 กม.–เมืองบัวละพา
การนำรถผ่านเข้าไปฝั่งโน้น มีขั้นตอนพอสมควร ไม่รู้ถาม เค้า ยกมือไหว้ ถาม แล้วขอบคุณ แค่นี้ก็จบ ง่าย ๆ พี่เงาะไม่ทราบนะค่ะ ช่วงนี้ต้องทำอย่างไร รบกวนถามน้องหนึ่งนะค่ะ เพราะพี่เงาะ อยู่แต่ในรถค่ะ เค้าให้ลงรถก็ลง เค้าให้ขึ้นรถก็ขึ้น รอคำสั่งอย่างเดียวค่ะ สะพานข้ามท่าแขก เพิ่งสร้างเสร็จปี กว่าๆ เอง ยังใหม่และสวยมาก คนไม่มาก อลังการ ค่ะ ชอบรูปปั้นช้าง สามตัวพ่อแม่ลูก ดูอบอุ่น สง่างาม และเป็นมิตร และแล้วการขับรถฝั่งลาว ด้านขวา ก็มาถึง น้องหนึ่งคนขับรถรูปหล่อ จน ๆ ไม่มีสมบัติติดตัว มีแต่สาวแก่ สองคนติดรถไปด้วย ก็งง ๆ นิดหนึ่ง ค่ะ เราก็ขับผ่านไปได้ด้วยดี แม่น้ำโขงกว้างใหญ่มากเมื่ออยู่บนสะพาน ถ้าถ่ายพรีเวดดิ้งได้ก็จะโรแมนติกมาก ค่ะ
เราขับรถมาหาร้านอาหารตามสั่ง ริมเขื่อนแม่น้ำโขง ทานข้าวกระเพราเนื้อไข่ดาว สามจาน น้ำปั่น หมดไป 69,000+25,000 = 94,000 กีบ เงินไทย 392 บาทค่ะ นี่เป็นมื้อแรกในลาวของเรา
เวลา ประมาณ 12.00 น.
หลังจากอิ่มแล้วเราก็ไปหาซิมเมืองลาว BEELINE เพื่อต่ออินเตอร์เน็ตในลาวเข้า กูเกิ้ลแมปกันเหนียว ทั้งๆ ที่ศึกษาเส้นทางมาแล้ว แต่ไปจริงมันคนละเรื่องกันเลย บรรยากาศจริง แตกต่างกับรีวิว ต่างๆ มาก มันไม่สามารถที่จะบรรยายได้หมด แนะนำให้มาเองค่ะ ถ้าคุณอยาก นะค่ะ อาศัยความอยาก อย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้อง ค่ะ
เวลา ประมาณ 15.00 น.
ถึงตลาดบ้านป่าหนาม เป็นสี่แยกมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางแยกเราเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกนี้เพื่อไปเมืองบัวละพา
ทางเป็นทางลูกรังอัดแน่นมีหินลอยก้อนเล็กๆ ขับรถฝุ่นตลบไกลไป 500 เมตรเลยทีเดียว มีแต่ฝุ่นและก็ฝุ่นค่ะ พวกเราลงจากรถแวะซื้อน้ำแข็ง เพราะอากาศร้อนมาก เลยถือโอกาสนี้ถ่ายรูป โดยขึ้นบนหลังคารถโคลัมเบีย กับต้นไม้ เป็นแลนด์มาร์ค หนึ่งที่ต้องจดจำ ชาวบ้านชาวลาวแถวนั้น ตื่นตา กับรถของพวกเรามาก พวกเค้ามองแต่รถเรา โคตรเท่ห์ อ่ะ
เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
หลังจากขับรถออกจากบ้านป่าหนาม ประมาณ 2 หลัก(ก.ม.) โคลัมเบีย(รถ) ของเราก็เกิดสำลักแก๊ซ และน้ำมัน ดับเอาดื้อ ๆ น้องหนึ่งของเรา หาสาเหตุไม่เจอว่าเพราะอะไร และในใจคงเป็นห่วง สองสาวแก่ด้วย ที่พามาลำบาก เลยโบกรถ ที่ผ่านไปมาให้ตามหาช่าง ไม่ได้การณ์ โบก มอเตอร์ไซด์ ดีกว่า แล้ว น้องหนึ่งก็ขออาศัย ซ้อนท้ายไปด้วย แน่นอนกว่า ปล่อยให้สองสาว อยู่กับรถตามลำพังบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยว เพราะเรา เห็นบ้าน ห่างออกไปประมาณ 200 เมตรอยู่ ยังอุ่นใจได้บ้าง เป็นการตัดสินใจที่ถูกเลยทีเดียว น้องหนึ่งคิดว่าเราคงกลัว ที่ไหนได้ ระหว่างรอ สองสาวได้แอบแซะ รูป กลางถนนฝุ่น อย่าง หนุก หนาน แก้เซ็งค่ะ เวลาผ่านไปเกือบ 1 ช.ม. น้องหนึ่งกับมาพร้อมกับช่าง ทำให้พวกเรายิ้มออก และเป็นประสบการณ์ อีกอย่างของการซ่อมรถ สายไฟด้านหลังแค่หลุด ออกมาเอง
