ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน จากเหนือสุดถึงใต้สุด
ตอนที่ 31 ฮากาตะ ฟูกุโอกะ ญี่ปุ่น แล้วบินไปเกาะเชจู เกาหลีใต้
จากนางาซากิ ไปถึงสถานี Hakata ตรงทางออกถามหาห้องประชาสัมพันธ์ แล้วพุ่งไปที่ปชส.เป็นจุดแรก ถามวิธีเดินทางไปสนามบินฟุกุโอกะ คำตอบคือออกทางด้านขวาไปสถานีรถบัส รถจะออกที่ชานชาลา 11 คำถามต่อไป คือ เรายังมีเวลาอีก กว่า 1 ชม.ก่อนจับรถไปเช็คอิน เราควรจะไปเที่ยวที่ไหนดี ปชส.สาวให้แผนที่ท่องเที่ยว 1 แผ่น วงกลมว่า เราอยู่ตรงไหน แนะนำวัด Tochoji กับศาลเจ้า Kushida Shrine ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอย่างละ 1 แห่ง เดินไปเที่ยวได้เพราะไม่ไกลเกินไป
เดินออกจากสถานีเลี้ยวขวา ข้ามสะพานลอยที่อยู่หัวมุมสถานีรถบัส เมื่อได้เดินไปเที่ยว จึงรู้ว่า ฟุกุโอกะ เป็นชื่อเมือง ฮากาตะ เป็นสถานที่ย่อยอยู่ในฟุกุโอกะ ชื่อโรงแรม และสถานที่สำคัญล้วนมีคำว่า ฟุกุโอกะ ไม่มีคำว่า ฮากาตะ เลย
การเดินทางไปวัด Tochoji เดินข้ามสะพานลอยที่มีสถานีรถบัส แล้วก็เดินตรงไปจนถึงทางแยกใหญ่ เลี้ยวขวา อยู่ห่างจากแยกไปประมาณ 150 เมตร วัดอยู่ทางซ้าย วัดนี้สร้างตั้งแต่ปี 1242 ซุ้มประตูก็เหมือนกับซุ้มประตูวัด และศาลเจ้าทั่วไปในญี่ปุ่น ที่สร้างด้วยไม้ เสาต้นใหญ่ หลังคารูปทรงเดียวกับปราสาทและศาลเจ้า ข้างในวัดร่มรื่นด้วยต้นสน มีส่วนที่เป็นสำนักงาน กับส่วนที่เป็นที่ประกอบศาสนกิจ
ส่วนศาลเจ้าต้องเดินกลับไป ตั้งต้นที่แยกใหญ่ก่อนที่จะเลี้ยวไปวัด โดยเดินด้านเดียวกับวัด พอถึงแยกใหญ่ก็ข้ามถนน แค่เดินไปให้ถึงทางแยกแรก ก็เลี้ยวเข้าซอย เดินผ่านวัดเล็กๆ ชื่อ...อ่านไม่ออกและไม่มีในแผนที่ ก่อนถึงศาลเจ้าเล็กน้อย ผ่านซุ้มประตูเข้าไปมองไปทางซ้าย เป็นต้นดอกไม้สีขาว ลักษณะเหมือนดอกแม็กโนเลีย แต่ไม่มีใบ มีแต่ดอกที่ไม่มีกลิ่นหอมยวนใจเหมือนแม็กโนเลีย ส่วนรูปทรงของสิ่งก่อสร้างก็เหมือนกับศาลเจ้าอื่นๆ ในญี่ปุ่น มีคนเข้าไปไหว้ประปราย
เมืองนี้มี Hostel กับ Dormitory หลายแห่ง คงเป็นเพราะนักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปสนามบิน จึงมีที่พักรองรับมากมาย การนั่งรถไปที่สนามบินก็แค่ไปยืนรอที่ชานชาลา 11 พอรถมาก็ขึ้นไป ค่ารถบัสไปสนามบิน ค่ารถคนละ 260 เยน การจราจรไม่แออัด รถเข้าตามเวลา 16.33 น. ใช้เวลาวิ่งแค่ 15 นาที ก็ถึงสนามบินแล้ว
