“เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา
เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา”
เชื่อว่าเมื่อหลายๆคนได้ยินคำขวัญนี้ตั้งแต่วรรคแรกคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ๆเราจะไปกันในครั้งนี้คือที่ไหนในไทย แน่นอนอยู่แล้ว คงจะเป็นจังหวัดอื่นไม่ได้นอกจาก...จังหวัดตรัง
ตรัง เคยเป็นเมืองท่าการค้าในอดีตมาก่อนและมีการตั้งศูนย์กลางของเมือง 3 ที่ด้วยกัน ตั้งแต่ควนธานี กันตัง และทับเที่ยง ในปัจจุบัน จังหวัดตรังที่เรารู้จักกันคงจะไม่พ้นความโด่งดังของต้นยางพาราที่พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง)นำพันธุ์จากมาเลเซียเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นครั้งแรกจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง อีกอย่างที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของตรังคือของกินที่มี 24 ชั่วโมง(หูวววว) เพราะฉะนั้นเราเลยไม่พลาดที่จะไปตรังเพื่อ กิน กิน และ กิน! อ้ะๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไปกินอย่างเดียว เพราะเรายังได้ท่องเที่ยวกันด้วย
สำหรับทริปนี้เราไปกัน 3 คน ใช้เวลาทั้งหมด 3 วันเช่นกัน ถ้าอยากออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเราแล้วละก็ กายพร้อม ใจพร้อม มาเริ่มกันเลยค่ะ!
- DAY 1 -
หลังจากเก็บกระเป๋า แพคของจนเสร็จตอน 5 โมงกว่าๆเราก็รีบบึ่งกันไปที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ คือโชคดีมากที่รถไม่ติดเพราะถ้าติดไม่ทันแน่ๆเพราะรถทัวร์ออกตอน 1 ทุ่ม แล้วก็ทันเวลาพวกเรารีบขึ้นไปเอาตั๋ว เข้าห้องน้ำ เช็คของให้เรียบร้อยและพร้อมที่จะเดินออกไปชานชลา
รับตั๋วเรียบร้อยค่าาา
แล้วเราก็ออกไปที่ชานชลา แชะภาพรถมาซะหน่อย
แล้วเราก็ขึ้นไปที่รถกันแล้วว สำหรับการนั่งรถทัวร์ครั้งแรก ตื่นเต้นนิดนึงง
อยู่บนรถทัวร์มันมีความพีคอยู่ 2 อย่าง ข่าวดีคือระหว่างทางเพื่อนที่ไปกับเราเนี่ยเป็นคนสมุยแล้วเพื่อนของพ่อเค้ามาทำธุระที่ตรังพอดีก็เลยอาสามาพาพวกเราเที่ยว (ณ ตอนนั้นคือแบบดีใจมากกก เพราะเอาจริงคือตอนไปห่วงเรื่องการเดินทางมากที่สุดเพราะไม่มีใครขับรถเป็นค่าา) ฟีลตอนนั้นคือแฮปปี้และไม่คิดว่าจะมีคนมาคอบดูแลเราแบบนี้ก็ยิ้มกันไปค่ะ แต่อีกเรื่องเนี่ยมันทำให้ยิ้มของพวกเราหุบลงทันใดเพราะว่า... มีคนกรน กรนตลอดเวลา กรนตลอด 12 ชั่วโมงของการเดินทาง กรนแล้วกรนอีก รถพักก็ไม่ตื่น หยุดกรนอีกทีก็ตอนถึงตรัง เห้อออออ แล้วไม่ใช่อะไรคือเรานั่งข้างหน้าเค้าไง T^T นอนแทบไม่หลับ แต่สุดท้ายความอ้างว้างและความมืดของทางบวกกับเพลงที่ดังก้องในหูก็พร้อมใจกันทำให้เราหลับตาลงได้
ตื่นมาอีกทีก็เห็นวิวนี้ซะแล้ว เหมือนกับวาร์ปมาแหนะ
พอรถเข้าขนส่งเราก็ไม่รอช้ารีบไปรับของและไปหาคนที่มารับเรา คือ คุณลุงภัทร และ คุณลุงต้อย ผู้สนับสนุนใจดีของพวกเรานั่นเองค่ะ
คุยกันได้ซักแปป พวกเราก็ออกเดินทางไปจุดหมายแรก อ้ะๆๆ อย่าคิดว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องนั่นเองค่ะพวกเราเลยไปโผล่กันที่ ร้าน "เรือนไทยติ่มซำ"
มีทั้งปาท่องโก๋และติ่มซำให้เลือกเยอะมากกกกกๆ
ร้านเดียวไม่พอค่ะ มื้อเช้าไปต่อกันอีกที่ร้าน "ตรังหมูย่าง" แต่กระเพาะจุจำกัดเลยซื้อมากินบนรถแทน ราคาโลละ 420 พวกเรา 3 คนกินกัน 1 โล เอ้ย! ไม่ใช่ แค่ 2 ขีดก็พอค่ะ มาดูความน่ากินเนื้อนุ่มๆหนังกรอบๆกันดีกว่าา
