นี่คือทริปเที่ยวเกาหลีครั้งแรกค่ะ อยากเขียนรีวิวบ้าง(เพื่อเก็บความประทับใจ และอาจจะมีประโยชน์บ้างสำหรับคนที่กำลังศึกษาหาแนวทางที่จะไปเที่ยวแบบไม่ง้อทัวร์...555) เราไปเที่ยวเองค่ะ ไปกับน้องสาวแต่เดินทางไม่พร้อมกัน นัดไปเจอกันที่โน่น
#### ช่วงที่เป็นประโยคคำพูดอาจมีคำที่ไม่เหมาะสมบ้าง แต่ไม่เยอะค่ะ ####
## รูปไม่เยอะ(ต้องการซึบซับทุกอย่างผ่านสายตามากกว่า) และไม่ค่อยสวย(ใช้กล้องมือถือธรรมดา) ##
แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากไปก็คือ เราชอบโจอินซอง กับ แฝดสาม แทฮัน มินกุก มันเซ แล้วก็ชอบดูซีรี่ย์เกาหลีนั่นเอง (ช่วงที่ไป ซีรี่ย์ดังแห่งปี Descendants Of The Sun ตอบจบพอดี ได้ดูซีรี่ย์แบบเรียลไทม์ เรียลคันทรี่ก็ฟินไปอีกแบบ)
ส่วนความตั้งใจคือ ไปกินกับเที่ยว พักผ่อนค่ะ ได้ข่าวว่าอากาศดีด้วยเลยอยากไปลองสัมผัสซักครั้ง (เป็นของขวัญให้ตัวเองที่ทำงานมา 10 กว่าปี)
เมื่อตกลงใจว่าจะไป ก่อนอื่นก็เตรียมตัววางแผน วันที่จะเดินทาง การเดินทาง ที่พัก ค่าใช้จ่าย แผนเที่ยวแบบคร่าวๆ ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากเพจ มุมเล็ก at เกาหลี พาฟินเกาหลี GamJa Guesthouse Seoul, Korea Korea Tourism Organization Thailand SEOUL CAFE eat...travel...coffee...and KOREA! และก็ search จาก Pantip บ้าง Google บ้าง ได้จากคนใกล้ตัวบ้าง แชร์ๆกันไป ขอบคุณมากนะคะ
พอได้ข้อมูลคร่าวๆ ได้วันไป-กลับ ก็จองตั๋วเครื่องบิน และ ห้องพัก กันเลย
- วันเดินทางคือ 13-16 เมษายน 2559 กับ Air AsiaX
จองช่วงพฤศจิกายน 2558 ค่าตั๋วไป-กลับ อาหารขาไป ชุดABF กระเป๋าขาไป 25โล
ขากลับ 40โล ค่าประกัน รวมเบ็ดเสร็จ 17,990 บาท
ที่เลือกAir AsiaX เพราะเค้ามีเที่ยวบินตรง ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง(ใกล้ที่ทำงาน เลิกงานก็ไปรอขึ้นเครื่องได้เลย) ใช้บริการมาตลอดไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยเจอดีเลย์
บินกลางคืนถึงเช้า เที่ยวได้เลย ขากลับ บินเช้าถึงบ่าย มีเวลาเดินทางกลับบ้านแบบไม่มึดมาก
เวลาไป 13/04/16 ตี1:55 ถึง อินชอน 9:15 (เช้าตามเวลาของเกาหลี ซึ่งเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง)
****อยากแนะนำว่า อาหาร ถ้ามีเวลาก่อนขึ้นเครื่องก็ทานไปก่อน เพราะพนักงานเสิร์ฟอาหารตอน ตี3 ซึ่งมันไม่ใช่เวลากินแต่ถ้ากลัวเพลียก็สั่งได้เลย แล้วจะดีมากถ้าเราจองล่วงหน้าเพราะซื้อบนเครื่องแพงกว่าและมีให้เลือกไม่เยอะ
เวลากลับ 16/04/16 11:15 (เช้าตามเวลาเกาหลี) ถึงดอนเมือง 15:15 (บ่ายตามเวลาในไทย)
****แนะนำให้สั่งอาหารทานคะเพราะ หิวมาก(เราไม่ได้สั่งยอมรับเลยว่าพลาด เพราะเค้าเสิร์ฟตอนเที่ยงของไทยพอดี) ถ้าไปซื้อบนเครื่องก็จะแพง และไม่มีให้เลือกค่ะ.....มีอะไรก็ต้องซื้อกิน (มีแต่ข้าวไก่เทอริยากิ)
- ที่พัก หาหลายที่มาก แน่หล่ะ อยากได้แบบเดินทางสะดวก ใกล้จุด ช๊อป กิน เที่ยว
