มหากาพย์แห่งการโกหก มหรสพจากชีวิตจริง

..........สวัสดีค่ะ พี่ๆ ทุกคน หนูมีเรื่องเล่าเพื่อนสนิทของหนูคนหนึ่ง นี่หรือที่เค้าเรียนกว่าเพื่อ
หนูเรียนในมหาวิทยาลัยดังแห่งหนึ่งในภาคอีสานล่าง หนูมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งที่เราสนิทกันตั้งแต่เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้  ตลอดทั้ง3 ปีหนูกับเค้าก็ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ทำกิจกรรมด้วยกัน คุยกันทุกเรื่อง ให้ความไว้ใจ ถือว่าสนิทกันมาก
แต่เมื่อปี 4 เทอมที่ 2 ที่เราจะจบ  เป็นทำที่หนูก็ยุ่งกับการเรียนเพราะเทอมจะจบมันหนัก ส่วนเค้าต้องไปฝึกงาน อ้อ...ลืมบอกไปว่าหนูกับเค้าเรียนอยู่คนละคณะกัน ซึ่งในช่วงนั้นก็ไม่มีอะไร แต่พอหลังๆ พิรุดก็ออก
……..เรื่องมีอยู่ว่า เค้าบอกกับหนูว่า เค้าต้องไปฝึกงาน 1 เดือนที่โรงแรมในเมือง และต้องกลับมาเรียนมาเรียน เพราะว่ารายวิชาที่ต้องเรียนในหลักสูตรไม่ผ่านอะไรสักอย่างก็จำไม่ค่อยได้  หนูก็เลยเอะใจว่า อ้าวแล้วคนอื่นที่ต้องไปฝึกต่างจังหวัดต้องกลับมาเรียนใช่ไหม แล้วค่าใช้จ่ายที่เค้าจ่ายไปเพื่อไปฝึกงานละมันเสียป่าวไหม  เค้าก็บอกกับหนูโน้นนี่นั่น ว่าอาจารย์จัดการให้ และพอผ่านไป 1 เดือน ก็บอกว่าต้องเปลี่ยนที่ฝึกงานมาเป็นธนาคาร ในแผนกสินเชื่ออะไรสักอย่าง ซึ่งหนูก็เอะใจอีกว่า อ้าวนี้เมิงเรียนสารสนเทศมาฝึกงานสินเชื่อได้ไง  หนูเลยได้ลองเข้าไปตารางเรียนของเค้าดูในระบบ REG สิ่งที่เห็นกับพบว่า

สิ่งที่เค้าบอกกับสิ่งที่เค้าลงทะเบียนไว้ไม่มี การฝึกงาน หรือวิชาอะไรที่เกี่ยวกับสาขาวิชาชีพของเค้าเลย หนูก็เลยไม่พูดอะไร และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด
>>หนูขอสมมติเพื่อนคนนี้ชื่อ บ๊อป ละกันนะคะ<<<
….วันหนึ่ง...หนู บ๊อป และเพื่อนอีกคนมัดหมี่ไปเที่ยวด้วยกัน อยู่ๆมัดหมี่ก็พูดขึ้นว่า
มันหมี่ : เออ!! นี่รู้ไหม บ๊อปมันถูกถอนชื่อ มีคนแกล้งมัน
หนู : ใครแกล้งมันหรอ
บ๊อป : ก็ อีดารา นั่นไง มันไม่ชอบและไม่กินเส้นกับกูตอนทำกิจกรรมรับน้อง มันก็เลยถอดชื่อกูออกจากระบบ REG  ไม่เป็นไรตอนนี้กูแจ้งความไว้แล้ว แม่กูโทรหาป้าที่อยู่นี้ให้จัดการให้แล้ว กูพึ่งรู้ว่าอากูเป็นอธิการบดีอยู่ที่นี่ อากูบอกว่าจะจัดการให้  
(***ดารา คือ พี่ที่เคยเข้าฉากในหนังเรื่องเธอเขาเราผี ซึ่งพี่เค้าทำงานฝ่ายนิเทศสัมพันธ์ ของคณะหนึ่งในมหาลัย)
หนู : โห!! มันทำได้ด้วย กูคิดว่ามีแต่งานทะเบียนเท่านั้นที่ถอนชื่อได้ ปกติถ้าจะถอนชื่อคณะก็ต้องส่งรายชื่อมาที่งานทะเบียนไม่ใช่หรอ
บ๊อป : ได้สิ...มันก็เข้าระบบแล้วเอาชื่อกูออก #@%&
บทสนทนาก็จบไป หนูก็ไม่พูดอะไรแล้วก็ปล่อยมันไป แต่คนที่เชื่อจนสนิทใจคือมัดหมี่

