[CR] Halo เกาะช้าง เก็บกระเป๋า ไปเล่าเรื่อง

สวัสดีค่ะ ก็ไม่รู้จะเริ่มกระทู้ให้เก๋ไก๋ยังไง ขอเป็นสไตล์เพื่อนเล่าสู่กันฟังละกันนะคะ ^_____________^

ทริปนี้เริ่มจากการที่เราเรียนวิชาท่องเที่ยวและถือเป็นวาระอันดีที่แก๊งส์เรา จะได้ไปเที่ยวด้วยกันอย่างครบองค์ซะทีหลังวางแผนมานาน
ก่อนอื่นไปชมวิดีโอรีวิวสาระปนฮากันก่อนเลยย.....อิอิ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

สเตปแรกเกิดจากการที่เราไปงานไทยเที่ยวไทยที่ศูนย์สิริกิติ์ค่ะ โดยมีสายตาพุ่งจำเพาะไปที่อะไรก็ตามที่พูดถึง “ทะเล” ไม่มีเหตุผลอะไรพิเศษนอกจาก เราอยากไป โดยเราต้องการจองที่พักให้มีราคาย่อมเยาสำหรับเรานักศึกษา เพราะจากที่รู้มาถ้าวอล์คอินราคาจะสูงกว่า  ซึ่งในงานก็มีตัวเลือกเยอะมากแต่สุดท้ายเราก็ได้เป้าหมายมาเป็น “เกาะช้าง จังหวัดตราด” จากแพ็กเกจที่น่าสนใจและพี่เจ้าของบูธที่น่ารัก

ถึงวันเดินทางแล้ว เย้ ในการเดินทางเราต้องไปขึ้นรถทัวร์ที่ขนส่งเอกมัยที่ไม่สามารถจองตั๋วรถล่วงหน้าได้ ต้องซื้อหน้างานเท่านั้นแน่นอนว่าเกิดความวิตกกังวลว่าตั๋วจะเต็มไหม เพราะจากการโทรไปสอบถามคือมีคนแน่นทุกเที่ยวรถจริงๆ

หลังเลิกเรียนเรานัดกันที่บีทีเอสสถานีเอกมัยเวลาประมาน 2 ทุ่ม มาก่อนเวลามากค่ะ กลัวตั๋วเต็ม 5555 จากบีทีเอสมาที่ขนส่งเอกมัยใกล้นิดเดียวค่ะ เดินลงจากบีทีเอสมา มองหาป้ายสถานีขนส่งเอกมัย เดินไปสักพักก็ถึงเลย

พวกเราซื้อตั๋วรถทัวร์ เอกมัย – ตราด และตั๋วเรือข้ามจากท่าเรือไปยังเกาะช้างพร้อมกันเลย เป็นตั๋วไปกลับค่ะ สรุปคนละ 569 บาท โดยเราตั้งใจให้ไปถึงเช้าดังนั้น เราจะขึ้นรถรอบสุดท้ายในเวลา 5 ทุ่มครึ่ง


ถึงเวลาขึ้นรถเป็นรถทัวร์ปรับอากาศชั้น 1 ของบริษัทเชิดชัยทัวร์ สภาพดี มีน้ำแจก คนขายาวอาจจะประสบปัญหาขาติดนิดหน่อย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 5 ชม. ก็ถึงที่หมายค่ะ

สถานีขนส่งตราด ณ ตอนนั้น ตี 5 มีความมืดตึ๊ดตื๋อ ที่นี่ที่ไหนมาก ถ้าถูกพามาขายก็ไม่รู้ตัวนะเนี่ย  คุณลุงที่สถานีบอกว่า เราต้องนั่งสองแถวต่อไปยังท่าเรือ ไอเราก็คิดว่าค่ารถสองแถวจะคนละ 7 บาทอะไรแบบนั้น สุดท้ายโดนไป 70 บาทค่ะ ตื่นเต็มตา แต่เมื่อได้นั่งแล้วก็รู้สึกว่า ให้เขาเถอะแค่ 70 เพราะทางไกลและมืดมาก สองแถวส่งเราที่จุดเปลี่ยนถ่ายแห่งหนึ่ง จะมีคุณป้าถามว่าเรามีตั๋วเรือรึยัง พักที่ไหน แล้วจะจัดเราใส่รถตู้แยกตามที่ที่พักไป ค่าโดยสารคนละ 80 บาท หลังจากนั่นเราก็ขึ้นรถตู้และลงเรือไปด้วยกันเลยค่ะ จนกระทั่งเรือเทียบที่ท่าเรือเฟอร์รี่ ที่เกาะช้างแล้ว รถตู้แต่ละคันก็จะไปส่งผู้โดยสารตามที่พักต่างๆ