ข้อมูลที่ได้มาส่วนมากเป็น Guesthouse ซะส่วนใหญ่ บ้างก็ห้องน้ำรวม บ้างก็ห้องเล็ก(ส่วนตัวไม่สนใจห้องน้ำรวมเท่าไหร่ เพราะเป็นคนเอาแต่ใจมากถ้าปวดท้องต้องได้เข้าเลย อั้นไม่ไหว) ก็เลย หาไปเรื่อยๆ จองหลายที่ค่ะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนมาได้ที่ K-Guesthouse Myeongdong 3 อยู่กลางเมียงดงเลยจ้า จองผ่าน agoda ตอนเดือนมีนาคม 2559 เข้าพัก 13 เมษา -16 เมษา รวม 4,200 บาท ห้องขนาดกระทัดรัด มีห้องน้ำในตัวขนาดพอเหมาะ มีที่ว่างเหมาะสำหรับกระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว 2 ใบกางออกเท่านั้น
****โดยส่วนตัว ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องห้องพักเท่าไหร่ เพราะแค่อาศัย อาบน้ำ นอน และพักระหว่างวันไม่กี่ชั่วโมง นอกนั้น อยู่ข้างนอกซะส่วนใหญ่ ที่นี่เลยโอเคสำหรับเรา เจ้าหน้าที่ดูแลที่พัก อัธยาศัยดีมาก เจอหน้าครั้งแรกตอนเช้า Good Morning จากนั้นระหว่างวัน ทักกันทุกครั้ง คอยช่วยเหลือดี(แต่เราไม่มีอะไรให้เค้าช่วย55) ที่สำคัญ หน้าตาดี 555(มันดีตรงนี้) อยู่ 3 วันไม่มีใครมาทำความสะอาดห้องเลย (อาจจะต้องบอกเค้ามั้ง แต่เราไม่ได้ทำรกเท่าไหร่) โดยรวมถือว่าโอเคสำหรับนักเดินทาง แต่ถ้าแบบครอบครัว หรือมีเด็กแนะนำที่อื่น น่าจะสะดวกกว่า
- ค่าใช้จ่าย วันละไม่เกิน 100,000 วอน (กิน ช๊อป ค่ารถในการเดินทางในโซล)
แลกไปสองสกุลเงิน คือ USD กับเงินวอน แลกที่ ซุปเปอร์ริช ได้เรทดีที่สุดค่ะ
- แผนเที่ยววางไว้ คือ N Tower , Everland , Gyeongbokgung Palace , Cheonggyecheon-stream , Numdaemun market , Hongik Univ. , Ehwa Univ. ,Lotte mart , Myeongdong , Everything but the hero cafe…..
-หาคูปองส่วนลดต่างๆ ถ้ามี ก็ปริ้นท์ติดไปเผื่อใช้ หาได้จากแหล่งข้อมูลด้านบนเลยจ้า
-อากาศช่วงที่ไป ต่ำสุด 4 องศา สูงสุด 24 องศา โดยเฉลี่ย ถึงแม้จะเป็นเลขตัวเดียวก็จริง เสื้อผ้าที่เตรียมไป ไม่ต้องอะไรมาก แบบสบายๆมีเสื้อคลุมตัวเดียวเอาอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าจะเย็นเหมือนบ้านเรา ที่โน่นเย็นสบายตัวมากกว่า (เราใส่ขาสั้น เสื้อยืด แล้วก็เสื้อคลุม ถุงเท้ารองเท้าผ้าใบ สบายๆ )
วันเดินทาง ถ้าขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แล้วเป็นไฟล์ทบินตรง แนะนำให้ไปถึงสนามบินซัก 5ทุ่มครึ่ง ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องไปปะปนกับ ไฟล์ทที่จะไปนาริตะ
**** เราเองก็ไม่รู้ว่าไฟล์ทโซล ต้องเช็คอินหลังจากไฟล์ทนาริตะ (เพราะเคยบินสิงคโปร์ เครื่องออก 11โมง มาเช็คอินได้ตั้งแต่ 7 โมงยังได้เลย) วันนั้นต้องขอโทษไฟล์ท นาริตะด้วยนะคะ ที่ทำให้เสียเวลา ต้องต่อคิวยาวกว่าเดิมเพราะ คนไปโซลก็เข้าแถวปนๆกันไป เจ้าหน้าที่ก็ไม่ประกาศบอก รู้อีกทีตอน ถึงเคาเตอร์ “ไฟล์ทโซล เช็คอิน 5 ทุ่ม ครึ่งนะคะ” แล้วที่เสียเวลาต่อคิวมาคืออะไร ????
