สวัสดีครับ ปกติจะเป็นสมาชิกที่เข้ามาอ่านอย่างเดียว พอดีช่วงนี้เพิ่งเลิกกับแฟน เลยว่างครับ
ก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์การลงทุนในหุ้นที่ผ่านมาครับ
ปัจจุบันผมอายุ 23 เป็นคนครอบครัวระดับปานกลาง เริ่มลงทุนประมาณช่วง ม.5 ครับ (ตอนนั้นที่บ้านคัดค้านกันหมด เพราะเป็นเม่าเล่นกันช่วง iTV เจ๊งกันหมดครับ เลยหาว่าเป็นการพนัน) ตอนนั้นเริ่มจากยืมชื่อพ่อเปิดพอร์ตครับ เพราะอายุไม่ถึง 18 มาร์ไม่ยอมให้เปิด
ผมเริ่มจากเงินอั่งเปาและเงินเก็บเล็กน้อยที่ 30,000 บาท จากนั้นก็สะสมเข้าหุ้นทุกเดือน เดือนละ 2-5,000 บาท
พอเข้ามหาลัยก็เริ่มเป็นเดือนละ 6-8,000 บาทครับ (ไม่ได้มีรายได้เสริมครับ เป็นเงินค่าขนมรายเดือน อาศัยว่าเป็นคนค่อนข้างงก)
ปัจจุบันทำงานสายการตลาด ออมหุ้นเดือนละ 10,000 ครับ (โชคดีว่าอยู่กับที่บ้านและทานข้าวที่บ้าน นั่งมอไซอูเบอร์มาทำงานไปกลับ 80 บาท)
ปัจจุบัน พอร์ตเพิ่งครบ 1 ล้านไปเมื่อเดือนที่ผ่านมาครับ ตอนเริ่มเล่นตั้งใจอยากให้พอร์ตครบล้านก่อน 20 (ซึ่งทำไม่ทัน)
พอถึงตอนนี้ความตั้งใจคือหลักร้อยล้านแล้วครับ (ฝันไว้ก่อนเนอะ) เพราะแฟนที่เพิ่งเลิกไปหาว่าล้านเดียวไม่พอกิน เป็นคนไม่มีอนาคต :')
ประสบการณ์ที่ได้จากการลงทุนครับ (ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคคอล) ;
1. การถือหุ้นพื้นฐานแน่น โตเรื่อยๆไว้นานๆ ได้กำไรเยอะกว่าการซื้อขายหุ้นดีถี่ๆ
(ถ้าถือหุ้นตัวเดียวไม่บ้าไปตามอารมณ์ก็กำไร 120% + ปันผลอีกปีละ 6-7% ไปแล้วครับ)
2. อารมณ์เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากมาก
3. ความรู้สึกเวลาหุ้นขยับ 1% ตอนพอร์ทหลักแสนกับหลักล้านต่างกันเยอะมาก (1,000 บาทกับ 10,000 บาท)
4. เลือกหุ้นดี ไม่ว่าจะผันผวนยังไง สักวันราคาก็จะกลับมา (แต่มันต้องดีจริงนะ)
5. การลังเล ย้ำคิดย้ำทำ มีผลกับชีวิตการลงทุนแน่นอน
6. การเล่นหุ้นที่ง่ายที่สุดคือการหาหุ้นโดนสภาพแวดล้อมภายนอกกระทบน้อย แต่มีการเติบโตบ้าง (เช่นโรงพยาบาล ประปา ไฟฟ้า)
7. หนังสือของ ดร นิเวศน์ และหุ้นห่านทองคำ รวมถึงคัมภีร์หุ้น เป็นหนังสือที่มีประโยชน์กับมือใหม่มากครับ
8. เงินต้นสำคัญมากๆ จะเห็นว่าช่วงแรกที่พอร์ตมีเงินไม่เยอะ แม้กำไร 20% ก็ได้แค่หลักหมื่น ดังนั้นหมั่นออมเงินกันนะครับ
