ล็อกอินพี่สาวนะคะ ถ้าพิมพ์อะไรผิดไป เราต้องขอโทษด้วยนะคะ
มีเรื่องมาขอปรึกษาค่ะ
ขออธิบายก่อนนะคะ เราเลี้ยงหมาอยู่หลายตัว แต่เราไม่ใช่ฟาร์ม เพียงแต่ว่า พอลูกหมาของเราเกิด เราได้แบ่งขายไปหลายครั้งแล้วล่ะ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร และเราก็รับประกันโรคปกติ 5 โรค 10 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าติดจากที่เราเลี้ยง
แต่ว่าครั้งนี้ เราตกลงขายน้องชิวาว่าขนสั้น ผสมขนยาว อายุ 2 เดือน และยังไม่ได้ทำวัคซีน ไปในราคา 4500 บวกค่าส่งอีก 500 โดยมีการมัดจำไว้ 1000 และกำหนดระยะเวลาจ่ายในวันที่ 20
ซึ่ง เราได้ส่งน้องหมาไปในวันที่ 11 ทางรถของลุงคนรู้จัก เนื่องจาก นกแอร์ไม่รับส่งสัตว์ในช่วงนี้ โดยน้องจะไปถึง กทม ตอนเวลา 6 โมงเช้า โดยส่งรวมไปสองตัว คอกเดียวกัน ในหนึ่งตะกร้า ซึ่งลุกค้าจะนัดมารับ ไป คนละ 1 ตัว และการรับส่งก็ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร เราเช็กกับลูกค้าทั้งสองว่าน้องมีสภาพเป็นยังไง ทั้งคู่บอกว่าน้องแข็งแรงร่าเริงดี ไม่มีปัญหา
แต่วันต่อมา 1 ในเจ้าของน้องหมา บอกว่า น้องหมามีน้ำมูก จะพาไปหาหมอ ถามเราถึงการรับประกันโรค เราจึงแจ้งไปว่า เรารับประกันห้าโรคค่ะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้1. ไวรัสไข้หัดสุนัข (โรคไข้หัดสุนัข, canine distemper)
2. ไวรัสลำไส้อักเสบติดต่อของสุนัข (canine parvovirus)
3. ไวรัสโรคหลอดลมอักเสบติดต่อของสุนัข (kennel cough)
4. ไวรัสโรคตับอักเสบติดต่อของสุนัข (infectious canine hepatitis)
5. โรคเล็ปโตสไปโรซิส (leptospirosis) หรือโรคฉี่หนูเพราะส่วนใหญ่หนูจะเป็นพาหะหลักในการแพร่เชื้อ โรคนี้ติดคนและเคยมีรายงานว่าสุนัขสามารถเป็นพาหะได้
การมีน้ำมูก เป็นไปได้ว่านอนในที่ที่อากาศเย็น เจ้าของจึงพาน้องไปตรวจ ฟังเสียงปอดและอื่นๆ และได้ทราบว่า น้องหมา ปกติดี แค่เพียงมีน้ำมูกเฉยๆ จึงฉีดยา และให้ยากินมา เรารับทราบเพียงเท่านี้
หลังจากนั้นในวันที่ 15 เจ้าของใหม่น้องหมาได้แจ้งว่า น้องอาเจียน ซึ่งลักษณะเหมือนกับว่า สำรอกมากกว่า เพราะอาหารยังออกมาเป็นเม็ด ซึ่งในทีแรกเราเข้าใจว่า อาจจะเพราะยาที่เจ้าของป้อนไว้กลางลิ้นหรือเปล่า ไม่แน่ใจ จึงบอกว่า ยามันขม อาจทำให้น้องหมาอยากอาเจียน ให้ป้อนเข้าไปลึกหน่อย หรือไม่ก็ ไม่ควรให้เล่นทันทีหลังทานเสร็จ แต่หลังจากนั้นยังมีอาการอาเจียนอีก