เมื่อจ่ายค่ารถไปสนามบินแล้ว เรามีเงินเหรียญญี่ปุ่นเหลือกลับบ้าน 213 เยน เงินแบงค์ 33,000 เยน เป็นเงินที่รวมกับที่กดเพิ่ม 40,000 เยนแล้ว เอาไปแลกคืนมาได้แค่ 10,276.50 บาท รวมค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นทั้งสิ้น 32,224 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ที่บินไปซัปโปโร 18,270 และจากฟุกุโอกะไปปูซานโดยเราใช้วิธีหารครึ่งเพราะเราไม่ได้บินตรงกลับไทย 8,481 บาท จากราคาเต็ม16,962 รวมค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวญี่ปุ่น 14 วัน 97,000 บาท รวมค่าตั๋วพาสเจอาร์ 37,460 บาท ค่ารถไป-กลับระหว่างบ้านกับสนามบินดอนเมือง และค่ากดเงินเพิ่มอีก 400 บาทแล้ว เฉลี่ยคนละ 48,500 บาท
สนามบินฟุกุโอกะไม่ใหญ่ มีปลั๊กให้เสียบชาร์จแบ็ตหลายจุด ป้าวางของไว้ตรงที่นั่ง พอไปห้องน้ำกลับมามีคนนั่งแทนไปแล้ว ได้ยินเสียงคุยดังลั่น รู้เลยว่า ทัวร์จีน เคยชินกับการเข้าคิว และความเกรงใจมา 14 วัน พอเจอเบบนี้ทำให้ระลึกชาติได้ ตอนรอรถที่ปักกิ่ง มีคนมาขอแบ่งที่นั่งคนละครึ่งก้น ไม่มีที่นั่งก็ขอนั่ง และมีคนนอกคิวมากมายที่ปีนเข้าไปลัดคิวตอนที่คนอื่นเดินแถวเข้าชานชาลา
ตอนแรกท้อแท้เรื่องความล้มเหลวในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน และการจัดการศึกษาในคนรุ่นใหม่ที่คงยากที่จะตามทันญี่ปุ่น แต่พอเจอคนจีน ก็ถอนหายใจ...ยังมีคนที่ต้องพัฒนามากกว่าเราอีก!!!! ทำให้ลองนึกย้อนไปว่า ถ้าจอมพล ป. พิบูลสงคราม ไม่ถูกปฏิวัติ คงจับมือ กับหลวงวิวิตร วาทการ สร้างลัทธิชาตินิยมอย่างเหนียวแน่น บางทีประเทศไทยอาจพัฒนาไล่หลังญี่ปุ่นไม่กี่ก้าวก็ได้...มั้ง?
ถึงปูซาน 20.20 น. บินแค่กว่าครึ่งชั่วโมงเล็กน้อย อุณหภูมิข้างนอก 5 องศา เราไปนั่งใกล้ทางเข้าออก ประตูเปิด ปิดตลอดเวลา เย็นมาก พอดีได้ที่หลบลม ไม่มีเท้าแขนมาขวางหันหน้าชนกันด้วย แต่ไกลที่ชาร์จแบ็ตอีก จะลองนอนดู ตอนเช้าต้องตื่นตี 5 ไปเช็คอิน ยังหาที่เช็คอินไม่เจอเลย แต่เห็นป้ายขาออกแล้ว ไม่มีจนท. ตอนเช้าค่อยหาละกัน ตอนนี้ลองนอนดู ถ้าหลับก็โชคดี
มีสาว 2 คนอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้คณะทัวร์จีนไปหมดแล้ว เงียบใช้ได้ แต่ไฟสว่างโร่ หลัง 22.00 น..ได้ยินเสียงชาวตะวันตกคุยกัน มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามานั่งในสนามบิน ยามมาถามว่าเราจะต่อเครื่องไปไหน พอเราบอกว่าไปเจจู เขาบอกว่า ต้องไปรอที่อาคารภายในประเทศ ทำให้ป้านึกขึ้นได้ว่าจริงสิ ทำไมลืมไปได้ เขาชี้ทางให้ อาคารภายในประเทศปิดไฟหมดแล้ว เราเข้าไปในอาคารไม่ได้