น้องหนึ่งขอเบอร์ช่าง เพื่อว่าผ่านมาทางนี้อีก และเป็นข้อมูลบอกต่อไป
บัวละพา
จากรถติดที่หมอชิต และรถเสีย ทำให้เรามาถึงเมืองบัวละพา มืดแล้ว ประมาณ 2 ทุ่ม กะว่าซื้อเสบียงอาหาร และน้ำมัน พร้อมเดินทางต่อไปหนองปิง และพักที่นั่น แต่ได้รับคำแนะนำจากแม่ค้าร้านอาหารบอกว่า อย่าไปเลย มืดแล้วทางก้อไม่ดี เป็นเส้นทางลูกรัง สลับกับหลุมบ่อ เป็นเนินขึ้น ๆ ลงๆ มืดก็มืด อันตรายมากถ้าจะไปตอนนี้ พวกเราเลยตัดสินใจพัก IN TI RA Guesthouse ในเมืองบัวละพา ราคา 500 บาทเงินไทย จ่ายเป็นเงินลาว ราคา 120,000 กีบ เท่ากับ 480 บาท
ที่พักสะอาด น้ำไฟ wi fi มีพร้อม แอร์เย็นด้วย พวกเราอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ทานอาหารที่ซื้อมา นั่งเป็นวงกินกัน จนอิ่ม แล้วออกไปบาร์ เล็กๆ ข้างที่พัก ชื่อ A ONE BEER มีคาราโอเกะ จอ LCD ขนาดใหญ่
และมีวงดนตรี เล็ก ๆ เล่นเพลงไทย มันมากค่ะ ร้องเพลงไทย ชัดเจนมาก มันมาก สนุกสนานมากเลย จนกระทั่งเลิก จึงกลับเข้าที่พัก และหลับเป็นตาย เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่คิดถึง
เช้าวันนี้ เราตื่นสายมาก เพราะเมื่อคืน เที่ยวดึกค่ะ และอีกอย่างจะได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่รีบไม่ร้อน เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง เราเลยเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ตรวจเช็คสภาพรถ เติมพลัง มุ่งหน้าไปหมู่บ้าน หนองปิง ซึ่งเป็นที่ต้องของถ้ำเซบั้งไฟ ระยะทางจากที่พักถึง หนองปิง 14 ก.ม. เมตร มีป้ายบอกอย่างชัดเจน ..... มาดูกันว่า จะหนักหนาสาหัส ขนาดไหน ..... จะทยอยอัพ ไปเรื่อย ๆ นะค่ะ
ทางสู่ หนองปิง 14 หลัก
หลังจากผ่าน เส้นทาง มหาโหด ข้ามหนอง ปักควาย หลบหลีก ฝูงวัว และสะพานที่หักชำรุด มานับ 10 สะพานได้ บางช่วงมีการตัดถนนเส้นใหม่ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะไปทางไหน อาศัยถามทางชาวบ้านแถวนั้นมาตลอด เพื่อความแน่ใจ.... ไม่นานนักเราก็ถึง หมู่บ้านหนองปิง ที่อยู่ริมน้ำเซบั้งไฟ โดยถ้ำเซบั้งไฟ อยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้าน อีก 2 หลัก (ก.ม.) เราได้ติดต่อคนนำทาง เพื่อที่จะนำเราเข้าไปในถ้ำ "พ่อแก" เป็นคนดูแลสถานที่ และรอนักท่องเที่ยวอยู่ที่นั้น พ่อแก น่ารักมาก เรียกเรา ว่าลูก ทุกคำ ทำให้คิดถึง พ่อของตัวเองขึ้นมาทันที ขึ้นมาทันที ... เราซื้อตั๋วเข้าถ้ำ แบ่งเป็น ค่าเรือ 60,000 กีบ ค่าเข้า 3 คน คนละ 15,000 กีบ
“เป็นเรื่อง เป็น..ลาว” ตะลุยถ้ำเซบั้งไฟ
วันเสาร์ ที่ 30 พ.ค.58 เวลา ประมาณ 11.00 น.
