สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเลยก็ว่าได้และก็เพิ่งจะเริ่มใช้งานเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ช่วงวันหยุดก่อนสงกรานต์ที่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสขับรถตระเวนถ่ายรูปกับเพื่อน ซึ่งปกติถ้าไม่มีอะไรทำก็จะชวนกันไปถ่ายรูปตามถสานที่ต่างๆ ทั้งในภูเก็ตแล้วก็ใกล้เคียง วันนั้น เลยตัดสินใจที่จะไปถ่ายรูปเครื่องบินขึ้นกันที่หลังสนามบินภูเก็ต ออกมาจากห้องก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆ อากาศร้อนใช้ได้เลยทีเดียว เรากับเพื่อนก็ขับรถกันไปเรื่อยๆ เจออะไรก็ถ่าย จนไปเจอควายยืนร้อนอยู่กลางแดดอยู่ตัวนึงก็เลยจอดเก็บภาพมานิดหน่อย
จากนั้นก็ตะลอนๆกันไปเรื่อย จนถึงด้านหลังสนามบิน เราก็ขับรถเข้าทางโรงแรม Centara Grand Westsand เพราะว่าระยะทางการเดินลงไปหน้าหาดน่าจะสั้นกว่าทางเข้าอุทยานอีกฝั่งนึง วันนั้นคนก็ไม่ได้เยอะมากเพราะส่วนใหญ่จะแอบหลบร้อนกันตรงบริเวณต้นสนจึงทำให้เราพอจะมีพื้นที่ในการถ่ายรูปเครื่องบินตอนขึ้นและตอนลง เดินไปรออยู่สักพักก็ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นเครื่องบินเลย เรากับเพื่อนก็ไม่ย่อท้อต่อความพยายาม ยืนทนแดด ทนลมไปได้สัก 15 นาที รู้สึกเริ่มร้อน ร่มก็ไม่มี หันไปอีกทีก็มีฝรั่งยืนกางร่ม (มีการเตรียมความพร้อมมาอย่างดี) แล้วก็เด็กฝรั่งหนึ่งคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอถ่ายรูปเครื่องบิน เลยแอบแชะมาอย่างละรูป เพราะเกรงใจกลัวเค้าหันมา
ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เครื่องบินก็ยังไม่มีแววว่าจะบินขึ้น ก็ขอถ่ายวิวไปเรื่อยๆ อยู่ๆ น้องหมาคู่หนึ่ง สงสัยอากาศจะร้อนมาก (น่าจะทนร้อนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว) ทั้งสองตัวก็วิ่งกันลงมาเล่นน้ำทะเลแบบไม่แคร์สื่อใดๆทั้งสิ้น เห็นแล้วอยากจะลงไปเล่นด้วยเลยแต่ติดที่ไม่มีชุดมาเปลี่ยนนี่แหละ
ด้วยความที่ถ่ายรูปน้องหมาเยอะเกิน จนลืมไปว่าจะมาถ่ายเครื่องบิน จนสักพักได้ยินเสียงเครื่องบินกำลังเร่งเครื่อง ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เห็นเครื่องบินบินผ่านหัวไปแบบหยิบกล้องกดชัตเตอร์กันแทบไม่ทัน สุดท้ายก็ได้มาอย่างที่เห็นแค่รูปสองรูปเอง
หลังจากที่รออยู่นานว่าจะมีลำไหนบินขึ้นมาอีกบ้าง แต่ความพยายามก็ได้หมดลงเลยตัดสินใจไปพังงากัน ตอนแรกก็ตกลงกันไปท้ายเหมืองแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปตะกั่วป่ากันดีกว่า ขับรถออกจากภูเก็ตไปถึงตะกั่วป่าใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เพราะแวะกินข้าวระหว่างทางบ้างเข้าห้องน้ำบ้าง