ที่พักของเราในครั้งนี้ คือที่ Pajamas Kohchang Hostel ค่ะ จากที่จองไว้ที่งานไทยเที่ยวไทย เป็นที่พักแบบ dormitory 3 วัน 2 คืน

เรามาถึงประมาณ 7 โมง แวะกินข้าวต้มร้านข้างๆรอ จนล็อบบี้เปิด เวลาเช็คอินเราคือบ่ายสองค่ะ ยังไม่ถึงเวลาแต่ เขาก็ใจดีให้เราใช้ในส่วนของเล้าน์ส่วนกลาง ที่บรรยากาศเหมือนห้องนั่งเล่นที่บ้านเลยค่ะ และมีห้องน้ำให้ใช้เพื่อจัดการสุขภาพปากและฟัน ให้สดชื่นพร้อมรับวันใหม่

รูปวาดหน้าห้องน้ำค่ะ น่ารักครุบคริบ


บรรยากาศห้องนั่งเล่นส่วนกลางค่ะ ดูอบอุ่นมาก






เมื่อเสร็จเรียบร้อยเราจึงเริ่มภารกิจ สำรวจเกาะกันเลย โดยฝากสัมภาระไว้ที่โฮสเทลเพื่อความคล่องตัว ทำการติดต่อเพื่อเช่ารถมอเตอร์ไซค์ คันละ 250 บาทต่อวัน มัดจำด้วยบัตรประชาชนค่ะ  โดยตอนมาถึงเกาะที่ท่าเรือเฟอร์รี่ เราแอบเห็นมอไซต์ข้างหน้าค่าเช่าคันละ 300 บาทแน่ะ ว้ายๆ เราถูกกว่า

ได้รถแล้ว ถึงเวลาโกค่ะ แอบหยิบแผนที่เกาะมาจากที่โฮสเทล 5555 มองหาที่เที่ยวกันค่ะ จุดแรกที่เราเล็งแล้วว่าใกล้สุด คือ น้ำตกคลองพลู
เอาละ ออกเดินทางงง เมื่อไปถึงก็เป็นดังภาพค่ะ

แต่ตรงนี้ถือว่าเป็นปลายน้ำ น้ำค่อนข้างแห้ง(หน้าแล้งด้วยแหละ) มีน้ำไหลเล็กน้อย เป็นแอ่งๆ สิ่งมีชีวิตที่เห็นคือปลาตัวเล็กๆ และแมลงตัวน้อยๆ วิ่งวนในแอ่งน้ำนั่นแหละค่ะ เราชื่นชมธรรมชาติกัน จนคุ้มค่าจอดรถ คันละ 30 บาท ที่โดนกันไป แล้วเพิ่งมาเห็นว่าเราสามารถขี่มอเตอร์ไซค์ขึ้นไปได้อีก แต่จะมีค่าเข้า 40 บาทนะคะ แนะนำถ้าใครมาให้ไปต่อนะคะ เสีย 40 แต่ได้เดินไปดูน้ำตกด้วยนะ อย่ามาแวะที่จุดแรกแบบเรา 555555  

เมื่อได้ชื่อว่าเกาะช้าง ถ้าไม่มีช้างก็คงแปลก ที่ต่อไปเราจึงเป็นที่นี่เลยค่ะ “บ้านคนช้าง” อยู่ระหว่างทางไปน้ำตก ขับลงมานิดเดียวก็ถึง มีน้องช้างทั้งเล็กทั้งใหญ่ เราสามารถให้อาหารได้โดยเสียค่าให้อาหารราคาตะกร้าละ 50 บาท ได้มาเป็นสัปปะรด ความอะเมซิ่งคือน้องช้างสามารถแกะหัวสัปปะรดเองได้ด้วย ว้าววว เก่งจังลูก แต่ถ้าใครอยากขี่ช้างราคาก็อยู่ที่ 500 บาท โดยจะมีควาญช้างคอยดูแลตลอด ไม่ต้องกลัวเลย เพราะเฟรนลี่ทั้งคนทั้งช้าง ส่วนพวกเรางบน้อยก็อดขี่น้องช้างไป แต่ด้วยมีปากที่ดี 555555 ขอแซะภาพกับช้างที่คนอื่นขี่แทนค่ะ




นี่คือ คุณพวงทองค่ะ ช้างหนุ่มวัย 35 ปี



ที่ต่อไป เราทั้งหมดก็ยังคงคอนเซปแว๊นส์ไปค่ะ ถึงแม้จะเริ่มมีแดดร้อนละ เราก็บ่ยั่น เอา SPF 50 PA +++ เข้าสู้ ไปต่อค่ะ !!!!