ท่าแขก--- 44 กม. -----เมืองมะหาไซ --- 26 กม. -- บ้านป่าหนาม --- 64 กม. ---เมืองบัวละพา ตลาดบ้านป่าหนาม เป็นสี่แยกมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางแยกเราเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกนี้เพื่อไปเมืองบัวละพา ขาไปเราไปเส้นนี้
ในถ้ำ และ หน้าถ้ำ
ถึงเวลา เข้า..ถ้ำ..แล้ว ..เป็นถ้ำน้ำลอดที่มีขนาดใหญ่ เกือบ 10 หลัก (ก.ม.) พวกเราไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมาย สำหรับการเข้าถ้ำยักษ์ แห่งนี้ เราเหมาเรือ ราคา 60,000 กีบ ค่าเข้าอีก คนละ 15,000 กีบ เรือที่เรานั่งไป นั่งได้ 4 คน เรา 3 คน กับคนพายเรือ 1 คน กาบเรือก็ ปริ่ม ๆ น้ำเหมือนกัน แต่ไม่ล่มค่ะ บรรยากาศ ข้างในถ้ำวังเวง น่ากลัว มีแต่ความมืด ไฟฉายที่เราเอาไปด้วย ส่องให้เห็นระยะ แค่ 1-2 เมตร แสงไฟถูกกลืนหาย ไปในความมืด ยามที่พาย ลึกเข้าไป เรามองเห็นความใหญ่โต น้ำใสราวกับกระจกสะท้อน ภาพทำให้ยิ่งน่ากลัว มาก.... ลึกเข้าไปในถ้ำ ทุกคนเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียง พายเรือ บรรยากาศ สุดจะบรรยาย .... มีเพียงแค่ 4 ชีวิต เท่านั้น ... ในถ้ำ...พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ....
เสียงปลาขนาดใหญ่ฮุบน้ำดังโผงๆ ตกใจกันหมด เลยไม่กล้า ลงเล่นกันไปลึก น้ำเย็น พอควร อีกด้านของบึงหน้าปากถ้ำ มีฝูงควาย ออนเซ็นอยู่ เราจึงเล่นอยู่อีกด้าน กลัวเหมือนกัน.... ระหว่างเล่น เราก้อนึกสนุก ขว้างหิน ให้สะท้อนกับน้ำ แข่งกันว่าใครจะได้ กี่อัน ป้าเงาะได้ 2 ทอดเอง เซ็งเป็ดเลย.......มีความสุขมาก เพราะไม่มีใครเลย นอกจากเรา 3 คน กับควาย 1 ฝูง
[img]http://f.ptcdn.info/041/042/000/o62x8nc9tyhfamH
[CR] เป็นเรื่อง เป็น "ลาว" ตะลุยถ้ำเซบั้งไฟ