9. มันไม่สำคัญว่าจะเล่นเก่งรึเปล่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาเงินต้นและตัดขาดทุนครับ
10. การรับข้อมูลข่าวสารเยอะเกินทำให้มึนชีวิตครับ ใครที่รู้ตัวว่าไม่เก่งอะไรขนาดนั้น ลองเน้นรับข้อมูลแค่ไม่กี่อย่างดูนะครับ
11. ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเล่นหุ้นเก่งแบบบัฟเฟ่ต์ได้ ดังนั้นลองหาแนวทางการเล่นของตัวเองที่มีกำไรบ้างแล้วพัฒนาไปเรื่อยๆนะครับ
ประสบการณ์ผมอาจจะไม่ตรงกับใครหลายๆคน ซึ่งแน่นอนว่าผมอาจจะผิดก็ได้ครับ
หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้พี่ๆน้องๆเม่าและผู้ที่กำลังจะเป็นเม่าทุกท่านในยามนี้ครับ
ภาพประกอบครับ
คอลัมน์ขวาสุดคือระยะเวลาถือหุ้น(วัน)ครับ
ตัว iTracker ของบัวหลวงเริ่มนับ 1/1/2014 ครับ เนื่องจากผมเป็นคนขี้เกียจเลยไม่เคยทำตารางผลตอบแทนครับ
(ที่ขาย -20,000 พอดีทางบ้านต้องการยืมเงินไปจ่ายค่าบ้านครับ)
ตอนนี้กำลังมองหาเพื่อนคุยด้านหุ้นบ้าง เป็นคนคุยไม่เก่งนะครับ และก็ยังเล่นหุ้นแบบเม่าๆเหมือนเดิม แค่อาจจะโชคดียังไม่เคยเจอหุ้นที่พุ่งลงขนาดนั้น ยังไงหลังไมค์มาคุยกันได้ครับผม ^^
แชร์ผลตอบแทนและประสบการณ์การเล่นหุ้นในรอบสองปีที่ผ่านมาครับ
ก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์การลงทุนในหุ้นที่ผ่านมาครับ
ปัจจุบันผมอายุ 23 เป็นคนครอบครัวระดับปานกลาง เริ่มลงทุนประมาณช่วง ม.5 ครับ (ตอนนั้นที่บ้านคัดค้านกันหมด เพราะเป็นเม่าเล่นกันช่วง iTV เจ๊งกันหมดครับ เลยหาว่าเป็นการพนัน) ตอนนั้นเริ่มจากยืมชื่อพ่อเปิดพอร์ตครับ เพราะอายุไม่ถึง 18 มาร์ไม่ยอมให้เปิด
ผมเริ่มจากเงินอั่งเปาและเงินเก็บเล็กน้อยที่ 30,000 บาท จากนั้นก็สะสมเข้าหุ้นทุกเดือน เดือนละ 2-5,000 บาท
พอเข้ามหาลัยก็เริ่มเป็นเดือนละ 6-8,000 บาทครับ (ไม่ได้มีรายได้เสริมครับ เป็นเงินค่าขนมรายเดือน อาศัยว่าเป็นคนค่อนข้างงก)
ปัจจุบันทำงานสายการตลาด ออมหุ้นเดือนละ 10,000 ครับ (โชคดีว่าอยู่กับที่บ้านและทานข้าวที่บ้าน นั่งมอไซอูเบอร์มาทำงานไปกลับ 80 บาท)
ปัจจุบัน พอร์ตเพิ่งครบ 1 ล้านไปเมื่อเดือนที่ผ่านมาครับ ตอนเริ่มเล่นตั้งใจอยากให้พอร์ตครบล้านก่อน 20 (ซึ่งทำไม่ทัน)