โดยเจ้าของใหม่บอกว่ามีพยาธิ เราจึงบอกไปว่าเราเพิ่งถ่ายไปเมื่อวันที่ 9 แต่เราก็รับทราบ และเจ้าของใหม่ได้พาไปถ่ายพยาธิซ้ำอีกครั้ง หลังจากพาไปตรวจนั้น หมอให้ฉีดยา และทานยาถ่ายพยาธิ ติดกัน 3 วัน และบอกว่า มีเห็บหมัดเยอะมาก ซึ่งก่อนส่งไปนั้น เรามั่นใจว่าไม่มี แต่อาจเป็นเพราะการขนส่ง และหลังจากนั้น เจ้าของใหม่ได้บอกว่า วันที่ 20 ขอจ่ายก่อน 2000 และ อีก 2000 ขอเลื่อนไปจ่ายสิ้นเดือน หลังจากกลับจากหาหมอมา น้องหมา วิ่งเล่นปกติ ร่าเริงดี ขับถ่ายเป็นปกติ หลังจากนั้น เจ้าของใหม่ได้ลองเอาน้ำแช่อาหารหมา เพราะว่า มีคนแนะนำให้แช่เพรราะยังเด้ก แต่หลังจากแช่แล้วอึของน้องหมา มีลักษณะเหลวขึ้น ทางเจ้าของใหม่ได้โทรไปสอบถามคุณหมอ และคุณหมอบอกให้ทานแบบเดิมที่ไม่แช่น้ำ แต่น้องหมาเริ่มซึม แต่ไม่มีการอาเจียน
หลังจากนั้นเวลา บ่ายสองของวันที่ 16 ทางเจ้าของใหม่แจ้งว่า น้องหมามีอาการสำรอกอาหารอีก 2 ครั้ง แต่ยังคงวิ่งเล่น โดยแจ้งมาว่า น้องหมา ทานแล้วไปวิ่งเล่น แล้วมาทานใหม่ เราจึงแจ้งว่า ให้ทานเป็นเวลาดีกว่าโดยเจ้าของใหม่บอกว่า ถ้าไม่ให้ทานน้องหมาจะร้อง แม้กระทั่งเวลาเธอทานขนม ถ้าน้องหมาเห็นก็จะร้องขอทาน และแจ้งว่า ได้โทรไปหาคุณหมอ คุณหมอให้มาตรวจ เพราะว่าเจ้าของใหม่กลัวจะเป็นลำไส้อักเสบ และในคืนนั้น หลังจากสำรอกอาหารอีกครั้ง น้องหมาเริ่มไม่วิ่งเล่น และเริ่มมีอาการซึม แต่ยังลูกมาทานอาหาร ยิ่งทานก็ยิ่งอาเจียน และมีการถ่าย แต่ไม่ได้เหลวเป็นน้ำ ยังคงเป็นก้อนนิ่มๆ แล้วก็นอนหลับไป พอตื่นมาก็ไม่ซึมแล้ว วิ่งเล่นดี ร่าเริง
ประมาณ บ่ายสองของวันที่ 17 น้องหมามีอาการสำรอกอีกครั้ง หลังจากป้อนยาถ่ายพยาธิ ซึ่งนี่ เป็นยาวันสุดท้าย โดยแจ้งว่า มีอาการสำรอกทุกเย็นเลย หลังป้อนยา แต่ ยังคงขับถ่ายปกติ
และวันที่ 18 น้องหมามีอาการอาเจียนออกมาเป็นเส้นผม และเส้นขาวๆ โดยบอกว่าเป็นพยาธิที่ตายแล้ว และคุณหมอให้พากลับบ้านไปรอดูอาการ
วันที่ 19 เจ้าของใหม่ได้แจ้งว่า กลางคืน ที่ 18 น้องหมา อาเจียนทั้งคืน และถ่ายเหลวเป็นมุก จึงพาน้องหมาไปตรวจ และแจ้งว่า หมอบอกว่าน้องหมาเป็นลำไส้อักเสบ และบอกว่า เป็นมานานแล้ว แต่เป็นระยะเริ่มต้น ซึ่งเราไม่เข้าใจในประโยคนี้ จึงได้ถามไปว่า หมายความว่าเพิ่งเป็นใช่มั้ย เจ้าของใหม่บอกใช่ โดยคุรหมอนั้น ตรวจพบแบคทีเรียในลำไส้ เราก็เลยยังสับสนอยู่ โดย อาการอาเจียนนั้น ออกมาเป็นเพียงน้ำใสๆ และ คุณหมอได้ฉีดยาให้สองเข็ม ค่ำวันที่ 19 เจ้าของใหม่แจ้งว่าน้องมาถ่ายออกมาลักษณะเหมือนยาสีฟัน และมีเลือดปนออกมาเล็กน้อย จึงพาไปหาหมออีกที่นึง ครั้งนี้ได้ตรวจเทสพาโวไวรัส และพบว่า ผลตรวจนั้น ขีดที่สองขึ้นจางๆ แทบมองไม่เห็น หากไม่เพ่ง โดยหมอบอกว่า เชื้อไวรัสนั้น จางๆ เหมือนเพิ่งเริ่มแรก