ยามที่อาคารเดินออกมา ชี้ให้ไปรอในห้องนั่งรอที่อยู่ด้านนอก สุดอาคารภายในประเทศ ให้ห้องเปิดทีวีเสียงดัง มีคนดื่มกาแฟจากตู้คุยกันเสียงดัง พวกเขาเป็นขับแท็กซี่ ใกล้เที่ยงคืน มีชายต่างวัย 2 คน ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามา พวกคนขับแท็กซี่ออกไปสูบบุหรี่ ก่อนแยกย้ายกันไป สนามบินเงียบ ไม่มีเครื่องบินเข้าออกแล้ว อากาศเย็นจัดจนหลับไม่ได้ ห้องน้ำก็ไม่มี เราต้องแก้ปัญหากันเอง
หนุ่มซัวเถาเรียนการเมืองจีนที่ญี่ปุ่น ถามหาห้องน้ำ ป้าบอกว่าไม่มี ให้ลองเดินไปที่อาคารอินเตอร์เขาอาจเปิดให้เข้า พอเขาออกไปกันแล้วป้าก็เดินไปหลังห้อง อาศัยซอกรถหลังเสาต้นใหญ่แก้ปัญหาของตัวเอง เอาเรามาปล่อยตอนกลางคืน ให้ต่อเครื่องตอนเช้า แล้วก็ไม่ดูแลเรา อากาศเย็นขนาดนั้นใครไม่ปวดฉี่ก็แปลก
พอพวกเขาเดินกลับมา ป้าถามว่าได้เข้าห้องน้ำไหม หนุ่มหัวเราะแล้วบอกว่าไม่ แล้วอึกอัก ป้าเลยแซวว่า ใช้ห้องน้ำในโล่งแจ้งใช่ไหม เขาตอบว่าใช่ แล้วก็หัวเราะ ประมาณ 03.00 น. มีผู้โดยสารชุดใหม่เข้ามาพวกเขานั่งหลับหน้าตู้ขายเครื่องดื่ม ส่วน 4 คนที่อยู่ก่อน คือ ลุงกับป้า และชายต่างวัย มีลุงหลับอยู่คนเดียว กรนเบาๆ ไม่ออกฤทธิ์เหมือนวันก่อนๆ
[CR] ลุงกับป้าแบ็คแพ็ครอบโลก ตะลุยหิมะญี่ปุ่น นั่งรถไฟ 15 วัน เหนือสุดถึงใต้สุด ตอนที่ 31 ฮากาตะ ฟูกุโอกะ ญี่ปุ่น
ตอนที่ 31 ฮากาตะ ฟูกุโอกะ ญี่ปุ่น แล้วบินไปเกาะเชจู เกาหลีใต้
จากนางาซากิ ไปถึงสถานี Hakata ตรงทางออกถามหาห้องประชาสัมพันธ์ แล้วพุ่งไปที่ปชส.เป็นจุดแรก ถามวิธีเดินทางไปสนามบินฟุกุโอกะ คำตอบคือออกทางด้านขวาไปสถานีรถบัส รถจะออกที่ชานชาลา 11 คำถามต่อไป คือ เรายังมีเวลาอีก กว่า 1 ชม.ก่อนจับรถไปเช็คอิน เราควรจะไปเที่ยวที่ไหนดี ปชส.สาวให้แผนที่ท่องเที่ยว 1 แผ่น วงกลมว่า เราอยู่ตรงไหน แนะนำวัด Tochoji กับศาลเจ้า Kushida Shrine ที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวอย่างละ 1 แห่ง เดินไปเที่ยวได้เพราะไม่ไกลเกินไป
เดินออกจากสถานีเลี้ยวขวา ข้ามสะพานลอยที่อยู่หัวมุมสถานีรถบัส เมื่อได้เดินไปเที่ยว จึงรู้ว่า ฟุกุโอกะ เป็นชื่อเมือง ฮากาตะ เป็นสถานที่ย่อยอยู่ในฟุกุโอกะ ชื่อโรงแรม และสถานที่สำคัญล้วนมีคำว่า ฟุกุโอกะ ไม่มีคำว่า ฮากาตะ เลย
การเดินทางไปวัด Tochoji เดินข้ามสะพานลอยที่มีสถานีรถบัส แล้วก็เดินตรงไปจนถึงทางแยกใหญ่ เลี้ยวขวา อยู่ห่างจากแยกไปประมาณ 150 เมตร วัดอยู่ทางซ้าย วัดนี้สร้างตั้งแต่ปี 1242 ซุ้มประตูก็เหมือนกับซุ้มประตูวัด และศาลเจ้าทั่วไปในญี่ปุ่น ที่สร้างด้วยไม้ เสาต้นใหญ่ หลังคารูปทรงเดียวกับปราสาทและศาลเจ้า ข้างในวัดร่มรื่นด้วยต้นสน มีส่วนที่เป็นสำนักงาน กับส่วนที่เป็นที่ประกอบศาสนกิจ