เอ้ะ แล้วภาพนี้หมูอยู่ไหนคะเนี่ย 55555
กินแล้วก็กินอีก คุณลุงทั้งสองยังพาเราแวะไปที่ร้าน "ขนมเปี๊ยะซอย 9" เพื่อให้ชิมกันก่อน กระซิบบอกว่าร้านนี้คนเยอะจริงๆถ้าไปหน้าร้านจะได้แค่ 1-2 กล่องเท่านั้น ถ้าอยากได้มากกว่านั้นต้องสั่งไว้ค่ะ เราไม่รีรอสั่งกลับบ้านคนละ 2 กล่องหลังจากได้ชิมฟรี ต้องบอกว่าเมนูเด็ดก็คือ ขนมเปี๊ยะไส้เผือกหอม มันอร่อย นุ่ม หอมงาและไม่อมน้ำมันจริงๆ
หมูหลุดค่ะ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ (เค้าต้องการมั้ย? 5555)
พักให้อาหารย่อยกันหน่อย หนังท้องตึง ตาเริ่มหย่อนน ไม่ใช่! มาเที่ยวก็ต้องเที่ยวสิ ไปเริ่มกันที่แรก "สวนสาธารณะพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี"
มีคำขวัญจังหวัดอยู่ด้วย
แล้วเราก็มาไหว้ขอพรเอาชัยกันหน่อยย ตอนแรกก็นึกว่าตาเอียงแต่ไม่ใช่ดูดีๆจะเห็นว่าช้างตัวใหญ่ไม่เท่ากัน
จากนั้นเราก็ไปกันที่ "วงเวียนพะยูน" ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของตรังที่อยู่ตรงข้ามกับ "สวนทับเที่ยง" ตอนนี้ใช้จัดนิทรรศการ 100 เมืองทับเที่ยง ที่มีภาพถ่ายและประวัติความเป็นมาของเมือง
แล้วเราก็เดินเล่นในสวนกันซักพัก แล้วก็คุยกับคุณลุงว่าอยากไปเที่ยวอ.กันตัง และถ้ำเลเขากอบ แต่มันอยู่ห่างกันไม่รู้จะทันมั้ยเพราะเรามีแค่ 1 วันที่จะใช้เที่ยวบนบก คุณลุงยืนยันว่าจะพาไปถ้ำเลเขากอบก่อน อ้ะๆ แสดงว่ามันต้องอเมซิ่งมากแน่ๆ ดังนั้นเราเลยกระโดดขึ้นรถ มุ่งหน้าถ้ำเลเขากอบกันเล้ยย
อีกไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึง เอ้ะแต่ยังไม่ใช่ถ้ำเล แต่คือ "OTOPไม้เทพทาโร"
พะยูนเป็นสัตว์ที่มีความคิ้วท์มากจริงๆ เค้าแกะสลักสวยมากมีให้เลือกซื้อหลายแบบเลยย
เรือสำเภาก็มีนะ
ที่เดียวกันนั้นก็เป็นที่ตั้งของ "ขนมเปี๊ยะปิ้งบ้านพะยูน" จะมีพะยูนตัวใหญ่เป็นแลนด์มาร์คตั้งอยู่ น่าร้าก
แกะก็น่าร้ากกก
หลังจากนั่งพักดื่มน้ำปัสสาวะพอสมควร เอ้ย! ดื่มน้ำและปัสสาวะ 5555 (กระซิบว่าห้องน้ำสะอาดนะ) คราวนี้แหละของจริงง ถึงแล้วว "ถ้ำเลเขากอบ" ถ้ำนี้มันมีอะไรน้าคุณลุงถึงอยากให้พวกเรามา? ถ้ำนี้อยู่ใต้ภูเขาหินปูนมีหินงอกหินย้อยตามธรรมชาติ แล้วยังมีกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นก็คือ การลอดท้องมังกร(??) ใช่แล้วว ฟังไม่ผิดหรอกมันก็คือการที่เรานั่งเรือเหมาลำไปพอถึงจุดที่ผนังถ้ำใกล้จะโป๊ะเชะกับหัวเราแล้วเราก็นอนลง เห้ยแกร คือมันเสียวมากกพอนอนลงแล้วลอดไปตามถ้ำที่ผนังถ้ำชิดกับหน้าเราแค่ 0.1 เซน!! แทบกลั้นหายใจกันเลยทีเดียว ใครอยากทดลองความเสียวเชิญกันได้โดยเช็ควันที่น้ำขึ้นเกือบจะสูงสุดแล้วมาลอด เพราะถ้าน้ำขึ้นสูงสุดก็ลอดไม่ได้นะจ้าาา
ปะ ไปดูรูปกันน
หมูหลุดอีกแล้วว 555
ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่งอกและย้อยเรื่อยๆ อ้ะๆ ข้อสำคัญคือห้ามเอามือไปแตะน้ำหินปูนนะ เพราะจะทำให้มันหยุดงอก (น่าสงสารเจ้าหิน)
หลังจากเราออกมาจากวังวนแห่งความตื่นเต้นนั้นได้เราก็มาต่อกันที่ "วังเทพทาโร" คืออะไรน้าา ไปดูกันเลย
ไปลอดท้องมังกรกันอีกรอบจริงๆมี 9 ช่อง ไปลอดกันให้ครบนะคะ
ศาลาจวงหอม ไว้ให้เรานั่งพักมีน้ำให้ดื่มฟรีด้วยย
แต่นแต๊นนน ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือออ...
