ระหว่างลาออกจากงาน (ราชการ) ซึ่งทำมา 20 กว่าปี จนได้รับบำนาญแล้ว(ถ้าลาออก) แต่บำนาญที่ได้รับจะไม่พอใช้หนี้สหกรณ์ ต้องหามาเพิ่ม และยิ่งอยู่ยิ่งเป็นหนี้ เนื่องจากปัญหาภาวะเงินไม่พอใช้ตลอดมาต้องขายของในวันเสาร์และอาทิตย์ แต่ได้กำไรดี วันละ 1500 บาทขึ้นไป เฉพาะกำไรนะ
กับการที่ลาออกจากงานมาเลยเพื่อมาขายของเต็มตัว ถ้าขายของรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่าสี่หมื่น แต่ถ้ายังรับราชการอยู่ เงินเดือนเต็มเกือบ 30,000 แต่รับสุทธิ ไม่ถึง 3,000 แถมเจ้าหนี้ยึดบัตรเอทีเอ็มไว้ หักดอก ได้คืนมาใช้แค่ 300-500 มีหนี้นอกระบบร้อยละ 5-10 อยู่ 300,000 ส่งดอกเดือนละเกือบสองหมื่นค้าขายเสาร์อาทิตย์มาจ่ายค่าดอกเบี้ยวันจันทร์ หมด กับลาออกไป ได้เงินหกแสนกว่า มาใช้หนี้ แล้วมาค้าขายเต็มตัวดีมั้ย แต่ติดที่ถ้าลาออกเรายังไม่หมดหนี้สหกรณ์ คนค้ำประกันให้เรา เขากลัวว่าเราจะไม่ชำระ แต่เราไม่เคยคิดโกงใคร เป็นคนซื่อตรงมาตลอด คิดว่าถ้าออกไปแล้วจะตั้งใจทำงานอย่างไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะหมดหนี้ แต่กลัวคนค้ำเขาไม่ไว้เรา อีกอย่างถ้าออกไปแล้ว เรามีเพื่อนอยู่เมืองนอก สามารถไปหางานทำที่เมืองนอกได้ด้วย อย่างไหนจะดีกว่ากัน
คิดไม่ตก..ช่วยคิดหน่อย
กับการที่ลาออกจากงานมาเลยเพื่อมาขายของเต็มตัว ถ้าขายของรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่าสี่หมื่น แต่ถ้ายังรับราชการอยู่ เงินเดือนเต็มเกือบ 30,000 แต่รับสุทธิ ไม่ถึง 3,000 แถมเจ้าหนี้ยึดบัตรเอทีเอ็มไว้ หักดอก ได้คืนมาใช้แค่ 300-500 มีหนี้นอกระบบร้อยละ 5-10 อยู่ 300,000 ส่งดอกเดือนละเกือบสองหมื่นค้าขายเสาร์อาทิตย์มาจ่ายค่าดอกเบี้ยวันจันทร์ หมด กับลาออกไป ได้เงินหกแสนกว่า มาใช้หนี้ แล้วมาค้าขายเต็มตัวดีมั้ย แต่ติดที่ถ้าลาออกเรายังไม่หมดหนี้สหกรณ์ คนค้ำประกันให้เรา เขากลัวว่าเราจะไม่ชำระ แต่เราไม่เคยคิดโกงใคร เป็นคนซื่อตรงมาตลอด คิดว่าถ้าออกไปแล้วจะตั้งใจทำงานอย่างไม่ยอมแพ้ จนกว่าจะหมดหนี้ แต่กลัวคนค้ำเขาไม่ไว้เรา อีกอย่างถ้าออกไปแล้ว เรามีเพื่อนอยู่เมืองนอก สามารถไปหางานทำที่เมืองนอกได้ด้วย อย่างไหนจะดีกว่ากัน