ส่วนศาลเจ้าต้องเดินกลับไป ตั้งต้นที่แยกใหญ่ก่อนที่จะเลี้ยวไปวัด โดยเดินด้านเดียวกับวัด พอถึงแยกใหญ่ก็ข้ามถนน แค่เดินไปให้ถึงทางแยกแรก ก็เลี้ยวเข้าซอย เดินผ่านวัดเล็กๆ ชื่อ...อ่านไม่ออกและไม่มีในแผนที่ ก่อนถึงศาลเจ้าเล็กน้อย ผ่านซุ้มประตูเข้าไปมองไปทางซ้าย เป็นต้นดอกไม้สีขาว ลักษณะเหมือนดอกแม็กโนเลีย แต่ไม่มีใบ มีแต่ดอกที่ไม่มีกลิ่นหอมยวนใจเหมือนแม็กโนเลีย ส่วนรูปทรงของสิ่งก่อสร้างก็เหมือนกับศาลเจ้าอื่นๆ ในญี่ปุ่น มีคนเข้าไปไหว้ประปราย
เมืองนี้มี Hostel กับ Dormitory หลายแห่ง คงเป็นเพราะนักท่องเที่ยวต้องเดินทางไปสนามบิน จึงมีที่พักรองรับมากมาย การนั่งรถไปที่สนามบินก็แค่ไปยืนรอที่ชานชาลา 11 พอรถมาก็ขึ้นไป ค่ารถบัสไปสนามบิน ค่ารถคนละ 260 เยน การจราจรไม่แออัด รถเข้าตามเวลา 16.33 น. ใช้เวลาวิ่งแค่ 15 นาที ก็ถึงสนามบินแล้ว
เมื่อจ่ายค่ารถไปสนามบินแล้ว เรามีเงินเหรียญญี่ปุ่นเหลือกลับบ้าน 213 เยน เงินแบงค์ 33,000 เยน เป็นเงินที่รวมกับที่กดเพิ่ม 40,000 เยนแล้ว เอาไปแลกคืนมาได้แค่ 10,276.50 บาท รวมค่าใช้จ่ายในญี่ปุ่นทั้งสิ้น 32,224 บาท ไม่รวมค่าตั๋วเครื่องบิน ที่บินไปซัปโปโร 18,270 และจากฟุกุโอกะไปปูซานโดยเราใช้วิธีหารครึ่งเพราะเราไม่ได้บินตรงกลับไทย 8,481 บาท จากราคาเต็ม16,962 รวมค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวญี่ปุ่น 14 วัน 97,000 บาท รวมค่าตั๋วพาสเจอาร์ 37,460 บาท ค่ารถไป-กลับระหว่างบ้านกับสนามบินดอนเมือง และค่ากดเงินเพิ่มอีก 400 บาทแล้ว เฉลี่ยคนละ 48,500 บาท
สนามบินฟุกุโอกะไม่ใหญ่ มีปลั๊กให้เสียบชาร์จแบ็ตหลายจุด ป้าวางของไว้ตรงที่นั่ง พอไปห้องน้ำกลับมามีคนนั่งแทนไปแล้ว ได้ยินเสียงคุยดังลั่น รู้เลยว่า ทัวร์จีน เคยชินกับการเข้าคิว และความเกรงใจมา 14 วัน พอเจอเบบนี้ทำให้ระลึกชาติได้ ตอนรอรถที่ปักกิ่ง มีคนมาขอแบ่งที่นั่งคนละครึ่งก้น ไม่มีที่นั่งก็ขอนั่ง และมีคนนอกคิวมากมายที่ปีนเข้าไปลัดคิวตอนที่คนอื่นเดินแถวเข้าชานชาลา
ตอนแรกท้อแท้เรื่องความล้มเหลวในการอบรมเลี้ยงดูบุตรหลาน และการจัดการศึกษาในคนรุ่นใหม่ที่คงยากที่จะตามทันญี่ปุ่น แต่พอเจอคนจีน ก็ถอนหายใจ...ยังมีคนที่ต้องพัฒนามากกว่าเราอีก!!!! ทำให้ลองนึกย้อนไปว่า ถ้าจอมพล ป. พิบูลสงคราม ไม่ถูกปฏิวัติ คงจับมือ กับหลวงวิวิตร วาทการ สร้างลัทธิชาตินิยมอย่างเหนียวแน่น บางทีประเทศไทยอาจพัฒนาไล่หลังญี่ปุ่นไม่กี่ก้าวก็ได้...มั้ง?