และในวันนี้เจ้าของเพิ่งแจ้งว่า ได้เอาน้องหมาไปทำวัคซีนมาเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่น้องเป็นหวัด เราจึงสอบถามว่า ทำไมถึงไม่บอก และทำไมน้องหมาป่วยอยู่ ถึงได้ทำวัคซีนให้น้อง มันทำให้น้องอ่อนแอ เจ้าของแจ้งว่า คุณหมอไม่ได้ตรวจ แต่คุณหมอฉีดให้เลย แล้วมาตรวจหวัดทีหลัง ว่าเป็นหวัด เราก็รู้สึกแย่ เพราะเวลารับน้องหมาไป ภายใน 7 วันแรก ไม่ควรทำอะไร ยิ่งเป็นหวัดยิ่งไม่ควรทำ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนทั่วไปที่จะเลี้ยงหมาต้องรู้ แต่ทำไมหมอยังฉีด ในปกติ หลังทำวัคซีนเข้มแรก ถ้าเป็นอะไร เราจะไม่รับผิดชอบทั้งนั้น แต่เค้าบอกว่าเราไม่ได้แจ้ง เราก็โอเค เราผิดที่ไม่ได้แจ้ง
หลังจากนั้น เราก็ขอหลักฐานว่า น้องหมานั้น ป่วยเป็นพาโวจริงมั้ย เช่นรูปถ่ายชุดตรวจ แต่ทางเจ้าของไม่ได้ถ่ายไว้ เราจึงขอรบกวนให้เค้าพาน้องไปตรวจซ้ำอีกที แต่คืนนั้น ทางเจ้าของได้โทรปรึกษาหมอชูศักดิ์ และ คุณหมอแนะนำให้ป้อนโยเกิร์ต 1 ซีๆ ทุกชั่วโมง เจ้าของก็ทำตาม และน้องหมา ได้ร่าเริง และแข็งแรงขึ้น พยามขอทานอาหารอยู่ตลอดเวลาแต่คุรหมอไม่ให้ทานอะไรนอกจากโยเกิร์ต ซึ่งขณะนั้น ไม่อาเจียนแล้ว ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่มีเลือดปนในการถ่ายอีก และทางเจ้าของแจ้งว่า ถ้าหากไม่ดีขึ้น คุณหมอเดี่ยวบอกว่า แอดมิดได้ มีค่ารักษาประมาณ สามหมื่นบาท
แต่วันที่ 20 เราก็ขอให้เค้าไปเทสอีกรอบซึ่งเราจะออกค่าใช้จ่ายในการเทสให้ เพื่อจะขอรุปถ่ายผลตรวจ เค้าก็ส่งมา เป็นขีดที่สองจางๆเช่นเดิม แบบที่มองแทบไม่เห็น และเราก้ได้โอนเงินค่าตรวจสองรอบและยาฉีดไปให้ทันที เป็นจำนวน 1950 บาท เพิ่มให้จากยอกตามบิล 100 สำหรับค่าโยเกิร์ต หลังจากนั้น ทางคุณหมอเดี่ยว และคุณหมอชุศักดิ์ ก็ให้น้องหมาทานเพียงแค่โยเกิร์ตต่อไป ทุกชั่วโมง ชั่วโมงละ 1-2 ซีๆ ซึ่งจริงๆ ในวันนี้คือวันที่เค้าต้องชำระค่าน้องหมางวดแรก 2000 บาท แต่ไม่ได้มีการชำระแต่อย่างใด และเราก็ไม่ได้ทวง