….จนกระทั้งหนูก็จบและแยกย้ายไปหางานทำ เพราะเหตุจำเป็นหนูต้องกลับมาทำธุระที่มหาลัย หนูก็ได้กลับมาเจอเค้าอีกครั้ง หนูก็ถามตามปะสาของเพื่อนว่า
หนู : นี้ บ๊อป ตอนนี้ทำงานอะไรอยู่หรอ?
บ๊อป : กูทำงานเป็นรองผู้จัดการอยู่ธนาคารที่กูไปฝึกงานนั่นแหล่ะ เงินเดือน 2หมื่นกว่า แต่กูไม่ชอบเลย พ่อกูอยากให้ไปเป็นทหาร พอกูตัดชุดรอแล้ว
หนู : อ๊อ..(และคิดในใจ.. ไม่เจอกันไม่ 2 เดือน นี้เป็นรองผู้จัดการแล้วหรอ ถ้าคนอื่นทำงานเป็นปีเค้าจะไม่เป็น CEO เลยหรอ อีกอย่างสถานะของก็ถูกถอนชื่อพ้นสภาพไม่ใช่หรอ และอีกอย่างเคยบอกว่าพ่อเป็นแค่ทหารอาสาอุทยานเฉยๆนี้พอสามารถเอาเค้าไปเป็นทหารมียศได้เลยหรอ และช่วงนี้เค้าก็ไม่มีเปิดรับอะไร นี้พ่อสามารถเอาเข้าตอนไหนก็ได้หรอ.....(คิดยาวไปน่ะ555))
หนู : จบมาได้เงินเดือนเยอะขนาดนั้น ทำไมไม่ชอบละ
บ๊อป : ไม่รู้...กูว่ามันไม่ใช่สำหรับกู แต่กูก็ฝืนๆทำ
หนู : เออ!! ก็แล้วแต่แหล่ะ
*** อ้อ วันนี้มีสนทนาเกี่ยวกับชุดทำงานธนาคาร เพราะเพื่อนอยากเห็นชุดทำงานว่าเป็นยังไง เค้าบอกว่าชุดทำงานธนาคารKTB ใส่สูตรสีฟ้า ตอนนี้ส่งให้แม่บ้านที่ธนาคารซัก (หนูก็นึกขำในใจคนเดียว ชุดรองผู้จัดการธนาคาร ยิ้มไรวะสีฟ้า (อุ๊ย!! หลุดปากพูดไม่เพราะ) 5555 บ๊อปปปป...คุณพลาดแล้ววว เรากินข้าวนะจร๊ ไม่ได้กินหญ้า แต่กระนั่นก็ยังมีคนเชื่อ โอ๊ยขำ)
…….ซึ่งในตอนนั้นเค้าก็บอกกับทุกคนที่เค้ารู้จักรวมทั้งพ่อกับแม่ว่าเค้าเรียนจบ และก็ใช้ชีวิตอยู่ที่แถวๆนั้นไม่ไปไหน

เวลาผ่านไปหลายเดือนที่ไม่ได้เจอกันกับเค้า แต่ก็คุยกันบ้าง จนกระทั่ง หนูกับมัดหมี่ได้ที่ทำงานเดียวกันในจังหวัดนี้ และทำให้เราได้กลับมาเจอกับบ๊อปอีกครั้ง มัดหมี่ก็ยังเชื่อสนิทใจเหมือนเดิมว่าบ๊อปเรียนจบและทำงานธนาคาร แต่หนูก็ไม่กล้าบอกตรงกับมัดหมี่เกี่ยวบ๊อป ปล่อยให้เค้ารู้เองดีกว่า
หนูก็เจอกับบ๊อปอยู่เป็นประจำ หนูก็ถามเค้าเหมือมเดิมแหล่ะว่า
หนู : เออ  ทำงานเป็นไงบ้าง
บ๊อป : ตอนนี้กูย้ายไปสาขาในเมืองแล้วไม่ได้อยู่สาขาเดิม
หนู : ไปในเมืองตอนเช้าๆรถไม่ติดหรอ อีกอย่างอยู่แถวมอห่างจากเมืองตั้งไกล ไปทำงานทันหรอ
บ๊อป : ไม่ติด กูทำงาน 10 โมง ทำไมจะไม่ทัน บ่าย2โมง กูก็เลิกแล้ว
หนู : อ๊อ...(คิดในใจ....งานธนาคารอะไรว่ะทำงาน 10 โมง อีกอย่างเลิกงานเร็วขนาดนั้นมันมีที่ไหนวะ ขนาดรองผู้จัดการยังขนาดนี้ ถ้าเป็นผู้จัดการจะไม่เข้าอาทิตย์ละครั้งเลยหรอ….(แค่คิดน่ะ555))
บ๊อป : เดี๋ยวเค้าก็จะขึ้นเงินเดือนให้แล้วเนี่ย  ถ้ารวมกับโบนัส ก็จะเป็น 4 หมื่นกว่า
หนู : โห..ขนาดนั้นเลย (เอาที่สบายใจ)