ถึงปูซาน 20.20 น. บินแค่กว่าครึ่งชั่วโมงเล็กน้อย อุณหภูมิข้างนอก 5 องศา เราไปนั่งใกล้ทางเข้าออก ประตูเปิด ปิดตลอดเวลา เย็นมาก พอดีได้ที่หลบลม ไม่มีเท้าแขนมาขวางหันหน้าชนกันด้วย แต่ไกลที่ชาร์จแบ็ตอีก จะลองนอนดู ตอนเช้าต้องตื่นตี 5 ไปเช็คอิน ยังหาที่เช็คอินไม่เจอเลย แต่เห็นป้ายขาออกแล้ว ไม่มีจนท. ตอนเช้าค่อยหาละกัน ตอนนี้ลองนอนดู ถ้าหลับก็โชคดี
มีสาว 2 คนอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้คณะทัวร์จีนไปหมดแล้ว เงียบใช้ได้ แต่ไฟสว่างโร่ หลัง 22.00 น..ได้ยินเสียงชาวตะวันตกคุยกัน มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามานั่งในสนามบิน ยามมาถามว่าเราจะต่อเครื่องไปไหน พอเราบอกว่าไปเจจู เขาบอกว่า ต้องไปรอที่อาคารภายในประเทศ ทำให้ป้านึกขึ้นได้ว่าจริงสิ ทำไมลืมไปได้ เขาชี้ทางให้ อาคารภายในประเทศปิดไฟหมดแล้ว เราเข้าไปในอาคารไม่ได้
ยามที่อาคารเดินออกมา ชี้ให้ไปรอในห้องนั่งรอที่อยู่ด้านนอก สุดอาคารภายในประเทศ ให้ห้องเปิดทีวีเสียงดัง มีคนดื่มกาแฟจากตู้คุยกันเสียงดัง พวกเขาเป็นขับแท็กซี่ ใกล้เที่ยงคืน มีชายต่างวัย 2 คน ลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามา พวกคนขับแท็กซี่ออกไปสูบบุหรี่ ก่อนแยกย้ายกันไป สนามบินเงียบ ไม่มีเครื่องบินเข้าออกแล้ว อากาศเย็นจัดจนหลับไม่ได้ ห้องน้ำก็ไม่มี เราต้องแก้ปัญหากันเอง
หนุ่มซัวเถาเรียนการเมืองจีนที่ญี่ปุ่น ถามหาห้องน้ำ ป้าบอกว่าไม่มี ให้ลองเดินไปที่อาคารอินเตอร์เขาอาจเปิดให้เข้า พอเขาออกไปกันแล้วป้าก็เดินไปหลังห้อง อาศัยซอกรถหลังเสาต้นใหญ่แก้ปัญหาของตัวเอง เอาเรามาปล่อยตอนกลางคืน ให้ต่อเครื่องตอนเช้า แล้วก็ไม่ดูแลเรา อากาศเย็นขนาดนั้นใครไม่ปวดฉี่ก็แปลก
พอพวกเขาเดินกลับมา ป้าถามว่าได้เข้าห้องน้ำไหม หนุ่มหัวเราะแล้วบอกว่าไม่ แล้วอึกอัก ป้าเลยแซวว่า ใช้ห้องน้ำในโล่งแจ้งใช่ไหม เขาตอบว่าใช่ แล้วก็หัวเราะ ประมาณ 03.00 น. มีผู้โดยสารชุดใหม่เข้ามาพวกเขานั่งหลับหน้าตู้ขายเครื่องดื่ม ส่วน 4 คนที่อยู่ก่อน คือ ลุงกับป้า และชายต่างวัย มีลุงหลับอยู่คนเดียว กรนเบาๆ ไม่ออกฤทธิ์เหมือนวันก่อนๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น