การเดินทางไปเชียงของในครั้งนี้เรานั่งรถของสมบัติทัวร์ไป (จขกท.ได้รับตั๋วรถทัวร์จากกิจกรรม "ร่วมสนุก ลุ้นเที่ยวแบบบุฟเฟต์" จากเฟสบุ๊คสมบัติทัวร์)
เริ่มออกเดินทางจากศูนย์บริการสมบัติทัวร์ที่วิภาวดี ด้วยรถวีไอพี ประเภทSupreme
ในรถมีทีวีส่วนตัวให้ดู สามารถดูหนัง เล่นเกมส์ หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้ มีช่องเสียสายชาร์จให้ด้านล่างของจอ (เป็นที่เสียบสายชารจ์แบบUSB)
เบาะปรับนวดได้
พนักงานบริการดีมาก เดินมาเสิร์ฟน้ำ ดูแลลูกค้าตลอด มีบรรยายมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เบาะนุ่ม ที่วางขากว้าง ยืดขาได้สบาย
ส่วนขากลับเรานั่งรถแบบSuperที่วางขาแคบกว่า ขากลับเจอตำรวจขึ้นมาตรวจบัตรประชาชนบนรถ3รอบ ใครที่ขึ้นภาคเหนือก็อย่าลืมพกบัตรประชาชนติดตัวไว้ด้วย
อาหารที่จุดพักรถ ไม่ค่อยอร่อย พนักงานมาเติมอาหารให้ตอนที่จะถึงเวลาขึ้นรถแล้ว ไม่ค่อยประทับใจ
ความเห็นส่วนตัว
รถนั่งสบาย พนักงานได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่อยากให้ปรับปรุงเรื่องอาหารจุดพักรถ และอยากให้มีบรรยายภาษาอังกฤษในรถทุกประเภท เวลาที่ชาวต่างชาติใช้บริการจะได้เข้าใจ
มาถึงเชียงของ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เช่ามอเตอร์ไซค์ หาได้จากร้านเช่ามอไซค์หรือตามเกสท์เฮาส์ ของเราเช่าที่ที่พักชื่อบ้านริมน้ำ คันละ250บาท น้ำมันมีเต็มถัง ตอนคืนก็แค่เติมน้ำมันให้เต็มเหมือนเดิม (ประมาณ30บาท)
เชียงของเป็นเมืองเล็กๆ ใช้เวลาเที่ยวประมาณ2วัน1คืน ส่วนใหญ่ที่เที่ยวก็จะเป็นวัด เหมาะสำหรับคนที่อยากจะหนีความวุ่นวายในเมืองมาใช้ชีวิตช้าๆ
เดินเล่นชิวๆ ดูวิวแม่น้ำโขง
การข้ามไปฝั่งลาว ต้องไปทำบัตรผ่านแดนที่อำเภอเชียงของ ใช้บัตรประชาชน1ใบและเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย
ตอนนี้ ถ้าจะข้ามไปลาวที่ท่าเรือบั๊คต้องใช้บัตรผ่านแดนเท่านั้น สำหรับคนที่อยากใช้พาสปอร์ตต้องไปข้ามที่สะพาน (จะไกลกว่า)
ก่อนข้ามแดนก็ต้องไปยื่นเอกสารตรงท่าเรือพร้อมเสียค่าธรรมเนียม
จากนั้นไปรอเรือข้ามไปฝั่งลาว 40 บาท ใช้เวลาไม่เกิน10นาทีก็ถึง
ข้ามมาถึงก็ต้องไปเสียค่าเหยียบแผ่นดินก่อน แล้วเดินลงมาจะเจอกับสองแถวที่จะพาไปวัดจอมเขามณีรัตน์ กับตลาด ทุกคันคิดไป-กลับคนละ200บาท
ถ้าเหมาไปวัดกับตลาดก็500บาท เราก็เลยไม่ไป เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้วกลับไทยแทน
สอบถามค่ารถจากแม่ค้าชาวลาว ได้ความว่าปกติไปวัดคิดคนละ50บาท คนไทยหรือคนลาวก็ราคาเดียวกัน
ก๋วยเตี๋ยวฝั่งลาวรสชาติแปลกๆ แต่ที่แปลกที่สุดคือที่นี่เขาใส่ผงชูรสเป็นเครื่องปรุง
ข้าวปุ้น(ขนมจีน) กิน2ร้าน บูด2ร้าน
ข้ามกลับมาที่ของกินฝั่งไทย
ข้าวซอยน้ำเงี้ยวป้าจันทร์
ส่วนตัวเราว่ารสชาติธรรมดา ไม่ได้อร่อยเวอร์ จากที่ได้ลองชิมน้ำเงี้ยวอีกร้านหนึ่งก็พบว่าน้ำเงี้ยวของเชียงรายน้ำจะข้นกว่าของเชียงใหม่
แหนมเนือง ร้านปิงปิง เดินๆอยู่อยากกินแหนมเนืองเลยเข้าไปลอง ปรากฏว่าแหนมเนืองร้านนี้อร่อยมาก อร่อยกว่าวีทีจนต้องซื้อกลับมากรุงเทพฯ
จานนี้ 160 บาท
ใครไปเชียงของลองไปกินดู แนะนำ (เจ้าของร้านน่ารักมาก เอาแผ่นแหนมเนืองของอุบลมาให้ลองชิม บอกว่าของอุบลจะบางกว่าแผ่นของเชียงของ)