ตะลอนมาได้สักพักก็จะเข้าตัวเมืองตะกั่วป่าแล้ว เราก็เริ่มแวะจอดรถถ่ายรูปริมทางกัน ที่แรกที่จอดรถถ่ายรูป เริ่มต้นที่ศาลารอรถประจำทาง ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับเมืองตะกั่วป่า เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นตลอดสองข้างทางจะมีลักษณะเดียวกันแบบเดียวกันเกือบหมด
เลยจากจุดแรกที่จอดถ่ายรูปมาสักนิดนึง ประมาณไม่เกินสามหรือกิโลเมตร ก็จะเจอกับสะพานเหล็กที่ไว้เป็นที่สัญจรระหว่างถนนหลักกับหมู่บ้าน โดยสะพานนี้น่าจะมีความยาวประมาณ 200 เมตร โดยเหล็กที่ได้ก็มาจากเรือขุดแร่และก็มาจากบริษัทที่ทำเหมืองแร่ในอดีตเป็นผู้มอบให้
เตร่กันไปเรื่อยๆ จนเข้าเมืองตะกั่วป่า… ค่อนข้างมีความรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในตัวเมืองเก่าของภูเก็ต แถวๆถนนถลาง ถนนดีบุก โดยลักษณะอาคารบ้านช่อง สีสันของตึกก็ไม่ได้แตกต่างกันมากแต่ก็มีความแตกต่างอยู่เหมือนกันอยู่บ้าง เช่น ถนนเมืองเก่าของตะกั่วป่าค่อนข้างจะสะอาด ถนนไม่มีหลุม ไม่มีบ่อ ไม่ความวุ่นวายมากเท่ากับตัวเมืองภูเก็ตแล้วก็รู้สึกว่าจะสะอาดและค่อนข้างเป็นระเบียบมากกว่าภูเก็ต
ลักษณะของตัวตึกก็คล้ายกับถนนถลางในภูเก็ต แบบแนวชิโนโปรตุกีส
สีสันของตึกและความเก่าแก่ของตึก
ทางเดินระหว่างอาคารที่ใช้เป็นทางเชื่อมต่อกัน
หรือไม่ก็จะเป็นลักษณแบบนี้ ที่เป็นทางเดินโปร่งๆ เชื่อมระหว่างบ้านแต่ละหลัง
ตึกที่เห็นค่อนข้างจะโบราณและเก่าแก่มาก ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเดินย้อนเข้าไปในอดีตกันเลยทีเดียว
ขับรถวนออกมาอีกทางนึงเพื่อที่จะไปดูตึกเก่าอีกตึกหนึ่งของตะกั่วป่า คือโรงเรียนเต้าหมิง ในอดีตเป็นโรงเรียนที่ไว้ใช้สอนภาษาจีนให้กับลูกหลานของคนบริเวณนั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ไว้ฝึกอบรม และปฏิบัติธรรม
ประตูทางเข้าห้องอบรม ก็จะมีทั้งทางด้านหน้าและทางด้านหลัง ลักษณะจะคล้ายๆโรงเรียนสมัยก่อน ที่เป็นตึกไม้แล้วมีเก้าอี้กับโต๊ะไม้อยู่ในห้องเรียน
บันไดเดินขึ้นชั้นสองค่อนข้างจะมีเสน่ห์ชวนแกการขึ้นไปเยือนมาก
หลังจากตะลอนอยู่พักใหญ่ ในตะกั่วป่า ก็ถึงเวลากลับภูเก็ตกันแล้ว เพราะกลัวว่าจะถึงภูเก็ตแบบมืดๆ
สุดท้ายนี้ถ้าใครมีเวลาว่างก็อยากให้มาเที่ยวเมืองตะกั่วป่ากันเยอะๆ เพราะเป็นเมืองที่ค่อนข้างอนุรักษ์ตึกเก่าไว้อย่างดีและยังมีสถานที่ถ่ายรูปสวยอีกมากมาย