อ้อ...แล้วหลังจากนั้น 1วัน ได้ข่าวแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น เรานี่นึกถึงวันเช็คอิน หวังว่าคนที่เห็นหน้ากันในวันนั้นคงปลอดภัยทุกคนนะคะ.....
พอได้เวลาเช็คอินของไฟล์ทโซล ในขณะที่ต่อแถวเช็คอินก็ได้เจอเพื่อนร่วมเดินทางค่ะ เป็นครอบครัว พี่สาว น้องชาย พาแม่ไปเที่ยว เค้าไปกับทัวร์ค่ะ เลยคุยกัน ขากลับกลับไฟล์ทเดียวกัน เลยคุยกันว่าเดี๋ยวมาดูกันว่าไปเองกับทัวร์ต่างกันยังไง....พอเช็คอินเสร็จก็จะได้ใบ เข้า-ออก ประเทศไทยมา1 ใบ เราต้องกรอกรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อนเดินผ่านตม.เข้าไปใน Gate (พกปากกาไปด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องไปหายืม เราพกไป แต่ไม่ได้เช็คไส้ข้างใน ปรากฏว่าหมึกมันขาดออกจากกัน เขียนไม่ทันเสร็จเหลือแค่เซ็นชื่อ มันก็ไม่ติด เลยไปขอยืมผู้หญิงคนนึง มากับเพื่อน 3 คน เกรงใจ้ เกรงใจ แต่ก็ขอบคุณนะคะ.....พอผ่าน ตม.(เดี๋ยวนี้ใช้สแกนแล้วนะคะ ไม่แสต๊มป์ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว) ก็เป็นด่าน x-ray กระเป๋าและผู้โดยสาร
จากนั้น(เที่ยงคืนกว่าๆ)ก็หลุดไปในโลกของการ ช๊อปปิ้ง โดยส่วนตัวไม่รู้จะซื้ออะไร ก็เลยหาของกินกะว่าจะกินให้อิ่ม(มื้อล่าสุดก็ตอนเที่ยงวัน)ขึ้นเครื่องจะได้หลับ เอาเข้าจริงๆร้านก็ปิดเกือบหมด เลยซื้อเงาะอบแห้งรองท้อง แล้วก็เข้าห้องน้ำไปนั่งรอหน้า Gate ด้วยอาการ เบลอๆ ง่วงๆ (ปกตินอนไม่เกิน 4 ทุ่ม) หาโน่นนี่ทำไม่ให้หลับ โชคดีที่ที่เรานั่งรอเป็นครอบครัวที่มีเด็กน้อย ก็เลยวุ่นวายนิดๆ ทำให้ไม่ง่วง พอGate เปิด ลงไปตรวจตั๋ว ตรวจ passport จุดนี้ เงียบกว่า เกือบหลุดไปเหมือนกัน ดีที่พนักงานต้อนรับบนเครื่อง ทยอยเดินมา หน้าตาดี ๆ ทำให้ตื่นได้ (พนักงานบริการบนเครื่องบินชาย สัญชาติเกาหลี หล่อมาก ในความรู้สึกเรา)
เที่ยวบิน XJ มีพนักงานต้อนรับสองสัญชาติค่ะ คือไทยและเกาหลี ไฟล์ทนี้กัปตันเป็นผู้หญิงนะคะ เก่งด้วยตอนแลนดิ้งที่อินชอน ถือว่าใช้ได้เลย
พอขึ้นเครื่องนั่งประจำที่ก็คาดเข็มขัดเลยค่ะ คิดว่าน่าจะหลับ ที่ไหนได้ ตาสว่างไปตลอดทาง(จะไม่ให้ตาสว่างได้ไง ตอนสาธิตการใช้อุปกรณ์นิรภัย พนักงานชายคนนั้น มายืนสาธิตอยู่เบื้องหน้า เป็นครั้งแรกที่เราดูจนจบ อยากขอดูอีกรอบด้วยซ้ำ นางเป็นคนหน้าตาดี ดูไม่เบื่ออ่า.....)