สวัสดี ค่ะ “ป้าเงาะ” นะค่ะ เสาร์ อาทิตย์ จันทร์ นี้ ป้าเงาะ จะเดินทาง ไป ลาว ตะลุย ถ้ำเซบั้งไฟ หลังจากที่รู้ตัวว่า ไม่เหมาะที่จะเดินทางกับ หนุ่มสาว รุ่น ๆ ชาวแบกเป้ สักเท่าไหร่ ป้าเงาะ จะกินอิ่ม นอนเร็ว และชอบเดินทอด อารมณ์ มากกว่า ไม่ต้องการเดินเร็ว หรือ รีบเดิน เพื่อให้ได้ตำแหน่ง ที่ดี ที่สุดในการกางเต็นท์ หรือ ได้ภาพ ที่สวย จากการเดินทาง กลุ่ม 10 คน มาเดินทาง แบบ กลุ่มละ 3-5 คนค่ะ น่าจะสนิท สนม มากกว่า หรือไม่ก้อ ทะเลาะ กันไปเลย ป้าเงาะ จะหัดเขียน “รีวิว” จริงจังเสียที เวลามันเยอะ ไม่รู้จะทำอะไร เริ่มเลย แล้วกันนะค่ะ..... ก่อนอื่น ต้องขออนุญาต เพื่อนร่วมเดินทางอีก 2 ท่าน ชิงตัดหน้า รีวิว ก่อน วันนี้เป็นวันที่จะต้อง ซื้อตั๋ว เดินทาง วันที่ 29 พค. 58 เวลา สองทุ่ม ไปนครพนม ผ่านทางด่านท่าแขก เข้าไป สปป ลาว นะค่ะ ถึงนครพนม ประมาณ 7 โมง ( กะเอง ) ไปต่อ รถโฟร์วิวโคลัมเบีย เข้าไป ถ้ำเซบั้งไฟ คร่าว ๆ ก่อนแล้วกัน นะค่ะ
วันนี้วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 ป้าเงาะได้ฝาก แอน ซื้อตั๋ว เดินทางไปนครพนม นครชัยแอร์ เรียบร้อยแล้วค่ะ
หลังจากได้เริ่มทำการชักชวน เพื่อนร่วมเดินทางประมาณ 7-8 ท่าน ก็มาจบ ที่ 3 คน เอง (ต้นทุนคงสูงน่าดู) สงสัยคงเป็นโชคชะตา ให้ไปกันแค่สามคน สำหรับทริปนี้
ก็มี ป้าเงาะ แอน หนึ่ง....ชายหนึ่ง หญิงสอง เข้าตำรา พอดี๊ พอดี เมื่อก่อนป้าเงาะ จะเที่ยวเพื่อหนี อะไรบางอย่าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่ จะเป็นการเดินทางเพื่อตามหาลมหายใจของตัวเอง ที่มันซ่อนอยู่ตามเหลือบเขา ท้องฟ้า สายน้ำ และได้ฟังเสียงหัวใจชัด ๆ เสียที ที่ไหนก็ได้ ที่ๆ เป็นของฉัน
การเดินทางแต่ละครั้ง ทำให้รู้จักตัวเองมากขึ้น ขอเปรียบเทียบ ตัวเอง เป็น พระจันทร์ นะค่ะ ซึ่งมีความนิ่ง เรียบง่าย เรื่อย ๆ เฉี่อย ๆ และ แอน เพื่อนร่วมเดินทางคนนี้เธอ ร้อนแรง มากเลย ถึงขนาด มาร์ก สั่งปิดเฟสบุ๊ค เธอมาแล้ว.....เปรียบเสมือนพระอาทิตย์แล้วกัน ส่วน หนึ่ง ชายหนึ่ง เปรียบ เสมือนโลกใบนี้ ที่ทำให้โลกน่าอยู่ ขึ้น พระจันทร์ พระอาทิตย์ และ โลก โคจร มาพบกันจะมันขนาดไหน โปรดติดตาม ตอนต่อไป
วันนี้วันศุกร์ ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันนี้เงินเดือนออก ค่ะ ที่ทำงานรับเป็นเงินสด ยังคงต้อง ทำงานเพื่อรอตอกบัตร ตอน 4.30 น.