ใหญ่จริงๆค่ะ ดูสิหมูเหลือตัวนิดเดียวว 5555
มีมังกรเมอร์ไลอ้อนด้วยยย
เที่ยวเสร็จก็บ่ายสองกว่าๆแล้ววกองทัพเริ่มหิวเราเลยพักยกด้วยร้าน "บัลโคนี" เป็นร้านตามสั่ง ห้องแอร์ ราคาไม่แพงมากและอร่อย ขอบอกว่าเครปมะม่วงอร่อย มาร้านนี้อย่าพลาดกันนะคะ งั่มมๆ แต่เหมือนเราหิวกันจนลืมถ่ายรูปเอาไว้แต่เอาเป็นว่าต้องลองซักครั้ง 555
[CR] [CUCT] PART 1: เมื่อฉันไม่ได้มา 'ต รั ง' เพียง 'ล ำ พั ง'
เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา”
เชื่อว่าเมื่อหลายๆคนได้ยินคำขวัญนี้ตั้งแต่วรรคแรกคงไม่ต้องสงสัยเลยว่าที่ๆเราจะไปกันในครั้งนี้คือที่ไหนในไทย แน่นอนอยู่แล้ว คงจะเป็นจังหวัดอื่นไม่ได้นอกจาก...จังหวัดตรัง
ตรัง เคยเป็นเมืองท่าการค้าในอดีตมาก่อนและมีการตั้งศูนย์กลางของเมือง 3 ที่ด้วยกัน ตั้งแต่ควนธานี กันตัง และทับเที่ยง ในปัจจุบัน จังหวัดตรังที่เรารู้จักกันคงจะไม่พ้นความโด่งดังของต้นยางพาราที่พระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง)นำพันธุ์จากมาเลเซียเข้ามาปลูกในประเทศไทยเป็นครั้งแรกจนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญชนิดหนึ่ง อีกอย่างที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของตรังคือของกินที่มี 24 ชั่วโมง(หูวววว) เพราะฉะนั้นเราเลยไม่พลาดที่จะไปตรังเพื่อ กิน กิน และ กิน! อ้ะๆๆ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไปกินอย่างเดียว เพราะเรายังได้ท่องเที่ยวกันด้วย
สำหรับทริปนี้เราไปกัน 3 คน ใช้เวลาทั้งหมด 3 วันเช่นกัน ถ้าอยากออกเดินทางไปพร้อมกับพวกเราแล้วละก็ กายพร้อม ใจพร้อม มาเริ่มกันเลยค่ะ!