ตี 3 (ของไทย)ก็เริ่มมีการเสิร์ฟอาหาร ตอนนั้นบอกเลยว่า มึนๆ งงๆ จะเวียนหัวหรือจะเมาเครื่องบอกไม่ถูก 555กินเสร็จ เค้าก็แจกใบเข้าเมืองเกาหลี กับใบสำแดงสิ่งของ ในแคตตาลอกหน้าที่นั่งมีตัวอย่างวิธีเขียนให้ดูค่ะเปิดดูแล้วเขียนตามคำอธิบายได้เลย
เราเขียนผิด คือเลขเจ็ด ตามสากล ต้องเขียน 7 แต่เราไปเติมขีดตรงกลาง เลยจะขอใบใหม่ แล้วกอปร กับ เราเวียนหัวมากตอนนั้นน่าจะจากการไมได้นอน และเค้ายังไม่เดินมาเก็บซากที่เรากินหมดแล้วมันเลยดูวุ่นวาย ก็มีคนข้างๆ หันมาถามว่าช่วยเขียนมั้ย (กล่าวขอบคุณไปอยากบอกว่าเขียนผิด ต้องขอบคุณจริงๆ อีกครั้งนะคะ เพราะตอนนั้นสภาพอาจดูไม่ดีนัก เวียนหัวจริงๆ)
พอเครื่องจอดเจอตัวทางเดินที่เชื่อมระหว่างเครื่องบินกับอาคาร จุดนี้พูดเลย อ้วกจะแตก เดินไปมันก็เหวี่ยงไป ได้ยินคนข้างหลังพูดว่า นี่กูเวียนหัวหรือไอ้นี่มันโยก ... เพื่อนเค้าบอกว่ามันโยกได้ เรานึกในใจ เฮ้อ...นึกว่ารู้สึกไปคนเดียว
[CR] SEOUL COOL..... SEOUL GOOD.....
#### ช่วงที่เป็นประโยคคำพูดอาจมีคำที่ไม่เหมาะสมบ้าง แต่ไม่เยอะค่ะ ####
## รูปไม่เยอะ(ต้องการซึบซับทุกอย่างผ่านสายตามากกว่า) และไม่ค่อยสวย(ใช้กล้องมือถือธรรมดา) ##
แรงบันดาลใจที่ทำให้อยากไปก็คือ เราชอบโจอินซอง กับ แฝดสาม แทฮัน มินกุก มันเซ แล้วก็ชอบดูซีรี่ย์เกาหลีนั่นเอง (ช่วงที่ไป ซีรี่ย์ดังแห่งปี Descendants Of The Sun ตอบจบพอดี ได้ดูซีรี่ย์แบบเรียลไทม์ เรียลคันทรี่ก็ฟินไปอีกแบบ)
ส่วนความตั้งใจคือ ไปกินกับเที่ยว พักผ่อนค่ะ ได้ข่าวว่าอากาศดีด้วยเลยอยากไปลองสัมผัสซักครั้ง (เป็นของขวัญให้ตัวเองที่ทำงานมา 10 กว่าปี)
เมื่อตกลงใจว่าจะไป ก่อนอื่นก็เตรียมตัววางแผน วันที่จะเดินทาง การเดินทาง ที่พัก ค่าใช้จ่าย แผนเที่ยวแบบคร่าวๆ ข้อมูลส่วนใหญ่มาจากเพจ มุมเล็ก at เกาหลี พาฟินเกาหลี GamJa Guesthouse Seoul, Korea Korea Tourism Organization Thailand SEOUL CAFE eat...travel...coffee...and KOREA! และก็ search จาก Pantip บ้าง Google บ้าง ได้จากคนใกล้ตัวบ้าง แชร์ๆกันไป ขอบคุณมากนะคะ
พอได้ข้อมูลคร่าวๆ ได้วันไป-กลับ ก็จองตั๋วเครื่องบิน และ ห้องพัก กันเลย
- วันเดินทางคือ 13-16 เมษายน 2559 กับ Air AsiaX
จองช่วงพฤศจิกายน 2558 ค่าตั๋วไป-กลับ อาหารขาไป ชุดABF กระเป๋าขาไป 25โล
ขากลับ 40โล ค่าประกัน รวมเบ็ดเสร็จ 17,990 บาท
ที่เลือกAir AsiaX เพราะเค้ามีเที่ยวบินตรง ขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง(ใกล้ที่ทำงาน เลิกงานก็ไปรอขึ้นเครื่องได้เลย) ใช้บริการมาตลอดไม่เคยมีปัญหา ไม่เคยเจอดีเลย์