วันที่ 21 เจ้าของแจ้งว่าน้องหมาดีขึ้นร่าเริงเล่น ขับถ่ายปกติดีแล้ว แต่คุณหมอให้ป้อนโยเกิร์ตต่อไป พอตกค่ำ ทางเจ้าของแจ้งมาว่า น้องหมาถ่ายเหลว พร้อมแนบรูปมา ที่เห็นคือ เป็นลักษณะเหลวเป็นน้ำ และมีกากของนมที่ไม่ย่อย พร้อมกลับแจ้งว่า วันนี้ทางเจ้าของให้น้องหมาทานโยเกิร์ตไปเยอะ เพราะน้องหมาชอบทานมาก และดูเหมือนหิว เราจึงบอกว่า ให้งดน้ำ งดอาหารสักสี่ชั่วโมงก่อน เพราะว่า ยิ่งทานจะยิ่งอันตราย เพราะอาจจะยิ่งถ่าย แต่ประมาณเที่ยงคืนเจ้าของบอกว่า น้องถ่ายอีกแล้ว เพราะเจ้าของทนเห็นน้องอ้อนไม่ไหว จึงให้ทานไปอีก เราจึงบอกให้งดแบบชัดเจน
ประมาณตีห้าของวันที่ 22 เจ้าของบอกว่า เจ้าของได้ให้น้องทานไปอีก น้องถ่ายออกมาเป็นมูกเลย และซึมมากดูอ่อนเพลียมาก ทรุดลงจากปกติ
วันที่ 22 เช้าเจ้าของจึงพาน้องหมาไปแอดมิด อีกโรงพยาบาลนึง คุณหมอบอกว่า รอด 50-50 แต่หลังจากได้น้ำเกลือ น้องหมานั้น ยังคงลุกขึ้นมาปีนป่ายกรงเล่น และร้องโวยวายอยากออก ไม่ได้นอนซึมอย่างหมาใกล้ตาย แต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าของนั้น ได้สอบถามมายังเราว่า มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอีก 3000 จะมีการรับผิดชอบอย่างไร
เราจึงอยากสอบถามว่า
และจากเหตุการนี้ เราได้เช็กไปยังน้องหมาอีกตัวที่เดินทางมาในตะกร้าเดียวกันตลอดคืนแล้ว และน้องหมานั้น แข็งแรงปลอดภัยดี รวมทั้งเรานำหมาของเราในคอกเดียวกัน ไปตรวจเทสแล้วพบว่าไม่มีเชื้อ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ติดจากหมาเรา
เราจึงได้ไปปรึกษาคุณหมอว่า น้องหมาสามารถติดจากไหนได้อีก คุณหมอบอกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ติดจากวัคซีน เพราะวัคซีนคือเชื้อโรค และฉีดเข้าไปตอนที่น้องป่วยและ เนื่องจากเชื้อในวัคซีนนั้นน้อยมากจึงทำให้ขีดจาง
หรือหลังจากฉีดนั้น น้องหมาภูมิคุ้มกันตก และไปติดมา เพราะน้องนั้น อยู่ในระยะเริ่มแรก เพราะถ้าติดจากเรา หมาเราต้องป่วย หรือตัวที่เดินทางไปด้วยกันต้องป่วย
แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ เราจะต้องรับผิดอีกไหม ถ้าเกิดจากวัคซีนจริง ก็ผิดที่เราเหรอคะ เราจะพิสูจน์ได้ยังไงว่า ถ้ายังต้องรับผิดชอบ เราต้องรับผิดชอบถึงจุดๆไหน การที่น้องหมาทรุดต้องแอดมิด เพราะเค้าทำในส่วนที่เราห้ามแล้ว ห้ามอีก เราก็ยังต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ ?
แล้วเรื่องค่าหมาที่ค้างชำระ ต้องรอหมาหายป่วยหรือว่าอย่างไร ถึงจะสามารถ เรียกเก็บได้ ?