หลังจากนั้น กลับบ้าน นำเงินไปให้แม่ก่อน แล้วบอกตรง ๆ ว่า weekend นี้ไม่อยู่บ้านนะ ไปเที่ยวเหมือนเดิม กล้าบ่น ซะที่ไหน เพราะเงินสด ยังคงอยู่ในมือ ( ใครจะเอาไม้นี้ไปใช้บ้างก็ได้นะ )
อาบน้ำอาบท่า เตรียมชุด ที่ขาดไม่ได้เลยคือ “ผ้าถุง” “แว่น” แล้วก็ “หมวก” ตามลำดับ
แต่จะใช้เป็น Straw Hat หมวกฟาง หรือหมวกสาน นะค่ะ ใบนี้ ซื้อตอนที่ไป เสียมเรียบ ซึ่งเราซื้อกัน 4 ใบ สี่คน ยังคิดถึงตอนไป นครวัด อยู่เลย ใส่หมวก ปิดผมหงอก ร่ำไร ๆ ซะหน่อย เสื้อยืด กางเกง ยีน แล้วก็เป้ เก่า ๆ ใบหนึ่ง นัดกับ แอน ที่ท่ารถ นครชัยแอร์ วิภาวดี 19 คิดว่าจะไปรอที่ร้านกาแฟ หาอะไรกินรองท้องซะหน่อย ถึงนครพนม เช้า หนึ่ง... (โลกทั้งใบให้เธอคนเดียว) จะมารับเรา ด้วยรถโฟรวิว คันนี้ หลังจากนี้ ก็คงต้องกลับมาก่อน ค่ะ ถึง จะมาแชร์ การท่องเที่ยวออกแนวผจญภัย ต่อไป มันดีตรงนี้ค่ะ เที่ยวแบบผจญภัย ไม่มีการจัดฉาก ลุยอย่าง
เดียว....
แบกเป้ออกจากบ้าน ที่พระนั่งกล้า 6 โมงเย็น เรียกแท็กซี่ให้ไปส่งที่ นครชัยแอร์ ก็เจอมหัตภัยร้ายที่คร่าวเวลาเรา ไป 3 ชั่วโมงเต็ม ๆ นั่นคือรถติด ติด ติด ติด แล้วก็ติด มิเตอร์ขึ้น 103 บาท ยังอยู่ที่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ยังไม่ถึงแครายเลย งานนี้จ่ายค่าแท็กซี่ไป 205 บาท + ค่าทางด่วน 15 บาท เป็น 220 บาท เจ็บปวดมาก อยากร้องให้ พอมาถึงศูนย์ นครชัย ก็หาที่นั่งร้านกาแฟ นั่งสักพัก ก็เจอน้อง ดิว ที่เคยไปเที่ยวด้วยกัน ที่ม่อนจอง และ ลำคลองงู แอนก็มาสบทบอีกที คราวนี้ เม้าส์ กันกระจาย ค่ะ ความสนุกสนานก็บังเกิดขึ้น พี่เงาะ ชวนน้องดิว ไปเที่ยวกับเราเพราะว่ายังนั่งได้อีกที่หนึ่ง อย่ากลับมันเลยบ้านที่ลำปางนะ ปรากกฎว่าหลอกเด็กไม่สำเร็จ พอได้เวลาเราก็แยกกันขึ้นรถ สองทุ่ม สี่สิบห้า “พระเจ้าช่วย” กว่าจะออกจากหมอชิต ก็เที่ยงคืนถึงนครพนม 10 โมงเช้า น้องหนึ่ง นั่งรอเรา อย่างน่าสงสาร พี่เงาะ ไม่เคย ปล่อยให้ผู้ชายนั่งรอนานขนาดนี้เลย เพราะถ้าเจอผู้ชายพี่เงาะจะรีบสอย รีบเก็บ ค่ะ
วันเสาร์ ที่ 30 พ.ค.58
ท่ารถนครพนม เวลาประมาณ 10.00 น
เนื่องจากเราไม่ได้ตีตั๋วกลับ กรุงเทพ เราจึงไปซื้อตั๋วกลับ ก่อนเพื่อให้แน่ใจว่ามีรถกลับแน่ ๆ อันนี้ เราซื้อตัว รอบ 19.30 น.กลับกรุงเทพ ราคา 641 บาทไว้แล้ว เป็นเที่ยวสุดท้ายของวันจันทร์ ที่ 1 มิ.ย. 58 หลังจากนั้นก็ ซื้อของที่จำเป็นฝั่งนี้เพิ่มเติม แล้วก็ขับรถไปที่สะพานด่านท่าแขกเลย ตัดสินใจไปหาข้าวทานฝั่งลาว