- DAY 1 -
หลังจากเก็บกระเป๋า แพคของจนเสร็จตอน 5 โมงกว่าๆเราก็รีบบึ่งกันไปที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ คือโชคดีมากที่รถไม่ติดเพราะถ้าติดไม่ทันแน่ๆเพราะรถทัวร์ออกตอน 1 ทุ่ม แล้วก็ทันเวลาพวกเรารีบขึ้นไปเอาตั๋ว เข้าห้องน้ำ เช็คของให้เรียบร้อยและพร้อมที่จะเดินออกไปชานชลา
รับตั๋วเรียบร้อยค่าาา
แล้วเราก็ออกไปที่ชานชลา แชะภาพรถมาซะหน่อย
แล้วเราก็ขึ้นไปที่รถกันแล้วว สำหรับการนั่งรถทัวร์ครั้งแรก ตื่นเต้นนิดนึงง
อยู่บนรถทัวร์มันมีความพีคอยู่ 2 อย่าง ข่าวดีคือระหว่างทางเพื่อนที่ไปกับเราเนี่ยเป็นคนสมุยแล้วเพื่อนของพ่อเค้ามาทำธุระที่ตรังพอดีก็เลยอาสามาพาพวกเราเที่ยว (ณ ตอนนั้นคือแบบดีใจมากกก เพราะเอาจริงคือตอนไปห่วงเรื่องการเดินทางมากที่สุดเพราะไม่มีใครขับรถเป็นค่าา) ฟีลตอนนั้นคือแฮปปี้และไม่คิดว่าจะมีคนมาคอบดูแลเราแบบนี้ก็ยิ้มกันไปค่ะ แต่อีกเรื่องเนี่ยมันทำให้ยิ้มของพวกเราหุบลงทันใดเพราะว่า... มีคนกรน กรนตลอดเวลา กรนตลอด 12 ชั่วโมงของการเดินทาง กรนแล้วกรนอีก รถพักก็ไม่ตื่น หยุดกรนอีกทีก็ตอนถึงตรัง เห้อออออ แล้วไม่ใช่อะไรคือเรานั่งข้างหน้าเค้าไง T^T นอนแทบไม่หลับ แต่สุดท้ายความอ้างว้างและความมืดของทางบวกกับเพลงที่ดังก้องในหูก็พร้อมใจกันทำให้เราหลับตาลงได้
ตื่นมาอีกทีก็เห็นวิวนี้ซะแล้ว เหมือนกับวาร์ปมาแหนะ
พอรถเข้าขนส่งเราก็ไม่รอช้ารีบไปรับของและไปหาคนที่มารับเรา คือ คุณลุงภัทร และ คุณลุงต้อย ผู้สนับสนุนใจดีของพวกเรานั่นเองค่ะ
คุยกันได้ซักแปป พวกเราก็ออกเดินทางไปจุดหมายแรก อ้ะๆๆ อย่าคิดว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องนั่นเองค่ะพวกเราเลยไปโผล่กันที่ ร้าน "เรือนไทยติ่มซำ"
มีทั้งปาท่องโก๋และติ่มซำให้เลือกเยอะมากกกกกๆ
ร้านเดียวไม่พอค่ะ มื้อเช้าไปต่อกันอีกที่ร้าน "ตรังหมูย่าง" แต่กระเพาะจุจำกัดเลยซื้อมากินบนรถแทน ราคาโลละ 420 พวกเรา 3 คนกินกัน 1 โล เอ้ย! ไม่ใช่ แค่ 2 ขีดก็พอค่ะ มาดูความน่ากินเนื้อนุ่มๆหนังกรอบๆกันดีกว่าา
เอ้ะ แล้วภาพนี้หมูอยู่ไหนคะเนี่ย 55555
กินแล้วก็กินอีก คุณลุงทั้งสองยังพาเราแวะไปที่ร้าน "ขนมเปี๊ยะซอย 9" เพื่อให้ชิมกันก่อน กระซิบบอกว่าร้านนี้คนเยอะจริงๆถ้าไปหน้าร้านจะได้แค่ 1-2 กล่องเท่านั้น ถ้าอยากได้มากกว่านั้นต้องสั่งไว้ค่ะ เราไม่รีรอสั่งกลับบ้านคนละ 2 กล่องหลังจากได้ชิมฟรี ต้องบอกว่าเมนูเด็ดก็คือ ขนมเปี๊ยะไส้เผือกหอม มันอร่อย นุ่ม หอมงาและไม่อมน้ำมันจริงๆ
หมูหลุดค่ะ มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ (เค้าต้องการมั้ย? 5555)
พักให้อาหารย่อยกันหน่อย หนังท้องตึง ตาเริ่มหย่อนน ไม่ใช่! มาเที่ยวก็ต้องเที่ยวสิ ไปเริ่มกันที่แรก "สวนสาธารณะพระยารัษฎานุประดิษฐมหิศรภักดี"
มีคำขวัญจังหวัดอยู่ด้วย