และเดือนมีนาคมที่ผ่าน ถึงกำหนดวันรับปริญญาที่ที่เลื่อนมาหลายเดือน ซึ่งเป็นวันที่หน้าภาคภูมิใจของบัณฑิตทุกคน หนูเองก็เป็นหนึ่งในนั้น วันซ้อมรับมัดหมี่บอกกับหนู ว่า บ๊อปมันไม่ได้มาซ้อมแต่วันซ้อมใหญ่มันจะมา หนูก็เออ..ออไป  และวันนี้เองหนูตัดสินใจบอกมัดหมี่
หนู : บ๊อปมันถูกถอนชื่อแล้วมันรับปริญญาไม่ได้น่ะ
มัดหมี่ : มันบอกว่าอามันจัดการให้แล้วเข้ารับได้
หนู : ถึงอามันจะเป็นอธิการก็ต้องทำตามระเบียบของมหาลัยปะวะ มีที่ไหนถูกถอนชื่อแล้วเข้ารับปริญญาได้ ไม่เคยมี
มัดหมี่ : ก็ไม่รู้เหมือนกัน
.....วันซ้อมใหญ่ มัดหมี่ชะเง้อมองหาบ๊อปจากแถว และรอฟังชื่อที่อาจารย์ขานชื่อเข้ารับ แต่ไม่เห็นมี จนพักเที่ยง
หนู : บ๊อปมันมาไหม
มัดหมี่ : มา มันแชทคุยกันกับกู มันบอกว่ามันอยู่ในห้องรับรองทหารมหาดเล็ก
หนู : อ้าว..ทำไมมันได้อยู่นี่ ไม่เข้าไปซ้อม
มัดหมี่ : ไม่รู้...มันบอกว่า อามันให้มันมาอยู่ที่นี่
หนู : อืม...
พวกเราอยู่ในหอประชุมจนมืดค่ำและเมือเสร็จก็แยกย้ายกัน ซึ่งวันนั้นเองที่ทำให้มัดหมี่เชื่อว่าบ๊อปเข้ารับปริญญาจนสนิทใจ บ๊อปใส่ชุดครุยมาถ่ายรูปกับมัดหมี่และเพื่อน

…..พอหนูกลับถึงห้อง เสียงแชทเฟสก็ดังขึ้น ซึ่งเป็นข้อความแชทจากน้องคนหนึ่งที่สงสัยบ๊อปเหมือนกับหนูว่า นี่พี่...พี่บ๊อปเค้าจบด้วยหรอ ตอนเย็นหนูเห็นเค้าใส่ชุดครุยแล้วขับรถออกจากห้องพัก ตอนที่พี่คนอื่นเค้ากลับอะ (หนูถามกลับ) แล้วเราคิดยังไงละ (น้องคนนั้น) นี่พี่เค้าลงทุนขนาดนี้เลยหรอ (ซึ่งน้องเค้าก็รู้ว่ามันโดนถอนชื่อ เพราะตอนที่บ๊อปเค้าจีบน้องๆเค้าอยากรู้ว่าวันๆบ๊อปเรียนอะไรก็เลยเข้าไปดูในระบบนักศึกษาแต่ที่เห็นก็เป็นเหมือนที่หนูเห็น)
จนกระทั่งก่อนวันเข้ารับปริญญา(วันพัก)  บ๊อปใส่ชุดครุยเต็มยศ ลงจากรถเก๋งมาชวนเพื่อนๆถ่ายรูป ซึ่งเค้าไม่สะทกสะท้านกับการโกหกเข้าเค้าเลย หนูถึงกับอึ้ง.....นี่ลงทุนไปน่ะ สตั้นไปครู่ใหญ่....เอาที่สบายใจ โกหกก็โกหกให้มันตลอดทางละกัน
มันเป็นการลงทุนที่คุ้มที่ทำให้เพื่อนและคนรู้จักเชื่อในการโกหกของเค้า จนไม่มีข้อกังขา ยกเว้นหนู และน้องคนนั้น
และเค้าก็ใช้ชีวิตปกติของเค้าต่อไปแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น


หนูไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร พูดโอ้อวดว่าทำงานดี เงินเดือนเยอะ เพื่ออยากให้คนอื่นเชิดชูและอิจฉางั้นหรอ หรือ อายที่ไม่กล้าบอกว่าตัวเองเรียนไม่จบ จึงใช้การโกหกที่ยาวเป็นมหากาพย์เพื่อให้คนอื่นเชื่อ การเรียนจบไม่จบมัดไม่ได้การันตีหรอกว่าชีวิตเราจะประสบความสำเร็จในชีวิต คิดไหมว่าถ้าคนอื่นรู้ความจริงจะอับอายมากแค่ไหนที่ทำแบบนี้ การยอมรับความจริงไม่ได้แย่เสมอไป
หนูยังห่วงมัดหมี่ เมื่อไหร่จะรู้สักที แล้วเมื่อรู้จะคิดยังไง

ถ้าทุกคนเป็นหนู แล้วต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ทุกคนจะยังไง และจะทำอย่างไรกับเพื่อนที่มีนิสัยแบบนี้

เรื่องเล่ายาวมากๆๆ ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบน่ะคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่