พอถึงตอนนี้ความตั้งใจคือหลักร้อยล้านแล้วครับ (ฝันไว้ก่อนเนอะ) เพราะแฟนที่เพิ่งเลิกไปหาว่าล้านเดียวไม่พอกิน เป็นคนไม่มีอนาคต :')
ประสบการณ์ที่ได้จากการลงทุนครับ (ไม่มีความรู้ด้านเทคนิคคอล) ;
1. การถือหุ้นพื้นฐานแน่น โตเรื่อยๆไว้นานๆ ได้กำไรเยอะกว่าการซื้อขายหุ้นดีถี่ๆ
(ถ้าถือหุ้นตัวเดียวไม่บ้าไปตามอารมณ์ก็กำไร 120% + ปันผลอีกปีละ 6-7% ไปแล้วครับ)
2. อารมณ์เป็นสิ่งที่ควบคุมได้ยากมาก
3. ความรู้สึกเวลาหุ้นขยับ 1% ตอนพอร์ทหลักแสนกับหลักล้านต่างกันเยอะมาก (1,000 บาทกับ 10,000 บาท)
4. เลือกหุ้นดี ไม่ว่าจะผันผวนยังไง สักวันราคาก็จะกลับมา (แต่มันต้องดีจริงนะ)
5. การลังเล ย้ำคิดย้ำทำ มีผลกับชีวิตการลงทุนแน่นอน
6. การเล่นหุ้นที่ง่ายที่สุดคือการหาหุ้นโดนสภาพแวดล้อมภายนอกกระทบน้อย แต่มีการเติบโตบ้าง (เช่นโรงพยาบาล ประปา ไฟฟ้า)
7. หนังสือของ ดร นิเวศน์ และหุ้นห่านทองคำ รวมถึงคัมภีร์หุ้น เป็นหนังสือที่มีประโยชน์กับมือใหม่มากครับ
8. เงินต้นสำคัญมากๆ จะเห็นว่าช่วงแรกที่พอร์ตมีเงินไม่เยอะ แม้กำไร 20% ก็ได้แค่หลักหมื่น ดังนั้นหมั่นออมเงินกันนะครับ
9. มันไม่สำคัญว่าจะเล่นเก่งรึเปล่า สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการรักษาเงินต้นและตัดขาดทุนครับ
10. การรับข้อมูลข่าวสารเยอะเกินทำให้มึนชีวิตครับ ใครที่รู้ตัวว่าไม่เก่งอะไรขนาดนั้น ลองเน้นรับข้อมูลแค่ไม่กี่อย่างดูนะครับ
11. ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถเล่นหุ้นเก่งแบบบัฟเฟ่ต์ได้ ดังนั้นลองหาแนวทางการเล่นของตัวเองที่มีกำไรบ้างแล้วพัฒนาไปเรื่อยๆนะครับ
ประสบการณ์ผมอาจจะไม่ตรงกับใครหลายๆคน ซึ่งแน่นอนว่าผมอาจจะผิดก็ได้ครับ
หวังว่าจะเป็นกำลังใจให้พี่ๆน้องๆเม่าและผู้ที่กำลังจะเป็นเม่าทุกท่านในยามนี้ครับ
ภาพประกอบครับ
คอลัมน์ขวาสุดคือระยะเวลาถือหุ้น(วัน)ครับ
ตัว iTracker ของบัวหลวงเริ่มนับ 1/1/2014 ครับ เนื่องจากผมเป็นคนขี้เกียจเลยไม่เคยทำตารางผลตอบแทนครับ
(ที่ขาย -20,000 พอดีทางบ้านต้องการยืมเงินไปจ่ายค่าบ้านครับ)
ตอนนี้กำลังมองหาเพื่อนคุยด้านหุ้นบ้าง เป็นคนคุยไม่เก่งนะครับ และก็ยังเล่นหุ้นแบบเม่าๆเหมือนเดิม แค่อาจจะโชคดียังไม่เคยเจอหุ้นที่พุ่งลงขนาดนั้น ยังไงหลังไมค์มาคุยกันได้ครับผม ^^