บินกลางคืนถึงเช้า เที่ยวได้เลย ขากลับ บินเช้าถึงบ่าย มีเวลาเดินทางกลับบ้านแบบไม่มึดมาก
เวลาไป 13/04/16 ตี1:55 ถึง อินชอน 9:15 (เช้าตามเวลาของเกาหลี ซึ่งเร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง)
****อยากแนะนำว่า อาหาร ถ้ามีเวลาก่อนขึ้นเครื่องก็ทานไปก่อน เพราะพนักงานเสิร์ฟอาหารตอน ตี3 ซึ่งมันไม่ใช่เวลากินแต่ถ้ากลัวเพลียก็สั่งได้เลย แล้วจะดีมากถ้าเราจองล่วงหน้าเพราะซื้อบนเครื่องแพงกว่าและมีให้เลือกไม่เยอะ
เวลากลับ 16/04/16 11:15 (เช้าตามเวลาเกาหลี) ถึงดอนเมือง 15:15 (บ่ายตามเวลาในไทย)
****แนะนำให้สั่งอาหารทานคะเพราะ หิวมาก(เราไม่ได้สั่งยอมรับเลยว่าพลาด เพราะเค้าเสิร์ฟตอนเที่ยงของไทยพอดี) ถ้าไปซื้อบนเครื่องก็จะแพง และไม่มีให้เลือกค่ะ.....มีอะไรก็ต้องซื้อกิน (มีแต่ข้าวไก่เทอริยากิ)
- ที่พัก หาหลายที่มาก แน่หล่ะ อยากได้แบบเดินทางสะดวก ใกล้จุด ช๊อป กิน เที่ยว
ข้อมูลที่ได้มาส่วนมากเป็น Guesthouse ซะส่วนใหญ่ บ้างก็ห้องน้ำรวม บ้างก็ห้องเล็ก(ส่วนตัวไม่สนใจห้องน้ำรวมเท่าไหร่ เพราะเป็นคนเอาแต่ใจมากถ้าปวดท้องต้องได้เข้าเลย อั้นไม่ไหว) ก็เลย หาไปเรื่อยๆ จองหลายที่ค่ะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา จนมาได้ที่ K-Guesthouse Myeongdong 3 อยู่กลางเมียงดงเลยจ้า จองผ่าน agoda ตอนเดือนมีนาคม 2559 เข้าพัก 13 เมษา -16 เมษา รวม 4,200 บาท ห้องขนาดกระทัดรัด มีห้องน้ำในตัวขนาดพอเหมาะ มีที่ว่างเหมาะสำหรับกระเป๋าเดินทาง 20 นิ้ว 2 ใบกางออกเท่านั้น
****โดยส่วนตัว ไม่ค่อยซีเรียสเรื่องห้องพักเท่าไหร่ เพราะแค่อาศัย อาบน้ำ นอน และพักระหว่างวันไม่กี่ชั่วโมง นอกนั้น อยู่ข้างนอกซะส่วนใหญ่ ที่นี่เลยโอเคสำหรับเรา เจ้าหน้าที่ดูแลที่พัก อัธยาศัยดีมาก เจอหน้าครั้งแรกตอนเช้า Good Morning จากนั้นระหว่างวัน ทักกันทุกครั้ง คอยช่วยเหลือดี(แต่เราไม่มีอะไรให้เค้าช่วย55) ที่สำคัญ หน้าตาดี 555(มันดีตรงนี้) อยู่ 3 วันไม่มีใครมาทำความสะอาดห้องเลย (อาจจะต้องบอกเค้ามั้ง แต่เราไม่ได้ทำรกเท่าไหร่) โดยรวมถือว่าโอเคสำหรับนักเดินทาง แต่ถ้าแบบครอบครัว หรือมีเด็กแนะนำที่อื่น น่าจะสะดวกกว่า
- ค่าใช้จ่าย วันละไม่เกิน 100,000 วอน (กิน ช๊อป ค่ารถในการเดินทางในโซล)
แลกไปสองสกุลเงิน คือ USD กับเงินวอน แลกที่ ซุปเปอร์ริช ได้เรทดีที่สุดค่ะ
- แผนเที่ยววางไว้ คือ N Tower , Everland , Gyeongbokgung Palace , Cheonggyecheon-stream , Numdaemun market , Hongik Univ. , Ehwa Univ. ,Lotte mart , Myeongdong , Everything but the hero cafe…..