พื้นถนนหลักทำมาดีค่ะ ลาดยางเรียบร้อยตลอดทาง แต่เส้นทางจะเริ่มค่อนข้างน่ากลัว เป็นทางขึ้นเขาบ้าง ลงเนินบ้าง มีหมดทุกประเภท เช่น ทางตัวเอส  ทางดับเบิ้ลเอส ทางหักคอ หักศอก หักแขน มีหมด ดีใจมากค่ะที่รอดชีวิต แอบเห็นฝรั่งที่มาเที่ยวแหกโค้งกันไปบ้าง มีความอันตรายพอสมควร แนะนำให้คนขับเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์ค่อนข้างแข็งหน่อยนะคะ แต่ที่ทำเราทึ่งและเอ่ยว่า ไฟติ้งนะคะ คือ การพบเจอฝรั่งขี่จักรยานมาค่ะ ขึ้นเขาที่ชันมากกว่า 60 องศา นับถือมากค่ะ
และแล้วเราก็ถึงสถานที่ต่อไป  “จุดชมวิวไก่แบ้” สวยงามตามท้องทะเล เห็นเกาะต่างๆ และน้ำทะเลสีเขียวคราม เลิศมากกกก แอบเห็นลิงปีนต้นไม้ด้วยแต่ถ่ายไม่ทัน






มีคนเคยบอกว่า มาที่นี่ถ้าไม่ถ่ายรูปกับเจ้าตู้ไปรษณีย์จรวดสีแดงนี่ถือว่ามาไม่ถึง จัดไปค่ะ!!

และถ้าเดินขึ้นไปอีกหน่อย จะเป็นจุดชมวิวอีกที่หนึ่งค่ะ ที่สูงกว่าเดิมและคนน้อยดีค่ะ



ไหนๆ เราก็มาจนลำบากลำบนขนาดนี้แล้ว เราจะไปสำรวจให้สุดทางค่ะ เล็ทส์โกทูเดอะเน็กส์สเตชั่น ยิ่งไปไกลทางนี่ยิ่งแอดวานซ์ขึ้นไปอีก เราขับกันไปเรื่อยๆ ทางจะค่อยๆแคบลง รถสวนกันลำบากขึ้น จนกระทั่งไปต่อไม่ได้แล้วเพราะเป็นโซนหิน หน้าผา โดยปลายทางนี้ เป็นที่ตั้งของ หาดคลองกอย แต่ฝรั่งเรียก หาดกองกอย เป็นอีกหาดหนึ่งที่น้ำใสมาก หาดขาว น้ำจะค่อนข้างลึก  



เราเดินเตะน้ำเตะทรายอยู่สักครู่ก็หมดเรี่ยวแรง ต้องการพลังงาน ในยามเที่ยงๆบ่ายๆ เราจึงขับรถย้อนกลับไปทางที่พัก
และหาร้านอาหารเพื่อฝากท้อง แวะกินบะหมี่หมูแดงกัน อัดด้วยเป๊ปซี่เพิ่มน้ำตาลในเส้นเลือดหน่อย ค่าอาหารที่นี่อยู่ประมาณ 40 – 50 บาท ราคากรุงเทพมากๆ


เสร็จแล้วเราจึงกลับมาเช็คอิน และพักผ่อนหย่อนใจกันที่โฮสเทลค่ะ เมื่อเช็คอินแล้ว เราจะได้คีย์การ์ดและกุญแจเพื่อผ่านประตูไปยังชั้นสองที่เป็นโซนห้องพัก พร้อมกับผ้าขนหนูคนละพื้น โดยมีค่ามัดจำคนละ 200 บาท อย่าทำหายนะจ๊ะ ตั้งสติ เก็บให้ดี
ห้องที่เราจองจะคล้ายหอพัก มีห้องละ 8 เตียง เป็นเตียงสองชั้น ล่าง 4 บน 4 ค่ะ แต่ละเตียงมีผ้าม่านปิดเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีที่เก็บของ ปลั๊กไฟ ไฟหัวเตียง ราวตากผ้าพร้อมค่ะ ส่วนหมอนผ้าห่มผ้าปูเป็นสีขาวก็สะอาดค่ะ น่านอนมากๆ ห้องน้ำของที่นี่เป็นห้องน้ำรวมแยกชายหญิง มีสบู่ แชมพู ไดร์เป่าผม ทิชชู่ ให้บริการพร้อม