ปิดท้ายไปกับภาพนี้แล้วกันนะครับ ช่วงนี้อากาศร้อน ดูแลสุขภาพกันเยอะๆนะครับ
วันเดียว เที่ยวตะกั่วป่า
สวัสดีครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกเลยก็ว่าได้และก็เพิ่งจะเริ่มใช้งานเป็นครั้งแรก ผิดพลาดประการใดก็ขออภัยไว้ด้วยนะครับ
ช่วงวันหยุดก่อนสงกรานต์ที่ที่ผ่านมาได้มีโอกาสขับรถตระเวนถ่ายรูปกับเพื่อน ซึ่งปกติถ้าไม่มีอะไรทำก็จะชวนกันไปถ่ายรูปตามถสานที่ต่างๆ ทั้งในภูเก็ตแล้วก็ใกล้เคียง วันนั้น เลยตัดสินใจที่จะไปถ่ายรูปเครื่องบินขึ้นกันที่หลังสนามบินภูเก็ต ออกมาจากห้องก็ประมาณ 10 โมงกว่าๆ อากาศร้อนใช้ได้เลยทีเดียว เรากับเพื่อนก็ขับรถกันไปเรื่อยๆ เจออะไรก็ถ่าย จนไปเจอควายยืนร้อนอยู่กลางแดดอยู่ตัวนึงก็เลยจอดเก็บภาพมานิดหน่อย
จากนั้นก็ตะลอนๆกันไปเรื่อย จนถึงด้านหลังสนามบิน เราก็ขับรถเข้าทางโรงแรม Centara Grand Westsand เพราะว่าระยะทางการเดินลงไปหน้าหาดน่าจะสั้นกว่าทางเข้าอุทยานอีกฝั่งนึง วันนั้นคนก็ไม่ได้เยอะมากเพราะส่วนใหญ่จะแอบหลบร้อนกันตรงบริเวณต้นสนจึงทำให้เราพอจะมีพื้นที่ในการถ่ายรูปเครื่องบินตอนขึ้นและตอนลง เดินไปรออยู่สักพักก็ไม่มีวี่แววว่าจะเห็นเครื่องบินเลย เรากับเพื่อนก็ไม่ย่อท้อต่อความพยายาม ยืนทนแดด ทนลมไปได้สัก 15 นาที รู้สึกเริ่มร้อน ร่มก็ไม่มี หันไปอีกทีก็มีฝรั่งยืนกางร่ม (มีการเตรียมความพร้อมมาอย่างดี) แล้วก็เด็กฝรั่งหนึ่งคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอถ่ายรูปเครื่องบิน เลยแอบแชะมาอย่างละรูป เพราะเกรงใจกลัวเค้าหันมา
ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว เครื่องบินก็ยังไม่มีแววว่าจะบินขึ้น ก็ขอถ่ายวิวไปเรื่อยๆ อยู่ๆ น้องหมาคู่หนึ่ง สงสัยอากาศจะร้อนมาก (น่าจะทนร้อนมาสักพักใหญ่ๆแล้ว) ทั้งสองตัวก็วิ่งกันลงมาเล่นน้ำทะเลแบบไม่แคร์สื่อใดๆทั้งสิ้น เห็นแล้วอยากจะลงไปเล่นด้วยเลยแต่ติดที่ไม่มีชุดมาเปลี่ยนนี่แหละ
ด้วยความที่ถ่ายรูปน้องหมาเยอะเกิน จนลืมไปว่าจะมาถ่ายเครื่องบิน จนสักพักได้ยินเสียงเครื่องบินกำลังเร่งเครื่อง ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เห็นเครื่องบินบินผ่านหัวไปแบบหยิบกล้องกดชัตเตอร์กันแทบไม่ทัน สุดท้ายก็ได้มาอย่างที่เห็นแค่รูปสองรูปเอง
หลังจากที่รออยู่นานว่าจะมีลำไหนบินขึ้นมาอีกบ้าง แต่ความพยายามก็ได้หมดลงเลยตัดสินใจไปพังงากัน ตอนแรกก็ตกลงกันไปท้ายเหมืองแต่สุดท้ายก็ตัดสินใจไปตะกั่วป่ากันดีกว่า ขับรถออกจากภูเก็ตไปถึงตะกั่วป่าใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ เพราะแวะกินข้าวระหว่างทางบ้างเข้าห้องน้ำบ้าง