-หาคูปองส่วนลดต่างๆ ถ้ามี ก็ปริ้นท์ติดไปเผื่อใช้ หาได้จากแหล่งข้อมูลด้านบนเลยจ้า
-อากาศช่วงที่ไป ต่ำสุด 4 องศา สูงสุด 24 องศา โดยเฉลี่ย ถึงแม้จะเป็นเลขตัวเดียวก็จริง เสื้อผ้าที่เตรียมไป ไม่ต้องอะไรมาก แบบสบายๆมีเสื้อคลุมตัวเดียวเอาอยู่ ไม่ต้องกังวลว่าจะเย็นเหมือนบ้านเรา ที่โน่นเย็นสบายตัวมากกว่า (เราใส่ขาสั้น เสื้อยืด แล้วก็เสื้อคลุม ถุงเท้ารองเท้าผ้าใบ สบายๆ )
วันเดินทาง ถ้าขึ้นเครื่องที่ดอนเมือง แล้วเป็นไฟล์ทบินตรง แนะนำให้ไปถึงสนามบินซัก 5ทุ่มครึ่ง ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องไปปะปนกับ ไฟล์ทที่จะไปนาริตะ
**** เราเองก็ไม่รู้ว่าไฟล์ทโซล ต้องเช็คอินหลังจากไฟล์ทนาริตะ (เพราะเคยบินสิงคโปร์ เครื่องออก 11โมง มาเช็คอินได้ตั้งแต่ 7 โมงยังได้เลย) วันนั้นต้องขอโทษไฟล์ท นาริตะด้วยนะคะ ที่ทำให้เสียเวลา ต้องต่อคิวยาวกว่าเดิมเพราะ คนไปโซลก็เข้าแถวปนๆกันไป เจ้าหน้าที่ก็ไม่ประกาศบอก รู้อีกทีตอน ถึงเคาเตอร์ “ไฟล์ทโซล เช็คอิน 5 ทุ่ม ครึ่งนะคะ” แล้วที่เสียเวลาต่อคิวมาคืออะไร ????
อ้อ...แล้วหลังจากนั้น 1วัน ได้ข่าวแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่น เรานี่นึกถึงวันเช็คอิน หวังว่าคนที่เห็นหน้ากันในวันนั้นคงปลอดภัยทุกคนนะคะ.....
พอได้เวลาเช็คอินของไฟล์ทโซล ในขณะที่ต่อแถวเช็คอินก็ได้เจอเพื่อนร่วมเดินทางค่ะ เป็นครอบครัว พี่สาว น้องชาย พาแม่ไปเที่ยว เค้าไปกับทัวร์ค่ะ เลยคุยกัน ขากลับกลับไฟล์ทเดียวกัน เลยคุยกันว่าเดี๋ยวมาดูกันว่าไปเองกับทัวร์ต่างกันยังไง....พอเช็คอินเสร็จก็จะได้ใบ เข้า-ออก ประเทศไทยมา1 ใบ เราต้องกรอกรายละเอียดให้เรียบร้อยก่อนเดินผ่านตม.เข้าไปใน Gate (พกปากกาไปด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องไปหายืม เราพกไป แต่ไม่ได้เช็คไส้ข้างใน ปรากฏว่าหมึกมันขาดออกจากกัน เขียนไม่ทันเสร็จเหลือแค่เซ็นชื่อ มันก็ไม่ติด เลยไปขอยืมผู้หญิงคนนึง มากับเพื่อน 3 คน เกรงใจ้ เกรงใจ แต่ก็ขอบคุณนะคะ.....พอผ่าน ตม.(เดี๋ยวนี้ใช้สแกนแล้วนะคะ ไม่แสต๊มป์ เหมือนเมื่อก่อนแล้ว) ก็เป็นด่าน x-ray กระเป๋าและผู้โดยสาร