เราข้ามผ่านแดนที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 นครพนม เพื่อไปยังแขวงคำม่วน สปป.ลาว โดยมีจุดหมายปลายทางที่ เมืองบัวละพา
ท่าแขก-- 44 กม. --เมืองมะหาไซ --26 กม. – บ้านป่าหนาม(วงเวียนต้นไม้) --64 กม.–เมืองบัวละพา
การนำรถผ่านเข้าไปฝั่งโน้น มีขั้นตอนพอสมควร ไม่รู้ถาม เค้า ยกมือไหว้ ถาม แล้วขอบคุณ แค่นี้ก็จบ ง่าย ๆ พี่เงาะไม่ทราบนะค่ะ ช่วงนี้ต้องทำอย่างไร รบกวนถามน้องหนึ่งนะค่ะ เพราะพี่เงาะ อยู่แต่ในรถค่ะ เค้าให้ลงรถก็ลง เค้าให้ขึ้นรถก็ขึ้น รอคำสั่งอย่างเดียวค่ะ สะพานข้ามท่าแขก เพิ่งสร้างเสร็จปี กว่าๆ เอง ยังใหม่และสวยมาก คนไม่มาก อลังการ ค่ะ ชอบรูปปั้นช้าง สามตัวพ่อแม่ลูก ดูอบอุ่น สง่างาม และเป็นมิตร และแล้วการขับรถฝั่งลาว ด้านขวา ก็มาถึง น้องหนึ่งคนขับรถรูปหล่อ จน ๆ ไม่มีสมบัติติดตัว มีแต่สาวแก่ สองคนติดรถไปด้วย ก็งง ๆ นิดหนึ่ง ค่ะ เราก็ขับผ่านไปได้ด้วยดี แม่น้ำโขงกว้างใหญ่มากเมื่ออยู่บนสะพาน ถ้าถ่ายพรีเวดดิ้งได้ก็จะโรแมนติกมาก ค่ะ
เราขับรถมาหาร้านอาหารตามสั่ง ริมเขื่อนแม่น้ำโขง ทานข้าวกระเพราเนื้อไข่ดาว สามจาน น้ำปั่น หมดไป 69,000+25,000 = 94,000 กีบ เงินไทย 392 บาทค่ะ นี่เป็นมื้อแรกในลาวของเรา
เวลา ประมาณ 12.00 น.
หลังจากอิ่มแล้วเราก็ไปหาซิมเมืองลาว BEELINE เพื่อต่ออินเตอร์เน็ตในลาวเข้า กูเกิ้ลแมปกันเหนียว ทั้งๆ ที่ศึกษาเส้นทางมาแล้ว แต่ไปจริงมันคนละเรื่องกันเลย บรรยากาศจริง แตกต่างกับรีวิว ต่างๆ มาก มันไม่สามารถที่จะบรรยายได้หมด แนะนำให้มาเองค่ะ ถ้าคุณอยาก นะค่ะ อาศัยความอยาก อย่างเดียว อย่างอื่นไม่ต้อง ค่ะ
เวลา ประมาณ 15.00 น.
ถึงตลาดบ้านป่าหนาม เป็นสี่แยกมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางแยกเราเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกนี้เพื่อไปเมืองบัวละพา
ทางเป็นทางลูกรังอัดแน่นมีหินลอยก้อนเล็กๆ ขับรถฝุ่นตลบไกลไป 500 เมตรเลยทีเดียว มีแต่ฝุ่นและก็ฝุ่นค่ะ พวกเราลงจากรถแวะซื้อน้ำแข็ง เพราะอากาศร้อนมาก เลยถือโอกาสนี้ถ่ายรูป โดยขึ้นบนหลังคารถโคลัมเบีย กับต้นไม้ เป็นแลนด์มาร์ค หนึ่งที่ต้องจดจำ ชาวบ้านชาวลาวแถวนั้น ตื่นตา กับรถของพวกเรามาก พวกเค้ามองแต่รถเรา โคตรเท่ห์ อ่ะ
เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