ตะลอนมาได้สักพักก็จะเข้าตัวเมืองตะกั่วป่าแล้ว เราก็เริ่มแวะจอดรถถ่ายรูปริมทางกัน ที่แรกที่จอดรถถ่ายรูป เริ่มต้นที่ศาลารอรถประจำทาง ค่อนข้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสำหรับเมืองตะกั่วป่า เพราะส่วนใหญ่ที่เห็นตลอดสองข้างทางจะมีลักษณะเดียวกันแบบเดียวกันเกือบหมด
เลยจากจุดแรกที่จอดถ่ายรูปมาสักนิดนึง ประมาณไม่เกินสามหรือกิโลเมตร ก็จะเจอกับสะพานเหล็กที่ไว้เป็นที่สัญจรระหว่างถนนหลักกับหมู่บ้าน โดยสะพานนี้น่าจะมีความยาวประมาณ 200 เมตร โดยเหล็กที่ได้ก็มาจากเรือขุดแร่และก็มาจากบริษัทที่ทำเหมืองแร่ในอดีตเป็นผู้มอบให้
เตร่กันไปเรื่อยๆ จนเข้าเมืองตะกั่วป่า… ค่อนข้างมีความรู้สึกว่าเหมือนอยู่ในตัวเมืองเก่าของภูเก็ต แถวๆถนนถลาง ถนนดีบุก โดยลักษณะอาคารบ้านช่อง สีสันของตึกก็ไม่ได้แตกต่างกันมากแต่ก็มีความแตกต่างอยู่เหมือนกันอยู่บ้าง เช่น ถนนเมืองเก่าของตะกั่วป่าค่อนข้างจะสะอาด ถนนไม่มีหลุม ไม่มีบ่อ ไม่ความวุ่นวายมากเท่ากับตัวเมืองภูเก็ตแล้วก็รู้สึกว่าจะสะอาดและค่อนข้างเป็นระเบียบมากกว่าภูเก็ต
ลักษณะของตัวตึกก็คล้ายกับถนนถลางในภูเก็ต แบบแนวชิโนโปรตุกีส
สีสันของตึกและความเก่าแก่ของตึก
ทางเดินระหว่างอาคารที่ใช้เป็นทางเชื่อมต่อกัน
หรือไม่ก็จะเป็นลักษณแบบนี้ ที่เป็นทางเดินโปร่งๆ เชื่อมระหว่างบ้านแต่ละหลัง
ตึกที่เห็นค่อนข้างจะโบราณและเก่าแก่มาก ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนเดินย้อนเข้าไปในอดีตกันเลยทีเดียว
ขับรถวนออกมาอีกทางนึงเพื่อที่จะไปดูตึกเก่าอีกตึกหนึ่งของตะกั่วป่า คือโรงเรียนเต้าหมิง ในอดีตเป็นโรงเรียนที่ไว้ใช้สอนภาษาจีนให้กับลูกหลานของคนบริเวณนั้น ปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ไว้ฝึกอบรม และปฏิบัติธรรม
ประตูทางเข้าห้องอบรม ก็จะมีทั้งทางด้านหน้าและทางด้านหลัง ลักษณะจะคล้ายๆโรงเรียนสมัยก่อน ที่เป็นตึกไม้แล้วมีเก้าอี้กับโต๊ะไม้อยู่ในห้องเรียน
บันไดเดินขึ้นชั้นสองค่อนข้างจะมีเสน่ห์ชวนแกการขึ้นไปเยือนมาก
หลังจากตะลอนอยู่พักใหญ่ ในตะกั่วป่า ก็ถึงเวลากลับภูเก็ตกันแล้ว เพราะกลัวว่าจะถึงภูเก็ตแบบมืดๆ
สุดท้ายนี้ถ้าใครมีเวลาว่างก็อยากให้มาเที่ยวเมืองตะกั่วป่ากันเยอะๆ เพราะเป็นเมืองที่ค่อนข้างอนุรักษ์ตึกเก่าไว้อย่างดีและยังมีสถานที่ถ่ายรูปสวยอีกมากมาย
ปิดท้ายไปกับภาพนี้แล้วกันนะครับ ช่วงนี้อากาศร้อน ดูแลสุขภาพกันเยอะๆนะครับ