จากนั้น(เที่ยงคืนกว่าๆ)ก็หลุดไปในโลกของการ ช๊อปปิ้ง โดยส่วนตัวไม่รู้จะซื้ออะไร ก็เลยหาของกินกะว่าจะกินให้อิ่ม(มื้อล่าสุดก็ตอนเที่ยงวัน)ขึ้นเครื่องจะได้หลับ เอาเข้าจริงๆร้านก็ปิดเกือบหมด เลยซื้อเงาะอบแห้งรองท้อง แล้วก็เข้าห้องน้ำไปนั่งรอหน้า Gate ด้วยอาการ เบลอๆ ง่วงๆ (ปกตินอนไม่เกิน 4 ทุ่ม) หาโน่นนี่ทำไม่ให้หลับ โชคดีที่ที่เรานั่งรอเป็นครอบครัวที่มีเด็กน้อย ก็เลยวุ่นวายนิดๆ ทำให้ไม่ง่วง พอGate เปิด ลงไปตรวจตั๋ว ตรวจ passport จุดนี้ เงียบกว่า เกือบหลุดไปเหมือนกัน ดีที่พนักงานต้อนรับบนเครื่อง ทยอยเดินมา หน้าตาดี ๆ ทำให้ตื่นได้ (พนักงานบริการบนเครื่องบินชาย สัญชาติเกาหลี หล่อมาก ในความรู้สึกเรา)
เที่ยวบิน XJ มีพนักงานต้อนรับสองสัญชาติค่ะ คือไทยและเกาหลี ไฟล์ทนี้กัปตันเป็นผู้หญิงนะคะ เก่งด้วยตอนแลนดิ้งที่อินชอน ถือว่าใช้ได้เลย
พอขึ้นเครื่องนั่งประจำที่ก็คาดเข็มขัดเลยค่ะ คิดว่าน่าจะหลับ ที่ไหนได้ ตาสว่างไปตลอดทาง(จะไม่ให้ตาสว่างได้ไง ตอนสาธิตการใช้อุปกรณ์นิรภัย พนักงานชายคนนั้น มายืนสาธิตอยู่เบื้องหน้า เป็นครั้งแรกที่เราดูจนจบ อยากขอดูอีกรอบด้วยซ้ำ นางเป็นคนหน้าตาดี ดูไม่เบื่ออ่า.....)
ตี 3 (ของไทย)ก็เริ่มมีการเสิร์ฟอาหาร ตอนนั้นบอกเลยว่า มึนๆ งงๆ จะเวียนหัวหรือจะเมาเครื่องบอกไม่ถูก 555กินเสร็จ เค้าก็แจกใบเข้าเมืองเกาหลี กับใบสำแดงสิ่งของ ในแคตตาลอกหน้าที่นั่งมีตัวอย่างวิธีเขียนให้ดูค่ะเปิดดูแล้วเขียนตามคำอธิบายได้เลย
เราเขียนผิด คือเลขเจ็ด ตามสากล ต้องเขียน 7 แต่เราไปเติมขีดตรงกลาง เลยจะขอใบใหม่ แล้วกอปร กับ เราเวียนหัวมากตอนนั้นน่าจะจากการไมได้นอน และเค้ายังไม่เดินมาเก็บซากที่เรากินหมดแล้วมันเลยดูวุ่นวาย ก็มีคนข้างๆ หันมาถามว่าช่วยเขียนมั้ย (กล่าวขอบคุณไปอยากบอกว่าเขียนผิด ต้องขอบคุณจริงๆ อีกครั้งนะคะ เพราะตอนนั้นสภาพอาจดูไม่ดีนัก เวียนหัวจริงๆ)
พอเครื่องจอดเจอตัวทางเดินที่เชื่อมระหว่างเครื่องบินกับอาคาร จุดนี้พูดเลย อ้วกจะแตก เดินไปมันก็เหวี่ยงไป ได้ยินคนข้างหลังพูดว่า นี่กูเวียนหัวหรือไอ้นี่มันโยก ... เพื่อนเค้าบอกว่ามันโยกได้ เรานึกในใจ เฮ้อ...นึกว่ารู้สึกไปคนเดียว