เราไม่เคยมีประสบการ์ณที่หมาที่ขายไปป่วยแบบนี้ เราไม่ทราบจริงๆ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ
ขอคำปรึกษาหน่อยค่ะ ขายหมาไปแล้ว หมาเป็นพาโวไวรัส
มีเรื่องมาขอปรึกษาค่ะ
ขออธิบายก่อนนะคะ เราเลี้ยงหมาอยู่หลายตัว แต่เราไม่ใช่ฟาร์ม เพียงแต่ว่า พอลูกหมาของเราเกิด เราได้แบ่งขายไปหลายครั้งแล้วล่ะ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาอะไร และเราก็รับประกันโรคปกติ 5 โรค 10 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าติดจากที่เราเลี้ยง
แต่ว่าครั้งนี้ เราตกลงขายน้องชิวาว่าขนสั้น ผสมขนยาว อายุ 2 เดือน และยังไม่ได้ทำวัคซีน ไปในราคา 4500 บวกค่าส่งอีก 500 โดยมีการมัดจำไว้ 1000 และกำหนดระยะเวลาจ่ายในวันที่ 20
ซึ่ง เราได้ส่งน้องหมาไปในวันที่ 11 ทางรถของลุงคนรู้จัก เนื่องจาก นกแอร์ไม่รับส่งสัตว์ในช่วงนี้ โดยน้องจะไปถึง กทม ตอนเวลา 6 โมงเช้า โดยส่งรวมไปสองตัว คอกเดียวกัน ในหนึ่งตะกร้า ซึ่งลุกค้าจะนัดมารับ ไป คนละ 1 ตัว และการรับส่งก็ปกติดี ไม่มีปัญหาอะไร เราเช็กกับลูกค้าทั้งสองว่าน้องมีสภาพเป็นยังไง ทั้งคู่บอกว่าน้องแข็งแรงร่าเริงดี ไม่มีปัญหา
แต่วันต่อมา 1 ในเจ้าของน้องหมา บอกว่า น้องหมามีน้ำมูก จะพาไปหาหมอ ถามเราถึงการรับประกันโรค เราจึงแจ้งไปว่า เรารับประกันห้าโรคค่ะ [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ การมีน้ำมูก เป็นไปได้ว่านอนในที่ที่อากาศเย็น เจ้าของจึงพาน้องไปตรวจ ฟังเสียงปอดและอื่นๆ และได้ทราบว่า น้องหมา ปกติดี แค่เพียงมีน้ำมูกเฉยๆ จึงฉีดยา และให้ยากินมา เรารับทราบเพียงเท่านี้
หลังจากนั้นในวันที่ 15 เจ้าของใหม่น้องหมาได้แจ้งว่า น้องอาเจียน ซึ่งลักษณะเหมือนกับว่า สำรอกมากกว่า เพราะอาหารยังออกมาเป็นเม็ด ซึ่งในทีแรกเราเข้าใจว่า อาจจะเพราะยาที่เจ้าของป้อนไว้กลางลิ้นหรือเปล่า ไม่แน่ใจ จึงบอกว่า ยามันขม อาจทำให้น้องหมาอยากอาเจียน ให้ป้อนเข้าไปลึกหน่อย หรือไม่ก็ ไม่ควรให้เล่นทันทีหลังทานเสร็จ แต่หลังจากนั้นยังมีอาการอาเจียนอีก โดยเจ้าของใหม่บอกว่ามีพยาธิ เราจึงบอกไปว่าเราเพิ่งถ่ายไปเมื่อวันที่ 9 แต่เราก็รับทราบ และเจ้าของใหม่ได้พาไปถ่ายพยาธิซ้ำอีกครั้ง หลังจากพาไปตรวจนั้น หมอให้ฉีดยา และทานยาถ่ายพยาธิ ติดกัน 3 วัน และบอกว่า มีเห็บหมัดเยอะมาก