หลังจากขับรถออกจากบ้านป่าหนาม ประมาณ 2 หลัก(ก.ม.) โคลัมเบีย(รถ) ของเราก็เกิดสำลักแก๊ซ และน้ำมัน ดับเอาดื้อ ๆ น้องหนึ่งของเรา หาสาเหตุไม่เจอว่าเพราะอะไร และในใจคงเป็นห่วง สองสาวแก่ด้วย ที่พามาลำบาก เลยโบกรถ ที่ผ่านไปมาให้ตามหาช่าง ไม่ได้การณ์ โบก มอเตอร์ไซด์ ดีกว่า แล้ว น้องหนึ่งก็ขออาศัย ซ้อนท้ายไปด้วย แน่นอนกว่า ปล่อยให้สองสาว อยู่กับรถตามลำพังบนเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยว เพราะเรา เห็นบ้าน ห่างออกไปประมาณ 200 เมตรอยู่ ยังอุ่นใจได้บ้าง เป็นการตัดสินใจที่ถูกเลยทีเดียว น้องหนึ่งคิดว่าเราคงกลัว ที่ไหนได้ ระหว่างรอ สองสาวได้แอบแซะ รูป กลางถนนฝุ่น อย่าง หนุก หนาน แก้เซ็งค่ะ เวลาผ่านไปเกือบ 1 ช.ม. น้องหนึ่งกับมาพร้อมกับช่าง ทำให้พวกเรายิ้มออก และเป็นประสบการณ์ อีกอย่างของการซ่อมรถ สายไฟด้านหลังแค่หลุด ออกมาเอง
น้องหนึ่งขอเบอร์ช่าง เพื่อว่าผ่านมาทางนี้อีก และเป็นข้อมูลบอกต่อไป
บัวละพา
จากรถติดที่หมอชิต และรถเสีย ทำให้เรามาถึงเมืองบัวละพา มืดแล้ว ประมาณ 2 ทุ่ม กะว่าซื้อเสบียงอาหาร และน้ำมัน พร้อมเดินทางต่อไปหนองปิง และพักที่นั่น แต่ได้รับคำแนะนำจากแม่ค้าร้านอาหารบอกว่า อย่าไปเลย มืดแล้วทางก้อไม่ดี เป็นเส้นทางลูกรัง สลับกับหลุมบ่อ เป็นเนินขึ้น ๆ ลงๆ มืดก็มืด อันตรายมากถ้าจะไปตอนนี้ พวกเราเลยตัดสินใจพัก IN TI RA Guesthouse ในเมืองบัวละพา ราคา 500 บาทเงินไทย จ่ายเป็นเงินลาว ราคา 120,000 กีบ เท่ากับ 480 บาท
ที่พักสะอาด น้ำไฟ wi fi มีพร้อม แอร์เย็นด้วย พวกเราอาบน้ำอาบท่าเสร็จ ทานอาหารที่ซื้อมา นั่งเป็นวงกินกัน จนอิ่ม แล้วออกไปบาร์ เล็กๆ ข้างที่พัก ชื่อ A ONE BEER มีคาราโอเกะ จอ LCD ขนาดใหญ่
และมีวงดนตรี เล็ก ๆ เล่นเพลงไทย มันมากค่ะ ร้องเพลงไทย ชัดเจนมาก มันมาก สนุกสนานมากเลย จนกระทั่งเลิก จึงกลับเข้าที่พัก และหลับเป็นตาย เป็นอีกรสชาติหนึ่งที่คิดถึง
เช้าวันนี้ เราตื่นสายมาก เพราะเมื่อคืน เที่ยวดึกค่ะ และอีกอย่างจะได้พักผ่อนเต็มที่ ไม่รีบไม่ร้อน เพราะเราไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเป็นยังไง เราเลยเตรียมตัวอย่างรอบคอบ ตรวจเช็คสภาพรถ เติมพลัง มุ่งหน้าไปหมู่บ้าน หนองปิง ซึ่งเป็นที่ต้องของถ้ำเซบั้งไฟ ระยะทางจากที่พักถึง หนองปิง 14 ก.ม. เมตร มีป้ายบอกอย่างชัดเจน ..... มาดูกันว่า จะหนักหนาสาหัส ขนาดไหน ..... จะทยอยอัพ ไปเรื่อย ๆ นะค่ะ