เราเก็บของกันเสร็จแล้วก็ลงมาพูดคุยกับพี่เจ้าของโฮสเทลค่ะ เขาใจดีและเป็นกันเองมาก เขาดูอึ้งที่เราขี่มอเตอร์ไซค์กันไปจนสุดทางขนาดนั้น พี่บอกพี่ยังไม่กล้าไปเลย 5555 และแนะนำให้เราไปชมพระอาทิตย์ตกกันที่ “แหลมไชยเชษฐ์”

เวลาประมาณ 4 โมงกว่าเราใช้สกิลถามทางเหมือนเดิมเพื่อไปยังจุดหมายค่ะ นั่นก็คือแหลมไชยเชษฐ์  พี่เขาบอกให้เดินเลียบหาดคลองพร้าวไปเรื่อยๆ ค่อนข้างไกลนิดนึง มองทิศทางพระอาทิตย์เอาไว้ค่ะ


เดินไปเรื่อยๆทะลุผ่านรีสอร์ทเข้าไป จนเราก็คิดว่าใกล้ถึงละ เห็นป้ายเดินป่า คิดว่ามันใช่แน่ๆ วิวสวยๆที่รอคอย มันต้องแลกมาด้วยทางที่ลำบากดิ ก็เดินขึ้นเขาไปเลยค่ะ เอาจริงๆพวกเราว่ามันน่ากลัวมากแต่เราก็ยังไป พอถึงปลายทางเราก็ได้เห็นพระอาทิตย์สวยๆ จริงค่ะ แต่มันผิดที่!!!  เราไม่ได้อยู่ที่แหลมไชษเชษฐ์ เราอยู่บนโขดหินโง่ๆแห่งหนึ่ง ที่เราเดินเลยมา 555555 ได้แต่ปลอบใจตัวเองด้วยคำว่า ‘อย่างน้อยนี่ได้ใกล้พระอาทิตย์กว่าละกัน’ ถ้าใครมา เพื่อไม่ให้นกแบบเรานะคะ แนะนำให้ เมินป้ายเดินป่าซะ แล้วตรงไปค่ะ คุณจะมีบันไดอำนวยความสะดวกขึ้นแหลมไชยเชษฐ์ ชมวิวสวยๆกันบนที่สูงได้เลย


หลังจากผ่านความเหน็ดเหนื่อย เรากลับมาทานอาหารเย็นกันที่ร้าน “หนองบัวซีฟู๊ด” อยู่ข้างกับโฮสเทลเลยค่ะ

ซึ่งเป็นหนึ่งในแพ็กเกจของเรา ให้เลือกเมนูอาหารได้ 4 อย่าง เมนูที่เราเลือกวันนี้ ได้แก่
ปลาหมึกทอดกระเทียม

ปลาสามรส

ไข่เจียวปู

และต้มยำรวมทะเล ที่ถ่ายรูปไม่ทันค่ะ เพราะตักแบ่งกันไปก่อนด้วยความหิวจัด

ยังไม่หมดพี่เขายังแถมยำรวมมิตรทะเลให้พวกเราอีกจานด้วยเปรมมาก รสชาติดี อร่อยทุกอย่างค่ะ ฟาดข้าวกันไปคนละ 2 จาน

หลังจากนั้นเราก็มาเล่นน้ำในสระว่ายน้ำของรีสอร์ทค่ะ หลังจากหมดแรงเรียบร้อย ก็ได้เวลาอาบน้ำปะแป้งนอนค่ะ ส่วนใครยังไม่หมดแรง ยังไม่เต็มอรรถรส รักการปาร์ตี้ กลางคืนไม่มีไรทำ แนะนำให้ไปต่อกันที่โลนลี่บีช เขาจะมีปาร์ตี้เต็มเหนี่ยวในคืนวันศุกร์ โดยควรนั่งรถแท็กซี่สองแถวไปเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน อัตราค่ารถนี้ยิ่งดึกจะยิ่งแพงนะคะ และอย่าลืมรีบกลับมาพักผ่อนเอาแรง สำหรับการดำน้ำในวันพรุ่งนี้ด้วยนะค่าา
ชื่อสินค้า:   เกาะช้าง ตราด
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่