ซึ่งก่อนส่งไปนั้น เรามั่นใจว่าไม่มี แต่อาจเป็นเพราะการขนส่ง และหลังจากนั้น เจ้าของใหม่ได้บอกว่า วันที่ 20 ขอจ่ายก่อน 2000 และ อีก 2000 ขอเลื่อนไปจ่ายสิ้นเดือน หลังจากกลับจากหาหมอมา น้องหมา วิ่งเล่นปกติ ร่าเริงดี ขับถ่ายเป็นปกติ หลังจากนั้น เจ้าของใหม่ได้ลองเอาน้ำแช่อาหารหมา เพราะว่า มีคนแนะนำให้แช่เพรราะยังเด้ก แต่หลังจากแช่แล้วอึของน้องหมา มีลักษณะเหลวขึ้น ทางเจ้าของใหม่ได้โทรไปสอบถามคุณหมอ และคุณหมอบอกให้ทานแบบเดิมที่ไม่แช่น้ำ แต่น้องหมาเริ่มซึม แต่ไม่มีการอาเจียน
หลังจากนั้นเวลา บ่ายสองของวันที่ 16 ทางเจ้าของใหม่แจ้งว่า น้องหมามีอาการสำรอกอาหารอีก 2 ครั้ง แต่ยังคงวิ่งเล่น โดยแจ้งมาว่า น้องหมา ทานแล้วไปวิ่งเล่น แล้วมาทานใหม่ เราจึงแจ้งว่า ให้ทานเป็นเวลาดีกว่าโดยเจ้าของใหม่บอกว่า ถ้าไม่ให้ทานน้องหมาจะร้อง แม้กระทั่งเวลาเธอทานขนม ถ้าน้องหมาเห็นก็จะร้องขอทาน และแจ้งว่า ได้โทรไปหาคุณหมอ คุณหมอให้มาตรวจ เพราะว่าเจ้าของใหม่กลัวจะเป็นลำไส้อักเสบ และในคืนนั้น หลังจากสำรอกอาหารอีกครั้ง น้องหมาเริ่มไม่วิ่งเล่น และเริ่มมีอาการซึม แต่ยังลูกมาทานอาหาร ยิ่งทานก็ยิ่งอาเจียน และมีการถ่าย แต่ไม่ได้เหลวเป็นน้ำ ยังคงเป็นก้อนนิ่มๆ แล้วก็นอนหลับไป พอตื่นมาก็ไม่ซึมแล้ว วิ่งเล่นดี ร่าเริง
ประมาณ บ่ายสองของวันที่ 17 น้องหมามีอาการสำรอกอีกครั้ง หลังจากป้อนยาถ่ายพยาธิ ซึ่งนี่ เป็นยาวันสุดท้าย โดยแจ้งว่า มีอาการสำรอกทุกเย็นเลย หลังป้อนยา แต่ ยังคงขับถ่ายปกติ
และวันที่ 18 น้องหมามีอาการอาเจียนออกมาเป็นเส้นผม และเส้นขาวๆ โดยบอกว่าเป็นพยาธิที่ตายแล้ว และคุณหมอให้พากลับบ้านไปรอดูอาการ
วันที่ 19 เจ้าของใหม่ได้แจ้งว่า กลางคืน ที่ 18 น้องหมา อาเจียนทั้งคืน และถ่ายเหลวเป็นมุก จึงพาน้องหมาไปตรวจ และแจ้งว่า หมอบอกว่าน้องหมาเป็นลำไส้อักเสบ และบอกว่า เป็นมานานแล้ว แต่เป็นระยะเริ่มต้น ซึ่งเราไม่เข้าใจในประโยคนี้ จึงได้ถามไปว่า หมายความว่าเพิ่งเป็นใช่มั้ย เจ้าของใหม่บอกใช่ โดยคุรหมอนั้น ตรวจพบแบคทีเรียในลำไส้ เราก็เลยยังสับสนอยู่ โดย อาการอาเจียนนั้น ออกมาเป็นเพียงน้ำใสๆ และ คุณหมอได้ฉีดยาให้สองเข็ม ค่ำวันที่ 19 เจ้าของใหม่แจ้งว่าน้องมาถ่ายออกมาลักษณะเหมือนยาสีฟัน และมีเลือดปนออกมาเล็กน้อย จึงพาไปหาหมออีกที่นึง ครั้งนี้ได้ตรวจเทสพาโวไวรัส และพบว่า ผลตรวจนั้น ขีดที่สองขึ้นจางๆ แทบมองไม่เห็น หากไม่เพ่ง โดยหมอบอกว่า เชื้อไวรัสนั้น จางๆ เหมือนเพิ่งเริ่มแรก