ทางสู่ หนองปิง 14 หลัก
หลังจากผ่าน เส้นทาง มหาโหด ข้ามหนอง ปักควาย หลบหลีก ฝูงวัว และสะพานที่หักชำรุด มานับ 10 สะพานได้ บางช่วงมีการตัดถนนเส้นใหม่ ซึ่งเราไม่รู้ว่าจะไปทางไหน อาศัยถามทางชาวบ้านแถวนั้นมาตลอด เพื่อความแน่ใจ.... ไม่นานนักเราก็ถึง หมู่บ้านหนองปิง ที่อยู่ริมน้ำเซบั้งไฟ โดยถ้ำเซบั้งไฟ อยู่ห่างออกไปจากหมู่บ้าน อีก 2 หลัก (ก.ม.) เราได้ติดต่อคนนำทาง เพื่อที่จะนำเราเข้าไปในถ้ำ "พ่อแก" เป็นคนดูแลสถานที่ และรอนักท่องเที่ยวอยู่ที่นั้น พ่อแก น่ารักมาก เรียกเรา ว่าลูก ทุกคำ ทำให้คิดถึง พ่อของตัวเองขึ้นมาทันที ขึ้นมาทันที ... เราซื้อตั๋วเข้าถ้ำ แบ่งเป็น ค่าเรือ 60,000 กีบ ค่าเข้า 3 คน คนละ 15,000 กีบ
“เป็นเรื่อง เป็น..ลาว” ตะลุยถ้ำเซบั้งไฟ
วันเสาร์ ที่ 30 พ.ค.58 เวลา ประมาณ 11.00 น.
ท่าแขก--- 44 กม. -----เมืองมะหาไซ --- 26 กม. -- บ้านป่าหนาม --- 64 กม. ---เมืองบัวละพา ตลาดบ้านป่าหนาม เป็นสี่แยกมีต้นไม้ใหญ่อยู่กลางแยกเราเลี้ยวซ้ายที่สี่แยกนี้เพื่อไปเมืองบัวละพา ขาไปเราไปเส้นนี้
ในถ้ำ และ หน้าถ้ำ
ถึงเวลา เข้า..ถ้ำ..แล้ว ..เป็นถ้ำน้ำลอดที่มีขนาดใหญ่ เกือบ 10 หลัก (ก.ม.) พวกเราไม่ได้เตรียมตัวอะไรมากมาย สำหรับการเข้าถ้ำยักษ์ แห่งนี้ เราเหมาเรือ ราคา 60,000 กีบ ค่าเข้าอีก คนละ 15,000 กีบ เรือที่เรานั่งไป นั่งได้ 4 คน เรา 3 คน กับคนพายเรือ 1 คน กาบเรือก็ ปริ่ม ๆ น้ำเหมือนกัน แต่ไม่ล่มค่ะ บรรยากาศ ข้างในถ้ำวังเวง น่ากลัว มีแต่ความมืด ไฟฉายที่เราเอาไปด้วย ส่องให้เห็นระยะ แค่ 1-2 เมตร แสงไฟถูกกลืนหาย ไปในความมืด ยามที่พาย ลึกเข้าไป เรามองเห็นความใหญ่โต น้ำใสราวกับกระจกสะท้อน ภาพทำให้ยิ่งน่ากลัว มาก.... ลึกเข้าไปในถ้ำ ทุกคนเงียบสนิท ได้ยินแต่เสียง พายเรือ บรรยากาศ สุดจะบรรยาย .... มีเพียงแค่ 4 ชีวิต เท่านั้น ... ในถ้ำ...พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ ....
เสียงปลาขนาดใหญ่ฮุบน้ำดังโผงๆ ตกใจกันหมด เลยไม่กล้า ลงเล่นกันไปลึก น้ำเย็น พอควร อีกด้านของบึงหน้าปากถ้ำ มีฝูงควาย ออนเซ็นอยู่ เราจึงเล่นอยู่อีกด้าน กลัวเหมือนกัน.... ระหว่างเล่น เราก้อนึกสนุก ขว้างหิน ให้สะท้อนกับน้ำ แข่งกันว่าใครจะได้ กี่อัน ป้าเงาะได้ 2 ทอดเอง เซ็งเป็ดเลย.......มีความสุขมาก เพราะไม่มีใครเลย นอกจากเรา 3 คน กับควาย 1 ฝูง
[img]http://f.ptcdn.info/041/042/000/o62x8nc9tyhfamH