แล้วเราก็มาไหว้ขอพรเอาชัยกันหน่อยย ตอนแรกก็นึกว่าตาเอียงแต่ไม่ใช่ดูดีๆจะเห็นว่าช้างตัวใหญ่ไม่เท่ากัน
จากนั้นเราก็ไปกันที่ "วงเวียนพะยูน" ซึ่งเป็นสัตว์สัญลักษณ์ของตรังที่อยู่ตรงข้ามกับ "สวนทับเที่ยง" ตอนนี้ใช้จัดนิทรรศการ 100 เมืองทับเที่ยง ที่มีภาพถ่ายและประวัติความเป็นมาของเมือง
แล้วเราก็เดินเล่นในสวนกันซักพัก แล้วก็คุยกับคุณลุงว่าอยากไปเที่ยวอ.กันตัง และถ้ำเลเขากอบ แต่มันอยู่ห่างกันไม่รู้จะทันมั้ยเพราะเรามีแค่ 1 วันที่จะใช้เที่ยวบนบก คุณลุงยืนยันว่าจะพาไปถ้ำเลเขากอบก่อน อ้ะๆ แสดงว่ามันต้องอเมซิ่งมากแน่ๆ ดังนั้นเราเลยกระโดดขึ้นรถ มุ่งหน้าถ้ำเลเขากอบกันเล้ยย
อีกไม่ถึงชั่วโมงเราก็มาถึง เอ้ะแต่ยังไม่ใช่ถ้ำเล แต่คือ "OTOPไม้เทพทาโร"
พะยูนเป็นสัตว์ที่มีความคิ้วท์มากจริงๆ เค้าแกะสลักสวยมากมีให้เลือกซื้อหลายแบบเลยย
เรือสำเภาก็มีนะ
ที่เดียวกันนั้นก็เป็นที่ตั้งของ "ขนมเปี๊ยะปิ้งบ้านพะยูน" จะมีพะยูนตัวใหญ่เป็นแลนด์มาร์คตั้งอยู่ น่าร้าก
แกะก็น่าร้ากกก
หลังจากนั่งพักดื่มน้ำปัสสาวะพอสมควร เอ้ย! ดื่มน้ำและปัสสาวะ 5555 (กระซิบว่าห้องน้ำสะอาดนะ) คราวนี้แหละของจริงง ถึงแล้วว "ถ้ำเลเขากอบ" ถ้ำนี้มันมีอะไรน้าคุณลุงถึงอยากให้พวกเรามา? ถ้ำนี้อยู่ใต้ภูเขาหินปูนมีหินงอกหินย้อยตามธรรมชาติ แล้วยังมีกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นก็คือ การลอดท้องมังกร(??) ใช่แล้วว ฟังไม่ผิดหรอกมันก็คือการที่เรานั่งเรือเหมาลำไปพอถึงจุดที่ผนังถ้ำใกล้จะโป๊ะเชะกับหัวเราแล้วเราก็นอนลง เห้ยแกร คือมันเสียวมากกพอนอนลงแล้วลอดไปตามถ้ำที่ผนังถ้ำชิดกับหน้าเราแค่ 0.1 เซน!! แทบกลั้นหายใจกันเลยทีเดียว ใครอยากทดลองความเสียวเชิญกันได้โดยเช็ควันที่น้ำขึ้นเกือบจะสูงสุดแล้วมาลอด เพราะถ้าน้ำขึ้นสูงสุดก็ลอดไม่ได้นะจ้าาา
ปะ ไปดูรูปกันน
หมูหลุดอีกแล้วว 555
ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่งอกและย้อยเรื่อยๆ อ้ะๆ ข้อสำคัญคือห้ามเอามือไปแตะน้ำหินปูนนะ เพราะจะทำให้มันหยุดงอก (น่าสงสารเจ้าหิน)
หลังจากเราออกมาจากวังวนแห่งความตื่นเต้นนั้นได้เราก็มาต่อกันที่ "วังเทพทาโร" คืออะไรน้าา ไปดูกันเลย
ไปลอดท้องมังกรกันอีกรอบจริงๆมี 9 ช่อง ไปลอดกันให้ครบนะคะ
ศาลาจวงหอม ไว้ให้เรานั่งพักมีน้ำให้ดื่มฟรีด้วยย
แต่นแต๊นนน ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือออ...
ใหญ่จริงๆค่ะ ดูสิหมูเหลือตัวนิดเดียวว 5555
มีมังกรเมอร์ไลอ้อนด้วยยย
เที่ยวเสร็จก็บ่ายสองกว่าๆแล้ววกองทัพเริ่มหิวเราเลยพักยกด้วยร้าน "บัลโคนี" เป็นร้านตามสั่ง ห้องแอร์ ราคาไม่แพงมากและอร่อย ขอบอกว่าเครปมะม่วงอร่อย มาร้านนี้อย่าพลาดกันนะคะ งั่มมๆ แต่เหมือนเราหิวกันจนลืมถ่ายรูปเอาไว้แต่เอาเป็นว่าต้องลองซักครั้ง 555
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น