และในวันนี้เจ้าของเพิ่งแจ้งว่า ได้เอาน้องหมาไปทำวัคซีนมาเป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่วันที่น้องเป็นหวัด เราจึงสอบถามว่า ทำไมถึงไม่บอก และทำไมน้องหมาป่วยอยู่ ถึงได้ทำวัคซีนให้น้อง มันทำให้น้องอ่อนแอ เจ้าของแจ้งว่า คุณหมอไม่ได้ตรวจ แต่คุณหมอฉีดให้เลย แล้วมาตรวจหวัดทีหลัง ว่าเป็นหวัด เราก็รู้สึกแย่ เพราะเวลารับน้องหมาไป ภายใน 7 วันแรก ไม่ควรทำอะไร ยิ่งเป็นหวัดยิ่งไม่ควรทำ เราคิดว่ามันเป็นเรื่องพื้นฐานที่คนทั่วไปที่จะเลี้ยงหมาต้องรู้ แต่ทำไมหมอยังฉีด ในปกติ หลังทำวัคซีนเข้มแรก ถ้าเป็นอะไร เราจะไม่รับผิดชอบทั้งนั้น แต่เค้าบอกว่าเราไม่ได้แจ้ง เราก็โอเค เราผิดที่ไม่ได้แจ้ง
หลังจากนั้น เราก็ขอหลักฐานว่า น้องหมานั้น ป่วยเป็นพาโวจริงมั้ย เช่นรูปถ่ายชุดตรวจ แต่ทางเจ้าของไม่ได้ถ่ายไว้ เราจึงขอรบกวนให้เค้าพาน้องไปตรวจซ้ำอีกที แต่คืนนั้น ทางเจ้าของได้โทรปรึกษาหมอชูศักดิ์ และ คุณหมอแนะนำให้ป้อนโยเกิร์ต 1 ซีๆ ทุกชั่วโมง เจ้าของก็ทำตาม และน้องหมา ได้ร่าเริง และแข็งแรงขึ้น พยามขอทานอาหารอยู่ตลอดเวลาแต่คุรหมอไม่ให้ทานอะไรนอกจากโยเกิร์ต ซึ่งขณะนั้น ไม่อาเจียนแล้ว ดีขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่มีเลือดปนในการถ่ายอีก และทางเจ้าของแจ้งว่า ถ้าหากไม่ดีขึ้น คุณหมอเดี่ยวบอกว่า แอดมิดได้ มีค่ารักษาประมาณ สามหมื่นบาท
แต่วันที่ 20 เราก็ขอให้เค้าไปเทสอีกรอบซึ่งเราจะออกค่าใช้จ่ายในการเทสให้ เพื่อจะขอรุปถ่ายผลตรวจ เค้าก็ส่งมา เป็นขีดที่สองจางๆเช่นเดิม แบบที่มองแทบไม่เห็น และเราก้ได้โอนเงินค่าตรวจสองรอบและยาฉีดไปให้ทันที เป็นจำนวน 1950 บาท เพิ่มให้จากยอกตามบิล 100 สำหรับค่าโยเกิร์ต หลังจากนั้น ทางคุณหมอเดี่ยว และคุณหมอชุศักดิ์ ก็ให้น้องหมาทานเพียงแค่โยเกิร์ตต่อไป ทุกชั่วโมง ชั่วโมงละ 1-2 ซีๆ ซึ่งจริงๆ ในวันนี้คือวันที่เค้าต้องชำระค่าน้องหมางวดแรก 2000 บาท แต่ไม่ได้มีการชำระแต่อย่างใด และเราก็ไม่ได้ทวง