ร้านบ้านไมตรี
ผิดหวังกับรสชาติอาหาร มีดีที่ปลาสด มองเห็นวิวน้ำโขง
[SR] เชียงของ เมืองน่ารัก + รีวิวรถสมบัติทัวร์
เริ่มออกเดินทางจากศูนย์บริการสมบัติทัวร์ที่วิภาวดี ด้วยรถวีไอพี ประเภทSupreme
ในรถมีทีวีส่วนตัวให้ดู สามารถดูหนัง เล่นเกมส์ หรือเล่นอินเทอร์เน็ตได้ มีช่องเสียสายชาร์จให้ด้านล่างของจอ (เป็นที่เสียบสายชารจ์แบบUSB)
เบาะปรับนวดได้
พนักงานบริการดีมาก เดินมาเสิร์ฟน้ำ ดูแลลูกค้าตลอด มีบรรยายมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ เบาะนุ่ม ที่วางขากว้าง ยืดขาได้สบาย
ส่วนขากลับเรานั่งรถแบบSuperที่วางขาแคบกว่า ขากลับเจอตำรวจขึ้นมาตรวจบัตรประชาชนบนรถ3รอบ ใครที่ขึ้นภาคเหนือก็อย่าลืมพกบัตรประชาชนติดตัวไว้ด้วย
อาหารที่จุดพักรถ ไม่ค่อยอร่อย พนักงานมาเติมอาหารให้ตอนที่จะถึงเวลาขึ้นรถแล้ว ไม่ค่อยประทับใจ
ความเห็นส่วนตัว
รถนั่งสบาย พนักงานได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่อยากให้ปรับปรุงเรื่องอาหารจุดพักรถ และอยากให้มีบรรยายภาษาอังกฤษในรถทุกประเภท เวลาที่ชาวต่างชาติใช้บริการจะได้เข้าใจ
มาถึงเชียงของ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เช่ามอเตอร์ไซค์ หาได้จากร้านเช่ามอไซค์หรือตามเกสท์เฮาส์ ของเราเช่าที่ที่พักชื่อบ้านริมน้ำ คันละ250บาท น้ำมันมีเต็มถัง ตอนคืนก็แค่เติมน้ำมันให้เต็มเหมือนเดิม (ประมาณ30บาท)
เชียงของเป็นเมืองเล็กๆ ใช้เวลาเที่ยวประมาณ2วัน1คืน ส่วนใหญ่ที่เที่ยวก็จะเป็นวัด เหมาะสำหรับคนที่อยากจะหนีความวุ่นวายในเมืองมาใช้ชีวิตช้าๆ
เดินเล่นชิวๆ ดูวิวแม่น้ำโขง
การข้ามไปฝั่งลาว ต้องไปทำบัตรผ่านแดนที่อำเภอเชียงของ ใช้บัตรประชาชน1ใบและเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อย
ตอนนี้ ถ้าจะข้ามไปลาวที่ท่าเรือบั๊คต้องใช้บัตรผ่านแดนเท่านั้น สำหรับคนที่อยากใช้พาสปอร์ตต้องไปข้ามที่สะพาน (จะไกลกว่า)
ก่อนข้ามแดนก็ต้องไปยื่นเอกสารตรงท่าเรือพร้อมเสียค่าธรรมเนียม
จากนั้นไปรอเรือข้ามไปฝั่งลาว 40 บาท ใช้เวลาไม่เกิน10นาทีก็ถึง
ข้ามมาถึงก็ต้องไปเสียค่าเหยียบแผ่นดินก่อน แล้วเดินลงมาจะเจอกับสองแถวที่จะพาไปวัดจอมเขามณีรัตน์ กับตลาด ทุกคันคิดไป-กลับคนละ200บาท
ถ้าเหมาไปวัดกับตลาดก็500บาท เราก็เลยไม่ไป เดินไปกินก๋วยเตี๋ยวแล้วกลับไทยแทน
สอบถามค่ารถจากแม่ค้าชาวลาว ได้ความว่าปกติไปวัดคิดคนละ50บาท คนไทยหรือคนลาวก็ราคาเดียวกัน
ก๋วยเตี๋ยวฝั่งลาวรสชาติแปลกๆ แต่ที่แปลกที่สุดคือที่นี่เขาใส่ผงชูรสเป็นเครื่องปรุง
ข้าวปุ้น(ขนมจีน) กิน2ร้าน บูด2ร้าน
ข้ามกลับมาที่ของกินฝั่งไทย
ข้าวซอยน้ำเงี้ยวป้าจันทร์
ส่วนตัวเราว่ารสชาติธรรมดา ไม่ได้อร่อยเวอร์ จากที่ได้ลองชิมน้ำเงี้ยวอีกร้านหนึ่งก็พบว่าน้ำเงี้ยวของเชียงรายน้ำจะข้นกว่าของเชียงใหม่
แหนมเนือง ร้านปิงปิง เดินๆอยู่อยากกินแหนมเนืองเลยเข้าไปลอง ปรากฏว่าแหนมเนืองร้านนี้อร่อยมาก อร่อยกว่าวีทีจนต้องซื้อกลับมากรุงเทพฯ
จานนี้ 160 บาท
ใครไปเชียงของลองไปกินดู แนะนำ (เจ้าของร้านน่ารักมาก เอาแผ่นแหนมเนืองของอุบลมาให้ลองชิม บอกว่าของอุบลจะบางกว่าแผ่นของเชียงของ)
ร้านบ้านไมตรี
ผิดหวังกับรสชาติอาหาร มีดีที่ปลาสด มองเห็นวิวน้ำโขง