วันที่ 21 เจ้าของแจ้งว่าน้องหมาดีขึ้นร่าเริงเล่น ขับถ่ายปกติดีแล้ว แต่คุณหมอให้ป้อนโยเกิร์ตต่อไป พอตกค่ำ ทางเจ้าของแจ้งมาว่า น้องหมาถ่ายเหลว พร้อมแนบรูปมา ที่เห็นคือ เป็นลักษณะเหลวเป็นน้ำ และมีกากของนมที่ไม่ย่อย พร้อมกลับแจ้งว่า วันนี้ทางเจ้าของให้น้องหมาทานโยเกิร์ตไปเยอะ เพราะน้องหมาชอบทานมาก และดูเหมือนหิว เราจึงบอกว่า ให้งดน้ำ งดอาหารสักสี่ชั่วโมงก่อน เพราะว่า ยิ่งทานจะยิ่งอันตราย เพราะอาจจะยิ่งถ่าย แต่ประมาณเที่ยงคืนเจ้าของบอกว่า น้องถ่ายอีกแล้ว เพราะเจ้าของทนเห็นน้องอ้อนไม่ไหว จึงให้ทานไปอีก เราจึงบอกให้งดแบบชัดเจน
ประมาณตีห้าของวันที่ 22 เจ้าของบอกว่า เจ้าของได้ให้น้องทานไปอีก น้องถ่ายออกมาเป็นมูกเลย และซึมมากดูอ่อนเพลียมาก ทรุดลงจากปกติ
วันที่ 22 เช้าเจ้าของจึงพาน้องหมาไปแอดมิด อีกโรงพยาบาลนึง คุณหมอบอกว่า รอด 50-50 แต่หลังจากได้น้ำเกลือ น้องหมานั้น ยังคงลุกขึ้นมาปีนป่ายกรงเล่น และร้องโวยวายอยากออก ไม่ได้นอนซึมอย่างหมาใกล้ตาย แต่อย่างใด ซึ่งทางเจ้าของนั้น ได้สอบถามมายังเราว่า มีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นอีก 3000 จะมีการรับผิดชอบอย่างไร
เราจึงอยากสอบถามว่า
และจากเหตุการนี้ เราได้เช็กไปยังน้องหมาอีกตัวที่เดินทางมาในตะกร้าเดียวกันตลอดคืนแล้ว และน้องหมานั้น แข็งแรงปลอดภัยดี รวมทั้งเรานำหมาของเราในคอกเดียวกัน ไปตรวจเทสแล้วพบว่าไม่มีเชื้อ ซึ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่าไม่ได้ติดจากหมาเรา
เราจึงได้ไปปรึกษาคุณหมอว่า น้องหมาสามารถติดจากไหนได้อีก คุณหมอบอกว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ติดจากวัคซีน เพราะวัคซีนคือเชื้อโรค และฉีดเข้าไปตอนที่น้องป่วยและ เนื่องจากเชื้อในวัคซีนนั้นน้อยมากจึงทำให้ขีดจาง
หรือหลังจากฉีดนั้น น้องหมาภูมิคุ้มกันตก และไปติดมา เพราะน้องนั้น อยู่ในระยะเริ่มแรก เพราะถ้าติดจากเรา หมาเราต้องป่วย หรือตัวที่เดินทางไปด้วยกันต้องป่วย
แล้วถ้าเป็นอย่างนี้ เราจะต้องรับผิดอีกไหม ถ้าเกิดจากวัคซีนจริง ก็ผิดที่เราเหรอคะ เราจะพิสูจน์ได้ยังไงว่า ถ้ายังต้องรับผิดชอบ เราต้องรับผิดชอบถึงจุดๆไหน การที่น้องหมาทรุดต้องแอดมิด เพราะเค้าทำในส่วนที่เราห้ามแล้ว ห้ามอีก เราก็ยังต้องรับผิดชอบใช่หรือไม่ ?
แล้วเรื่องค่าหมาที่ค้างชำระ ต้องรอหมาหายป่วยหรือว่าอย่างไร ถึงจะสามารถ เรียกเก็บได้ ?
เราไม่เคยมีประสบการ์ณที่หมาที่ขายไปป่วยแบบนี้ เราไม่ทราบจริงๆ ขอคำแนะนำหน่อยค่ะ